“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน...เป็นยังไงบ้างสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง” กอหญ้าเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนสาวของเธอนั้นยังทำใจเรื่องแม่ไม่ได้อยู่เป็นแน่
“ก็ยังทำใจยากอยู่ฉันเคยอยู่กับแม่มาแค่สองคนตอนนี้ก็เหลือตัวคนเดียวมันหดหู่บอกไม่ถูก” เมื่อได้รับคำถามจากเพื่อนสาวหญิงสาวก็รู้ว่าเพื่อนของเธอนั้นยังคอยห่วงใยเธออยู่เหมือนเดิมพร้อมบอกกับเพื่อนสาวของเธอด้วยความรู้สึกในตอนนี้ว่าเธอนั้นยังทำใจกับเรื่องที่แม่เธอจากไปไม่ได้สักเท่าไร
“แอ้ๆ”
“ว่าไงจ๊ะ..ทักทายน้าเหรอคนเก่ง” จากที่มีนชญากำลังอยู่ในโหมดซึ้งกับเพื่อนสาวแม่หนูน้อยตัวกลมลูกของกอหญ้าก็ส่งเสียงเรียกมาทางเธอเป็นการทักทาย
“อิ่มเอมแกคุยเก่งมากนี่ขนาดแค่หกเจ็ดเดือนนะส่งเสียงไม่หยุดเลย” กอหญ้าก้มมองลูกสาวของเธอในอ้อมอกพร้อมอมยิ้มเอ็นดูที่ลูกสาวเธอนั้นช่างเป็นคนที่คุยเก่งเสียเหลือเกิน
“ถ้าฉันมีครอบครัวแบบแกก็คงจะดีกว่านี้เนอะ” มีนชญารู้สึกว่าเพื่อนสาวของเธอในตอนนี้นั้นช่างดูมีความสุขเหลือเกินที่มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกอีกอย่างสามีของเพื่อนสาวเธอก็รักเพื่อนเธอมากๆอีกด้วยลูกออกมาก็ยังน่ารักอีกเธออยากเป็นแบบนี้บ้างเสียจริง
“แกอย่าลืมนะว่าแกยังมีฉันแล้วการมีครอบครัวฉันเชื่อว่าสักวันเพื่อนสาวของฉันจะได้เจอคนดีๆแน่นอน” กอหญ้ารู้ว่าเพื่อนสาวของเธอคิดอะไรอยู่เธอรู้ว่าเพื่อนของเธอคิดว่าตัวเองนั้นเหลือตัวคนเดียวหญิงสาวจึงบอกให้เพื่อนเธอรู้ว่ายังมีเธอที่จะคอยอยู่ข้างๆเสมอถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตามและการมีครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างที่มีนชญาอยากมีนั้นเธอคิดว่าคนดีๆอย่างเพื่อนสาวเธอต้องมีคนดีๆเข้ามาในชีวิตและทำให้เพื่อนเธอมีความสุขแน่นอนแค่รอเวลาเท่านั้น
ทั้งสองอยู่คุยกันพักใหญ่จนอิ่มเอมเริ่มงอแงเพราะง่วงนอนกอหญ้าเลยพากลับบ้านอีกอย่างอิทธิพลก็โทรตามลูกกับเมียกลับบ้านอยู่หลายสายทำให้สองสาวที่กำลังคุยกันเพลินต้องแยกย้ายกันไปในที่สุด
10 นาทีต่อมา
“หนูจ๊ะ...ช่วยยายซื้อหน่อยเถอะยายจะเอาเงินไปซื้อข้าว”
“เอ่อ...ตอนนี้หนูมีเงินติดตัวอยู่3000ยายเอาไปซื้อข้าวนะคะหนูไม่เอาล็อตเตอรี่หรอกค่ะ” เมื่อมีนชญากำลังลุกออกจากร้านจู่ๆก็มียายแก่ๆคนหนึ่งเดินหลังค่อมท่าทางเหนื่อยล้ายื่นล็อตเตอรี่จำนวนหลายใบมาให้เธอพร้อมให้เธอช่วยซื้อเพราะว่าจะนำเงินไปซื้อข้าวหญิงสาวเลยควักเงินที่ติดตัวอยู่สามพันบาทแล้วยื่นให้ยายตรงหน้าโดยที่ไม่ขอรับล็อตเตอรี่เพราะเธอไม่ได้ชอบเล่นหวยแต่อยากจะช่วยยายเฉยๆนั่นเอง
“รับไปเถอะถือว่าแลกเปลี่ยนกันขอบคุณมากนะแม่หนูขอให้เจริญๆนะลูก” หญิงชรารับเงินจากหญิงสาวพร้อมยัดล็อตเตอรี่ทั้งหมดใส่ในมือของหญิงสาวเพื่อแลกเปลี่ยนกันพร้อมอวยพรให้หญิงสาวก่อนจะเดินจากไปทันทีด้วยท่าทีที่ดีใจ
“เลขเดียวกันตั้ง10ใบเลยเหรอ” มีนชญาเดินกลับบ้านของเธอพร้อมก้มดูล็อตเตอรี่ในมือไปด้วยเธอเห็นว่ามันเป็นเลขเดียวกันตั้ง10ใบพร้อมอมยิ้มและคิดในใจว่าถ้าจะถูกหวยก็คงถูกหมดแต่ถ้าไม่ถูกก็ไม่มีสิทธิ์ลุ้นเลขอื่นพร้อมยัดล็อตเตอรี่ใส่ในเสื้อคลุมตัวโปรดของเธออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
21.00 น.
มีนชญาทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มพร้อมกับนึกถึงเวลาที่เธอได้เคยนอนกอดแม่แต่วันนี้เธอนั้นกลับต้องมานอนกอดหมอนข้างแทนมันเป็นอะไรที่หดหู่ใจของเธอเหลือเกินพลางนึกถึงครอบครัวของกอหญ้าเพื่อนสาวของเธออีกด้วยหญิงสาวคิดว่าสักวันเธอจะมีครอบครัวที่มีความสุขเหมือนเพื่อนเธอให้ได้จะได้ไม่เหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่แบบนี้
3วันต่อมา
18.00 น.
“ป้าคะผัดไทกุ้งสดจานนึงค่ะ” มีนชญายังมานั่งสั่งผัดไทกุ้งสดร้านเดิมเป็นประจำแทบทุกวันแต่วันนี้บรรยากาศในร้านคึกคักมากกว่าเดิมเพราะมีบรรดาป้าๆคอหวยนั่งจับกลุ่มคุยกัน
“รอแปปนึงนะลูก”
“ค่ะ”
“เป็นไงพี่แจ๋วถูกหวยไหมล่ะงวดนี้”
“พูดแล้วมันเจ็บใจ...ถูกกินน่ะสิ...เดี๋ยวจะเอาแผ่นลอตเตอรี่มาผัดขายแทนผัดไทให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย”
“555555...ใจเย็นๆพี่แจ๋ว”
มีนชญานั่งรอป้าแจ๋วเจ้าของร้านผัดไททำอาหารให้เธออยู่นั้นก็มีเสียงผู้หญิงอีกคนน่าจะอ่อนกว่าป้าแจ๋วไม่กี่ปีตะโกนคุยกับหญิงร่างท้วมที่กำลังผัดเส้นผัดไทอยู่ถึงเรื่องหวยจึงทำให้หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันหวยออกแล้วเธอก็มีลอตเตอรี่ที่หญิงชราเคยมาขายให้เธออยู่
“จริงสิลอตเตอรี่” หญิงสาวนึกออกว่าเลขลอตเตอรี่ของเธอนั้นมันเหมือนกันทั้ง10ใบแต่ก็จำเลขไม่ได้เธอจึงไม่ใส่ใจที่จะคิดต่อเอาไว้ไปตรวจดูที่บ้านก็ได้เพราะเธอไม่ได้พกมันมาด้วย
2 ชั่วโมงต่อมา
มีนชญาเดินเข้ามาในบ้านด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวเพราะเข้าบ้านมาเธอก็เจอแต่ความเงียบแม้จะเปิดทีวีให้มันมีสีสันขึ้นมาแต่เธอก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดี
หญิงสาวนึกได้ว่าเธอจะกลับมาลองตรวจลอตเตอรี่ที่เธอได้มาเสียหน่อยให้พอได้ลุ้นบ้างเผื่อจะถูกสองตัวท้ายให้เธอได้ดีใจเล่น
“เฮ้ยยย” มีนชญาถึงกับตาโตมือถือล่วงผล็อยลงจากมือทันทีเพราะเมื่อเธอหยิบลอตเตอรี่ขึ้นมาหนึ่งใบพร้อมตรวจรางวัลปรากฎว่าเธอนั้นถูกรางวัลที่หนึ่งและใบต่อๆไปก็คงไม่ต้องเชคเพราะเลขมันเหมือนกัน
“อร้ายยยยยยย...รวยแล้วเรา” ตอนนี้มีนชญาแทบไม่อยากเชื่อว่านี่มันจะเป็นความจริงแสดงว่าเธอก็ไม่ต้องไปหางานทำแล้วและก็มีเงินทุนปิดร้านดอกไม้ได้ตามที่เธอฝันเอาไว้แล้วด้วยหญิงสาวกระโดโลดเต้นไปมาในห้องอยู่พักใหญ่เพราะความตื่นเต้น
“มีนอยากให้แม่อยู่ตรงนี้ด้วยจัง” หลังจากที่หายจากอาการตกใจกระโดดโลดเต้นไปพักใหญ่หญิงสาวก็กลับมานั่งลงที่เตียงพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่และคิดว่าหากแม่ของเธอนั้นอยู่ตรงนี้ด้วยก็คงจะมีความสุขไม่น้อยเพราะเงินที่เธอจะได้นั้นมันสามารถต่อยอดและทำให้เธอเลี้ยงแม่เธอได้อย่างสบายไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยแต่ตอนนี้มันก็สายไปเสียแล้ว
