จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันทั้งยังเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ต้องมาเจอหน้ากันแทบทุกวันด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง 'น่านฟ้า' ลูกชายเจ้าของไร่องุ่นและ 'เฟยหลง' ลูกชายเจ้าของโรงสีใหญ่ เรียกได้ว่าเจอกันเมื่อไหร่พร้อมใส่นวมขึ้นสังเวียน ขิงก็ราข่าก็แรง เริ่มแรกตีกันแทบตาย พร้อมจดชื่อลงบัญชีหนังหมาทุกวินาที แต่พอได้อิงแอบแนบชิดกลับเกิดความรู้สึกปั่นป่วนขึ้นกับทั้งคู่ เขาคงไม่ได้ชอบคู่กัดของตัวเองเข้าแล้วใช่ไหม?!
View Moreไร่อุ่นรัก เป็นไร่องุ่นที่สองสามีภรรยาอย่างรตีและขุนเขาช่วยกันสร้างขึ้นมา ทว่าพวกเขาต่างต้องแลกหลายอย่างกว่าจะก่อเกิดเป็นไร่องุ่นขึ้นมาได้ เดิมทีรตีเคยเป็นนางงามประจำจังหวัดมาก่อน ฐานะที่บ้านของเธอมีกินมีใช้ไม่ได้ขัดสน ต่างจากขุนเขาที่ต้องคอยอดอยากเพื่อจะได้มีกิน ฐานะทางบ้านค่อนข้างย่ำแย่ จนกระทั่งวันหนึ่งทั้งคู่ได้พานพบกัน ด้วยความจริงใจและความไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา จึงทำให้รตีตกหลุมรักขุนเขา
นานวันเข้าความสนิทสนมของทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขุนเขาเองก็พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนโยนและมองโลกในแง่ดีของรตี ทั้งคู่จึงตัดสินใจคบหาดูใจกัน แต่ความรักก็ไม่ได้หวานชื่นเหมือนดั่งคู่ของคนอื่น ทางบ้านของรตีกีดกันและไม่เห็นด้วย ถ้าจะให้ลูกสาวตนต้องออกไประหกระเหินเดินดิน ใช้ชีวิตยากจนข้นแค้น ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างค้านหัวชนฝา เพราะคิดว่าลูกสาวของตนจะหมดอนาคต
แต่เมื่อเวลาผ่านไปวันต่อวัน เดือนต่อเดือน กระทั่งปีต่อปี เมื่อเห็นว่าทั้งคู่สามารถใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข ก้าวผ่านอุปสรรคและความทุกข์ไปได้ พวกเขาจึงไม่คิดขัดขวางอีกต่อไป แต่ก็ไม่ถึงกับเปิดใจให้ขุนเขาได้อย่างเต็มร้อย
เวลาล่วงเลยไปจนสองสามีภรรยามีลูกชายด้วยกันสองคน คนโตชื่อว่า ‘น่านฟ้า’ ส่วนคนสุดท้องชื่อว่า ‘น่านน้ำ’ พวกเขาถูกเลี้ยงดูด้วยความรักเต็มเปี่ยม ไม่ได้ขาดหรือเกิน ลูกชายคนโตได้ยีนเด่นของแม่มาแทบจะทั้งหมด ส่วนลูกชายคนเล็กกลับได้พ่อมาทั้งหมด ไม่ว่าจะหน้าตาหรือแม้กระทั่งผิวพรรณสีน้ำผึ้ง
เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของพวกเขาสองคน
สายลมเย็นพัดกระทบใบหน้าขาวนวล เรือนผมบลอนด์พลิ้วไหวไปมา แสงแดดอ่อนกระทบลงบนร่างแบบบางที่ไม่สูงและไม่เตี้ย ผิวพรรณขาวผ่องแกมชมพูนิด ๆ เหมือนดั่งผู้ให้กำเนิด น่านฟ้าหลุบตามองของที่กองอยู่เบื้องหน้าตนเอง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
“เอาอะไรอีกไหมพี่ น้ำว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะ”
เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งดูบึกบึนกว่าพี่ชายพูดขึ้น เจ้าตัวถูกปลุกให้ลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่อ้าปากขัน ด้วยเหตุผลที่ว่าจะเอาองุ่นในกระถางไปปลูกลงแปลง แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้ามืดไหม!
