Share

บทที่ 0016

ฉันชี้ไปที่คราบเลือดบนพื้น และบอกว่ามันได้ถูกแก้ไขแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องกลับมาที่หมู่บ้านนี้อีกแล้ว

เมื่อคุณยายหลี่ได้ยินที่ฉันพูด ท่านก็ดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ท่านรีบเข้ามากอดฉันแล้วเรียกฉันว่าแม่หมออะไรทำนองนั้น ทุกคนในหมู่บ้านจะไม่มีวันลืมน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของฉัน แล้วหลังจากนั้นทุกคนในหมู่บ้านค่อย ๆ คุกเข่าลงทีละคนต่อหน้าฉันเพื่อแสดงความขอบคุณ

เมื่อมองดูคนคุกเข่าต่อหน้าก็นึกถึงเมื่อคืนนี้ตอนที่เทพภูเขาสิ้นชีพ ในอดีตพวกชาวบ้านเหล่านั้นก็คงเคยคุกเข่าลงสวดอ้อนวอนขอให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ฝนตกต้องถามฤดูกาล เมื่อคนมีความปรารถนาก็มีการทุ่มเทตามมา แต่เมื่อได้รับตามความปรารถนาแล้ว ก็จะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้มันจบลง ทุกคนล้วนแต่มีความเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น รวมทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ด้วย

ระหว่างทางกลับบ้าน ย่าโทรมาหาฉันแล้วบอกว่าเมื่อครู่แม่หมออิงโทรมา ถ้าฉันทำธุระเสร็จแล้วก็ให้ไปหาเธอสักหน่อย เธอบอกว่ามีบางเรื่องที่อยากคุยกับฉัน

ฉันพึ่งกลับมาจากบ้านแม่หมออิงเมื่อไม่กี่วันก่อน และอีกไม่กี่วันก็ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ช่วงสามสี่วันนี้ฉันอยากนอนอยู่บ้านไม่อยากไปไหนเลย แต่แม่หมออิงก็ถือว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ครึ่งหนึ่งของฉัน ถ้าเธอบอกให้ไป แต่ฉันไม่ไป อาจจะดูเหมือนฉันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีไปหน่อย

ระหว่างทางกลับบ้านฉันก็บอกลาย่าหลี่ และเปลี่ยนเส้นทางไปบ้านแม่หมออิงแทน ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอมีธุระอะไร

คราวที่แล้วฉันไปบ้านแม่หมออิงกับย่า บ้านของแม่หมออิงดูเงียบเหงามาก แต่ไปคราวนี้กลับมีคนที่อยากพบเธอยืนรอต่อแถวอยู่ด้านนอกประตูจนแถวยาวไปไกลมากแล้ว ในบ้านมีแต่เสียงเอะอะโวยวาย เหมือนกับตลาดสดขายผักอย่างไรอย่างนั้น

แม่หมออิงวุ่นอยู่กับการดื่มน้ำพลางจุดธูปเพื่อดูดวงให้กับคนที่มาหาเธอ เธอยุ่งจนสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อบังเอิญเห็นฉันเดินเข้ามา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างราวกับพบผู้ช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากภยันอันตราย เธอรีบหาข้ออ้างใหญ่โต เพื่อลากฉันเข้าไปในห้องนอนของเธอ เธอดื่มน้ำแก้วใหญ่เต็มแก้ว แล้วพูดกับฉันว่า “มาได้สักที เธอต้องช่วยฉันจัดการเรื่องนี้นะ…”

ขณะที่พูดเธอก็เงยหน้าขึ้นมองที่ฉัน ทันใดนั้นก็ทำท่าทางหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอประหลาดใจ และจู่ ๆ ก็บอกให้ฉันโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอ

ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร แต่ฉันก็เอนตัวไปหาเธออยู่ดี

เธอเอื้อมมือมาดึงคอปกเสื้อของฉัน และยื่นหน้าเข้ามาที่คอแล้วสูดสมอย่างแรง “ใครเป็นคนทำรอยสองสามรอยที่คอของเธอ? หลิวหลงถิงเหรอ?”

“มันคืออะไร?” ฉันเอามือลูบที่คอ พลางใช้สายตามองไปรอบ ๆ ห้องหนึ่งรอบ กระจกบานใหญ่สะท้อนให้เป็นภาพที่คอของฉัน มันมีรอยสีแดงเข้มสองสามรอยที่คอ ซึ่งมันคือรอยจูบ

ฉันวางกระจกลงแล้วดึงคอปกเสื้อขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าไม่ตอบคำถามของแม่หมออิง ดูเหมือนว่าแม่หมออิงจะเดาได้เอง และสีหน้าของเธอก็ฉายแววโกรธเคืองเล็กน้อย “ตอนแรกฉันก็บอกแล้วว่าหลิวหลงถิงนั้นไม่ใช่อะไรที่ดีเลย ฉันคิดว่าเขาจะเป็นเทพที่มีความสำรวมมากกว่านี้ เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอแล้วฉันก็ไม่กล้ายุ่ง ตอนนี้ชีวิตเธอถูกพันติดไว้กับเขาแล้ว ในอนาคตทุกอย่างอาจจะรุนแรงเข้าไปอีกก็ได้”

แต่ฉันจะทำยังไงได้อีกล่ะ ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย ฉันจึงถามแม่หมออิงว่าพอจะมีวิธีไหนที่จะสามารถหยุดเขาได้บ้าง ถึงอย่างไรความน่ากลัวที่ถูกหลิวหลงถิงควบคุมตามอำเภอใจแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากลิ้มลองมันแล้ว

“ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี แต่ตอนนี้เธอยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับเขาได้ เธอยังควบคุมเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“แล้วต้องเมื่อไหร่ฉันถึงจะมีความสามารถมากพอสักทีล่ะ?” ฉันถามแม่หมออิง

ดูเหมือนฉันจะพูดถึงประเด็นที่แม่หมออิงสนใจ จู่ ๆ ท่าทางโมโหของเธอก็หายไปในทันที เธอยิ้มและจับมือฉันไว้แน่น “แน่นอนว่าเธอต้องขับไล่ความชั่วร้ายให้คนอื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไงล่ะ แบบนี้ระดับการบำเพ็ญเพียรของเธอก็จะสูงขึ้นไปด้วย ตอนนี้ฉันระงับธุรกิจที่นี้ไปบ้างแล้ว งานมันล้นหลามจนยุ่งมากจริง ๆ หรือเธอจะรับช่วงต่อแทนฉันดีล่ะ? อันที่จริงตอนนี้มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางจัดการกับหลิวหลงถิงหรอกนะ เธอไปนัดบอดหรืออะไรสักอย่างสิ หาผู้ชายมาแต่งงานด้วย แต่ฝ่ายชายต้องเป็นข้าราชการ หรือคนที่นับถือพระพุทธศาสนา คนประเภทนี้จะมีลมปราณที่รุนแรง และไม่แน่อาจจะควบคุมหลิวหลงถิงได้”

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status