หน้าหลัก / LGBTQ+ / อินกินหมี่ / บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (1/6)

แชร์

บทที่ 3 เริ่มหมี่ใจ (?) อ๋อ! เริ่มมีใจ (1/6)

ผู้เขียน: ภุมโม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-21 20:15:15

เดือนแรกของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งในรั้วมหาลัยฯ ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นเรื่องโกหก หมี่ที่ทำการเปิดตัวด้วยความอลังการจากสโลแกนและท่ากระตุกเป้าเขย่าไข่ในวันงานกิจกรรมรับน้องก็มีเพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่มากหน้าหลายตาให้ความสนใจและเข้ามาทำความรู้จักเป็นจำนวนมาก

ซึ่งปรากฎการณ์นี้เจ้าตัวก็ชอบอกชอบใจ เขาคิดไปเองว่าทุกคนเข้าหาเพราะเบ้าหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง แต่ความจริงคือทุกคนเข้าหาเพราะความร่าเริงแจ่มใสและความตลกเฮฮาของหมี่ต่างหาก

อีกด้านหนึ่ง อินที่อยากใช้ชีวิตด้วยความเรียบง่าย สบาย ๆ และไม่อยากเป็นดาวเด่นหรือเป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น กลับไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขตามที่คาดหวังไว้เพราะเหตุการณ์จากวันงานกิจกรรมรับน้องเช่นเดียวกัน

ในทุกวันเด็กหนุ่มจะตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เพื่อออกมายืดเส้นยืดสาย อบอุ่นร่างกายและเริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้มหาลัยฯ เมื่อมาถึงสระน้ำกลางสวนก็พักยืดเหยียดแขนขาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มวิ่งกลับและแวะซื้อมื้อเช้ากลับไปกินที่ห้อง

กว่าจะถึงห้องก็ราว ๆ หกโมงกว่าเพราะต้องรอข้าวอยู่หลายนาที ร้านข้าวมันไก่เจ้านี้คนแน่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง อินเห็นพ่อค้าแม่ค้าหลายคนมาซื้อแบบเป็นห่อหลายสิบเจ้าคงเอาไปขายต่อเลยทำให้รอนาน ระหว่างนั้นก็นั่งพักให้หายเหนื่อยและรอให้เหงื่อแห้ง ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ

ชีวิตในรั้วมหาลัยฯ ของอินถ้าตัดเรื่องที่สาวน้อยใหญ่มาตามกรี๊ดเขากับเรื่องของขวัญที่ใครก็ไม่รู้ชอบซื้อมาฝากออกไป ก็นับว่าเป็นชีวิตที่สงบดี ตื่นเช้าไปวิ่ง กินข้าว ไปเรียน ปีหนึ่งก็เรียนวิชาพื้นฐานทั่วไปไม่ได้เน้นเรียนทักษะกีฬาว่ายน้ำเท่าไหร่ ซึ่งก็ตรงตามที่เด็กหนุ่มคิดไว้

อินเลยทำได้เพียงฝึกตามตารางที่เขียนไว้เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายอยู่เสมอและเขาก็ทำได้ดีมาตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ทว่าการฝึกนี้ยังไม่ได้รวมการฝึกว่ายน้ำในสระเลย ปกติเขาก็ไปใช้บริการสระของศูนย์ฝึกแห่งหนึ่งใกล้บ้านแต่ตอนนี้มาอยู่มหาลัยฯ แล้ว คงต้องไปคุยเรื่องขอใช้สระว่ายน้ำของทางคณะฯ สักหน่อย

ส่วนเรื่องการเรียนทั่วไปในสายชั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง มีทั้งวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไหนจะวิชาสรีระหรือกายภาพนั่นอีกทำเอาเหล่านักศึกษาที่คิดว่าจะหนีมาเรียนพละสบาย ๆ ต้องถอนหายใจกันเป็นว่าเล่นเพราะพวกเขาเผลอหนีเสือปะจระเข้เข้าให้แล้ว