ตอนนี้หญิงสาวคิดว่าต้องโทรบอกข่าวดีนี้กับเพื่อนเธอเพื่อบอกข่าวดีเกี่ยวกับตัวเธอและก็เชื่อว่ากอหญ้านั้นจะยินดีกับเธออย่างมากแน่ๆ
“เรื่องทั่วไปนั่นแหละ” แน็ทตี้เห็นกอหญ้าเดินเข้ามาก็ตอบคำถามเพื่อนสาของเขาว่าที่คุยกันมันก็เป็นเร่องทั่วไปตามประสาเพื่อนที่นานๆเจอกันและจะมีเวลาคุยกันแบบนี้นานๆเสียทีเมื่อกลุ่มเพื่อนนั่งคุยกันได้พักใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไปเดินชมวิวทะเลยามค่ำคืนเพราะงานแต่งของหญิงสาวจัดเป็นคบเพลิงปักอยู่เต็มอ่าวทุกคนเลยเดินไปถ่ายรูปกันตอนนี้ก็เหลือแต่กอหญ้าที่นั่งอยู่กับแน็ทตี้และมีนชญา“ได้คุยกันแบบนี้ก็ดีนะมีนยินดีด้วยนะฉันดีใจที่เห็นแกมีวันนี้นะ” กอหญ้าเองเห็นเพื่อนสาวของเธอมีวันนี้ก็ดีใจที่เรื่องวุ่นๆมันจบลงด้วยดีแถมเพื่อนของเธอก็มีครอบครัวที่มีความสุขอีกด้วย“ขอบใจนะกอหญ้า...ต้องขอบคุณแน็ทตี้ที่ช่วยฉันทำแผนนั้นขึ้นมา”“อุ้ยย”มีนชญาพูดแซวไปถึงวีรกรรมที่ตัวเองและแน็ทตี้รวมกันทำเอาไว้พร้อมหัวเราะออกมาที่ตอนนี้เธอนั้นเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เธอเองนั้นสร้างวีรกรรมสุดน่าปวดหัวนี้มาแน็ทตี้เองได้ยินเรื่องนี้ก็หันหน้าหนีทันทีเพราะเขาก็ไม่ได้อยากร่วมวีรกรรมนี้สักเท่าไรถ้าตอนนั้นไม่เห็นแก่เงิน“อย่าพูดถึงเรื่องนี้นะมีน...ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งอยากจะตีแกเล่นอะไรบ้าๆจนวุ่นวายไปหมดดีนะที่วันนี้เรื่องทุกอย่างจบล
เช้าวันต่อมามีนชญากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวส่วนสองพ่อลูกก็พากันไปนั่งเล่นที่ในสวนหลังบ้านวันนี้นีน่าไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะยังต้องดูอาการก่อนว่าไข้จะไม่ขึ้นมาอีก“อะไรกันเนี่ย” หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านเป็นแบบนี้ทุกวันแล้วเธอก็ต้องเจอข่าวที่ทำให้เธอตกใจเพราะมีรูปของเธอกับนีน่าอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย“นักธุรกิจหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีแอบซุกลูกกับเมียมาสามปีเต็มๆทำไฮโซสาวหน้าแหกที่เกือบจะเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวโดยชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อว่าเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกับไฮโซสาวเท่านั้นและกำลังจะจัดงานแต่งกับภรรยาของเขาเร็วๆนี้อีกด้วย” เมื่อมีนชญากวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วเธอถึงกับต้องรีบวิ่งไปหาชายหนุ่มที่หลังบ้านทันทีเพราะค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรื่องของเธอไปเป็นข่าวได้อย่างไร“คุณนิคคะ...ข่าวนี้มันมาได้ยังไงคะแล้วทำไมมีรูปเราเมื่อวานด้วย” มีนชญารีบยื่นหนังสือพิมพ์ให้ชายหนุ่มอ่านอย่างเร่งรีบเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะตกใจกับข่าวนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายอีกอย่างในข่าวก็แอบอ้างว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองทั้งที่มั
