Beranda / วาย / อลวนกวนเลิฟ / ตอนที่ 5.1 แรกพบประสบภัย

Share

ตอนที่ 5.1 แรกพบประสบภัย

Penulis: babybearry
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-08 23:26:04

เสียงตวาดดังขึ้นด้านหลัง เรียกสติของน่านฟ้าให้กลับมาได้เป็นอย่างดี เมื่อครู่เขากำลังช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ใจดวงน้อยเต้นรัวเหมือนตีกลอง ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากหลบไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น จากความรู้สึกกลัวพลันเปลี่ยนเป็นความโกรธ คนตัวเล็กรีบลุกออกจากรถแล้วใช้ที่ค้ำยันไว้ ก่อนจะหมุนตัวรุดเดินไปหาเจ้าของเสียงนั่น

“คุณนั่นแหละขับรถภาษาอะไร!?”

“นี่มันถนนสำหรับชุมชนสัญจรไปมา ไม่ใช่สนามแข่งรถ! ซื้อใบขับขี่มารึไงฮะ” เสียงทุ้มตวาดกลับไปอย่างไม่ยอมเช่นกัน ถ้าในมือมีใบสั่ง เขาจะเขียนแล้วแปะใส่หน้าผากหมอนี่ให้ซึมเข้าสมองไปเลย

“เฮอะ ลื้อใช้จมูกมองทางเอาตาฟังเสียงหรอ? ถึงไม่ได้ยินเสียงรถอั๊ว” ร่างสูงตอบกลับคนตัวเล็กตรงหน้า เฟยหลงชี้นิ้วใส่ชายหนุ่มผมบลอนด์ด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวหลุบมองด้วยความเหนือกว่า

“ทุกคนเขาต้องมาคอยฟังเสียงรถคุณแล้วสุ่มดวงเลี้ยวซ้ายขวารึไงกัน”

“ดูสิ่งที่คุณทำ” น่านฟ้าชี้นิ้วไปยังรถที่จอดนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ตะแกรงหน้าพังยับ ล้อหน้าเบี้ยวไปด้านข้าง ข้าวของตกกระจายบนพื้นดิน “ทำรถผมเสียหายแบบนี้จะรับผิดชอบยังไง?”

“อ๋ออ ที่พูดมาทั้งหมดคืออยากได้เงินว่างั้นเถอะ”

ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าสวยของอีกคน พลางใช้ลิ้นดันกระพุงแก้ม

“นิสัยพวกคนจนสินะ”

พลั่ก!

“โอ๊ย! นี่ลื้อต่อยอั๊วหรอ?” มือหนายกขึ้นเช็ดเลือดข้างมุมปาก สีหน้าฉายแววขุ่นเคืองอย่างปิดไม่มิด “รู้ไหมว่าอั๊วเป็นใคร!?”

ต่อยมาได้ นี่มือคนหรือค้อนปอนด์วะ

“ใช่ ผมต่อยคุณ และก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าคุณเป็นใคร”

ปากไม่ดีโดนแบบนี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

“ปากดีไปเถอะ อย่าให้รู้แล้วกันว่าลื้อเป็นใคร”

แม้ว่าจะอยากสวนกลับคืน แต่ดูจากสารรูปฝ่ายตรงข้ามแล้วก็กลัวจะไม่ได้ฟื้นอีกเลย อีกอยางเขาเองก็ไม่อยากมีปัญหากับใครตอนนี้ด้วย เมื่อเห็นว่าคุยไปก็เสียเวลาเปล่า เฟยหลงจึงตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับไปที่รถตนเอง ทว่ากลับถูกมือเรียวของคนด้านหลังดึงแขนเอาไว้ก่อน

“จะหนีไปไหน แล้วรถของผมล่ะ?” น่านฟ้าขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์อย่างแรง

“นั่นมันก็เรื่องของลื้อ” เฟยหลงสะบัดแขนออกจากการกอบกุม ซ้ำยังแสดงท่าทีรังเกียจราวกับอยู่ใกล้โคลนโตมเสียอย่างนั้น ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมา

“อยากได้เงินนักใช่ไหม อยากได้ก็เอาไป!”

