Share

บทที่ 5

ก่อนเสวียโส่วเอ่ยปาก เสิ่นอวี้ไม่คิดว่าตกลงเงื่อนไขที่เขาเสนอนั้นจะน่ากลัวเพียงใด

เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ลึกซึ้งมองดูนาง

ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงจะดึงสายตากลับ พลางหยิบยาสีดำออกมายื่นให้เสี่ยวสือโถวหนึ่งเม็ด “ให้นางกินเถอะ”

พูดพลางมองไปทางเสิ่นอวี้ “ก่อนที่จะพูดเรื่องเงื่อนไข เจ้าต้องกินของสิ่งนี้ก่อน ทันทีที่เจ้าเปลี่ยนใจ และทำเรื่องที่เป็นภัยต่อข้าหลังจากรู้แล้ว ข้าก็จะตัดยาแก้พิษของเจ้า มาเอายาแก้พิษสามเดือนครั้ง ไม่สามารถรักษาหายขาด เจ้าคิดดีๆ”

เสี่ยวสือโถวยกน้ำเข้ามา พลางมองทางเสิ่นอวี้ “หรือไม่…ช่างเถอะ? อย่างไรเจ้าก็ไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นอยู่แล้ว”

เสิ่นอวี้จ้องยาเม็ดสีดำสนิทในมือเขา ชั่วพริบตามีเรื่องราวมากมายแล่นผ่านหัว

เมื่อก่อนเหมือนว่านาง…จะไม่ชอบจริงๆ

หรืออาจเพราะหลิ่วอี๋เหนียงกับซ่งหว่านฉิ่งทำให้นางคิดว่าตนเองไม่ชอบ

แต่ตอนนี้…

เสิ่นอวี้ยกมือขึ้นหยิบยาเม็ดนั้นกลืนลงไป

เงยหน้าขึ้นมองไปทางเสวียโส่ว “ท่านอาจารย์ ตอนนี้ท่านพูดได้แล้วเจ้าค่ะ” เวลาไม่คอยคน นางไม่ว่างมาเสียเวลาที่นี่

เสวียโส่วมองนางอย่างลึกซึ้ง “คิดไม่ถึงจริงๆ เจ้าเป็นคนนิสัยเช่นนี้…ก็ดี”

ในแววตาเขามีอารมณ์ประเภทหนึ่ง ครึ้มมาก ราวกับน้ำทะเลลึกที่กระเพื่อมอย่างรุนแรง แต่เสิ่นอวี้ดูไม่เข้าใจ

ได้ยินเพียงเขากล่าวว่า “วันนี้ข้าตกลงเจ้าไปช่วยเจ้าหนูตระกูลจ้าน เรื่องที่เจ้าต้องช่วยข้าทำคือให้ราชวงศ์หยวนไหม้เป็นจุณ”

“อะไรนะ!”

เสิ่นอวี้ตกใจมาก มองเขาอย่างไม่กล้าเชื่อ “เพราะเหตุใด?”

แม้องค์ชายสามหยวนเฉินเป็นคนสารเลว แต่หลายปีมานี้ราชวงศ์หยวนก็นับว่าปกครองบ้านเมืองได้ดี และจักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็ขึ้นชื่อว่ามีความเมตตา…

เสวียโส่วไม่อธิบาย

คิ้วขมวดจ้องมองกองไฟบนพื้นพักใหญ่ จึงจะพูดออกมาสี่คำ “ความแค้นบัญชีเลือด”

นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ไม่เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ห่างจากเจ้าหนูตระกูลจ้านไว้ หรือไม่เจ้าก็ต้องไปทำเรื่องนี้ สิทธิ์การตัดสินใจอยู่ในมือเจ้า…”

เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจเสิ่นอวี้ ได้ยินเพียงเขากล่าวว่า “ส่วนเพราะอะไรน่ะหรือ ขอแค่เจ้าเดินตามเส้นทางที่เลือกในตอนนี้ สักวันหนึ่งเจ้าก็จะเข้าใจเอง นี่คือชะตาของเจ้า”

เสิ่นอวี้เกิดความรู้สึกเลื่อมใส

หลังจากครุ่นคิด ท้ายที่สุดก็กัดฟันกล่าว “ข้าตกลงเจ้าค่ะ”

เสวียโส่วตกใจเล็กน้อย “เจ้ารู้หรือไม่นี่หมายความว่าอย่างไร?”

“รู้เจ้าค่ะ” เสิ่นอวี้เงยหน้าขึ้นมองเขา “จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าก็คือโจรกบฏชั่วที่ชิงอำนาจ ความเป็นและความตายของทั้งครอบครัวมีแค่เส้นบางๆ กั้น!”

นางกำหมัดแน่น

ชาติที่แล้วนางอยากแต่งเข้าราชวงศ์ทั้งใจ ท้ายที่สุดก็พินาศทั้งตระกูลไม่ใช่หรือ?

