ซ่งหว่านฉิงแข็งทื่อทันที ไม่เข้าใจว่าทำไมองค์ชายสามถึงพูดให้ท้ายเสิ่นอวี้ เมื่อหันไปมองเสิ่นอวี้กลับเห็นใบหน้าของนางประดับด้วยรอยยิ้ม เหมือนกำลังท้าทายนางซ่งหว่านฉิงกำมือแน่น อยากจะฉีกใบหน้ารอยยิ้มของนางแต่เสิ่นอวี้ไม่เคยฉีกหนังสือสมรสมาก่อน จะไปเอาพยานที่เห็นนางฉีกหนังสือสมรสมาจากไหน?แต่ภายใต้สายตาของทุกคน นางต้องพูดอะไรสักอย่าง ท้ายที่สุดทำได้เพียงลากหลิ่วอี๋เหนียงเขามาเกี่ยวด้วย “คืนนั้นที่เจ้าโมโหจนฉีกหนังสือสมรส ไม่เพียงมีข้า ยังมีหลิ่วอี๋เหนียงอยู่ด้วย!”ซ่งหว่านฉิงครุ่นคิด นางคิดว่าหลิ่วอี๋เหนียงต้องเข้าข้างนางแน่ ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวคำขาดไป “เป็นความจริงหรือไม่ ขอเพียงเรียกหลิ่วอี๋เหนียงมาถามก็จะรู้เอง! ตอนนั้นพวกเราเตือนเจ้าอย่างไรก็ไม่ฟัง เจ้ายังตบหน้าข้าอย่างโหดเหี้ยม! ในเมื่อวันนี้เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ ข้าก็ไม่อาจปิดบังเพื่อเจ้าอีกแล้ว” นางกล่าวออกมาได้สมจริงมาก ราวกับว่าทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเสิ่นอวี้ที่บีบคั้นนางมาถึงจุดนี้เมื่อเจ้ากรมพิธีการซุนได้ยินคำนี้ก็กล่าวเสริม “หลิ่วอี๋เหนียงเป็นแม่แท้ ๆ ของคุณหนูเสิ่นสามสินะ? ในเมื่อแม่นางซ่งกล่าวว่าหลิ่วอี๋เหนียงเป็นพ
ซ่งหว่านฉิงพยักหน้ารัว ๆ “เป็นเช่นนั้น!”“เจ้ากรมซุน เรื่องตระกูลเสิ่นของเรา ไม่ต้องให้ท่านมาช่วยหาความยุติธรรมให้!” เสิ่นจิ้นโมโหจนหน้าเขียวคล้ำ โต้แย้งกลับไปทันที “หรือว่าท่านอยากจะให้หนังสือสมรสถูกฉีกอยู่แล้วเพื่อทำลายงานแต่งระหว่างเสิ่นจ้านสองตระกูล!”“ข้าก็แค่วิเคราะห์จากเรื่องราวเท่านั้น...” สายตาของเจ้ากรมซุนเป็นประกาย ลากซุนไฉ่เวยมาเป็นโล่กำบัง “ถึงอย่างไรคนที่คุณหนูเสิ่นสามชื่นชอบก่อนหน้านี้เป็นถึงคู่หมั้นของหลานสาวข้า ข้าช่วยหาความกระจ่างเรื่องหนังสือสมรสให้นาง เพื่อรับประกันงานหมั้นของหลานสาวข้าไม่ใช่หรือ? จะว่าไปแล้วเจ้าเป็นถึงโหว คนรุ่นหลังของผู้บุกเบิกประเทศชาติ ถ้าลูกสาวของเจ้าแต่งกับองค์ชายสาม หลานของข้าก็ต้องอยู่ต่ำกว่าไม่ใช่หรืออย่างไร?” เสิ่นจิ้นถลึงตา คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับหาเรื่องโต้เถียงราวกับแม่ค้าปากตลาดแต่เขากล่าวเช่นนี้กลับทำให้ผู้คนไม่อาจโต้แย้งได้และองค์ชายสามก็ให้ความร่วมมืออย่างดี มองเขาด้วยความอึดอัด “เจ้ากรมซุน...อะแฮ่มๆ” คำพูดนี้พูดเหมือนไม่ได้พูด เรียกว่าอยากพูดแต่ไม่ได้พูด สายตาของเขาบ่งบอกว่าเขาถูกเสิ่นอวี้ตามตื๊อจนรำคาญมากหลังจากโต้เถีย
