เช้าวันต่อมา
ห้างสรรพสินค้า
“เสร็จเรียบร้อยแล้วแกไปกว่าจะได้เงินนี่หลายขั้นตอนเนอะ” เกือบทั้งวันที่วันนี้มีนชญาไปเดินเรื่องเพื่อจะขึ้นเงินตกเย็นเธอเลยโทรนัดกอหญ้าทานข้าวเพื่อฉลองเมื่อมาถึงห้างเจอหน้าเพื่อนสาวเธอก็ขอแอบบ่นนิดว่าวันนี้มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน
“ไป..เราไปทานข้าวกัน” กอหญ้าเห็นหน้าที่ดูเหนื่อยๆของเพื่อนสาวเธอจึงเข้าไปกอดคอมีนชญาเหมือนที่ชอบทำกันบ่อยตอนสมัยเรียนพร้อมรั้งคอเพื่อนสาวของเธอเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่แพงมากที่พวกเธอทั้งสองเคยอยากทานกันมากสมัยเรียนแต่เพราะงบไม่พอจนวันนี้ทั้งสองก็ได้มาทานสมใจอยาก
“น้องเอมไม่ได้มาด้วยเหรอ” มีนชญาหันไปถามเพื่อนสาวของเธอว่าไม่ได้เอาลูกมาด้วยหรือเพราะเธอเห็นแค่เพื่อนสาวเธอยืนอยู่คนเดียว
“อยู่กับพี่อิทน่ะรายนั้นติดลูกแจเลย...ไปเถอะมื้อนี้ฉันเลี้ยงแกเองฉลองที่เพื่อนถูกหวย” กอหญ้าหันไปยิ้มให้กับเพื่อนสาวพร้อมบอกว่าเธอนั้นจะไปไหนมาไหนก็ได้แล้วเพราะสามีเธอนั้นติดลูกมากและสามารถเลี้ยงลูกเองได้โดยที่เธอนั้นไม่ต้องห่วงอะไรมากนักแค่บอกเวลาไปและเวลากลับก็พอละมื้อนี้เธอก็จะเป็นคนเลี้ยงเพื่อนสาวเธอเองเพราะเธอมีเงินพอที่จะเลี้ยงเพื่อนเธอได้สบายๆและเพื่อเป็นการยินดีกับเพื่อนสาวของเธอด้วย
“จ้า...แม่คนสามีรวย” มีนชญาอมยิ้มและไม่ปฏิเสธเพื่อนสาวของเธอที่จะออกเงินเลี้ยงแต่อย่างใดด้วยรู้ว่าตอนนี้เพื่อนสาวของเธอรวยกว่าเธอหลายเท่าเพราะสามีของเพื่อนสาวเธอนั้นเป็นนักธุรกิจที่รวยอันดับต้นๆของประเทศเลยก็ว่าได้
“แล้วนี่แกจะทำอะไรต่อไปคิดไว้หรือยัง” ในขณะที่นั่งทานอาหารอยู่พักใหญ่กอหญ้าก็ถามเพื่อนของเธอเพราะอยากรู้ว่าตอนนี้เพื่อนเธอนั้นคิดจะทำอะไรต่อไปเมื่อมีเงินก้อนแล้ว
“ฉันว่าจะเปิดร้านดอกไม้เล็กๆตามที่เคยฝันไว้ตอนเด็กๆอะแกแต่ก็ต้องดูทำเลก่อน” มีนชญาพูดกับเพื่อนเธอโดยที่ยังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆเต็มปากอย่างไม่ห่วงสวยว่าเธอตั้งใจว่าจะเปิดร้านดอกไม้เล็กๆตามที่เธอนั้นเคยฝันเอาไว้
“ก็ดีนะแกทำสิ่งที่แกชอบจะได้มีความสุขในสิ่งที่ทำด้วย” กอหญ้าเห็นว่าความคิดเพื่อนเธอที่จะเปิดธุรกิจตัวเองก็ดีเหมือนกันเพราะเธอรู้ว่ามีนชญานั้นชอบดอกไม้และจัดดอกไม้สวยมากเธอเห็นครั้งแรกเธอยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพื่อนสาวของเธอที่ท่าทางจะโก๊ะๆหน่อยจะมีฝีมือในการจัดดอกไม้อยู่เหมือนกันกอหญ้าคิดว่าการที่คนเราจะทำผลงานออกมาได้ดีอย่างแรกต้องมีความรักในงานก่อนอย่างเช่นเพื่อนเธอที่รักพวกดอกไม้นาๆชนิดมากและเธอเห็นว่าเดี๋ยวนี้การเปิดร้านดอกไม้มันก็มีรายได้ดีอยู่ด้วย
“เลอะเทอะหมดแล้วมีน...เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรเลยนะ” กอหญ้าต้องกระซิบบอกกับเพื่อนเธอที่หยิบก้อนซูชิเข้าปากเรียกว่าหยิบคงไม่ได้เรียกว่ายัดจนเลอะขอบปากจะดีกว่าจนเธอต้องปรามเพื่อนสาวของเธอหญิงสาวส่ายหัวเล็กน้อยคิดว่าเพื่อนสาวของเธอนั้นจะปรับปรุงเรื่องความโก๊ะแล้วเสียอีกแต่เปล่าเลยยังเหมือนเดิม
“ก็มันอร่อยนี่แก” มีนชญาหันมายิ้มให้เพื่อนสาวของเธอโดยที่แก้มยังป่องเพราะด้านในอัดแน่นด้วยก้อนซูชิเธอรู้ว่าเธอทำแบบนี้ได้เพราะกอหญ้านั้นไม่ถืออะไรอยู่แล้วและเธอก็อร่อยเสียจนหยุดไม่ได้จริงๆ
“นี่ถ้าไปทานข้าวกับผู้ชายอย่าทำแบบนี้เด็ดขาดรู้ไหม” กอหญ้านั้นแกล้งกระซิบบอกกับเพื่อนสาวของเธอว่าถ้าหากไปทานข้าวกับผู้ชายห้ามทานแบบนี้เด็ดขาดเพราะกลัวว่าเพื่อนเธอจะขายไม่ออกน่ะสิ
“หืม...ถ้าไปกับผู้ชายก็ต้องทานคำน้อยๆใช่ม้า...อ้อ...แล้วก็ต้องหัวเราะเบาๆด้วย” มีนชญาอดไม่ได้ที่จะทำท่าล้อเลียนพวกผู้หญิงที่แอ้บใสทานข้าวกับผู้ชายที่ต้องค่อยๆทานและทานน้อยๆนั่งหัวเราะเบาๆให้สมเป็นกุลสตรีซึ่งขัดกับนิสัยของเธอมากให้เพื่อนเธอได้ดู
“ฮ่าๆๆ...แกนี่นะ” กอหญ้าอดขำให้กับอาการที่เพื่อนของเธอทำล้อเลียนไม่ได้เธอรู้ว่ายังไงเพื่อนเธอก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อยู่แล้วเพราะเพื่อนของเธอนั้นแอ้บกับคนอื่นเขาเป็นซะที่ไหนเพราะนิสัยแบบนี้แหละที่ทำให้เธอทั้งสองคบกันนาน
“เฮ้ออ...อิ่มมากเลยแกฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” หลังจากที่นั่งทานอาหารกันพักใหญ่ทั้งสองเลยชวนกันกลับเมื่อเดินออกมาถึงที่หน้าร้านมีนชญาก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมากะทันหันเพราะทานเข้าไปเยอะนั่นเอง
“โอเค...รีบไปเถอะเดี๋ยวฉันรอตรงนี้นะ” กอหญ้าเห็นเห็นอาการของเพื่อนสาวเธอแล้วก็น่าจะไม่ไหวเธอจึงบอกให้เพื่อนเธอรีบไปแล้วเธอก็จะรออยู่ตรงเก้าอี้นั่งที่หน้าร้าน
10 นาทีผ่านไป
“ว้ายย...ขอโทษค่ะ” มีนชญาเข้าห้องน้ำประมาณสิบนาทีได้เมื่อเสร็จธุระส่วนตัวของเธอแล้วเธอจึงรีบเดินออกไปหากอหญ้าที่นั่งรอเธออยู่ด้านหน้าร้านอาหารทันทีเพราะกลัวว่าเพื่อนเธอนั้นจะรอนานด้วยความที่รีบเดินไม่ทันได้ระวังจึงชนเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงอย่างจังตัวของเขาแข็งมากจนทำให้หญิงสาวนั้นเซถลาจะล้มลงแต่ยังดีที่มีอ้อมแขนของเขาช่วยรับเธอเอาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” โดมินิคถามหญิงสาวร่างเล็กในอ้อมแขนของเขาว่าด้วยสีหน้าที่ตกใจเพราะเธอชนตัวเขาเข้าจังๆขนาดนั้นคงจะเจ็บน่าดู
“อ๋อ..ไม่ค่ะ..ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เมื่อกี้ไม่ระวัง” มีนชญารีบถอยตัวออกห่างจากชายหนุ่มหน้าฝรั่งที่พูดภาษาไทยใส่เธอพร้อมกับบอกกับเขาว่าเธอไม่เป็นไรก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยของโทษเขาอีกครั้งอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นเพราะความไม่ระวังของเธอแท้ๆ
“นี่แกรู้จักคนเมื่อกี้ด้วยเหรอ” หลังจากที่หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำก็ต้องยืนหลบมุมอยู่นานเพราะเห็นว่าผู้ชายที่เธอเดินชนเมื่อครู่คุยกับเพื่อสาวของเธออยู่จนเห็นว่าเพื่อนของเธอจะคุยเสร็จถึงกล้าเดินออกมาก่อนจะถามกอหญ้าถึงผู้ชายร่างสูงเมื่อครู่ด้วยสีหน้าสงสัย
“ใช่สิคุณโดมินิคน่ะเค้าเป็นลูกค้าวีไอพีของโรงแรมพี่อิทน่ะแกถามทำไมเหรอ...หรือว่า..สนใจ” กอหญ้าตอบเพื่อคลายสงสัยให้เพื่อนสาวของเธอและเธอก็ดูออกว่าเพื่อนของเธอกำลังมีท่าทีที่สนใจชายหนุ่มอยู่บ้างเพราะเธอรู้ว่ามีนชญานั้นชอบแนวนี้
“ป๊าวววว...ฉันแค่เดินชนเค้าที่ห้องน้ำน่ะแฮร่ๆๆ” มีนชญารีบตอบปฏิเสธเพื่อนสาวของเธอด้วยโทนเสียงสูงอีกทั้งยังทำหน้าทำตาเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะบอกกับเพื่อนของว่าเธอแค่เดินชนกับเขาตรงห้องน้ำเฉยๆไม่มีอะไรมากกว่านั้น
“เรื่องทั่วไปนั่นแหละ” แน็ทตี้เห็นกอหญ้าเดินเข้ามาก็ตอบคำถามเพื่อนสาของเขาว่าที่คุยกันมันก็เป็นเร่องทั่วไปตามประสาเพื่อนที่นานๆเจอกันและจะมีเวลาคุยกันแบบนี้นานๆเสียทีเมื่อกลุ่มเพื่อนนั่งคุยกันได้พักใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไปเดินชมวิวทะเลยามค่ำคืนเพราะงานแต่งของหญิงสาวจัดเป็นคบเพลิงปักอยู่เต็มอ่าวทุกคนเลยเดินไปถ่ายรูปกันตอนนี้ก็เหลือแต่กอหญ้าที่นั่งอยู่กับแน็ทตี้และมีนชญา“ได้คุยกันแบบนี้ก็ดีนะมีนยินดีด้วยนะฉันดีใจที่เห็นแกมีวันนี้นะ” กอหญ้าเองเห็นเพื่อนสาวของเธอมีวันนี้ก็ดีใจที่เรื่องวุ่นๆมันจบลงด้วยดีแถมเพื่อนของเธอก็มีครอบครัวที่มีความสุขอีกด้วย“ขอบใจนะกอหญ้า...ต้องขอบคุณแน็ทตี้ที่ช่วยฉันทำแผนนั้นขึ้นมา”“อุ้ยย”มีนชญาพูดแซวไปถึงวีรกรรมที่ตัวเองและแน็ทตี้รวมกันทำเอาไว้พร้อมหัวเราะออกมาที่ตอนนี้เธอนั้นเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เธอเองนั้นสร้างวีรกรรมสุดน่าปวดหัวนี้มาแน็ทตี้เองได้ยินเรื่องนี้ก็หันหน้าหนีทันทีเพราะเขาก็ไม่ได้อยากร่วมวีรกรรมนี้สักเท่าไรถ้าตอนนั้นไม่เห็นแก่เงิน“อย่าพูดถึงเรื่องนี้นะมีน...ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งอยากจะตีแกเล่นอะไรบ้าๆจนวุ่นวายไปหมดดีนะที่วันนี้เรื่องทุกอย่างจบล
เช้าวันต่อมามีนชญากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวส่วนสองพ่อลูกก็พากันไปนั่งเล่นที่ในสวนหลังบ้านวันนี้นีน่าไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะยังต้องดูอาการก่อนว่าไข้จะไม่ขึ้นมาอีก“อะไรกันเนี่ย” หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านเป็นแบบนี้ทุกวันแล้วเธอก็ต้องเจอข่าวที่ทำให้เธอตกใจเพราะมีรูปของเธอกับนีน่าอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย“นักธุรกิจหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีแอบซุกลูกกับเมียมาสามปีเต็มๆทำไฮโซสาวหน้าแหกที่เกือบจะเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวโดยชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อว่าเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกับไฮโซสาวเท่านั้นและกำลังจะจัดงานแต่งกับภรรยาของเขาเร็วๆนี้อีกด้วย” เมื่อมีนชญากวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วเธอถึงกับต้องรีบวิ่งไปหาชายหนุ่มที่หลังบ้านทันทีเพราะค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรื่องของเธอไปเป็นข่าวได้อย่างไร“คุณนิคคะ...ข่าวนี้มันมาได้ยังไงคะแล้วทำไมมีรูปเราเมื่อวานด้วย” มีนชญารีบยื่นหนังสือพิมพ์ให้ชายหนุ่มอ่านอย่างเร่งรีบเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะตกใจกับข่าวนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายอีกอย่างในข่าวก็แอบอ้างว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองทั้งที่มั
“ฉันอยากให้เธอเรียกฉันเหมือนที่เรียกไอ้หมอนั่น” เมื่อดึงหญิงสาวออกมานอกห้องได้แล้วโดมินิคก็พูดเรื่องความต้องการของเขาทันทีเขาอยากให้เอเรียกเขาแบบสนิทสนมเหมือนกับที่เธอนั้นเรียกหมอรวิชเพราะเขาไม่อยากให้เธอนั้นดูสนิทกับผู้ชายคนไหนมากไปกว่าตัวเขาเอง“หมอนั่น...พี่หมอน่ะเหรอคะ...มีนเรียกคุณนิคแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วค่ะ” มีนชญาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มนั้นจะมาหาเรื่องอะไรเธอกับเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่องด้วยจู่ๆชายหนุ่มก็มาอยากให้เธอเรียกเขาแบบที่เธอเรียกหมอรวิชเสียแบบนั้นเธอรู้สึกว่าเธอเรียกเขาแบบเดิมมันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนอกจากตอนนี้ชายหนุ่มจะทำให้มันเป็นปัญหาเสียเอง“ไม่ได้เธอต้องเรียกฉันว่าพี่นิค” โดมินิคต้องใช้ลูกบังคับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งแต่โดยดี“ทำไมต้องบังคับมีนด้วยคะ” มีนชญาไม่เห็นว่าเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้เขาจะต้องมาบังคับเธอด้วยตอนนี้เธอเลยมีสีหน้าที่ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน“จะเรียกไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอมทำตามที่เขาบอกแถมยังถียงเขาไม่ขาดคำเขาจึงต้องใช้ไม้เด็ดในการทำให้เธอยอมแต่โดยดีโดยการใช้มือทั้งสองของเขาจับไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรั้งให้ใบหน้าเ
“แล้วคุณ....” รวิชแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มฝรั่งร่างสูงยืนอยู่ที่หลังของหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นใคร“เอ่อ...ผมเป็นพ่อของนีน่าสามีของมีนครับ” โดมินิคถือโอกาสแนะนำตัวเองกับหมอหนุ่มโดยการดึงไหล่ของหญิงสาวเข้าไปกอดแสดงความเป็นเจ้าของเพราะเขานั้นไม่ชอบใจในสรรพนามที่ทั้งสองเรียกแทนตัวเองกันสักเท่าไรมันดูสนิทสนมกันเกินหน้าเกินตา“อ่อ...ครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”“เช่นกันครับ”รวิชเองดูอาการของอีกฝ่ายออกว่ากำลังหึงภรรยาสาวอยู่เป็นแน่แต่เขาก็ทำตัวทักทายอีกฝ่ายปกติเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับหญิงสาวเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวคนนึงเพราะตั้งแต่ที่มีนชญาท้องก็มาหาปรึกษาเขาตลอดจึงทำให้เขากับเธอนั้นสนิทกัน5นาทีต่อมา“นีน่าไข้สูงเหมือนกันนะ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ฉีดยาให้แล้วก็เช็ดตัวดูอาการอยู่ที่นี่สักครึ่งชั่วโมง”“ค่ะพี่หมอ”เมื่อดูอุณหภูมิร่างกายของหนูน้อยที่นอนอยู่บนเตียงแล้วหมอนุ่มเองคิดว่าจะต้องฉีดยาเพราะให้ทานยากับเช็ดตัวคงไม่ทันแน่เพราะว่าอุณหภูมิสูงขนาดนี้อาจจะทำให้ชักได้“คุณแม่ขาไม่ฉีดยา...ฮือๆๆๆ”“ไม่ฉีดไม่ได้หรือไงครับหมอ” เด็กหญิงตัวกลมที่นอนซึมอยู่บนเตียงได้ยินเสียงของลุงหมอของเธอบอกว่าต
เช้าวันต่อมาตั้งแต่เมื่อคืนมีนชญาก็ตึงใส่โดมินิคอยู่ตลอดจนชายหนุ่มนั้นเริ่มอึดอัดแต่เขาเองก็ยังท้อไม่ได้ตอนเช้าเมื่อถึงเวลาอาหารเขาจึงออกมานั่งที่หลังบ้านเพราะไม่อยากให้หญิงสาวทานข้าวไม่อร่อยเมื่อเห็นหน้าของเขา“แดดดี๊ขาคุณแม่บอกให้นีน่ามาตามแดดดี๊ไปทานข้าวเช้าค่ะ”“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆของลูกสาวตัวกลมของเขาชายหนุ่มก็ถึงกับยิ้มออกที่อย่างน้อยถึงหญิงสาวจะไม่คุยกับเขาก็ยังมีลูกสาวของเขานี่แหละที่คอยเป็นตัวกลางได้และตอนนี้เขาก็รู้ว่าหญิงสาวนั้นยังมีแอบเป็นห่วงเขาอยู่บ้างถึงแม้จะใช้ลูกมาก็เถอะ“ข้าวต้มฝีมือคุณแม่อร่อยมากเลยนะคะนีน่า”“ใช่ค่ะแดดดี๊”“เอ..ข้าวต้มนี้ใส่อะไรลงไปบ้างน้า”“ใส่กุ้ง...ไงคะแดดดี๊”โดมินิคมานั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้าแต่เขาเองก็ได้ยินแต่เสียงของนีน่าลูกสาวของเขาอยู่คนเดียวส่วนคนเป็นแม่นั้นก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาขนาดหน้าของเขาเธอยังไม่คิดที่จะหันมามองเลยสักนิดเดียวเขาจึงต้องหาเรื่องคุยกับนีน่าเพื่อที่จะให้หญิงสาวนั้นได้ร่วมวงสนทนาด้วยแต่กลับเป็นลูกสาวของเขาพูดทุกอย่างเสียเองมีนชญาเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเธอเองก็อดขำในใจไม่ได้พร้อมบอกตัวเองว่าห้ามขำออกมาเด
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะแถมร่มรื่นกว่าเดิมอีก” โดมินิคขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านที่เปิดเป็นร้านดอกไม้เขาก็จำได้ทันทีว่าที่นี่นั้นเคยเป็นบ้านของเขามาก่อนเมื่อลงจากรถสำรวจดูรอบๆเขาก็รู้สึกชอบที่นี่มากกว่าเดิมเสียอีกเพราะมันทั้งร่มรื่นและมีดอกไม้ต่างๆปลูกรอบๆบ้านเป็นภาพที่สวยงามเป็นอาหารตาแก่เขามากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ในตอนเช้าๆ“คุณนิคเคยมาที่ด้วยเหรอคะ” มีนชญาเห็นว่าชายหนุ่มพูดจาแปลกๆเหมือนเคยมที่นี่ยังไงยังงั้นจึงถามเขาขึ้นให้คลายสงสัย“บ้านหลังนี้เป็นของฉันเอง...ฉันปล่อยขายเมื่อห้าปีที่แล้วโลกกลมจังเลยเนอะ” โดมินิคหันมายิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมบอกกับเธอว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขาเองและคนที่ซื้อในตอนนั้นก็เป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้เขาไม่แปลกใจที่ทำไมหญิงสาวไม่รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ชื่อของเขาเองเป็นเจ้าของบ้านเขาคิดว่าโลกนี้มันช่างกลมเหลือเกินหรือไม่มันก็เป็นพรหมลิขิตที่ขีดมาให้เขาและเธอได้เจอกันที่ทำให้คนสองคนที่แสนจะแตกต่างกันมาเติมเต็มกันและกันได้“บังเอิญจังเลยนะคะ” มีนชญารู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเธอซื้อบ้านหลังนี้ก่อนที่จะวางแผนไปทำงานที่บ้านของเข