ดวงตาซ่งหว่านฉิ่งเบิกกว้างราวกับกระดิ่งเสิ่นอวี้มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเย็นชา จึงจะเอ่ยปาก “เจ้านับว่ารู้เรื่องสัญญาหมั้นระหว่างเสิ่นจ้านสองตระกูลไม่น้อยเลยนะ”อย่างที่ซ่งหว่านฉิ่งพูด สัญญาหมั้นของเสิ่นจ้านสองตระกูลเป็นเพียงการตกลงแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ โดยส่งคนออกมาตระกูลละหนึ่งคน ขอแค่ทั้งสองฝ่ายสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเสิ่นกับตระกูลจ้านก็เพียงพอเพียงแต่ต่อมา ตระกูลจ้านมีจ้านอวิ๋นเซียวเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว เขามีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยและถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องอย่างรวดเร็ว กลายเป็นขุนพลและท่านอ๋องที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของต้าฉี สัญญาหมั้นนี้ย่อมตกไปเป็นของเขาส่วนตระกูลเสิ่น ตอนนั้นมีเพียงเสิ่นซินกับเสิ่นอวี้ลูกสาวสองคนเสิ่นซินเป็นลูกสาวสายตรงคนโตของท่านโหวเสิ่นกับฮูหยินใหญ่นางกู้ จิตใจบริสุทธิ์บุคลิกสง่างาม เป็นแบบอย่างของเหล่าคุณหนูชนชั้นสูงในเมืองหลวง ส่วนเสิ่นอวี้เป็นลูกอนุภรรยาที่เกิดมาเพราะหลิ่วอี๋เหนียงวางยาท่านโหวเสิ่น และยังอยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของหลิ่วอี๋เหนียง พูดจาเย่อหยิ่ง การกระทำหยาบคายไร้มารยาทแต่จ้านอวิ๋นเซียวกลับเลือกนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสิ่นลั่วเข้ามาช่วยนางทำแผลเสิ่นอวี้มองดูเขา นึกถึงชาติที่แล้วเขาเดือดร้อนเพราะตนเอง กระดูกสันหลังหักได้รับความขุ่นเคือง เบ้าตาอดไม่ได้ที่จะแดง นางกล่าว “พี่ชายรอง ขอโทษเจ้าค่ะ เป็นเพราะข้าไม่รู้ความ ทำให้จวนโหวเดือดร้อน…” เสิ่นลั่วตะลึงงัน มองนางอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง จากนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่น “ยายเด็กโง่ พูดเหลวไหลอะไร?วันนี้เจ้าทำได้ดีมากที่จวนอ๋อง ทำให้พี่ชายรองต้องมองเจ้าใหม่แล้ว!” “เพียงแต่ดูท่าทางของแม่นางซ่งในวันนี้ เกรงว่าต้องคับแค้นใจแน่” “เจ้ากับนางอยู่ใก้ลกัน ต่อไปต้องระวังตัวให้มาก อย่าไปหลงกลนางล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับท่านแม่ ในเมื่อแม่นางซ่งปักปิ่นนานแล้ว ก็รีบหาใครสักคนแต่งออกไปเถอะ ไม่เช่นนั้นอยู่บ้านจะสร้างปัญหาอีก” ชาติที่แล้วตอนเขาพูดคำพูดนี้ เสิ่นอวี้ปกป้องซ่งหว่านฉิ่งจนแตกหักกับเขา ต่อมาก็ไม่ยอมเรียนแพทย์กับเขาอีก ทั้งสองคนห่างเหินกันขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาถูกลงทัณฑ์เลาะกระดูกตาย ทั้งสองก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันในใจเสิ่นอวี้รู้สึกผิดมากครั้งนี้นางพยักหน้าอย่างเชื่อฟังมาก “ข้าฟังพี่ชายรองเจ้าค่ะ” เสิ่นลั่วได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จ