“ฉันอยากให้เธอเรียกฉันเหมือนที่เรียกไอ้หมอนั่น” เมื่อดึงหญิงสาวออกมานอกห้องได้แล้วโดมินิคก็พูดเรื่องความต้องการของเขาทันทีเขาอยากให้เอเรียกเขาแบบสนิทสนมเหมือนกับที่เธอนั้นเรียกหมอรวิชเพราะเขาไม่อยากให้เธอนั้นดูสนิทกับผู้ชายคนไหนมากไปกว่าตัวเขาเอง“หมอนั่น...พี่หมอน่ะเหรอคะ...มีนเรียกคุณนิคแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วค่ะ” มีนชญาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มนั้นจะมาหาเรื่องอะไรเธอกับเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่องด้วยจู่ๆชายหนุ่มก็มาอยากให้เธอเรียกเขาแบบที่เธอเรียกหมอรวิชเสียแบบนั้นเธอรู้สึกว่าเธอเรียกเขาแบบเดิมมันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนอกจากตอนนี้ชายหนุ่มจะทำให้มันเป็นปัญหาเสียเอง“ไม่ได้เธอต้องเรียกฉันว่าพี่นิค” โดมินิคต้องใช้ลูกบังคับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งแต่โดยดี“ทำไมต้องบังคับมีนด้วยคะ” มีนชญาไม่เห็นว่าเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้เขาจะต้องมาบังคับเธอด้วยตอนนี้เธอเลยมีสีหน้าที่ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน“จะเรียกไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอมทำตามที่เขาบอกแถมยังถียงเขาไม่ขาดคำเขาจึงต้องใช้ไม้เด็ดในการทำให้เธอยอมแต่โดยดีโดยการใช้มือทั้งสองของเขาจับไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรั้งให้ใบหน้าเ
“แล้วคุณ....” รวิชแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มฝรั่งร่างสูงยืนอยู่ที่หลังของหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นใคร“เอ่อ...ผมเป็นพ่อของนีน่าสามีของมีนครับ” โดมินิคถือโอกาสแนะนำตัวเองกับหมอหนุ่มโดยการดึงไหล่ของหญิงสาวเข้าไปกอดแสดงความเป็นเจ้าของเพราะเขานั้นไม่ชอบใจในสรรพนามที่ทั้งสองเรียกแทนตัวเองกันสักเท่าไรมันดูสนิทสนมกันเกินหน้าเกินตา“อ่อ...ครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”“เช่นกันครับ”รวิชเองดูอาการของอีกฝ่ายออกว่ากำลังหึงภรรยาสาวอยู่เป็นแน่แต่เขาก็ทำตัวทักทายอีกฝ่ายปกติเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับหญิงสาวเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวคนนึงเพราะตั้งแต่ที่มีนชญาท้องก็มาหาปรึกษาเขาตลอดจึงทำให้เขากับเธอนั้นสนิทกัน5นาทีต่อมา“นีน่าไข้สูงเหมือนกันนะ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ฉีดยาให้แล้วก็เช็ดตัวดูอาการอยู่ที่นี่สักครึ่งชั่วโมง”“ค่ะพี่หมอ”เมื่อดูอุณหภูมิร่างกายของหนูน้อยที่นอนอยู่บนเตียงแล้วหมอนุ่มเองคิดว่าจะต้องฉีดยาเพราะให้ทานยากับเช็ดตัวคงไม่ทันแน่เพราะว่าอุณหภูมิสูงขนาดนี้อาจจะทำให้ชักได้“คุณแม่ขาไม่ฉีดยา...ฮือๆๆๆ”“ไม่ฉีดไม่ได้หรือไงครับหมอ” เด็กหญิงตัวกลมที่นอนซึมอยู่บนเตียงได้ยินเสียงของลุงหมอของเธอบอกว่าต