ธนบัตรสีเทาจำนวนหลายใบปลิวว่อนอยู่บนอากาศก่อนจะตกลงบนพื้น ชายร่างสูงหันหลังรุดเดินไปขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้กลางทาง ชายหนุ่มผมบลอนด์มองการกระทำของอีกคนด้วยความโกรธ เพียงแค่นั้นยังไม่พอ เจ้าของซูเปอร์คาร์คันหรูยังลดกระจกสีดำทึบลง แล้วตะโกนใส่คนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนเหม่อราวกับสติหลุดออกจากร่าง ด้วยถ้อยคำที่ขัดกับหน้าตา

“เหม็นกลิ่นคนจนเว้ย!”

เมื่อพูดเสร็จรถหรูก็วิ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ทิ้งไว้เพียงแค่ละอองฝุ่น

น่านฟ้าลอบก่นด่าอีกคนใจ เขาไม่เคยเจอใครนิสัยแย่และห่วยแตกเท่านี้มาก่อนเลยสาบาน และไอ้หมอนี่จะต้องถูกจดชื่อลงบัญชีหนังหมาอย่างแน่นอน!

น่านฟ้าก้มเก็บเงินบนพื้นยัดใส่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง เสียดายเงินหรอกนะถึงเก็บ เขาไม่ได้เห็นแก่เงินเลยจริง ๆ ดวงตากลมสวยเหลือบมองรถที่จอดเป็นผักเน่าก็ได้แต่ลอบถอหายใจ

สภาพแบบนี้อย่าว่าแต่ขับเลย เข็นไปก็ไม่รู้จะถึงบ้านตอนไหน

มันน่าโมโหนัก อย่าให้เจออีกก็แล้วกัน!

มือเรียวล้วงหยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรหาน้องชายทันที ระยะทางของถนนเส้นนี้ห่างจากบ้านเขาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง รอไม่นานรถกระบะคันสีเทาก็ขับมาจอดเทียบ บานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของคนขับ

“เชี่ย! ทำไมรถแม่เป็นงี้อะพี่”

คนอายุน้อยกว่ารีบวิ่งเข้ามาดูพี่ชายด้วยความเป็นห่วง

“พี่แค่… หักรถหลบหมาบ้าก็เท่านั้น”

คนตัวเล็กพยายามเน้นตรงคำว่าหมาบ้าชัด ๆ เพราะหมาตัวนี้มันบ้าจริง

“หมาบ้า? แถวนี้มีด้วยหรอพี่”

“ถามมากน่า รีบเอาของพวกนี้ขึ้นไปเก็บไว้หลังรถก่อนเร็ว”

น่านฟ้าตอบปัดอย่างขอไปที เพราะถ้าให้เล่าแล้วมันจะยาว ของในมือถูกส่งไปให้น้องชาย น่านน้ำที่กำลังยืนงงก็รับมาอย่างว่าง่าย

รถกระบะคันสีเทาขับเข้ามาภายในไร่อุ่นรัก ก่อนจะตรงไปยังลานจอดรถข้างบ้านหลังใหญ่ ประตูรถทั้งสองด้านถูกเปิดออกทว่าเสียงเครื่องยนต์ยังคงติดอยู่ น่านฟ้าหยิบของด้านหลังแคปออกมาถือไว้เต็มสองมือ น่านน้ำจะเข้าไปช่วยถือก็พลันเห็นรุ่นพี่ที่สอนงานตนเมื่อเช้าเข้าพอดี เด็กหนุ่มชูมือขึ้นสุดแขนพร้อมตะโกนเรียกอีกคนดัง ๆ

“พี่อ่ำ ๆ มาช่วยผมยกรถลงหน่อยพี่!”

