ตอนนี้ฉันกับหลิวหลงถิงมากันแล้ว ถ้าจะพูดว่าไม่ช่วยชีวิตคน พวกเราก็พูดไม่ออก แต่ว่าถ้าจะช่วยชีวิตคน พวกเราก็ต้องการคำชี้แนะและตอนนี้อาการบาดเจ็บของหลิวหลงถิงก็ยังไม่หายดี ถ้าเกิดว่ามีการต่อสู้ขึ้นมา ตอนนี้พวกเราก็เป็นฝ่ายที่อ่อนกว่าอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะชนะได้เลยผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าหลิวหลงถิงกำลังลังเลใจอยู่ ก็ไม่สนใจว่าพวกเราจะลำบากแค่ไหน พูดอยู่ตลอดเวลาว่าเห็นพวกเราร่างทรงองค์เทพเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตคอยช่วยเหลือและบรรเทาความทุกข์ แต่ตอนนี้ ลูกชายเธอมีบางอย่างผิดปกติ แต่พวกเรากลับไม่ช่ว
แต่ถ้าหากว่าเทพแห่งคงคาจับฉันในตอนนี้ ฉันก็จะเป็นจุดอ่อนของหลิวหลงถิงได้ จึงรีบทิ้งเชือกในมือของฉัน หันหลังแล้ววิ่งออกไป!แต่ว่ามันก็สายไปเสียแล้ว ในตอนที่ฉันหันหลัง รู้สึกเพียงแต่ว่ามีลดพัดมาที่ด้านหลังของฉันอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่รอให้ฉันมีการตอบสนองเลย มือของฉันถูกจับด้วยนิ้วที่เย็นเฉียบสองสามนิ้ว และร่างกายที่เอนไปข้างหน้าก็กระทบลงไปที่ในเกราะเหล็กเย็นยะเยือก!หน้ากากที่ฉันสวมอยู่ถูกดึงออก และผมยุ่ง ๆ สองสามเส้นที่มีกลิ่นน้ำหอมลอยมาทางใบหน้าของฉัน ฉันลืมตาขึ้นมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า ผ้าคลุม
ในช่วงปีมะเส็งเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ฉันป่วยหนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ และมีไข้สูงตลอดทั้งปี รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ต่อมาในช่วงปลายปีของกลางดึกคืนหนึ่ง ฉันก็สะลึมสะลือขึ้นมาพลันมองเห็นงูสีขาวตัวใหญ่เลื้อยเข้ามาในผ้าห่ม มันค่อย ๆ เลื้อยขึ้นมาตามขาของฉัน เกล็ดงูที่ขรุขระนั้นขูดขาฉัน มันทั้งเจ็บทั้งคันไปหมดฉันกลัวมาก ๆ แต่ก็ไม่กล้าตะโกนออกไป ตลอดทั้งคืนฉันมองดูงูสีขาวตัวใหญ่ที่ยังไม่หยุดก่อกวนใต้ผ้าห่ม จนกระทั่งเช้ารุ่งขึ้น คุณย่าดึงผ้าห่มเพื่อประคองให้ฉันลุกขึ้น แต่พอเปิดผ้าห่มออก กลับได้กลิ่นฉี่ลอยเข้า
ย่าไปที่บ้านแม่หมออิงเป็นเพื่อนฉัน ฉันเดินเข้าไปในบ้านคนเดียว ก่อนจะมองเห็นลูกศิษย์ที่ตามตำนานจะนั่งอยู่หน้าโต๊ะศักดิ์สิทธิ์ที่ปูด้วยผ้าฝ้ายสีแดงและสีเขียวผืนใหญ่ ทรงผมของเธอดัดลอนเป็นหยิกหยักโศก ดวงตาเรียวเล็ก ซึ่งไม่มีอะไรแตกต่างกับคุณป้าทั่ว ๆ ไป แต่ไม่คิดว่ายังไม่ทันได้นั่งลง แม่หมออิงก็เงยหน้ามองมาที่ฉันก่อนแล้ว เธอมองเก้าอี้ว่างข้างหลังฉันอย่างแปลกใจ พลันถามฉันด้วยความสนใจว่า “เจ้าท้องกับงูหรือ?”พอถูกถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็ทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าจะตอบไปอย่างไรดี ในใจรู้สึกเก้อเขินนิดหน