เช้าวันต่อมาตั้งแต่เมื่อคืนมีนชญาก็ตึงใส่โดมินิคอยู่ตลอดจนชายหนุ่มนั้นเริ่มอึดอัดแต่เขาเองก็ยังท้อไม่ได้ตอนเช้าเมื่อถึงเวลาอาหารเขาจึงออกมานั่งที่หลังบ้านเพราะไม่อยากให้หญิงสาวทานข้าวไม่อร่อยเมื่อเห็นหน้าของเขา“แดดดี๊ขาคุณแม่บอกให้นีน่ามาตามแดดดี๊ไปทานข้าวเช้าค่ะ”“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆของลูกสาวตัวกลมของเขาชายหนุ่มก็ถึงกับยิ้มออกที่อย่างน้อยถึงหญิงสาวจะไม่คุยกับเขาก็ยังมีลูกสาวของเขานี่แหละที่คอยเป็นตัวกลางได้และตอนนี้เขาก็รู้ว่าหญิงสาวนั้นยังมีแอบเป็นห่วงเขาอยู่บ้างถึงแม้จะใช้ลูกมาก็เถอะ“ข้าวต้มฝีมือคุณแม่อร่อยมากเลยนะคะนีน่า”“ใช่ค่ะแดดดี๊”“เอ..ข้าวต้มนี้ใส่อะไรลงไปบ้างน้า”“ใส่กุ้ง...ไงคะแดดดี๊”โดมินิคมานั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้าแต่เขาเองก็ได้ยินแต่เสียงของนีน่าลูกสาวของเขาอยู่คนเดียวส่วนคนเป็นแม่นั้นก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาขนาดหน้าของเขาเธอยังไม่คิดที่จะหันมามองเลยสักนิดเดียวเขาจึงต้องหาเรื่องคุยกับนีน่าเพื่อที่จะให้หญิงสาวนั้นได้ร่วมวงสนทนาด้วยแต่กลับเป็นลูกสาวของเขาพูดทุกอย่างเสียเองมีนชญาเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเธอเองก็อดขำในใจไม่ได้พร้อมบอกตัวเองว่าห้ามขำออกมาเด
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะแถมร่มรื่นกว่าเดิมอีก” โดมินิคขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านที่เปิดเป็นร้านดอกไม้เขาก็จำได้ทันทีว่าที่นี่นั้นเคยเป็นบ้านของเขามาก่อนเมื่อลงจากรถสำรวจดูรอบๆเขาก็รู้สึกชอบที่นี่มากกว่าเดิมเสียอีกเพราะมันทั้งร่มรื่นและมีดอกไม้ต่างๆปลูกรอบๆบ้านเป็นภาพที่สวยงามเป็นอาหารตาแก่เขามากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ในตอนเช้าๆ“คุณนิคเคยมาที่ด้วยเหรอคะ” มีนชญาเห็นว่าชายหนุ่มพูดจาแปลกๆเหมือนเคยมที่นี่ยังไงยังงั้นจึงถามเขาขึ้นให้คลายสงสัย“บ้านหลังนี้เป็นของฉันเอง...ฉันปล่อยขายเมื่อห้าปีที่แล้วโลกกลมจังเลยเนอะ” โดมินิคหันมายิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมบอกกับเธอว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขาเองและคนที่ซื้อในตอนนั้นก็เป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้เขาไม่แปลกใจที่ทำไมหญิงสาวไม่รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ชื่อของเขาเองเป็นเจ้าของบ้านเขาคิดว่าโลกนี้มันช่างกลมเหลือเกินหรือไม่มันก็เป็นพรหมลิขิตที่ขีดมาให้เขาและเธอได้เจอกันที่ทำให้คนสองคนที่แสนจะแตกต่างกันมาเติมเต็มกันและกันได้“บังเอิญจังเลยนะคะ” มีนชญารู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเธอซื้อบ้านหลังนี้ก่อนที่จะวางแผนไปทำงานที่บ้านของเข