หลังจากนั้นเวลาครึ่งเค่อ เสวียโส่วตามนางออกจากตรอกชิงหลิ่ว

ฝนยังคงตกกระหน่ำลงมา ลมยามราตรีพัดผ่านหนาวเข้ากระดูก เสิ่นอวี้มองไปทางวังหลวง เข้าใจว่าจากนี้ต่อไปนางกับราชวงศ์หยวนไม่ใช่เจ้าสิ้นก็ข้าตาย

ต้องเสี่ยงแล้ว

ด้วยเหตุนี้ นางหันไปมองเสวียโส่ว “ท่านอาจารย์ ขอแค่ท่านสามารถออกหน้ารักษาขาของเขาไว้ ข้าจะช่วยท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”

เสวียโส่ววางยาพิษนาง

แต่นางยังไม่อยากตาย

นางยังมีครอบครัวที่ต้องปกป้อง มีความเสียใจของชาติที่แล้วต้องชดเชย มีความแค้นเลือดที่ต้องชำระ และมีคนที่อยากรักษาไว้ด้วยความจริงใจ

ในยามราตรี เสวียโส่วมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งแล้วพูด “หากเจ้าเชื่อฟัง ข้าไม่เพียงวางยาพิษเจ้า แต่จะถ่ายทอดประตูผีสิบสามเข็มกับเต่าวิญญาณแปดธรรมให้เจ้า หลังจากเจ้าเรียนสำเร็จ จุดสูงสุดของโลกวิชาแพทย์มีเพียงเจ้าหนึ่งเดียว”

เสิ่นอวี้มองเขาอย่างประหลาดใจ

ชาติที่แล้วนางก็เรียนวิชาแพทย์กับเสวียโส่ว

หลังจากเรียนสำเร็จ ทักษะการแพทย์ก็นับว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของเมืองหลวงแล้ว แต่กลับไม่เคยได้ยินเสวียโส่วพูดถึงสิ่งนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม “วิชาแพทย์ทั้งสองนี้หายสาบสูญไปนานแล้วไม่ใช่หรอกหรือเจ้าคะ”

ชาติที่แล้ว เสวียโส่วไม่ได้ถ่ายทอดให้นางทั้งหมด

ไม่แปลกใจเลย

เสวียโส่วกับตระกูลหยวนมีความแค้นบัญชีเลือด นางกลับเฝ้าคิดแต่จะแต่งงานกับองค์ชายสามเพื่อเป็นชายา เสวียโส่วไม่ได้ฆ่านางก็นับว่าเมตตาแล้ว จะถ่ายทอดวิชาแพทย์ที่เก็บซ่อนไว้ให้นางจริงๆ ได้อย่างไรกัน?

นึกถึงเรื่องโง่ๆ ที่ตนทำเมื่อชาติที่แล้ว เสิ่นอวี้รู้สึกอับอายในวันนี้

มีเสียงพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ที่แก่ชราแต่เย่อหยิ่งของเสวียโส่วดังขึ้นในม่านฝน ทว่าท้ายที่สุดกลับไม่ได้พูดอะไร

เพียงแต่ในสายตาที่มองเสิ่นอวี้ เก็บซ่อนความคาดคะเนไว้เสี้ยวหนึ่ง

เสิ่นอวี้ก็สามารถเข้าใจได้ อย่างไรคนทั้งเมืองหลวงก็รู้ว่านางรังเกียจจ้านอวิ๋นเซียว และชื่นชอบองค์ชายสาม ตอนนี้นางกลับเปลี่ยนไป หันมาช่วยจ้านอวิ๋นเซียวโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ยากที่จะให้ผู้คนไม่ตกใจ

นึกถึงองค์ชายสาม นางอดไม่ได้ที่จะถามอีกประโยค “ท่านอาจารย์ ท่านอาศัยอยู่ที่นี่ ยังมีคนอื่นรู้เรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ? เมื่อบ่ายนี้ องค์ชายสามเคยมาครั้งหนึ่ง…แต่ว่า ตอนข้ามาระวังมาก ไม่ได้เผยร่องรอยให้เขารู้เลยนะ”

“ข้าไม่แน่ใจว่าวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ หรือเดิมทีเขาก็ตั้งใจมาหาท่านอยู่แล้ว…”

“เจ้าหมายถึงหยวนเฉิน?”

ม่านตาเสวียโส่วหด มีเจตนาฆ่าสายหนึ่งแล่นผ่านแววตา

เสิ่นอวี้ตื่นตัวอย่างตกใจ เสวียโส่วเป็นวรยุทธ์ จิตสังหารนั้นไม่สามารถปลอมขึ้น

นางพยักหน้า “เขาน่าจะรู้ว่าท่านอยู่ที่นี่แล้ว หากท่านกับตระกูลหยวนมีความแค้นเลือด เกรงว่าจากนี้ไปตรอกชิงหลิ่วไม่ปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”

“เขายังทำอะไรข้าไม่ได้!”

ทันใดนั้นเสียงของเสวียโส่วเคร่งขรึม มีความรู้สึกองอาจสง่างามแฝงอยู่

เสิ่นอวี้ไม่รู้ว่าตนเองถูกดูดเข้าไปในวังวนที่น่ากลัวเช่นไร รู้แค่ว่าตนเองไม่มีทางให้ถอยแล้ว

ประมาณยามจื่อ[footnoteRef:1] ทั้งสองมาถึงนอกประตูจวนอ๋องหมิงหยาง [1: ยามจื่อ ช่วงเวลา 23.00-01.00 น.]

ภายใต้แสงที่มืดครึ้ม ข้างหน้ามีเงาคนสายหนึ่งเดินวนไปมาอยู่หน้าประตู พลางปิดปากไอเป็นระยะ และไอหนักมาก

เสิ่นอวี้เห็นร่างเงาอ้วนของคนคนนี้ น้ำตาไหลรินออกมาทันที

ล้วนเป็นฝีมือของนางทั้งสิ้น!

ทำให้ท่านพ่อต้องวนเวียนอยู่หน้าประตูใหญ่จวนอ๋องหมิงหยางท่ามกลางพายุฝนจนเปียกไปทั้งตัว

“ท่านพ่อ”

เสิ่นอวี้ลงม้า เสียงแหบมาก นางทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้น “ลูกอกตัญญู ทำผิดต่อบุญคุณเลี้ยงดูของท่านพ่อ”

เมื่อเสิ่นจิ้นหันไปมองพบว่าเป็นนาง ในดวงตาก็เผยให้เห็นความประหลาดใจทันที “อวี้เอ๋อร์ เจ้าฟื้นแล้ว?”

หลังจากหวนคืนสติ จึงจะกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ฟื้นแล้วไม่อยู่บ้านดีๆ มาทำอะไรที่นี่! คิดว่ายังวุ่นวายไม่พออีกหรือ!”

เสิ่นอวี้สัมผัสได้ถึงความรักและผิดหวังที่บริสุทธิ์ระหว่างที่สายตาเขาเปลี่ยนฉับพลัน นางกล่าวอย่างสะอึกสะอื้น “ท่านพ่อ ลูกรู้ว่าลูกมีความผิด ด้วยเหตุนี้จึงพาหมอมารักษาอาการบาดเจ็บให้อ๋องหมิงหยาง หวังว่าจะชดเชยได้บ้าง”

เสิ่นจิ้นหันไปมองทางเสวียโส่ว “เจ้าหมายถึงคนแก่คนนี้หรือ?”

“เจ้าค่ะ เขาเป็นหมอเทวดาที่ละทิ้งทางโลก ทักษะการแพทย์เลิศล้ำ ขอแค่สามารถเข้าประตูใหญ่บานนี้ อ๋องหมิงหยางก็มีทางช่วยแล้ว!” หลังจากเสิ่นอวี้อธิบาย ก็ก้าวออกไปกล่าวกับทหารยามเฝ้าประตู “รบกวนช่วยแจ้งให้หน่อย บอกว่าตระกูลเสิ่นหาหมอดังปลีกวิเวกมาท่านหนึ่ง…”

“เขาหรือ?”

พูดไม่ทันจบ ทหารยามก็มองไปทางเสวียโส่วด้วยสีหน้าดูถูก “หาขอทานคนหนึ่งมาหลอกใคร? ข้าจะบอกเจ้าคุณหนูเสิ่นสาม เรื่องนี้จวนอ๋องหมิงหยางกับพวกเจ้าไม่จบ ข้าจะฆ่าเขาแล้วนำหัวของเขาเข้าไปเดี๋ยวนี้ ให้นายท่านดูว่าเขาเป็นผู้วิเศษมาจากไหน ดูซิว่าตกลงใครกันที่อยากทำร้ายท่านอ๋องของเรา!”

ไม่ทันสิ้นเสียง กระบี่เล่มแทงไปหาเสวียโส่ว!

เสวียโส่วไม่หลบไม่เลี่ยง กลับเงยหน้ามองดูป้ายประตูจวนอ๋องหมิงหยาง ในดวงตาเต็มไปด้วยแววซับซ้อน ราวกับลืมเรื่องที่ตนเป็นวรยุทธ์!

คมกระบี่พุ่งตรงไปที่กลางหน้าอกเสวียโส่ว

เสิ่นอวี้ตกใจจนหน้าถอดสี ชิงกระโจนไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืนขวางเสวียโส่วไว้ คมกระบี่จมเข้าไปในไหล่ของนาง!

เสิ่นอวี้ร้องอ่าในลำคอ กัดฟันกล่าว “เจ้าลองฆ่าข้าตอนนี้ดูสิ! ดูซิว่าท่านอ๋องของเจ้าจะยิ่งทรมานหรือมีความสุข!”

พูดจบรู้สึกว่าตนเองน่ารังเกียจอย่างยิ่ง

นางใช้ประโยชน์จากความรู้สึกที่จ้านอวิ๋นเซียวมีต่อนางอีกครั้ง

แต่ก็มีเพียงคำพูดเช่นนี้ที่ได้ผลแล้ว

สีหน้าของทหารยามคนนั้นเปลี่ยนไปอย่างที่คิด เขาชักกระบี่กลับหมุนกายเข้าไปรายงาน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status