ผู้ที่เข้ามามีใบหน้างามสง่าและอ่อนโยน เขียนคิ้วจางๆ แต่ขอบตากลับคล้ำมาก เห็นได้ชัดว่าหลับไม่สนิทมาหลายคืนแล้ว ควบคู่กับนางตั้งครรภ์ต้องใช้พลังงานเยอะ แลดูซีดเซียวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแต่สายตาที่มองไปทางนาง กลับอ่อนโยนและเป็นห่วง “อวี๋เอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างแล้ว?”พูดพลาง คนเดินมาถึงตรงหน้าแล้วคือฮูหยินใหญ่นางกู้นั่นเองเสิ่นอวี้มองนางพลางเรียก “ท่านแม่”นางกู่ตะลึงงันเล็กน้อยไม่รู้ว่าใช่ภาพหลอนหรือไม่ นางรู้สึกว่าเสียงของลูกสาวคนเล็กที่เรียกนางในวันนี้ ไม่ได้ต่อต้านและแข็งกระด้างเช่นเมื่อก่อน กลับกันเหมือนแมวลูกอ่อนที่ติดแม่เล็กน้อยพลันใจของนางอ่อนลงทันที รีบก้าวออกไปตรวจดูร่างกายเสิ่นอวี้พลางกล่าว “เมื่อวานหาหมอหลวงไม่ได้ จึงหาหมอพเนจรมาให้เจ้าแทน คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับหนีไปเสียก่อน…ฝนตกหนักเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่รู้จักรักตัวเองเสียเลย?”“พี่ชายรองของเจ้าบอกว่าเจ้าถูกคนของจวนอ๋องแทง แผลยังเจ็บหรือไม่?” นางเอื้อมมือออกไปลูบไหล่นางอย่างระมัดระวัง นิ้วมือสั่นเทาเล็กน้อยเสิ่นอวี้หวนคืนสติ หัวใจสั่นสะท้าน จับมือของนางไว้ กล่าวเสียงสะอื้น “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไร ให้ท่านแม่ต้อ
“ดังนั้นล่ะ?”เสิ่นอวี้วางของกินลง มองไปทางนางหลิ่วอี๋เหนียงเห็นว่านางสนใจ หยุดร้องไห้ทันที พลันรีบก้าวออกไปกล่าว “อวี้เอ๋อร์ ฉิ่งเอ๋อร์รู้ว่าตัวเองผิดแล้ว ท่านแม่ของเจ้าก็พูดแล้ว จะรีบหาคนให้นางแต่งออกไป ต่อไปนางก็จะไม่ขวางหูขวางตาเจ้าอีก…แต่นางก็ต้องหาใครสักคนก่อนกระมัง?”ชาติที่แล้วและชาตินี้ เสิ่นอวี้อยู่กับนางนานเช่นนี้ นางแค่ยกหาง เสิ่นอวี้ก็รู้แล้วว่านางจะผายลมอะไรได้ยินนางกล่าวอย่างที่คิด “ท่านแม่ของเจ้าใจร้อนเกินไป โอกาสที่ชายหหญิงเจอกันนั้นมีจำกัด งานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาเฒ่าเป็นโอกาสที่เหมาะสม เจ้าแค่พานางไปด้วย ให้นางดูพวกคุณชายที่มาร่วมอวยพร…”“แค่นี้เองหรือ?”เสิ่นอวี้ตัดบทนางคนที่ซ่งหว่านฉิ่งอยากแต่งงานด้วยคือจ้านอวิ๋นเซียว ไม่มีจ้านอวิ๋นเซียว นางยังสามารถเลือกองค์ชายสามหยวนเฉินเหมือนชาติที่แล้ว ชนชั้นราชวงศ์อยู่ตรงหน้า นางจำเป็นต้องไปดูตัวผู้อื่นที่งานเลี้ยงวันเกิดพระชายาเฒ่าอีกหรือ?แต่เสิ่นอวี้ผ่านประสบการณ์สองชาติ ดวงตาของนางลึกล้ำ ความคิดของนางไม่ใช่สิ่งที่หลิ่วอี๋เหนียงสามารถมองออกพลันดวงตาหลิ่วอี๋เหนียงกะพริบ นางพยักหน้า “แค่นี้แหละ”“ถือว่าแม่ขอร้
“อ๋องหมิงหยางมาแล้ว!”ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะเบ็งเสียงเบา ในห้องราวกับถูกจุดชนวนทันที “สมกับเป็นอ๋องหมิงหยาง บาดเจ็บจนต้องนั่งรถเข็นเช่นนั้น ก็ไม่สามารถบดบังกลิ่นอายความน่าเกรงขามที่ได้มาจากการเข่นฆ่าบนสนามรบ!”“ขุนนางอย่างพวกเราเทียบอะไรท่านอ๋องไม่ได้เลย!”ภายในห้องเต็มไปด้วยคำชื่นชมเขาหัวใจเสิ่นอวี้ก็เต้นรัวเช่นกันเขาพิการขาสองข้าง กลับดูน่าหลงใหลกว่าก่อนหน้านี้หลายส่วน…ไม่รู้ว่าเกิดจากจิตใจที่เปลี่ยนไปของนาง หรือเพราะกำลังภายในทั้งหมดของเขามาควบรวมอยู่ตรงร่างกายส่วนบนเวลาราวกับถูกยืดยาวขึ้น เสิ่นอวี้รู้สึกว่าลมหายใจของตนเองแทบหยุดชะงักสายตาของจ้านอวิ๋นเซียวกวาดผ่านทุกคน มาหยุดอยู่ตรงใบหน้านางชั่วขณะไร้คลื่นเหนือน้ำ แต่กลับมีคลื่นใต้น้ำสายตาประสานกัน หัวใจเสิ่นอวี้สั่นสะท้านเมื่อหวนคืนสติ เขาได้โยกรถเข็นเข้าไปในห้องแล้ว พลันกล่าวเสียงดังกึกก้องไปยังเก้าอี้หลัก “กระหม่อมคำนับฝ่าบาท! ขอให้ท่านย่าสุขภาพแข็งแรงอายุยืนหมื่นปี!”ฮ่องเต้กลับมองไปทางเขาด้วยความเป็นห่วง “อ๋องหมิงหยาง อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? จะให้ข้าประทานหมอดังทั่วหล้าหรือไม่…”“ไม่เป็นไรแล้วพ่ะย
จากนั้นเสียง ‘ชิ้ง’ ดังขึ้น ถั่วลิสงเม็ดหนึ่งกระแทกใส่คมกระบี่ พลันปลายกระบี่เบี่ยง เฉียดหัวไหล่ของนางไป รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นอันตรายเหมือนกับชาติที่แล้ว จ้านอวิ๋นเซียวลงมือหยุดท่านอ๋องจ้านเฒ่าไว้เสิ่นอวี้ค่อยๆ หายใจตั้งสติ หลบสายตาผู้อื่น ก้มหน้ามองเศษกระดาษที่ตนแย่งมาภายใต้สถานการณ์คับขันเมื่อครู่จากนั้นก็ตั้งสติได้!หนังสือแต่งงานที่ซ่งหว่านฉิ่งฉีกเป็นของปลอม!นางเก็บเศษกระดาษ หันไปมององค์ชายสาม และซ่งหว่านฉิ่งกับเจ้ากรมซุนแวบหนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยเจตนาที่เยือกเย็นในเมื่อพวกเขาวางกับดักทั่วสิบทิศคิดจะฆ่านาง เช่นนั้นก็อย่าโทษว่านางโหดเหี้ยม ใช้แผนซ้อนแผนดึงพวกเขาเข้ามาเอี่ยวทีละคน แบกรับไม่ไหวก็ต้องรับให้ได้!นางค่อยๆ ยื่นตัวตรง กลืนคำพูดที่มาถึงปลายลิ้นกลับเข้าไปเมื่อเงยหน้าอีกครั้ง บนใบหน้าเผยให้เห็นความตื่นตระหนกเสี้ยวหนึ่ง พลันขอความช่วยเหลือจากป๋ายชีอย่างประหม่า “ป๋าย…ป๋ายชี ช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่…”ป๋ายชีกำลังโมโหเรื่องที่นางฉีกหนังสือแต่งงาน ตอนนี้ไม่อยากสนใจนางด้วยซ้ำ จึงเบี่ยงหน้าไปทางอื่นเสิ่นอวี้มองไปทางจ้านอวิ๋นเซียว“...”จ้านอวิ๋นเซียว
เมื่อนึกถึงวันนี้ในชาติที่แล้ว ฮ่องเต้ยอมให้องค์ชายสามและเจ้ากรมซุนทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ รอหลังจากเสิ่นจ้านสองตระกูลแตกหัก เขาทิ้งคำพูดไว้เพียงประโยคเดียวอย่างไม่ใส่ใจ “วันนี้อ๋องหมิงหยางได้รับความขุ่นเคือง ข้ารู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก วันหลังจะหาการแต่งงานดีๆ ให้เจ้า!”เมื่อหันศีรษะก็มีราชโองการฉบับหนึ่งลงมา แต่งตั้งลูกพี่ลูกน้องขององค์ชายสามเป็นองค์หญิง ประทานการแต่งงานให้จ้านอวิ๋นเซียว ช่วยองค์ชายสามฝังเบี้ยหนึ่งเม็ดไว้ในจวนอ๋องหมิงหยางหากบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ใครจะเชื่อ?เกรงว่าเขาคงกลัวจ้านอวิ๋นเซียวเป็นภัยคุกคามบัลลังก์ของเขานานแล้ว จึงอยากกำจัดเขา!อย่างไรก็ตาม จ้านอวิ๋นเซียวได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องและขุนพลตอนอายุสิบสี่ปี อายุยังน้อยก็อยู่ใต้คนคนเดียวและอยู่เหนือคนนับหมื่น ส่วนฮ่องเต้อายุเกินครึ่งร้อย เริ่มเห็นหงอกบนผมแล้ว ควบคู่กับแม้ลูกชายทั้งหลายของเขาก็ไม่นับว่าด้อย ทว่ากลับไม่มีใครใช่คู่ต่อสู้ของจ้านอวิ๋นเซียวเมื่อรอเขาอายุร้อยปี เกรงว่าพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ จะเปลี่ยนเป็นเเซ่จ้านแล้ว! เขาย่อมอยากให้จ้านอวิ๋นเซียวสูญเสียกำลังภายในทั้งหมด!เมื่อไรที่จ้านอวิ๋น
ไม่รู้ว่าเป็นภาพหลอนหรือใช่ไม่ เขามองเห็นการเยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่งในแววตานางองค์ชายสามอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแน่นหน้าอก!นางรู้แล้วว่าเขากำลังปั่นหัวหลอกใช้นางอย่างนั้นหรือ?แต่ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าความคิดนี้ของตนเองนั้นเหลวไหลสิ้นดีเสิ่นอวี้คลั่งรักเขานานหลายปี และยังมีซ่งหว่านฉิ่งกับหลิ่วอี๋เหนียงค่อยเป่าหูอยู่ข้างๆ ควบคู่กับหลายปีมานี้เขาก็ลงทุนลงแรงไปไม่น้อย เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาเยี่ยนหนาน เขาพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้นางอาสานัดจ้านอวิ๋นเซียวออกมาอย่างกระตือรือร้นสุดท้าย ยิ่งกลิ้งลงหน้าผาโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง บีบจ้านอวิ๋นเซียวไปช่วยนาง จึงทำให้แผนการของเขาสำเร็จ…ผู้หญิงที่แทบรอไม่ไหวอยากมอบชีวิตให้เขาเช่นนี้ จะแสดงสีหน้าเช่นนี้ให้เขาได้อย่างไร?เขาสูดลมเข้าลึกๆ โดยไม่รู้ตัว พลันยิ้มเล็กน้อยให้นางอย่างผ่อนคลาย “คุณหนูเสิ่นสามเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เจ้าไม่กลัวการเผชิญหน้าความอันตราย”เขาไม่ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ลับของเขากับนาง ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน แต่ชื่นชมนางและบอกความสงสัยของตนเองออกมาแทน ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนการหยั่งเชิงและการเตือนที่ชาญฉล