“อ๊ะ กลับมาแล้วเหรอ” เด็กหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงทักทายจากคนตัวเล็กทันที

“อือ กูซื้อข้าวมันไก่มาให้ วันก่อนได้ยินมึงบ่นอยากกิน”

“หาววว อืมม กูไปอาบน้ำแป๊บ” อีกฝ่ายตอบรับทั้งที่ยังไม่ลืมตา ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไป

ทางด้านของหมี่ซึ่งเรียนคณะคหกรรมก็ค่อนข้างหนักกว่าที่คิดเอาไว้ ดูท่าอีกฝ่ายจะเรียนรายวิชาพื้นฐาน เช่น วิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ไม่เข้าหัวเลย กลับมาห้องทีไรมีสภาพหัวฟูทุกที ทว่าวันไหนที่เรียนคาบปฏิบัติคนตัวเล็กขอสู้ตาย ไอ้หมี่คนนี้จะเป็นเชฟอันดับหนึ่งให้ได้!!!

เรียนคหกรรมหนึ่งเดือนก็ได้รู้จักเครื่องครัวที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนแล้วก็มีเพื่อนใหม่สองคน รู้จักกันจากการทำงานกลุ่มในวิชาเรียน ถือเป็นบุญของหมี่แท้ ๆ ที่เพื่อนสองคนนั้นเรียนเก่งและคอยช่วยกันปลุกคนตัวเล็กที่มักจะหลับใหลในคาบเรียนให้ตื่นอยู่เสมอ

หมี่มักเป็นตัวสร้างความสุขให้กับผู้คนรอบข้างแต่ไม่ใช่กับรูมเมทเพราะหนึ่งเดือนนี้เวลาว่างของทั้งคู่แทบไม่ตรงกันเนื่องจากเรียนกันคนละคณะฯ ทำให้เจอกันแค่บางเวลา เช่น ช่วงเช้า ก่อนนอนหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และถึงแม้ว่าจะได้เจอกันบ้างแต่ทั้งคู่ก็แทบไม่ได้คุยกันเลย ทุกครั้งที่กลับถึงห้องต่างคนก็ต่างทำเรื่องของตัวเองอย่างกับอยู่ตัวคนเดียว

“มึง” ขณะที่อินกำลังแกะข้าวมันไก่ใส่จานก็ได้ยินคนตัวเล็กเรียก

“หืม”

“กูเหงา” และแล้วหมี่ก็พูดความในใจออกมาเพราะเขาไม่อยากทนกับสถานการณ์นี้อีกต่อไปแล้ว ขอฉวยโอกาสนี้เปิดหัวข้อสนทนาเลยแล้วกัน

“อะไรของมึงแต่เช้าเนี่ย” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นจนหน้าผากยู่เพราะงงงวยว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร

“ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะเว้ย กลับมาห้องทีไรกูก็รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวอ่ะ กูไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย” คนฟังเริ่มประมวลผลจากคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย เวลาที่คนตัวเล็กเริ่มใช้น้ำเสียงงอแงคล้ายเด็กนั่นแปลว่ากำลังอยากได้อะไรบางอย่าง

“ไม่ชอบแล้วจะให้ทำยังไง” ตอนนี้อินเทน้ำซุปใส่ถ้วยเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอคนกินเนี่ยแหละ

“กูเคยบอกมึงแล้วไงว่ากูชอบพูด แต่หนึ่งเดือนมานี้กูนับคำได้เลยว่าพูดกับมึงไปกี่คำ” เด็กหนุ่มยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ อีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขา ถ้าอยากคุยนักก็คุยสิ ในมหาลัยฯ มีคนให้คุยด้วยตั้งเยอะแยะ

“มึงก็พูดกับเพื่อนในห้องดิ” อินเลยตอบไปตามตรง คณะคหกรรมก็ใช่ว่าจะเด็กน้อยซะหน่อยหรือไอ้หมี่มันไม่พูดกับใครเลย คิดมาถึงตรงนี้ก็กังวลว่าอีกฝ่ายมีเพื่อนบ้างรึเปล่า นอกจากเพื่อนสองคนที่เคยเล่าให้เขาฟัง

“...มันเหมือนกันที่ไหนเล่า ไอ้บ้า...” ทางด้านของหมี่ที่ได้ยินคำตอบจากไอ้ยักษ์ตรงหน้าก็เริ่มโมโหขึ้นมาแต่เพราะอีกฝ่ายอุตส่าห์ซื้อข้าวมันไก่ที่ตัวเองอยากกินมาฝาก เลยไม่อยากโวยวายใส่

“มึงว่าไงนะ” ทว่าพอโดนอินกระตุกต่อมก็เผลอห้ามตัวเองไม่อยู่

“กูบอกว่ามันไม่เหมือนกันโว้ยยย!!!” คนตัวเล็กตะโกนตอบเสียงดังจนอินถึงกับต้องดุเสียงแข็ง มีแค่เรื่องนี้แหละที่เขาอยากให้คนตัวเล็กปรับปรุง การที่อีกฝ่ายงอแง เอาแต่ใจหรือชอบพูดมาก ไม่เป็นปัญหาเท่ากับการโวยวายเสียงดังแบบนี้เลย

“หมี่! บอกว่าอย่าตะโกนไงเกรงใจคนข้างห้องบ้าง” คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุดสำนึกในสิ่งที่ทำลงไป

“เออ ขอโทษ” พูดเสร็จก็นั่งลงตรงที่ประจำและกินข้าวมันไก่ในจาน ตักข้าวเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ ก็เริ่มซักไซ้ต่อ

“แล้วสรุปจะเอายังไง”

“เรื่องอะไร” หมี่หน้าหงิกทันทีพลางนึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายยังใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายใจ แล้วทำไมตัวเองถึงต้องน้อยใจแบบนี้ด้วยนะ

“ก็เรื่องของเราไง”

“เรื่องของเรา อะไรของมึง” อินถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองเพราะกลัวว่าเขาจะเข้าใจคำพูดนั้นคนละความหมายกับที่หมี่อยากสื่อ

“ไอ้อินนี่กูไม่ได้พูดเล่นนะ กูว่าเราต้องหากิจกรรมทำร่วมกันบ้าง แบบเสาร์อาทิตย์ทำขนมกินกัน ไปเดินเล่นตลาดนัด ไม่ก็เที่ยวห้างดูหนังไรงี้ กูว่าแบบนั้นน่าสนุกดีนะ ดีกว่าอยู่ห้องแบบเฉา ๆ เหงา ๆ อ่ะ” เด็กหนุ่มคิดตามข้อเสนอของคนตัวเล็กพลางพยักหน้าเห็นด้วย แต่...

“เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ได้ กูมีนัดสายรหัส”

“มึงพากูไปด้วยได้มั้ย” ดวงตากลมสีน้ำตาลคาราเมลเปล่งประกาย

“มึงเข้าใจคำว่าสายรหัสมั้ยเนี่ย” แต่งานนี้เด็กหนุ่มขอไม่ใจอ่อนและไม่คล้อยตามการออดอ้อนของคนตัวเล็กอีกต่อไป

“ขี้งกว่ะ เลี้ยงกูเพิ่มอีกคนสายรหัสมึงไม่จนหรอก ว่าแต่พี่เค้าพาไปกินอะไรอ่ะ คดห่อกลับมาเผื่อกูด้วยดิ” หมี่พูดพลางทำหน้าบึ้งตึงแถมยู่ปากน่าเอ็นดู ขณะที่อินถึงกับต้องถอนหายใจในความไหลลื่นของคนตัวเล็กพลางคิดว่าอีกฝ่ายกะจะเอาให้ได้สักทางนึงเลยใช่มั้ย

“เหล้า” ว่าแล้วก็ตอบคำถามที่คนตัวเล็กสงสัย ซึ่งคำตอบนั้นทำให้ดวงตากลมของหมี่ต้องเบิกกว้าง