เสิ่นอวี้ขมวดคิ้ว ใช้สายตาส่งขันทีคนนั้นจากไป แอบคาดเดาความคิดของฮ่องเต้ถึงแม้วิทยายุทธ์ของเสิ่นฉือจะเทียบกับจ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้ แต่ก็ฝีมือไม่ธรรมดา เมื่อไม่กี่วันก่อนฮ่องเต้โดนลอบสังหาร ช่วงนี้จึงให้เสิ่นฉือคุ้มกันอยู่ข้างกายทุกวัน กลัวว่าถ้าไม่ระวังอาจถูกคนใช้กระบี่ตัดศีรษะเข้าสักวันแต่วันนี้ไม่เหมือนวันปกติวันนี้มียอดฝีมือเก่งกาจอย่างจ้านอวิ๋นเซียวอยู่ด้วย ไม่ว่าเป็นมือสังหารแบบไหนก็เข้าใกล้ตัวฮ่องเต้ไม่ได้สาเหตุที่ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ เป็นเพราะกลัวว่าถ้าให้เสิ่นฉือไปจะไปกดดันหลิ่วอี๋เหนียง ทำให้หลิ่วอี๋เหนียงไม่กล้ามาเป็นพยานเขาอยากให้นางตายขนาดนี้เลยหรือ?สายตาของเสิ่นอวี้เผยแววเย็นชา เมื่อมองสายตาของเขาเหมือนกำลังมองศัตรูคู่แค้นด้านข้างมีเสียงของฮูหยินใหญ่เรียกนางด้วยความกังวล “ลูกอวี้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่อธิบายอีก เกิดอะไรขึ้นกับหนังสือสมรสกันแน่? เจ้าบอกกับแม่หน่อยเถอะ แม่จะได้เตรียมแผนเอาไว้” เสิ่นอวี้กระซิบข้างหูนางเบา ๆ เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ฟังก็มองซ่งหว่านฉิงด้วยสีหน้าเขียวคล้ำซ่งหว่านฉิงจิตใจบีบรัด รู้สึกว่าสถานการณ์ผิดปกติ แต่กลับไม่รู้ว่าผิดปกติตรงไห
เมื่อก่อนเสิ่นอวี้ไม่มีทางเชื่อ นางคิดว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกที่คลอดออกมาจากท้องของหลิ่วอี๋เหนียง หลิ่วอี๋เหนียงตั้งท้องมาสิบเดือน กล่าวว่าตอนคลอดนางเกือบเอาชีวิตไม่รอด สตรีเช่นนี้จะทำร้ายลูกของตัวเองได้อย่างไร?แต่เมื่อความจริงมาอยู่ตรงหน้า นางจะไม่เชื่อก็ไม่ได้เสิ่นอวี้สะกดความเจ็บปวดในใจ เม้มปากมองสตรีที่วิ่งเข้ามาร้องไห้คนนี้ชุดที่นางสวมหรูหรายิ่งกว่าฮูหยินใหญ่ เพียงแต่ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนฮูหยินใหญ่แม้แต่น้อย พอเข้ามาก็ร้องห่มร้องไห้ ไม่กล้ามองใคร ถึงแม้บอกว่าเป็นห่วงนาง แต่กลับไม่กล้าสบตานางตรง ๆ สายตาเลิ่กลั่ก หันหน้าหนีนางอย่างรวดเร็วเรื่องที่เสิ่นอวี้เองก็ไม่ได้ทำ จึงรู้ว่าคำพูดของหลิ่วอี๋เหนียงโกหก“แม่เล็ก ท่านลองพูดซ้ำอีกครั้ง” นางก้มหน้ามองสตรีที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น น้ำเสียงของเสิ่นอวี้สงบนิ่งมาก แต่น้ำเสียงสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ถึงแม้นางจะสงสัยหลิ่วอี๋เหนียง แต่ความรักหลายปีมานี้ล้วนเป็นความจริง วันนี้หลิ่วอี๋เหนียงเข้าข้างซ่งหว่านฉิงแทงข้างหลังนาง นางจะไม่เจ็บปวดใจได้อย่างไร?เมื่อหันไปมองซ่งหว่านฉิงที่อยู่ด้านข้าง ในดวงตาที่ปูดบวมจนเป็นเส้น นอกจากจ