ใครจะยอมเป็นภรรยาให้สัตว์กันล่ะ? แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าจะต้องเลือกสิ่งไหน! อีกอย่างข้างนอกยังมีหนุ่ม ๆ วัยละอ่อนหน้าตาดีอีกตั้งมากมาย ฉันจะไปเลือกแต่งงานกับงูตัวหนึ่งได้อย่างไร?ฉันตัดสินใจเลือกเงื่อนไขที่หนึ่งทันทีและพูดกับแม่หมออิงที่กำลังถูกงูประทับอยู่ในร่างว่า “ฉันจะเลือกเป็นร่างประทับให้กับท่าน เพื่อช่วยท่านในการบำเพ็ญตบะ ขอเพียงแค่ท่านอย่าได้ทำร้ายครอบครัวของฉันอีกเลยนะคะ”แม่หมออิงหรี่ตาลงราวกับรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าอย่าพึ่งคิดจะรังเกียจข้าเลย ห
“แต่....” ยังไม่ทันรอให้ฉันพูดจบก่อน หลิวหลงถิงก็หรี่ตาลงมองมาที่ฉันในทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ที่หากว่าถ้ามีข้อโต้แย้งก็เหมือนรนหาที่ตาย แค่ฉันเห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขา ฉันก็กลัวจนรู้สึกหายใจไม่ออก แต่พอนึกได้ว่าชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองยังอยู่ในมือเขา ต่อให้รู้สึกไม่มีความสุขแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจในเช้าวันต่อมา หลังจากที่ย่าทานอาหารเช้าเสร็จ ท่านก็แวะไปคุยกับเพื่อนบ้าน ส่วนฉันก็นอนอยู่บ้าน ร่างบางสวมชุดนอนเอนตัวอย่างเกียจคร้านอยู่บนโซฟา ในใจก็
หวังหงพูดเหมือนกับว่าฉันไปติดหนี้อะไรเขาไว้เลยฉันรู้สึกไม่สบายใจทันที พลันรีบไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด “ถ้าฉันไม่ใจดีแล้วนายมาหาฉันทำไม ไป ไป ไป นี่ฉันเห็นแกความเป็นเทพบุตรประจำโรงเรียนหรอกนะ ถึงให้นายเข้ามานั่งกินน้ำกินท่าแบบนี้ ไม่อย่างนั้น แม้แต้หน้าประตูหน้าบ้าน ฉันก็ไม่ให้นายเข้ามาหรอกนะ!”“ป๋ายจิ๋ง ทำไมเธอกลายเป็นคนหยาบคายได้ขนาดนี้ล่ะ เธอฟังฉันนะป๋ายจิ้ง...”หวังหงยังคงยืนอยู่ด้านนอกประตูเพื่อจะขอร้องฉัน เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบปิดประตูอย่างเร็ว ฉันขี้เกียจที่จะฟังเขาพูดจาบังคับขู่เข็ญแล้ว
“จริงเหรอ ต่อไปเจ้าจะไม่สร้างปัญหาอีกแล้วใช่มั้ย?” หลิวหลงถิงถามฉันกลับฉันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วตอบว่าฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ฉันจะฟังเขาทุกอย่างได้ยินแบบนั้น หลิวหลงถิงถึงได้ยอมพักยก พลันความเจ็บปวดที่ท้องก็ค่อย ๆ หายไป หลิวหลงถิงยื่นมือมาประคองฉันลุกขึ้นจากพื้น เขายื่นมือมาลูบผมฉันให้เรียบ เหมือนกำลังปลอบโยน แต่คำพูดของเขานั้นทำเอาฉันขนลุกขนพองทันที “เจ้าเจ็บจนหน้าซีดไปหมดแล้ว ถ้ารู้แต่แรกแล้ว เมื่อกี้เจ้าน่าจะเชื่อฟังข้าดี ๆ จะได้ไม่ต้องทนเจ็บขนาดนี้ เจ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกเรา