“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสผมย้อนเวลากลับมา เพื่อเลือกทางเดินชีวิตอีกครั้ง หากผมยังรักเฮียเฟยไม่วายคงต้องเจ็บเจียนตายครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้อย่าหวังเลยว่าเฮียจะได้เห็นขาอ่อนผม”
View More“เฮียแรงอีกครับ อ่ะ อ่ะ อ่ะ”
แสงเทียนเอ่ยขอให้คนรักช่วยกระแทกสะโพกเข้าหาในจังหวะแรงกว่าเดิม เพราะคืนนี้เป็นคืนที่เฟยหลงไม่ได้ออกไปไหน ชายหนุ่มตั้งใจจะทำตามคำขอร้องของแสงเทียน คือการอยู่ด้วยกันทั้งคืน แทนเงินทองและของขวัญราคาแพงที่เฟยหลงชอบซื้อให้
“อยากได้แรงขนาดไหนก็ทำเองสิ”
ชายหนุ่มละเอวจากการกระทำของตน แล้วนอนหงายลงบนเตียง โชว์แท่งเนื้อชูชันโดยไม่สนใจอะไร แสงเทียนคลานเข่าเข้าหาและนั่งคร่อมส่วนสำคัญนั้นเอาไว้ เลื่อนช่องทางหลังลงครอบ
ครองแท่งเนื้อนั้นสุดลำในคราวเดียว
“อืม...เสียวชิบ....”
“เสียวไหมครับ?”
“ขย่มสิ ขย่มแรงๆ แบบที่มึงอยากได้ ขย่มเลย”
คนบนร่างจับมือของเฟยหลงมาวางตรงเอวของตัวเอง
ทั้งยังขมิบช่องทางหลัง หวังให้เฟยหลงรู้สึกดีที่สุดและยังเชิดหน้าขึ้นสูง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งของตัวเองบีบบี้จุกนม ราวกับว่าตอนนี้กำลังสวมบทบาทเป็นฝ่ายยั่วยวนอีกฝ่าย และเริ่มขย่มเบาๆ พร้อมทั้งส่งเสียงครางเครือ
“อือ อ๊าส์...เฮียครับ เทียนเสียว”
คนใต้ร่างขบฟันเอาไว้ ใบหน้าบ่งบอกว่ากำลังมีความสุขและเพลิดเพลินกับลีลาสวาท ซึ่งเจ้าของร่างบอบบางเป็นผู้สร้างขึ้น ยิ่งเห็นเฟยหลงมีอารมณ์คนกระทำยิ่งย่ามใจ ก้มตัวลงใช้ปากของตัวเองดูดจุกนมของเฟยหลงบ้าง แต่สะโพกก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว คนนอนหงายยกมือขึ้นลูบหัว และเริ่มสวนสะโพกเข้าหาโดยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันกัน
“อ๊าส์....เฮียใหญ่จังครับ”
“กูรู้ว่ามึงชอบแบบนี้ ร่านนักนะมึง”
เป็นคำด่าที่เจ็บปวดที่สุด มันเหมือนเข็มเสียดแทงใจครั้งแล้วครั้งเล่า จังหวะขย่มของแสงเทียนค่อยๆ ลดลง แต่เฟยหลงกลับเป็นฝ่ายเพิ่มความเร็วและแรงจนร่างกายของคนนั่งคร่อมกระเด้งขึ้นตามแรงที่อีกฝ่ายสวนเอวขึ้นมา นั่นทำให้ความสุขของแสงเทียนกลับพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แก่นกายชูชันกำลังจะหลั่งน้ำรัก เพื่อปลดปล่อยตามธรรมชาติของร่างกาย
“อือ อ๊าส์ อ๊าส์ ”
Trrrrrrrrrr
แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งแสงเทียนรู้ดีว่าคนโทรมาคือใคร
“ทำไมยังไม่นอน”
[เฟยคะ หลินฝันร้ายค่ะ]
แก่นกายของเฟยหลงยังแช่ค้างในร่างกายของคนนั่งคร่อม เพื่อรั้งเฟยหลงให้อยู่ด้วยกันทั้งคืน แสงเทียนจึงยอมทำเรื่องน่าอายโดยการขย่มกายบนแท่งเนื้อของอีกฝ่าย ในขณะที่คนนอนหงายกำลังแสดงความห่วงใยคนในสายอย่างที่สุด
“ฝันร้ายเหรอ ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวจะไปหาตอนนี้แหละ”
แสงเทียนไม่รู้เลยว่าคนในสายคุยอะไรกัน แต่พอกดวางสายคนที่ถูกขย่มเอวเข้าหาก็ดันร่างกายของแสงเทียนออกจนพ้นกาย และรีบลุกขึ้นทันที โดยไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะรู้สึกอย่างไร
“เฮีย...”
ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางเรียกเบาๆ หวังว่าเฟยหลงจะรักษาสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันทั้งคืน แต่อีกคนแทบไม่สนใจด้วยซ้ำ
“หลินฝันร้ายกูต้องไปดู”
แค่ฝันร้ายยังต้องไปดูแล ถ้ามีใครทำให้คุณหลินฮวาเลือดตกยางออก เฟยหลงจะไม่ฆ่าตายเลยหรือ
“หึๆ ”
แสงเทียนหัวเราะขบขันกับตัวเอง มันเป็นเสียงหัวเราะที่น่าสมเพชที่สุด แก่นกายชูชันบ่งบอกความต้องการและพร้อมจะหลั่งน้ำรักออกมา เขาล้มตัวนอนบนเตียง ใช้มือข้างหนึ่งกอบกำแก่นกายของตน และเริ่มชักขึ้นลง น้ำตาสองสายไหลออกทางหางตา และเขาก็ปล่อยให้มันไหลออกมาโดยไม่คิดจะปัดเช็ด
มันเป็นแบบนี้ตลอด ตั้งแต่หลินฮวาแฟนเก่าของเฟยหลง
กลับมา แม้ปากของหลินฮวาจะบอกว่า ตัวเธอกับเฟยหลงไม่มีอะไรกัน แต่การกระทำของคนทั้งคู่ไม่ใช่แบบนั้น
เพี้ยะ!!!
มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มรูปร่างบอบบางผิวขาวอมชมพูยกขึ้นสัมผัสแก้มของตน ซึ่งเมื่อครู่ถูกฝ่ามือของคนรักฟาดลงมาเต็มแรง
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหม? อย่าคิดแตะต้องหลินแม้แต่ปลายเล็บ”
หญิงสาวที่ยืนข้างกายชายหนุ่มมีท่าทีตกใจ เมื่อเห็นว่าแสงเทียนถูกตบหน้าอย่างแรงเพราะตน แต่มันก็เพียงครู่เดียวก่อนใบหน้าตกใจนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นสะใจ
“เทียนยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”
“หึ ก็ที่มึงพยายามจะผลักหลินให้ตกบันไดไง มึงคิดว่ากูไม่เห็นเหรอ มึงมันขี้อิจฉา กูไม่น่าคว้าคนใจแคบอย่างมึงมาเป็นแฟนเลยจริงๆ”
ชายหนุ่มโกรธจนหน้าแดง ขบกรามตัวเองราวกับว่ากำลังระงับความโกรธเอาไว้แล้วแต่ไม่อาจระงับได้ น้ำใสไหลออกมาจากสองตาของแสงเทียน โดยเจ้าตัวไม่คิดจะปัดเช็ด
“เทียนใจแคบไม่พอใจที่เฮียเอาแฟนเก่ามาอยู่ในบ้านทั้งยังคอยเทียวรับเทียวส่งกันตลอด เทียนใจแคบไม่พอใจที่เห็นเฮียกอดกับคุณหลิน ทั้งที่มีเทียนเป็นแฟนอยู่แล้วน่ะเหรอครับ นี่เทียนผิดใช่ไหม?”
“น้องเทียนคะ พี่กับเฟยเราไม่ได้มีอะไรกันเลยนะคะ”
“หยุดตอแหลได้แล้วครับ คุณอยากได้ผู้ชายคนนี้มากใช่ไหม คุณเอากลับไปได้เลย ผู้ชายโง่ๆ แบบนี้ผมไม่เอาให้เป็นเสนียดจัญไรต่อตัวผมหรอก เชิญสมสู่กันได้ตามสบาย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แสงเทียนถูกเฟยหลงตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง ทุกครั้งที่ถูกอีกคนทำร้ายจิตใจเขามักปลอบใจตัวเองว่า เพราะอีกเฟยหลงเครียดจากการทำงาน หรือไม่อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังมีเรื่องรบกวนจิตใจ ทำให้หงุดหงิดง่าย ไม่ว่าจะถูกทำร้ายจิตใจมากเพียงใด แต่พอคิดถึงความดีของอีกฝ่ายก็ทำให้ความผิดนั้นมลายหายไปในทันที แต่ครั้งนี้รอยนิ้วมือสี่นิ้วบนแก้มมันเกินจะรับไหวแล้วจริงๆ
“ถ้ามึงคิดจะออกไป อย่าแตะต้องข้าวของของกูแม้แต่ชิ้นเดียว มึงเอามาเท่าไหร่ก็เอาไปเท่านั้น ออกไปจากที่นี่แล้วมึงจะเป็นตายร้ายดียังไงกูจะไม่รับรู้เรื่องราวของมึงอีก ถือว่าตัดขาดกัน”
เฟยหลงพูดอย่างชัดเจน ข้างกายของเขาตอนนี้มีหลินฮวายืนอยู่ข้างกาย หญิงสาวคล้องแขนชายหนุ่มทั้งยังแสดงสีหน้าตกใจกลัว แสร้งพยายามห้ามไม่ให้เฟยหลงพูดเช่นนั้น
แสงเทียนหันกลับมามองใบหน้าร้ายกาจของชายที่เขารักทั้งหัวใจโดยไม่ได้เอ่ยโต้ตอบ เขาทำเพียงเดินออกมาจากสถานการณ์น่า
อึดอัดใจอย่างเงียบเชียบ ทั้งยังเก็บเสียงร้องไห้ของตนเอาไว้ไม่ยอมให้เล็ดลอดออกมา
สามปีที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้น มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินความคาดหมาย ถึงแม้แสงเทียนจะแอบรักอีกฝ่ายมาเนิ่นนาน แต่ความรักที่มอบให้ก็ไม่อาจใช้ดับถ่านไฟเก่าที่ครุกรุ่นในหัวใจของเฟยหลงได้เลยแม้แต่น้อย
แสงเทียนและเฟยหลงคือคู่รักที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อีกคนคือบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลวราดิเรกสกุลที่ยิ่งใหญ่ ส่วนอีกคนคือลูกแม่ค้าแสนธรรมดา ฐานะอย่าได้คิดเอามาเทียบกัน เขาว่าระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน สามปีของการใช้ชีวิตร่วมกันใช่ว่าจะไม่มีความสุข แต่มันเป็นสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเห็นจะเป็นความทุกข์ตรมขมใจ เพราะเฟยหลงคือตัวพ่อของความเจ้าชู้ ทั้งยังคั่วหนุ่มสาวไม่ซ้ำหน้า แต่ก็ไม่มีใครที่ชายหนุ่มคบได้นาน ส่วนใหญ่น้ำแตกแล้วแยกย้าย หรือไม่ก็ลิ้มรสสักครั้งสองครั้งพอเบื่อก็หาใหม่ ยกเว้นแสงเทียนที่เฟยหลงยกให้เป็นคนรักเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแสงเทียนไม่ใช่คนสำคัญที่สุดของเฟยหลงอีกแล้ว
คฤหาสน์ตระกูลวราดิเรกสกุล กินพื้นที่เกือบสิบไร่ในเขตชานเมือง เพราะความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ ประมุขของบ้านจึงเลือกสร้างอาณาจักรส่วนตัวไว้ที่นี่ บัดนี้มันถูกยกให้เป็นสมบัติของเฟยหลง
เพราะประมุขของบ้านพร้อมด้วยภรรยาเดินทางไปพำนักที่ประเทศจีนเป็นการถาวรเพื่อดูแลกิจการของตระกูล ซึ่งในอนาคตเฟยหลงต้องเป็นผู้ดูแลเพียงผู้เดียว
“นายครับคุณเทียนเก็บข้าวของเสร็จแล้วครับ”
“ช่างมัน กูอยากรู้เหมือนกันมันจะมีปัญญาเอาตัวรอดได้สักกี่น้ำ อย่างดีมันก็คงกลับไปเข็นผักช่วยครอบครัวมันนั่นแหละ”
“แต่นายครับ ท่าทางของคุณเทียนไม่เหมือนทุกทีที่มีปัญหากันนะครับ นายจะไม่ไปขอโทษคุณเทียนสักหน่อย...”
“นี่มึงเป็นห่วงมันมากขนาดนี้เชียวเหรอ กูชักอยากรู้แล้วสิว่ามันให้ท่ามึงยังไง”
ลูกน้องมือขวาที่เฟยหลงไว้ใจกล่าวยังไม่ทันจบ เจ้านายก็โพล่งขึ้นมา ทั้งยังนึกสงสัยถึงท่าทีของลูกน้อง ก่อนที่ชัชชัยจะรีบปฏิเสธและก้มหน้าลงทันที
“ไม่นะครับนาย คุณเทียนคือคนของนายผมไม่บังอาจหรอกครับ”
“ก็ดี เพราะกูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร”
กระเป๋าเดินทางใบเล็กหนึ่งใบ และกระเป๋าเป้สะพายหลัง คือสิ่งที่แสงเทียนใช้บรรจุของใช้ส่วนตัว เขาย่างกรายเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้ด้วยสิ่งของเท่าใด ก็ตั้งใจก้าวออกไปพร้อมสิ่งของเพียงเท่านั้น ข้าวของมีค่ามากมายที่เฟยหลงมอบให้ เขาไม่คิดนำติดตัวไป ด้วยไม่อยากให้ติดค้างเป็นหนี้บุญคุณกัน เพราะบุญคุณของเฟยหลงช่างใหญ่หลวงนัก แม้นอีกฝ่ายจะทำเขาเสียน้ำตาระทมทุกข์ครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่รู้ว่าบุญคุณนั้นลบล้างกันหมดสิ้นแล้วหรือยัง
‘กูเป็นคนช่วยชีวิตมึง ฉะนั้นต่อจากนี้ชีวิตมึงเป็นของกู’
แสงเทียนไม่เคยลืม ทั้งยังตั้งใจว่าจะใช้ทั้งชีวิตดูแลเฟยหลง จึงยินยอมรับความเจ็บปวดด้วยความยินดี
‘ทำไมเมียเฮียน่ารักขนาดนี้ เถียนเถียนของเฮียเฟย’
‘ผมชื่อเทียน ไม่ได้ชื่อเถียน เฮียจำชื่อผมผิดแล้ว’
‘เถียนแปลว่าหวาน เทียนหน้าหวานสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก
เฮียอยากเรียกเถียนเถียนได้ไหม?’
ความทรงจำครั้งอดีตเมื่อแรกรักหวนกลับมา แสงเทียนรักเฟยหลงหมดหัวใจ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนกระทั่งวันนี้ เขายังมั่นใจว่าความรักที่มีให้อีกฝ่ายไม่เคยลดลงสักนิด แต่เมื่อคนสำคัญของ
เฟยหลงกลับมา จึงไม่มีพื้นที่แม้สักตารางนิ้วในคฤหาสน์หลังใหญ่ ให้เขาได้อยู่อย่างเป็นสุข
แสงเทียนหันกลับไปมองคฤหาสน์หลังนี้ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดแสนสาหัส สองขาพาตัวเองเดินจากมา ตั้งใจว่าชั่วชีวิตนี้จะตัดใจจากเฟยหลงให้ได้ในสักวัน เขาตั้งใจใช้ประตูด้านข้างแทนที่จะเป็นประตูใหญ่ เพราะอยากจากไปอย่างเงียบๆ แต่ทว่าการจากไปในครั้งนี้คงไม่เงียบอีกแล้ว
“จะไปแล้วเหรอคะน้องเทียน เฟยบอกให้พี่มาดูว่าในกระเป๋าของน้องเทียนมีอะไรบ้าง เพราะถ้าจะไปก็ควรไปแต่ตัว
ของที่เฟยซื้อให้น้องเทียนไม่มีสิทธิ์แล้วนะคะ”
ใจร้ายมาก แสงเทียนคิดในใจ ก่อนจะยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้า ผู้หญิงซึ่งอยู่ในฐานะแฟนเก่า แต่เฟยหลงกลับให้ความรัก และความห่วงใยมากกว่าคนรักอย่างเขาเสียอีก
“ผมไม่ได้เอาอะไรที่เฮียเฟยซื้อให้ติดตัวมาหรอกครับ ของในกระเป๋าคือ
ของๆ ผม ซึ่งคุณไม่มีสิทธิ์จะแตะต้องมัน”
หลินฮวาไม่ได้เชื่อคำที่แสงเทียนบอก หล่อนเดินเข้าหาทั้งยังพยายามยื้อแย่งกระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กของแสงเทียนมารื้อค้น แต่อีกคนก็ไม่ยินยอม
“คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ สันดานอย่างแกมันไว้ใจได้ที่ไหน”
หลินฮวาเข้ามาแย่งเป้ใบเล็ก ทั้งคู่ต่างออกแรกเพื่อให้ได้ตามความต้องการของตน จนกระทั่งแสงเทียนพลัดตกสระน้ำ ความที่ว่ายน้ำไม่เป็นจึงไม่อาจพยุงตัวให้ลอยคอเพื่อสูดหายใจ
ร่างเล็กของแสงเทียนค่อยๆ จมหายไปต่อหน้าต่อตาของหลินฮวา หญิงสาวมีท่าทีตกใจทำอะไรไม่ถูก ครั้นจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากบอดี้การ์ด ก็เกรงคนอื่นรู้ว่าเป็นความผิดของตน หล่อนจึงทำได้เพียงเดินหนีไป ทิ้งให้แสงเทียนทรมานภายใต้แสงน้ำเยือกเย็นเพียงลำพัง
อากาศในปอดเริ่มหมดลง พร้อมอาการพร่ามัวของสายตา เหนือศีรษะของเขามีประกายระยิบระยับ แขนเล็กๆ พยายามเอื้อมคว้าแสงนั้น แต่ก็ไม่อาจจับต้องได้ พร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆ จมสู่พื้นเบื้องล่าง
‘ทำไมเฮียถึงใจร้ายกับเทียนขนาดนี้ ทำไมเฮียถึงไม่รักเทียน’
‘เฮียเฟยใจร้าย’
‘ถ้าเลือกได้เทียนจะไม่รักเฮียแล้ว จะไม่รักอีกแล้ว’
ราวกับเสียงสะท้อนดังก้องในโสตสัมผัส คงเพราะกำลังจะขาดใจ จึงทำให้แสงเทียนได้ยินเสียงของตัวเองดังก้องซ้ำไปซ้ำมา ราวกับถ้อยคำนั้นเป็นการกล่าวย้ำกับตัวเอง
‘ใช่แล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เทียนจะไม่รักเฮียเฟย
จะไม่ชายตาแลแม้สักนิดเดียว’
เฮือก!!!
ลมหายใจเฮือกสุดท้ายหมดลงพร้อมประกายแสงสว่างจากทุกทิศทางพุ่งตรงเข้ามารายล้อมรอบกายเขา ทั้งยังช่วยพยุงร่างที่กำลังจะสิ้นลมหายใจให้ลอยขึ้น
ภาพทุกอย่างที่แสงเทียนเห็นเหมือนภาพเคลื่อนไหวกำลังเล่นถอยหลัง ภาพที่ถูกเฟยหลงตบหน้า ภาพที่ถูกหลินฮวาผลักตกบันได ภาพของเฟยหลงพาหลินฮวาเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลวราดิเรกสกุล พร้อมทั้งแนะนำให้แสงเทียนรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นในฐานะคนรักเก่า และภาพความสุขที่ได้รับเมื่อครั้งย่างกรายเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้
แสงเทียนปล่อยภาพเหล่านั้นให้มันเลื่อนผ่านไปด้วยใจปล่อยวาง
นี่คงเป็นความรู้สึกของคนกำลังจะตายสินะ
‘เฮียรักเถียนเถียนนะ’
เทียนยิ้มด้วยความเย้ยหยันให้กับภาพของเฟยหลงที่กำลังบอกรักตน ก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัส
“เทียนจะไม่รักเฮียอีกแล้ว”
ร่างกายของแสงเทียนคล้ายถูกฉุดดึงให้พุ่งขึ้นจากสระน้ำเยือกเย็นไปสู่สถานที่หนึ่ง ซึ่งอุณหภูมิของสายน้ำมีความแตกต่างกัน ก่อนที่จะถูกคนผู้หนึ่งเข้าให้การช่วยเหลือ และพาร่างกายอ่อนแรงขึ้นไปยังริมสระน้ำมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่านรังสิต
“เทียนจะไม่รักเฮียแล้ว ไม่รักแล้ว”
“เทียน เทียน ได้ยินเราไหม แสงเทียน”