“หะ!ไหนมึงบอกว่านักกีฬาต้องรักษาสุขภาพไม่กินแอลกอฮอล์ไง”

“ปกติกูไม่กินแต่งานนี้คงต้องกิน” หมี่หน้าเหยเกขึ้นมาทันที

“บ้าอำนาจชะมัด ดีนะที่กูไม่ได้มีสายรหัสแบบนั้น” ก่อนที่มือเล็กจะเริ่มจับช้อนตักข้าวมันไก่เข้าปากอีกครั้ง

“หมี่” อินได้ยินแบบนั้นก็กดเสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อของคนตัวเล็กเพื่อปรามไม่ให้อีกฝ่ายพูดจาอะไรเลยเถิดและไม่ให้เกียรติรุ่นพี่ไปมากกว่านี้

“อยู่กับมึงเหมือนมีพ่อคนที่สองเลยว่ะ มันหนักกว่าการมีพี่อีกนะ” เมื่อโดนดุถึงสองครั้งตั้งแต่เช้า คนตัวเล็กก็ได้แต่ขยับปากบ่นอุบอิบเสียงเบา

เด็กหนุ่มส่ายหัวให้อีกฝ่าย หมี่คงไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่มันน่าเอ็นดู น่ามันเขี้ยวขนาดไหน อินก้มมองเวลาในโทรศัพท์มือถือและบอกให้คนตัวเล็กรีบกินข้าว ก่อนที่เขาจะตักข้าวมันไก่คำสุดท้ายเข้าปากไป

“มึงไม่ลืมอะไรแน่นะ กูจะปิดห้อง” เด็กหนุ่มยืนถือกุญแจจ่อลูกบิดประตูห้องไว้และหันไปถามรูมเมท ก่อนจะได้ยินเสียงเล็กแหลมตอบกลับมา

“ปิดเลย กูไม่ลืมอะไรแล้ว...แต่ถึงกูจะลืม กูก็กลับมาเอาได้ป่ะวะ” จะว่าไปก็ถูกตามที่อีกฝ่ายพูด อินเลยอดคิดไม่ได้ว่านี่เขาเผลอทำตัวจู้จี้จุกจิกจนน่ารำคาญอีกแล้วรึเปล่านะ

เมื่อเดินมาถึงชั้นล่างก็เจอกันต์ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสามคนตรงไปขึ้นรถสวัสดิการของมหาลัยฯ เพื่อนั่งไปยังตึกคณะฯ ของตัวเอง และเพราะตึกของหมี่จะถึงก่อนตึกของอิน เจ้าตัวเลยกระชับกระเป๋าสะพายให้แน่นขึ้นเพื่อเตรียมตัวลง

“กูไปก่อนนะ ไว้เจอกันตอนเย็นนน” ขณะที่กำลังจะเดินลงจากรถก็ยังไม่วายหันมาโบกมือลาเด็กหนุ่มอีกด้วย

“อืม” อินที่เริ่มชินแล้วก็ส่งเสียงขานรับในลำคอและนั่งรถไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าตึกคณะฯ วิทย์กีฬา

.

.

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อินกินหมี่   วันแต่งงาน

    ชีวิตของเด็กหนุ่มทั้งสองก็ดำเนินต่อไป ผ่านเรื่องราวสุขทุกข์แต่ก็ยังคงจับมือกันและฝันฝ่าทุกอย่างไปได้จนมาถึงวันนี้ วันที่ทั้งสองคนเรียนจบและเข้ารับปริญญาทุกคนต่างก็มีเป้าหมายและเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือกกันต์เรียนจบช้ากว่าพวกเขาไปหนึ่งเทอมแต่ก็ยังโชคดีที่เด็กหนุ่มขยันและติดตามงานจนเรียนจบมาได้ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางที่เขาเลือกเดินคือการไปทำงานต่างประเทศร่วมกับแม่ เด็กหนุ่มตัดสินใจประกาศปล่อยขายบ้าน ตอนนั้นเองที่หมี่คุยกับพี่ชายของตัวเองว่าอยากให้ช่วยซื้อบ้านหลังนี้ จะได้ย้ายมาอยู่ใกล้ ๆ กันแมนก็กลับไปคิดทบทวนอยู่หลายวันเพราะการย้ายบ้านเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ทั้งการเดินทางและเรื่องการเงิน อีกอย่างตอนนี้เขาไม่ได้เป็นโสดแล้ว ย่อมต้องปรึกษาคนรักท้ายที่สุดแล้วแมนก็ตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้นพร้อมพาแฟนมาอยู่ด้วยกัน หมี่มีความสุขมากที่เห็นพี่ชายมีคนรักที่ดี คนตัวเล็กรู้สึกชอบว่าที่พี่สะใภ้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น พี่กวางทั้งสวยทั้งน่ารัก ทำงานเก่ง นิสัยดีแถมยังชวนหมี่ทำอาหารด้วยกันบ่อยมากซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้หมี่ก็ได้เดินตามเส้นทางของตัวเองเหมือนกัน เขาไปสมัครงานที่ร้

  • อินกินหมี่   วันฮัลโลวีน NC++

    และแล้วช่วงเวลาก็ผ่านพ้นไปจนใกล้จะสิ้นปีอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนก็ใกล้จะจบการศึกษากันแล้ว ทว่ากิจกรรมที่หมี่อยากลองทำร่วมกับอินมาโดยตลอดคือการแต่งตัวในวันฮัลโลวีน“นะ มึงเบ้าหน้าดีจะตาย แต่งตัวคู่กับกูหน่อยไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงออดอ้อนแกมเว้าวอนดังมาจากหมี่“ไม่เอา” อินที่ฟังประโยคนี้มาร่วมสัปดาห์ก็เริ่มรู้สึกท้อใจแทนคนตัวเล็กแต่เขาไม่อยากแต่งตัวแฟนตาซี จะให้ทำยังไงได้“โธ่! ปีหน้าก็เรียนจบกันแล้ว ขอแค่นี้ก็ไม่ได้!” จากการอ้อนก็เปลี่ยนเป็นประชดประชัน ซึ่งแน่นอนว่าคนอย่างอินเหรอจะยอม“เฮ้อ ก็ได้” และใช่ เขายอม“จริงนะ!” หมี่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ สาเหตุที่เขาชวนอินทำกิจกรรมร่วมกันไว้วันนี้เป็นเพราะรู้สึกเบื่อ นี่ถ้าพ่ออาร์มกับแม่ฝันอยู่บ้านคนตัวเล็กคงอ้อนผู้ใหญ่มากกว่าชวนร่างสูงทำอะไรแบบนี้“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” อินที่ตอบตกลงก็พูดต่อ เด็กหนุ่มไม่อยากจะนับเลยว่าเขาพูดไอ้คำว่า ‘แค่ครั้งเดียว’ กับอีกฝ่ายไปกี่ล้านครั้งแล้ว ทว่าหมี่ที่เอาแต่คิดรังสรรเรื่องเครื่องแต่งกายก็ไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย“แล้วเราจะแต่งไปหลอกใครดี” ปากเล็กขยับขอความคิดเห็นจากคนรักด้วยท่าทีตื่นเต้น ต่างจากอินที่คิ้วขมว

  • อินกินหมี่   วันสงกรานต์ NC++

    “ไปเล่นน้ำกันนนนน” หมี่สดใสร่าเริงแต่หัววันเพราะวันนี้เป็นวันสงกรานต์และทางมหาลัยฯ ได้จัดสถานที่สำหรับสาดน้ำไว้ให้นักศึกษาและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง“ไปเปลี่ยนชุด” ทว่าขาของคนตัวเล็กก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงทักท้วงเรื่องเครื่องแต่งกาย“เปลี่ยนทำไม ชุดนี้แหละได้แล้ว” คนตัวเล็กก้มมองชุดที่ตัวเองสวมอยู่ เสื้อยืดสีขาวเนื้อผ้าบางโปร่งโล่งสบาย กางเกงขาสั้นพร้อมลุยน้ำ สายคล้องคอสำหรับใส่มือถือกันเปียกน้ำ อุปกรณ์ก็พร้อมลุยแล้ว จะให้เปลี่ยนทำไม“จะไปเปลี่ยนเองหรือจะให้กูเปลี่ยนให้” แต่อินก็ยังคงยืนยันที่จะให้คนรักไปเปลี่ยนชุด เขาเป็นผู้ชายมากกว่าอีกฝ่ายและรู้ดีว่าชุดนี้มันล่อแหลม อันตรายมากขนาดไหน“กู! ไม่! เปลี่ยน!” หมี่ปฏิเสธเสียงแข็งและดึงดันที่จะใส่ชุดนี้ไปให้ได้ อินที่ทนไม่ไหวก็กำลังจะเอื้อมมือไปคว้าตัวอีกฝ่ายมาเปลี่ยนชุดก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“ไอ้หมี่เสร็จยัง! แห้วรออยู่ข้างล่าง!” ตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงเรียกจากบั๊มดังแทรกเข้ามา“เออ! เพื่อนมารอแล้วเห็นมั้ย รีบไปปป” คนตัวเล็กฉวยโอกาสนี้ดดันร่างสูงของอินตรงไปที่ประตู“ก็ได้” เด็กหนุ่มที่รับรู้ได้ว่าหมี่คงไม่ยอ

  • อินกินหมี่   วันวาเลนไทน์ NC++

    “แห้ว เรามีเรื่องจะปรึกษา” หมี่นั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่เขามีพลางกระซิบกระซาบเสียงเบาเพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องสมุดของทางมหาลัยฯ“เรื่องอะไรเหรอหมี่” หญิงสาวหันมองเพื่อนแสนแสบด้วยสายตาสงสัย“ปกติวันวาเลนไทน์ต้องซื้ออะไรให้คนรักเหรอ ไม่เอาพวกชอกโกแลตหรือของกินนะ” ได้ยินคำถามแล้วแห้วก็ยิ้มอ่อนทันที“ก็ของขวัญทั่วไปแหละ หมี่จะซื้อของให้อินเหรอ”“ใช่ คราวก่อนซื้อกำไลข้อมือไปให้ตอนปีใหม่อ่ะ” คนตัวเล็กพยักหน้างึกงัก ก่อนจะหน้าแดงเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น“ซื้อกำไลให้...แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” นั่นยิ่งสร้างความฉงนให้กับเพื่อนสาว“ก็...ช่างเถอะ แห้วล่ะ วันวาเลนไทน์นี้จะซื้อของให้บั๊มมั้ย” ในเมื่อเขาไม่อยากนึกถึงเรื่องค่ำคืนแลกของขวัญวันปีใหม่ก็มีแต่จะต้องเบี่ยงประเด็นเท่านั้น“เราทำเค้กให้น่ะ” แห้วตอบกลับแกมเขินอายพลางอมยิ้มเล็กน้อย ต่างจากหมี่ที่หน้าซีดหน้าเซียวเป็นไก่ต้ม“เค้กเหรอ ไม่เอาเค้ก!”“หมี่จะตะโกนทำไมเนี่ย เราตกใจหมดเลย” เพื่อนสาวถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะจู่ ๆ คนตัวเล็กก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น“ขะ ขอโทษ คือเรา...เราไม่อยากทำเค้กน่ะ” โอ๊ย! ให้ตายสิ สมองน้อย ๆ ของไอ้หมี่ อย่