เจ้าของชื่อหันไปตามที่มาของเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กคนเมื่อเช้าก็รีบเดินเข้าไปหา อ่ำเดินไปเปิดฝาท้ายออก เมื่อเห็นสภาพรถที่ผิดแปลกจากปกติก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ “โห รถเป็นไรครับเนี่ย เยินเลย”

“พี่ฟ้าบอกหมาวิ่งตัดหน้ารถ ดีนะไม่หลบลงทุ่งข้างทาง”

เด็กหนุ่มยื่นปากทั้งยังเพยิดหน้าไปทางพี่ชาย

รตรีได้ยินเสียงของลูกชายทั้งสองก็เร่งเดินออกมา ใบหน้ามีความเป็นห่วงและกังวลเจือปน เธอปรี่เข้าไปจับตามตัวเพื่อสำรวจดูว่ามีบาดแผลตรงไหนรึเปล่า “เป็นยังไงบ้างลูก บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

“ฟ้าไม่เป็นไรครับแม่ ยังดีที่ของพวกนี้ไม่กระจายออกจากถุงซะก่อน ไม่งั้นฟ้าจะตามไปถลกหนังหมาตัวนั้นแน่” แม้ใบหน้าจะเปื้อนรอยยิ้มส่งให้ผู้เป็นแม่ ทว่าภายในใจกลับลอบก่นด่าหมาบ้าตัวนั้น

“เรานี่นะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถือว่าฟาดเคราะห์แล้วกันนะลูก”

รตีลูบศรีษะนุ่มลื่นของน่านฟ้าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะถอนสายตาหันไปมองลูกชายอีกคน “เอาจอดไว้ตรงนั้นก่อนก็ได้ลูก ไว้แม่จะให้ช่างเขาเอารถมายกไปซ่อมที่ร้าน ขอบใจมากนะจ๊ะอ่ำ”

“ไม่เป็นไรครับคุณนาย มีอะไรเรียกใช้ผมได้ตลอดเลยครับ”

อ่ำตอบรับเจ้านายด้วยท่าทีอ่อนน้อม ชายหนุ่มค้อมหัวให้หญิงวัยกลางคน ก่อนจะหันไปโบกมือลาเด็กหนุ่มด้านข้าง “ไว้เจอกันใหม่นะน้องน้ำ”

“ไว้เจอกันครับพี่อ่ำ” น่านน้ำโบกมือตอบรับ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วน้ำขึ้นไปอยู่บนห้องนะแม่” เมื่อมองผู้เป็นแม่ก็อดเหลือบมองพี่ชายไม่ได้ เด็กหนุ่มเห็นว่าในมือของพี่ชายเต็มไปด้วยถุงหิ้วจากตลาด ขายาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปคว้าถุงมาถือเอาไว้แทน “ถือนานน่าจะเมื่อย น้ำเอาไปเก็บไว้ให้แล้วกัน พี่มีอะไรก็คุยกับแม่ต่อเถอะ”

นัยน์ตาสวยมองแผ่นหลังน้องชายที่พึ่งวิ่งเข้าบ้านไป

หนังตาข้างขวาก็กระตุกขึ้นทันที หรือในบ้านของเขาจะมีอะไร....

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 11.1 ไม่เจอกันนานคิดถึงจังเลย

    ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวจากทิศตะวันออก กระทั่งย้ายไปอยู่ตำแหน่งเหนือศีรษะ ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆบดบัง แสงเหลืองอมส้มทอประกายลงมาบนพื้นผิวด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุ ส่งผลให้ชายผิวแทนถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก แต่กลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้ เพราะดูเหมือนตอนนี้ผู้เป็นนายอารมณ์เสียผิดปกติ เฉียบลอบมองชายหนุ่มผิวขาวราวหยวกเป็นระยะ ทว่าเวลาโดนสายตาคมคู่นั้นมองกลับก็รีบเบือนหน้าหนี“เฮ้ย ลื้อเป็นอะไร?” เฟยหลงทนไม่ไหวจึงเอ่ยถาม เขาเห็นอีกคนเดี๋ยวก้มเดี๋ยวเงย เห็นแล้วเวียนหัวหัวแทน “คนนะเว้ยไม่ใช่ปลาทอง มองอยู่ได้”“แหมเสี่ย ถึงจะมองเสี่ยก็ไม่ท้องหรอกน่า”“เดี๋ยวปั๊ด ฮึ่ย” เฟยหลงยกแขนขึ้นทำท่าจะเหนี่ยวใส่อีกคน ก่อนจะเก็บแขนกลับเข้าที่เดิม เขาทำท่างฮึดฮัดเหมือนไม่มีอะไรดั่งใจเลยสักอย่าง“โธ่...วันนี้เสี่ยเป็นอะไร ทำไมใส่อารมณ์แปลก ๆ แล้วไหนจะพาผมมายืนตากแดดตากลมอยู่หลังร้านด้วย เป็นอะไร๊ เป็นอะไร” ถ้าพามายืนหลบแดดเขาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่เล่นยืนอาบแดด เหงื่อไม่ไหลไคลไม่ย้อยก็ให้มันรู้กันไป“อั๊วไม่ได้ใส่อารมณ์”“งั้นแปลว่าเสี่ยมีอารมณ์”“ใช่ เฮ้ย ไม่ใช่!” เฟยหลงหันไปถลึงตาใส่คนด้านข้าง หัวเขา

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 10.2 ที่ทำลงไปเพราะใจสั่งมา

    “เอาน่า รอบหน้าถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะลูก แม่ไม่อยากให้ฟ้ามีปัญหา ดูท่าแล้วคงเป็นลูกคนมีสตางค์แน่นอน” รตีทำหน้าเป็นกังวลอยู่กลาย ๆ เธอเพียงเป็นห่วงลูกชายว่าจะโดนทำร้าย ทุกวันนี้เงินมันมีค่ามากกว่าความเป็นคนเสียอีก“ครับแม่ ฟ้าเองก็ไม่อยากมีปัญหาหรอกครับ” ยิ่งคนมีสตางค์แต่ไม่มีสติแบบหมอนั่น ไม่รู้ว่ารอดมาถึงทุกวันนี้แบบครบ32ประการได้ยังไงข้าวจ้าวมองเพื่อนสนิทแล้วก็พูดขึ้นมาแทบจะทันควัน นาน ๆ ทีจะได้พูดแซวกลับบ้าง เพราะส่วนมากเป็นเขาที่โดนแซวเสียมากกว่า จังหวะดี ๆ แบบนี้ข้าวจ้าวจะพลาดได้อย่างไรเล่า “โบราณว่าเกลียดอะไรระวังได้แบบนั้นนะเว้ย”“อ๋อหรออออ เหมือนแกกับวินใช่ไหมล่ะ”“เหมือนนรกกับสวรรค์อะบอกเลย” ยิ่งคิดภาพว่าจากที่ตีกันมาจู๋จี๋กันมันไม่ได้! ไม่ได้แบบขีดเส้นผ่าชัด ๆ “กูยอมเป็นโสดจนตายดีกว่าได้กับมัน”“จ้า จำคำนี้ไว้แล้วกัน อย่าให้เห็นว่าลับหลังแอบไปนอนกอดกันบนเถียงนาน้อย” น่านฟ้าพูดแซวอีกคนกลับ ขณะเดียวกันก็กอดซบแม่ของตนด้วยท่าทางออดอ้อนน่าเอ็นดู“เรานี่นะ แกล้งน้องไม่พอยังจะแกล้งเพื่อนอีก ดูหน้าหนูจ้าวซินั่น”ใบหน้ายับยู่ยี่ของชายหนุ่มผมแดงเบื้องหน้า สร้างรอยยิ้มให้กับสองแม่ลูกไ

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 9.2 คงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำชาติที่ผ่านมา