ในห้องบรรยากาศหนักอึ้ง มีเสียงซุบซิบนินทาดังไปทั่ว“ถึงแม้คุณหนูเสิ่นสามจะไม่เอาไหน ทำอะไรไม่เป็น แต่แม่แท้ ๆ ก็ไม่ปกป้อง ทำตัวได้แย่ถึงขั้นนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ”เสิ่นอวี้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็รู้สึกปวดใจจนตัวสั่นนางหลิ่วคือมารดาแท้ ๆ ของนาง กลับเป็นพยานว่านางฉีกหนังสือสมรส นางไม่รู้ว่าการฉีกทำลายราชโองการของจักรพรรดิต้องถูกประหารหรือ? หรือว่านางไม่ได้สนใจอยู่แล้ว สนใจแค่ซ่งหว่านฉิงผู้เดียว?ถึงแม้ตอนนี้ซ่งหว่านฉิงจะถูกตบจนราวกับหัวสุกร แต่ในสมองของเสิ่นอวี้กลับปรากฏใบหน้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่ารังเกียจ ทั้งรูปทรงคิ้วกับตารวมถึงรอยยิ้ม ถึงกับคล้ายคลึงกับนางหลิ่วถ้าบอกว่าเป็นแม่ลูกกันคงไม่มีผู้ใดสงสัยเสิ่นอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “แม่เล็ก ข้าอยากได้คำตอบที่ชัดเจน” “ลูกอวี้!”ฮูหยินใหญ่รู้สึกสงสาร จึงดึงแขนเรียกชื่อนางเบา ๆเสิ่นอวี้จับจ้องนางหลิ่วอย่างไม่วางตาชาติก่อนนางโง่จนมักคิดว่านางหลิ่วรักซ่งหว่านฉิงเป็นเพราะสงสารและเห็นใจ คนที่นางรักจริง ๆ ต้องเป็นลูกสาวอย่างนางแน่ ตอนนี้ถึงได้รับรู้ ในใจของนางหลิ่ว ไม่เคยมีนางเลยตอนนี้นางแค่อยากจะได้คำตอบที่ชั
ขณะที่เงยหน้าอีกครั้ง ความเจ็บปวดในดวงตาหายไปจนหมดสิ้นในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นอย่าโทษว่านางใจดำ!หลิ่วอี๋เหนียงถูกคำพูดของนางทำให้จิตใจกระสับกระส่าย พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “มีอะไรให้เสียใจด้วย เรื่องเดียวที่เสียใจก็คือไม่ได้สั่งสอนเจ้าให้ดี...” ถึงกับยังแสดงละครต่อเสิ่นอวี้ใช้หางตามองนาง ความปวดใจท้ายที่สุดแปรเปลี่ยนเป็นคำถากถาง หันหน้าไปทางองค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่เพคะ ในเมื่อแม่เล็กของหม่อมฉันเป็นพยาน เช่นนั้นหม่อมฉันอยากถามว่า ฉีกหนังสือสมรสมีโทษอย่างไร?” เมื่อกล่าวคำนี้ออกไป ทุกคนในห้องถึงได้สติกลับมา“นางต้องการอะไร? ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่บอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ถึงแม้หนังสือสมรสจะเป็นสิ่งที่ตระกูลเสิ่นจ้านสองตระกูลตกลงกัน แต่ยังประทับตราฮ่องเต้องค์ก่อนเอาไว้ นับว่าเป็นราชโองการ ทำลายราชโองการมีโทษประหารอยู่แล้ว!”“น่าแปลกมาก สายตาที่นางมององค์หญิงใหญ่ เหมือนคำถามนี้ไม่ได้ถามให้ตัวเอง” ทุกคนอดหันไปมองจ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้ถึงอย่างไรจ้านอวิ๋นเซียวถึงจะเป็นเจ้าของหนังสือสมรสอีกฝ่ายหนึ่งจะจัดการอย่างไรต้องดูว่าเขาจะว่าอย่างไรจ้านอวิ๋นเซียวเปลี่ยนท่าทาง นั่งบนเก้
เสียงเยือกเย็นของเสิ่นอวี้ดังมาจากด้านบน เสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่เพียงพอทำให้ทุกคนเงียบเพื่อฟังนางพูดนางกล่าวว่า “ข้ากำลังบอกเจ้าให้รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าจะได้ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร ไปที่ไหนล้วนมีแต่ก่อเรื่อง!” “แม่ของเจ้าเป็นนางคณิกาที่หมู่บ้านตระกูลหลิ่ว นางตายด้วยโรคติดต่อผ่านการร่วมประเวณี เจ้าโตในหอนางโลม ตอนพ่อของเจ้าตายไปเจ้าก็ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง หลิ่วอี๋เหนียงสงสารที่เจ้าอายุน้อยก็ต้องไปขายตัว ถึงได้ขอร้องข้า ให้ข้าขอร้องท่านแม่รับเจ้าเอาไว้ ถึงได้มีที่อยู่ในจวนโหว” “......” เมื่อซ่งหว่านฉิงได้ยินคำนี้ราวกับถูกฟ้าผ่า นางรู้สึกสมองอื้ออึง อยากจะเอาหัวพุ่งชนเสาให้ตายบุตรีของผู้ชายเสเพลกับนางคณิกา อยู่ในเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่หรูหรา จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สารเลวเสิ่นอวี้จะทำลายชื่อเสียงนางให้ได้!คนอื่นก็ไม่ได้โง่เขลา “คุณหนูเสิ่นสามคนนี้มีฝีมืออยู่บ้าง ความตายมาเยือนอยู่แล้วยังลากซ่งหว่านฉิงไปด้วยอย่างใจเย็น...ครั้งนี้ซ่งหว่านฉิงจบสิ้นแล้ว ทุกคนรู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว ใครจะกล้ายุ่งเกี่ยวกับนางอีก? เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ายังได้ยินว่าจวนโหวตัดสินใจหาคู่ครองให้นาง แต่ใครจะ
“......”ซ่งหว่านฉิงรู้สึกสมองอื้ออึง แต่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ทำได้เพียงส่ายหัว “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบนั้น...” แต่ต่อให้หาข้ออ้างอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์แล้วเพราะแม้แต่คนโง่ก็ยังดูออก ไฟริษยาในดวงตาของซ่งหว่านฉิงกับความคิดที่จะให้เสิ่นอวี้โดนลงโทษทั้งในที่ลับแล้วก็ที่แจ้ง “ตระกูลเสิ่นเลี้ยงหมาป่าตาขาว1 เข้าแล้ว ไม่เพียงถูกลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก่อเรื่องให้ ยังลากบุตรีของตัวเองไปเกี่ยวด้วย” “ข้าได้ยินมาว่าตอนที่ซ่งหว่านฉิงเข้าจวนโหว แม่นางเสิ่นสามอายุเจ็ดแปดปีกระมัง ตอนนั้นนางเหมือนจะไม่เคยมีชื่อเสียงเสื่อมเสียอะไร แต่หลังจากนั้น...” “ข้าคิดว่าคงเป็นเพราะนางซ่งคนนี้แน่” “ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบนั้น!”ซ่งหว่านฉิงตะโกนโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ “นางพูดจาเหลวไหล นางเป็นคนฉีกหนังสือสมรส ยังคิดจะผลักความผิดมาให้ข้า! ข้ามีชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ข้าเลือกได้หรือ? ต่อให้ข้ามีชาติกำเนิดต่ำต้อยก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าเกลียดหมิงหยางอ๋อง ฉีกหนังสือสมรส หลงรักองค์ชายสาม อยากจะแต่งเป็นชายาขององค์ชายสาม!”ขณะที่กล่าวก็เงยหน้าไปมององค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่ สิบห้านาทีผ่านไปแล้วเพคะ!”เสิ่นอวี้คำสั่งเสี