  • อินกินหมี่   วันปีใหม่ NC++

    “หมี่ ปีใหม่นี้ไปเที่ยวกันมั้ย” เสียงทุ้มของอินเอ่ยถามคนรักอย่างแผ่วเบา ตอนนี้พวกเขากำลังจัดตกแต่งบ้านเพื่อเตรียมต้อนรับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันนี้“เที่ยวที่ไหน” คนตัวเล็กตอบพลางแปะแผ่น ‘สวัสดีปีใหม่’ ตรงขอบประตูหน้าบ้าน“ไม่รู้ อยากไปไหนรึเปล่า” เด็กหนุ่มตอบแบบขอไปทีเพราะเขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย...แค่อยากลองชวนหมี่ไปเที่ยวเท่านั้น“ขี้เกียจอ่ะ” ตอบเสร็จ คนตัวเล็กก็เท้าสะเอวยืนชื่นชมผลงานของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวลงจากเก้าอี้ที่อินช่วยจับไว้ให้“ไปสวนสนุกมั้ย กูเห็นคนไปกันเยอะเลย”“ร้อนจะตาย ไม่ไป” หมี่หน้ายู่เมื่อคิดถึงสภาพอากาศที่ร้อนระอุขนาดนี้ในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด“แต่กูอยากทำกิจกรรมร่วมกับมึงไง” ดวงตาสีคาราเมลของคนตัวเล็กเบิกกว้าง ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่อีกฝ่ายพูดกับตนแบบนี้“เอ๊ะ? เมื่อก่อนกูเป็นคนพูดคำนี้นะ ทำไมเดี๋ยวนี้กลายเป็นมึงพูดแทนล่ะ” แค่คิดว่าทุกวันนี้ไอ้ยักษ์หลงตัวเองหัวปักหัวปำก็เขินจนตัวบิดเป็นเกลียว“เออน่า สรุปไปมั้ย” อินถามย้ำอีกครั้ง เขารู้ดีว่าตัวเองติดอีกฝ่ายงอมแงมมากแค่ไหนก็ยังใจแข็งไม่พูดออกไป“ไม่ไป” เมื่อได้ยินคนรักปฏิเสธเสียงแข็งก็ทำอะ

  • อินกินหมี่   วันเกิดอิน [6 กันยายน] NC++

    งานวันเกิดของหมี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือน ก็ถึงงานวันเกิดของแฝดอย่างอินและอันต่อ ซึ่งหลายคนเห็นพ้องตรงกันว่าอยากจัดงานเล็ก ๆ แบบเดิม โดยงานนี้จะมัดรวมวันเกิดของกันต์ไว้ด้วยเด็กหนุ่มผิวแทนก็ไม่บ่นอะไรเพราะวันเกิดของเขาถัดไปอีกแค่สามวันเท่านั้น ดีซะอีกที่เขาไม่ต้องทำอะไรเยอะ แค่มาช่วยงานที่บ้านลุงอาร์มป้าฝันก็พอและถึงแม้ว่างานนี้จะไม่มีอันแล้วแต่ทกุคนก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่เสมอ อินรู้สึกดีที่ได้งานวันเกิดปีนี้เขามีคนรักเพิ่มเติมมาด้วยและเขาก็รับรู้ว่าตัวเองมีความสุขมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มยิ้มให้ภาพของแฝดน้องที่ติดอยู่บนฝาผนัง ก่อนจะเดินไปหาหมี่ในครัว“สอนกูทำเค้กหน่อย” เสียงทุ้มของอินขอความช่วยเหลือจากคนรักเด็กหนุ่มคิดมาตั้งแต่งานวันเกิดหมี่แล้วว่าเขาอยากทำเค้กให้คนสำคัญได้กิน แต่ตอนนั้นถ้าบอกให้คนตัวเล็กสอนมีหวังความลับรั่วไหลกันพอดี เลยต้องอุบเงียบเอาไว้ก่อน ทว่าตอนนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ลองแล้ว“หะ? อารมณ์ไหนของมึงเนี่ย” คนตัวเล็กที่กำลังล้างจานอยู่ ถึงกับหันควับมามองหน้าแฟนหนุ่มของตน“กูอยากลองทำเค้กให้พ่อกับแม่กิน” อินตอบอย่างที่ใจคิด ถึงแม้ว่าลึก ๆ แล้วเขาเพียงแค่อยากใช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status