    “น้ารตี! ผมเอาแตงโมมาฝากครับ” ข้าวจ้าวชูถุงแตงโมขนาดใหญ่ในมือ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาสองแม่ลูกที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้าน“อ้าวหนูข้าวจ้าว มากับใครจ๊ะ”รตีวางของในมือลง แล้วรับแตงโมมาจากเด็กหนุ่มรุ่นลูก“มาคนเดียวครับ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดี”“น้ากำลังเตรียมทำมื้อเที่ยงพอดีเลย รอเอากลับไปกินที่บ้านด้วยสิจ๊ะ”“จะดีหรอครับ ผมเกรงใจ” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวพลางยิ้มส่งไป“ทำไมจะไม่ดีล่ะลูก ถ้างั้นเดี๋ยวน้าเอาแตงโมไปปั่นมากินเลยดีกว่า” เธอก้มมองแตงโมในมือแล้วระบายยิ้มเล็กน้อย ตามด้วยร่างสันทัดของหญิงวัยกลางคนลุกเดินเข้าไปในบ้าน จึงทำให้บนแคร่เหลือเพียงน่านน้ำแทน“ครับ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะครับ” ข้าวจ้าวทรุดตัวนั่งลงบนแคร่ไม้ไผ่ เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับคนอายุน้อยกว่า มือเรียวได้รูปหยิบตะกร้าสีขาวด้านหน้ามาสานต่ออีกแรง ขณะเดียวกันก็ชวนเด็กหนุ่มคุยไปด้วย “ไงเรา พี่อยู่บ้านรึเปล่า”“ไม่อยู่ครับ พี่ฟ้าไปทำงานในตลาดนู้น”“อ้าว แล้วไปนานรึยัง” พักหลังมาเขาไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนบ่อยเท่าไหร่พอได้ยินข่าวคราวก็ย่อมเกิดความอยากรู้เป็นธรรมดา“พึ่งไปได้สี่วันเอง แล้วพี่มาทำอะไรแถวนี้หรอ?”“พอดีเอาของมาให้คนรู้จัก

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 10.1 ที่ทำลงไปเพราะใจสั่งมา

    ภาพของไร่องุ่นขนาดใหญ่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า เฟยหลงและหงส์หยกเดินตามหลังหญิงวัยกลางคนเข้าไปด้านในไร่ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นองุ่นเรียงรายกันเป็นแถว ผลองุ่นสีเขียวอ่อนตัดกับสีม่วงเข้ม ประกอบกับบนท้องฟ้าประดับด้วยเมฆก้อนเล็ก ๆ สีขาวนวล สภาพอากาศปลอดโปร่งทำให้มองเห็นวิวภูเขาชัดเจน เจ้าของเรือนร่างอรชรกวาดสายตามองทิวทัศน์โดยรอบ ใบหน้านวลฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาของเธอดูสดใสมีชีวิตชีวาเฟยหลงลอบสูดอากาศบริสุทธิ์ นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวหันมองซ้ายขวาด้วยความสนใจ เจ้าของไร่มองทุกอย่างได้อย่างเฉียบขาด ไม่ได้ดีแค่ทำเลโดยรอบ แต่พื้นผิวของดินก็ยังดีอีกด้วย องุ่นทุกต้นนอกจากจะผ่านวิธีการดูแลเบื้องต้นแล้ว ดินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของมัน ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้“เสี่ย” เฉียบเอ่ยเรียกเจ้านายเสียงเบา“เสี่ยดูองุ่นพวกนี้สิ น่ากินทั้งนั้นเลย” ชายหนุ่มผิวแทนว่าแล้วก็จ้องพวงองุ่นที่ย้อยลงมาอย่างไม่วางตา มีแต่ลูกใหญ่ ๆ น่ากินทั้งนั้น คิดแล้วก็อยากเด็ดกินสักลูก ถ้าเป็นองุ่นดองก็ยิ่งน่ากิน จิ้มกับพริกเกลือทีนึงถอดจิตขึ้นสวรรค์ได้เลย“อยากกินก็ซื้อ” เฟยหลงตอบแบบขอไปที ทั้งไม่ได้หันไปมองอีกคนด้วยซ้ำ“แหม เสี่ยจะจ่ายให้เฉี

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 9.1 คงเป็นเวรกรรมมที่ฉันเคยทำชาติที่ผ่านมา

    จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้สองพี่น้องพร้อมกับคู่ขาอย่างเฉียบได้มายืนอยู่หน้าร้านขนส่ง น่านฟ้ายังคงทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ได้สนใจสายตาสามคู่ที่กำลังมองมา เฟยหลงเห็นอีกคนมองข้ามพวกตนเหมือนเป็นวิญญาณพลันรู้สึกฉุนฉิว เขาออกจะโดดเด่นขนาดนี้มองข้ามไปได้ยังไง ตาไม่ถึงจริง!“อีกนานไหม น้องสาวอั๊วรอนานแล้ว” คนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง พร้อมกับวางมาดใส่เป็นนัยน์ว่าให้อีกคนรีบไปได้แล้วน่านฟ้าขมวดคิ้วหันไปมอง ก่อนจะหันกลับไปเช็คของในมือต่อ“ถามไม่ได้ยินรึไง” เฟยหลงยังคงถามย้ำอีกคน“ถ้ารีบมากไม่ไปตั้งแต่เมื่อวานล่ะครับคุณ” ถึงแม้คนตัวเล็กจะยอมตอบกลับไป แต่เขาก็ไม่ได้ผินหน้าขึ้นมองคู่สนทนาเลยสักนิด เสมือนพูดกับอากาศแล้วก็จบลงที่ความเงียบอีกเช่นเคย“นี่!” ร่างสูงราวร้อยเก้าสิบเดินอาด ๆ เข้าไปยืนจังก้าเบื้องหน้าเจ้าของเรือนผมบลอนด์ ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนที่เตี้ยกว่า เขากำลังจะอ้าปากพูดแต่ดันช้ากว่าอีกฝ่าย ที่จู่ ๆ ก็พูดโพล่งออกมา“หลบหน่อย เกะกะ”ชายหนุ่มลูกครึ่งถึงกับกลืนคำพูดลงแทบจะไม่ทัน“เฮีย ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเฮียเลยนะ” ร่างอรชรของหงส์หยกรุดเดินข้ามายืนเทียบข้างพี่ชาย เธอมองผู้เป็นพี่สล

  • อลวนกวนเลิฟ   ตอนที่ 8.2 ครั้งที่สี่นี่ไม่ควร

    “มานี่สิ” ศักดิ์ชัยกระดิกนิ้วเรียกลูกชายพายุลอบถอนหายใจแล้วเข้าไปหาผู้กุมบังเหียนของบ้าน บุคคลที่เขาไม่เคยต่อต้านได้เลยสักครั้ง เมื่อเดินไปถึงชายหนุ่มก็ถูกกดตัวลงกับพื้นจากด้านหลัง เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็นรูปปั้น เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนกระทำแบบนี้“แกบอกว่าฉันขังแกเหมือนกับนกในกรงงั้นหรอ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ” เขาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าลูกชายตนเอง ไม่ได้แยแสหรือสนใจสักนิด ว่าอีกคนจะทำหน้าตายังไง “นกที่โดนขังไว้ในกรง ถ้ามันไม่ตายมันก็ออกไปจากกรงไม่ได้ หรือถ้าเจ้าของมันตาย มันก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี”“เพราะชีวิตของมันถูกกำหนดมาแล้ว... ว่าต้องตายอยู่ในกรงเท่านั้น”“เข้าใจที่พ่อพูดไหมพายุ?”นัยน์ตาคมแดงก่ำ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด ความรู้สึกในใจพังยับเยินไม่เป็นชิ้นดี“ไปแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ ได้เวลาทำหน้าที่ในฐานะลูกชายของฉันแล้ว”“ครับพ่อ...” เขาเค้นเสียงพูดผ่านไรฟันชายหนุ่มร่างแบบบางยืนมองโรงสีขนาดใหญ่ตรงหน้า รถคันใหญ่เทียวเข้าเทียวออกวนเวียนไปมา เขายืนอยู่หน้าทางเข้าได้สักพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกลังเล ราวกับถ้าก้าวขาข้างใดข้างหนึ่งไป จะมีเรื่อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status