“ไม่พอ เพราะพี่จะไม่ได้ปลูกคนเดียว แกเองก็ต้องปลูกด้วย”
“ฮะ ไม่เอาอะ ตอนแรกที่คุยไม่ได้พูดแบบนี้นี่!”
น่านน้ำรีบหันหลังเตรียมเดินหนีพี่ชายจอมบงการ แต่ก็ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเสียเลย มือเรียวขยุ้มเข้าที่หลังคอเสื้อของคนอายุน้อยกว่า ก่อนจะออกแรงดึงให้เจ้าตัวยอมถอยร่นมาหา
“จะไปไหน ถ้าไม่ปลูกพี่จะฟ้องแม่ว่าคืนก่อนแกไปทำอะไรกับพวกไอ้เปี๊ยก”
“อย่านะ! ถ้าแม่รู้น้ำตายแน่” อึก แค่นึกภาพว่าแม่ถือไม้เรียวไปดักรอหน้าโรงเรียนก็เสียวสันหลังแล้ว ว่าแต่พี่ชายเขารู้ได้ยังไงกัน?
“ฮึ แล้วสรุปจะปลูกไม่ปลูก?” เสียงทุ้มเค้นถามแกมบังคับ
ความจริงแล้วเขาเป็นพี่ชายแสนดีคนหนึ่งเลยนะ ยกเว้นเรื่องนี้ที่ปล่อยผ่านไม่ได้ ถ้าวันข้างหน้าน้องชายมีทางเดินของตัวเอง เขาก็จะไม่บังคับ แต่อย่างน้อยมีความรู้เรื่องนี้ติดตัวไว้เป็นวิชาชีพก็ไม่เสียหายสักหน่อย
“ปลูกก็ได้จ้า” น่านน้ำตอบอย่างจำยอมด้วยความเต็มใจ (?) ในเมื่อไม่มีทางเลือกแล้วจะให้เขาเลือกอะไรได้อีก
“เริ่มจากอะไรก่อน” เด็กหนุ่มก้มมองของเบื้องหน้าด้วยสายตางุนงง นิ้วโป้งและนิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่ปลายคางพลางครุ่นคิด เหมือนจะมีถุงปุ๋ย ถุงดิน กับที่พรวนและอื่น ๆ
น่านฟ้า “ผสมดินร่วนปนทรายกับปุ๋ยหมักก่อน พี่จะเอาไปปลูกแปลงท้ายไร่”
เมื่อได้ยินขั้นตอนเบื้องต้น เด็กหนุ่มก็ไม่รีรอรีบย่อตัวลง แล้วทำตามคำพูดของพี่ชาย ทันทีที่เปิดปากถุงออก กลิ่นเอกลักษณ์ก็ตลบอบอวลโชยเข้าจมูกทันที น่านน้ำถึงกับย่นจมูกเบือนหน้าหนี
หลอกลวงผู้บริโภคนี่หว่า!
ไหนรับประกันว่าปุ๋ยหอมออแกนิกไง! นี่มันออแกนิกฟอร์มโคฟาร์มชัด ๆ
“พี่ว่ารอบนี้กลิ่นปุ๋ยแรงไปหน่อยนะ ฮึ ๆ” ริมฝีปากชมพูเม้มเข้าหากัน ก่อนจะเอามือปิดไว้ เพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกไป
คนอายุน้อยกว่าราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม เหลือบมองพี่ชายด้วยหางตา ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้ถึงตาไอ้น้ำคนนี้แล้วกัน!
“เรียบร้อย แล้วยังไงต่อ” ใบหน้าคมคายเหมือนกับพ่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าพี่ชายถือกระถางองุ่นไว้ทั้งสองข้าง เด็กหนุ่มใช้สายตาไล่สำรวจคนตรงหน้า ก่อนจะถอนสายตากลับคืนมา
เหมือนเห็นแม่คนที่สองอยู่รำไร….
“ถ้าเสร็จแล้วก็ถือของตามมานะ เดี๋ยวพี่ถือกระถางไปรอ”
เจ้าของเรือนผมบลอนด์เดินลิ่วนำหน้าไปยังปลายทาง นัยน์ตากระจ่างใสเหม่อมองออกไปข้างหน้า บนใบหน้าไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ ทว่าในใจราวกับคลื่นพายุฝนกำลังก่อตัว เมื่อครู่เขาเห็นหน้าน้องชายซ้อนทับกับใบหน้าของใครคนนึง ที่จากกันไปไกลแสนไกล แบบไม่มีวันหวนคืนกลับมา
ใช้เวลาไม่นาน สองพี่น้องก็เดินมาถึงแปลงขนาดกลางท้ายไร่ ด้านหลังเป็นวิวภูเขาเขียวขจี เต็มไปด้วยต้นหมากรากไม้ตระการตา ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของเขาเลือกที่ทำเลได้ไม่เลวเลย พื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ
“จะเอาลงตรงนี้หรอพี่” น่านน้ำเอ่ยถามพี่ชาย
คนตัวเล็กหลุบตาไล่มองแปลงดินเบื้องหน้า ยังคงว่างเปล่าไร้วัชพืชที่งอกเงยตามธรรมชาติ ก่อนจะตอบกลับไป “อื้อ มันว่างแค่ตรงนี้ก็เอาลงนี่แหละ”
“อย่าเอาวางชิดกันเกินไป ห่างออกมาหน่อย นั่นแหละ”
“ของแกสีดำ ของพี่สีแดง”
เด็กหนุ่มนำองุ่นลงไปปลูกในแปลงพร้อมกับดินที่ผสมมา เขาเกลี่ยผิวดินให้เข้ากัน นัยน์ตาคมหลุบมองเชือกสองสีที่ถือติดมือมาด้วย “ต้องผูกด้วยหรอ?”
“อยากวัวหายแล้วค่อยล้อมคอกรึยังไง” น่านฟ้าตอบกลับด้วยเสียงติดตำหนิ
“จ้า ๆ อีกนิดพี่จะกลายเป็นแม่คนที่สองของน้ำละ แต่ไม่เอาพ่อนะ”
สิ้นประโยคเพียงชั่วครู่ มะเหงกก็เขกลงกลางกระบาลทันที น่านน้ำรีบยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง “โอ๊ย!”
“เดี๋ยวแกจะโดนเนรเทศไปอยู่กับพวกไอ้เปี๊ยกแทน” น่านฟ้าพูดทีเล่นทีจริง แกมขู่น้องชายตนเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขากุมความลับเจ้าตัวเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้คงโดนจับตีจนก้นช้ำแน่
จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้สองพี่น้องพร้อมกับคู่ขาอย่างเฉียบได้มายืนอยู่หน้าร้านขนส่ง น่านฟ้ายังคงทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่ได้สนใจสายตาสามคู่ที่กำลังมองมา เฟยหลงเห็นอีกคนมองข้ามพวกตนเหมือนเป็นวิญญาณพลันรู้สึกฉุนฉิว เขาออกจะโดดเด่นขนาดนี้มองข้ามไปได้ยังไง ตาไม่ถึงจริง!“อีกนานไหม น้องสาวอั๊วรอนานแล้ว” คนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง พร้อมกับวางมาดใส่เป็นนัยน์ว่าให้อีกคนรีบไปได้แล้วน่านฟ้าขมวดคิ้วหันไปมอง ก่อนจะหันกลับไปเช็คของในมือต่อ“ถามไม่ได้ยินรึไง” เฟยหลงยังคงถามย้ำอีกคน“ถ้ารีบมากไม่ไปตั้งแต่เมื่อวานล่ะครับคุณ” ถึงแม้คนตัวเล็กจะยอมตอบกลับไป แต่เขาก็ไม่ได้ผินหน้าขึ้นมองคู่สนทนาเลยสักนิด เสมือนพูดกับอากาศแล้วก็จบลงที่ความเงียบอีกเช่นเคย“นี่!” ร่างสูงราวร้อยเก้าสิบเดินอาด ๆ เข้าไปยืนจังก้าเบื้องหน้าเจ้าของเรือนผมบลอนด์ ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนที่เตี้ยกว่า เขากำลังจะอ้าปากพูดแต่ดันช้ากว่าอีกฝ่าย ที่จู่ ๆ ก็พูดโพล่งออกมา“หลบหน่อย เกะกะ”ชายหนุ่มลูกครึ่งถึงกับกลืนคำพูดลงแทบจะไม่ทัน“เฮีย ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเฮียเลยนะ” ร่างอรชรของหงส์หยกรุดเดินข้ามายืนเทียบข้างพี่ชาย เธอมองผู้เป็นพี่สล
“มานี่สิ” ศักดิ์ชัยกระดิกนิ้วเรียกลูกชายพายุลอบถอนหายใจแล้วเข้าไปหาผู้กุมบังเหียนของบ้าน บุคคลที่เขาไม่เคยต่อต้านได้เลยสักครั้ง เมื่อเดินไปถึงชายหนุ่มก็ถูกกดตัวลงกับพื้นจากด้านหลัง เขานั่งนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็นรูปปั้น เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนกระทำแบบนี้“แกบอกว่าฉันขังแกเหมือนกับนกในกรงงั้นหรอ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ” เขาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าลูกชายตนเอง ไม่ได้แยแสหรือสนใจสักนิด ว่าอีกคนจะทำหน้าตายังไง “นกที่โดนขังไว้ในกรง ถ้ามันไม่ตายมันก็ออกไปจากกรงไม่ได้ หรือถ้าเจ้าของมันตาย มันก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี”“เพราะชีวิตของมันถูกกำหนดมาแล้ว... ว่าต้องตายอยู่ในกรงเท่านั้น”“เข้าใจที่พ่อพูดไหมพายุ?”นัยน์ตาคมแดงก่ำ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด ความรู้สึกในใจพังยับเยินไม่เป็นชิ้นดี“ไปแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ ได้เวลาทำหน้าที่ในฐานะลูกชายของฉันแล้ว”“ครับพ่อ...” เขาเค้นเสียงพูดผ่านไรฟันชายหนุ่มร่างแบบบางยืนมองโรงสีขนาดใหญ่ตรงหน้า รถคันใหญ่เทียวเข้าเทียวออกวนเวียนไปมา เขายืนอยู่หน้าทางเข้าได้สักพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกลังเล ราวกับถ้าก้าวขาข้างใดข้างหนึ่งไป จะมีเรื่อ
ระหว่างนั้นชายหนุ่มทั้งสองก็ได้พูดคุยทำความรู้จักกัน จนกระทั่งถ้วยก๋วยเตี๋ยวเหลือแต่ชามเปล่า น่านฟ้าลุกไปจ่ายเงินพร้อมกับอุดหนุนน้ำส้มคั้นสองขวด เอาไว้ดื่มเวลาทำงานเหนื่อย ๆ เผื่อจะสดชื่นขึ้นมาบ้าง พายุเห็นแบบนั้นก็รีบลุกไปจ่ายเงินแล้วเนียนเดินตามหลังอีกคน ชายหนุ่มตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะทั้งชีวิตเขาไม่ค่อยได้มีเพื่อนเท่าไหร่ แถมเจ้าของเรือนผมบลอนด์ยังพูดคุยกับเขาอย่างเป็นมิตร และไม่ถือตัวอีกด้วย“คุณอายุเท่าไหร่หรอครับ?” พายุก้าวเท้าเดินเลียบข้างอีกคน“จะ26แล้วครับ คุณล่ะ”น่านฟ้าตอบกลับ ขณะเดียวกันก็ก้มหน้านับเหรียญในกระเป๋าตังค์ ขาเรียวยังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง“เท่าคุณเลย ไม่ต้องสุภาพกับผมมากก็ได้นะ คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกัน”“ปกติคุณไม่มีเพื่อนหรอ” คนตัวเล็กเก็บกระเป๋ากลับเข้าถุงกางเกง ใบหน้าสวยเงยหน้ามองคนด้านข้าง เขาไม่ได้ถามเพื่อจะเล่นมุขอะไร แต่เห็นท่าทางตื่นเต้นของอีกคน ก็อดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้พายุเงียบไปชั่วขณะ เขาส่งยิ้มบางเบากลับไปแล้วพูดต่อ“ผมก็ไม่มีจริง ๆ นั่นแหละ ที่บ้านไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่มีเพื่อน”ความจริงก็ไม่เห็นด้วยกับทุกการตัดสินใจของเขาด้วยซ
แสงอรุณส่องสว่างทั่วท้องนภา เข้าสู่เช้าวันใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รตีรีบตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจะไปใส่บาตรในตลาด และเตรียมซื้อของมาไว้ทำแจกจ่ายให้กับคนงานช่วงมื้อเที่ยง ขณะกำลังจัดเตรียมอาหารก็มีแขนคู่หนึ่งยื่นมากอดเธอเอาไว้ ตามด้วยริมฝีปากทาบลงแก้มทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา“เรียบร้อยรึยังครับแม่”“เรียบร้อยแล้วจ้ะ แล้วน้ำตื่นรึยังลูก?”“รายนั้นกำลังแต่งตัวอยู่ครับ ดีที่ปลุกแล้วลุก” น่านฟ้าตอบกลับผู้เป็นแม่“แล้วนี่ลูกหิวไหม อยากกินอะไรรองท้องก่อนรึเปล่า?”“ไม่เป็นไรครับ ฟ้าว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวในตลาดสักชาม”“เอาแบบนั้นก็ได้จ้ะ” เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลูกชายจังหวะที่สองแม่ลูกกำลังยืนสนทนากันอยู่ ทันใดนั้นเสียงตึงตังก็ดังขึ้นมาจากชั้นบนของบ้าน คนอายุน้อยสุดวิ่งลงบันไดมาด้วยความเร็ว สภาพผมเผ้ายังไม่ทันจะได้หวีให้เป็นระเบียบ ซ้ำยังมีหยดน้ำเกาะบริเวณกรอบหน้า“มาแล้ว ๆ พร้อมออกเดินทาง!”“น่านน้ำอย่าวิ่งลงบันได แม่บอกหลายรอบแล้วนะ”รตีหันไปเอ็ดลูกชายคนเล็กของบ้านด้วยเสียงจริงจัง“ขอโทษครับแม่ ทีหลังจะไม่ทำอีกแล้วครับ” น่านน้ำเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างแม่และพี่ชาย เด็กหนุ่มใช้ลูกอ้อนกอดซบเ
ในเวลาเดียวกัน แผ่นหลังแกร่งของใครบางคนกำลังหยุดยืนและจ้องมองมาทางนี้ คิ้วคมเข้มพลันย่นเข้าหากันอัตโนมัติ เหมือนว่าเขาจะเคยเห็นอีกคนมาก่อน ทันใดนั้นภาพวินาทีเฉียดตายเมื่อหลายวันก่อนก็แล่นเข้ามาในหัว ฉายวนซ้ำไปมาจนกระจ่างแจ้ง“เฮ้ยไอ้เฉียบ” เฟยหลงยืนกอดอกหันหน้าไปถามลูกน้องของตน“ครับเสี่ย?”“ลื้อรู้ไหมว่าหัวทองนั่นใคร”“หัวทอง หัวทอง...” เฉียบมองตามที่เจ้านายของตนมอง“อ๋ออ ลูกชายเจ้าของไร่องุ่นใหญ่ครับเสี่ย ชื่อน่านฟ้า ตัวจริงดูดีกว่าที่ได้ยินมาเลยนะครับ หน้าตาก็- อะ อ้าวเสี่ย! รอผมด้วยสิเสี่ย!”เฉียบรีบเดินตามคนตัวสูงที่ทิ้งให้ตนยืนพูดอยู่คนเดียวลำพังเฟยหลงไม่รีรอให้เสียเวลา ชายหนุ่มรุดเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก ขายาวหนั่นแน่นก้าวเดินอย่างองอาจ แสงแดดกระทบบนใบหน้าคมคาย ขับเน้นให้ผิวขาวขึ้นสีชมพูอ่อน เขาทิ้งระยะจากคนตรงหน้าพอสมควร กระทั่งแน่ใจแล้วว่าบริเวณนี้ไม่มีคน“จะรีบไปไหน?”กึ่ก! ร่างแบบบางหยุดชะงักอัตโนมัติ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันทันควันเสียงนี้มัน... เสียงนี้คือเจ้าของชื่อที่เขาจดลงบัญชีหนังหมาอย่างแน่นอน!น่านฟ้าหันกลับไปมองก็ปะทะกับใบหน้าหล่อเหลาเด่นหราอยู่ตรงหน้า จากที่สดใสก
หลังจากวันที่เกิดเรื่อง น่านฟ้าก็ได้เจอกับโจ้รุ่นพี่ที่รู้จัก เขาถูกขอร้องให้มาช่วยทำงานแทน เนื่องจากโจ้ต้องกลับไปดูยายที่ต่างจังหวัดกะทันหัน เถ้าแก่เนี้ยจึงให้เขาหาคนช่วยทำแทนสักระยะ นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้โจ้รีบบึ่งมาหาน่านฟ้าถึงไร่ เพราะรู้จักกันมานานคนตัวเล็กจึงตกปากรับคำขอนั้น ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในสภาพเด็กส่งของดี ๆ นี่เองแล้วไหนบอกให้มาแพ็คของ นี่หลอกมาส่งของชัด ๆ!“มาพอดีเลย ไปส่งของที่ร้านเจ๊หมวยให้หน่อยดิ” เจมส์กวักมือเรียกรุ่นน้องให้เข้ามาหา พร้อมกับเต๊ะท่าใส่ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่หน้าที่ของอีกคนด้วยซ้ำ“ผมไม่ว่าง”“ไม่ว่างอะไร กูยังไม่เห็นมึงทำอะไรเลย”น่านฟ้ามองหน้าอีกคนแล้วลอบถอนหายใจ เขาไม่เคยทำนิสัยแบบนี้ใส่ใครก่อนสักหน่อย แต่ทำไมช่วงนี้ดวงซวยเจอแต่คนนิสัยแบบนี้บ่อยก็ไม่รู้“คิดว่าเป็นน้องไอ้โจ้แล้วจะทำหรือไม่ทำก็ได้งั้นดิ ถุย!” ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แต่เจมส์ยังถุยน้ำลายเฉียดเท้าคนเด็กกว่าอีกด้วย คิ้วเข้มยกขึ้นอย่างสะใจ“ก็ไปทำเองสิครับ กินค่าแรงเหมือนกัน ไม่เห็นออกแรงเท่าคนอื่นเขาเลย”น่านฟ้ายักคิ้วถามกลับอย่างไม่กลัว แล้วทำไมต้องกลัวด้วยล่ะ มีมือมีเท้าเหมือนกัน ข
Comments