ไออุ่นตะโกนเรียกเพื่อนรักซึ่งพลัดตกน้ำ และถูกชายหนุ่มสุดฮอตของมหาวิทยาลัยช่วยขึ้นมา แม้จะเรียกเท่าใดเพื่อนรักก็ยังไม่ได้สติเสียที ทั้งยังเพ้อพูดถ้อยคำที่ทุกคนฟังไม่เข้าใจ
“อุ่น เราว่าพาเทียนไปโรงพยาบาลเถอะ”
ทวยเทพบอกกับไออุ่นด้วยความร้อนใจ เมื่อเห็นว่าอาการของแสงเทียนไม่ดีขึ้น ข้างกายของคนหมดสติยังมีรุ่นพี่ปีสี่คณะบริหารนั่งอยู่ข้างกัน เพราะเขาคือคนกระโดดลงไปช่วยแสงเทียนด้วยตนเอง ยังไม่ทันที่ทวยเทพจะอุ้มตัวคนหมดสติขึ้นมา แสงเทียนก็สะดุ้งเฮือกสุดตัว ทั้งยังพูดประโยคหนึ่งออกมาแม้จะไม่ดังนักแต่คนนั่งใกล้ก็ได้ยินมันชัดเจน
“เทียนไม่รักเฮียเฟยแล้ว”
“กูกับมึงรู้จักกันเหรอ คนอุตส่าห์ลงไปช่วยจะขอบใจสักคำยังไม่มี”
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้แสงเทียนตกใจ เพราะเมื่อครู่เขายังเป็นฝ่ายถูกผู้ชายที่นั่งข้างกันในตอนนี้ผลักไสอย่างไม่ใยดี
แต่เหตุใด....ถึงกลับมาตอนนี้ ตอนที่เฟยหลงช่วยชีวิตเขาไว้
“ผมเคยสงสัยถึงสาเหตุที่ทำให้ผมย้อนเวลากลับมา มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนธรรมดาอย่างผมจะมีพลังวิเศษพาตัวเองย้อนกลับมาแก้ไขอดีต แต่ที่ผมย้อนกลับมาอาจเป็นเพราะผมยังติดค้างบางสิ่งบางอย่างกับใครบางคน” แสงเทียนหลับสนิทเพราะใช้เรี่ยวแรงไปมาก เฟยหลงเองก็ไม่ยอมปล่อยแสงเทียนออกจากอ้อมกอด ชายหนุ่มแนบหน้าของตนเข้ากับหน้าผากเนียน ก่อนจะใช้มืออีกข้างเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เปลือกตาสีอ่อนบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยอาการบวมแดง เฟยหลงไล้ปลายนิ้วสัมผัสมันเพื่อปลอบประโลม ก่อนโน้มตัวจุมพิตเปลือกตานั้นอย่างแผ่วเบา รถตู้สีดำทะเบียนประมูลเคลื่อนตัวมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ชัชชัยรีบนำผ้าห่มมาให้เจ้านาย เฟยหลงใช้มันคลุมร่างให้คนร้องไห้จนหลับไป คนตัวเล็กหลับสนิทเมื่อถูกเฟยหลงอุ้มขึ้นชั้นบน และการกระทำนั้นอยู่ภายใต้การจับจ้องของหลินฮวา แม้จะมองใบหน้าคนในอ้อมกอดของเฟยหลงไม่ชัด แต่ก็พอรู้ว่าคือผู้ใด “ป้าเนียมจ๊ะ ป้าเนียม” หนึ่งในสาวรับใช้วิ่งมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ด้วยคนที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงกลับมาแล้ว แม้จะงงอยู่บ้างที่แสงเทียนถูกอุ้มขึ้นชั้นบ
“ผมตัดสินใจกดบล็อกสาย และทุกช่องทางการติดต่อจากเฮียเฟย เมื่อความสำคัญลดลงลูกน้องอย่างคุณชัชที่ทำหน้าที่ดูแลผมก็หายไปด้วย หากเป็นเมื่อก่อนผมคงบุกไปสอบถามความจริงจากปากเฮียเฟย หรือไม่ก็โวยวายเรียกร้องความสนใจ แต่สำหรับชาตินี้ การเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้จากไปแบบเงียบๆ ไม่ต้องสู้รบปรบมือกันให้วุ่นวาย และหากพบคนที่ดีผมก็พร้อมจะให้โอกาสและเริ่มต้นใหม่เสียที” คฤหาสน์หลังใหญ่ดูเงียบเหงาลงถนัดตา เมื่อขาดแสงเทียนไป ป้าเนียมพร้อมสาวใช้พากันบ่นถึงชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในตำแหน่งคนรักของเจ้านาย ตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่แสงเทียนอยู่ที่นี่ คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความมีชีวิตชีวา “คุณเทียนชอบทานแกงจืดแตงกวายัดไส้ เห็นแบบนี้แล้วคิดถึงคุณเทียนนะป้า ป่านนี้จะทานข้าวเช้ารึยังก็ไม่รู้ คุณเทียนเธอไม่ค่อยทานต้องถูกคุณเฟยบังคับให้ทานอยู่บ่อยๆ ตอนคุณๆทั้งคู่อยู่ด้วยกันหนูอดอมยิ้มตามไม่ได้เลยค่ะ” หนึ่งในสาวรับใช้พูดเสียยืดยาว ทั้งยังหยิบถ้วยชามออกมาและจัดวางบนโต๊ะอาหาร สาวใช้อีกคนแสดงสีหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเข้าช่วยงานอีกคน ป้าเนียมเองก็ย
แสงเทียนมาทำงานด้วยใบหน้าไม่ได้แช่มชื่นนัก เพราะตั้งแต่ที่เฟยหลงกลับไป แสงเทียนก็นอนไม่หลับจนกระทั่งสว่างคาตา กาแฟรสขมจึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกเลือกใช้ หวังว่าจะทำให้สดชื่นขึ้นบ้าง “ไงแกหนักเลยเหรอเมื่อคืน ฉันเห็นนะว่าผัวแกมาหา” ทวยเทพเอ่ยเย้าเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าแสงเทียนมีอาการงัวเงียทั้งยังขอบตาดำคล้ำ เหมือนกรำศึกหนักมาทั้งคืน “เก็บปากไว้กินข้าวเถอะเทพ” คนเย้าเพื่อนหัวเราะขำขันเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนกวนอารมณ์เพื่อนได้ ก่อนแยกย้ายประจำตำแหน่งของตัวเอง แสงเทียนใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ ทั้งยังยกกาแฟขึ้นจิบเพราะตัวเขาไม่ค่อยถูกใจรสขมมากนัก “เป็นอะไรทำไมเศร้าจัง” “เปล่า...ไม่มีอะไร เราแค่นอนไม่หลับ” ไออุ่นไม่ได้เซ้าซี้ หญิงสาวทำเพียงตบบ่าแสงเทียนเบาๆ ก่อนแยกย้ายกันทำงาน ช่วงพักกลางวันแสงเทียนโทรหาน้องชายเพื่อแจ้งว่า เย็นนี้จะเข้าไปรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน [งั้นพี่เทียนช่วยแวะซื้อปูม้ากลับมาด้วยได้ไหม เห็นเจ้สวยบ่นมาหลายวันว่าอยากกินยำปูม้า] “
“ผมเฝ้าถามตัวเองว่า สาเหตุที่สวรรค์ให้ผมย้อนเวลากลับมาเพราะอะไรกัน ผมเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับตัวเอกที่ได้สิทธิ์ย้อนเวลากลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีต จากคนที่ถูกเกลียดกลับกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็รุมรัก หรือไม่ก็กลับมาพร้อมอำนาจต่อรองที่ตัวร้ายไม่มีทางเอาชนะตัวเอกได้ แต่กับผมนั้นเหมือนสวรรค์ให้ย้อนกลับมาเพื่อรับความเจ็บปวดอีกครั้ง โดยที่ผมก็เต็มใจ สวรรค์ท่านจะผิดหวังกับการให้ผมย้อนเวลากลับมาไหมครับ? เป็นคำถามที่ผมไม่น่าถาม เพราะตัวผมเองก็ยังผิดหวังกับตัวเองเช่นกัน” วันนี้คือวันเดินทางมาถึงของหลินฮวา เฟยหลงสั่งให้ชัชชัยไปรับหญิงสาวที่สนามบิน เนื่องจากตัวเขาติดประชุมกับคณะกรรมการผู้ถือหุ้น ลูกน้องคนสนิทแปลกใจเมื่อเจ้านายสั่งให้พาหลินฮวากลับไปยังคฤหาสน์ จึงได้ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “นายครับ...ถ้าคุณเทียนรู้ล่ะครับ?” “สั่งอะไรก็ทำตามนั้นไม่ต้องถามให้มากความ” คนรับคำสั่งกำลังจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นประตูเฟยหลงก็รีบเดินตาม และบอกกับลูกน้องว่าจะไปรับหลินฮวาด้วยตัวเอง ส่วนชัชชัยให้นำช่อดอกไม้ไปให้แสงเทียน พร้อมทั้งให้เขียนการ์ดแนบก
“สวัสดีครับ” มันเป็นคำทักทายทั่วไป หากแต่เสียงจากปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจของเฟยหลงสั่นไหวจนไม่อาจนั่งอยู่กับที่ได้อีกแล้ว [เฟย...นี่หลินเอง หลินฮวา/ หลินเอาโทรศัพท์มาพ่อจะคุยเอง] คล้ายโทรศัพท์ของคนปลายสายถูกเปลี่ยนมือไปยังผู้สนทนาคนใหม่ เฟยหลงตั้งใจฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอย่างจดจ่อ [เฟยหลงนี่อาเอง อามีเรื่องจะขอร้อง] “ครับ” [ช่วยดูแลหลินฮวาแทนอาได้ไหม ธุรกิจอาล้ม ตระกูลฝ่ายนั้นไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย...อาไม่ไหวแล้วเฟย] ตระกูลฝ่ายนั้นที่ถูกกล่าวถึงคงหมายถึง ตระกูลที่เสี่ยไช้ยอมส่งบุตรสาวไปแต่งงานด้วย เพื่อหวังว่าจะช่วยอุ้มชูธุรกิจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ ไม่มีใครช่วยใครได้ เพราะตระกูลนั้นมีเพียงชื่อเสียงจอมปลอม “อาไช้ครับ อาต้องสู้สิครับ อาจะกลับไทยตอนไหนผมจะให้คนไปรอรับ” [อาคงไม่กลับไทยอีกแล้ว ฝากหลินฮวาลูกสาวคนเดียวของอาด้วยจะเฟย นอกจากอาแล้วคงมีแต่เฟยเท่านั้นที่พอจะปกป้องหลินฮวาได้] เพราะวงการธุรกิจไม่มีคำว่าให
“ย้ายไปอยู่กับเฮียได้ไหม? เพื่อความปลอดภัยของเถียน” “เฮียเฟย...เทียนถามได้ไหม? ที่ทำแบบนี้เพราะรักรึเปล่า” เฟยหลงถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก เขาไม่ใช่คนชอบโกหก เรื่องที่ออกจากปากล้วนเป็นเรื่องจริง “เฮียไม่อยากบอกเทียนตอนนี้ เพราะหัวใจของเฮียยังมีคนอื่นอยู่ แต่จะรอบอกว่าเฮียรักในวันที่ทั้งใจของเฮียเป็นของเทียน” แสงเทียนดวงตาวูบไหว ก่อนที่น้ำตาเริ่มคลอหน่วย อย่างน้อยเฮียเฟยในชาตินี้ยังทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ซับซ้อนเช่นชาติที่แล้ว “สมมุตินะครับ ถ้าวันนึงคนที่อยู่ในใจของเฮียกลับมา เฮียจะทำยังไงกับเทียน” แสงเทียนถามในเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหากเขายอมย้ายไปอยู่กับเฟยหลง ก็เท่ากับยอมรับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้น แต่หากไม่ยอมไปอยู่กับอีกฝ่ายเอกธาราคงไม่ยอมรามือง่ายๆ “ผู้หญิงคนนั้นอาจสำคัญกับเฮียแต่มันเป็นเรื่องของอดีต หากพบเจอกันผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีทางสำคัญไปกว่าเถียนเถียนแน่นอน” “จำคำนี้ของเฮียเฟยไว้นะครับ ถ้าวันนั้นคุณหลินฮวากลับมาจริงๆ หวังว่าเฮียจะยังจำคำพูดนี้ได้น
Comments