"ไม่รู้สิ รอเจ้าบอกมาแล้วกัน แต่ว่าไม่ว่าจะเท่าไร ถ้าเจ้าต้องการ ข้าก็จะไปหามา" เซียวหลันยวนบีบคางนางเบาๆ มองนางอย่างตั้งใจ "ข้าคือสามีเจ้านะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ข้าก็หวังให้เจ้าคิดถึงและมาหาข้าเป็นคนแรก"เขาหวังว่านางมีเรื่องอะไรที่ลำบากจะสามารถมาหาเขาเป็นคนแรกได้ พึ่งพาเขาเสียหน่อย อย่าเอาแต่ข้ามตัวเขาไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น"ข้าคิดว่าเรื่องวัตถุดิบยา..." ซือถูไป๋เขาทำเรื่องพวกนี้อยู่ ดังนั้นไปหาเขาน่าจะตรงไปตรงมามากกว่า ดังนั้นนางจึงคิดถึงซือถูไป๋ขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณแต่นางท้ายสุดก็ยังต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปนี่?แต่ว่า ครั้งนี้นางไม่ได้คิดถึงเซียวหลันยวนเลยนางเดิมทีก็เป็นคนของพันธมิตรโอสถใต้หล้า ศิษย์พี่ของนางก็อยู่ที่นี่ อาจารย์ก็กำลังคิดหาวิธี ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าพวกเขาหาวัตถุดิบยาได้ทางตรงกว่าเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนส่ายหัว "หนิงหนิง หลายครั้ง ที่เจ้าไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องอำนาจเท่าไรนัก"ขณะฟู่จาวหนิงกำลังคิดประโยคนี้ของเซียวหลันยวน พวกของชิงอีในที่สุดก็ตามมาถึงแล้วขบวนรถที่ยิ่งใหญ่ ทำเอาคนทั้งหมดตกตะลึงผู้บริหารท้องถิ่นโหยวนำขบวนรถมาที่นี่ ต่งฮ่วนจือพวกเขาก็ออกไปดูแว
ฟู่จาวหนิงดึงสติกลับมาไม่ได้ไปพักหนึ่งนางมองเซียวหลันยวน เพราะอยู่ใกล้มากที่สุด แต่ก็ยังมองเห็นตาของเขา รู้สึกแค่ว่าในตาของเขามีประกายดวงดาวอยู่...อา นั่นเป็นครั้งแรกที่นางเกิดอาการคลั่งรักจนอยากจะบ้าอยากจะตายเพื่อเขา อยากจะใช้เวทมนต์กระแทกกำแพงให้ดังก้องเพื่ออ๋องเจวี้ยน"ท่านทำได้อย่างไรกัน? องค์จักรพรรดิยอมได้อย่างไร?"ฟู่จาวหนิงกดเสียงต่ำ ถามเซียวหลันยวนขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อคำนวณจากจดหมายก่อนหน้า จนถึงตอนที่เขานำวัตถุดิบยาและคนจำนวนมากมาที่นี่ ระหว่างนี้ก็เหมือนใช้เวลาไปไม่มากเลยหรือก็คือ เขาจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ จะต้องใช้ความกล้าหาญและกลยุทธ์มากมาย ทำปั๊ปก็เสร็จปุ๊ปเลยทีเดียวนี่เป็นประโยคที่พูดได้ชัดเจนที่สุดแล้ว"เขาจะยอมเห็นด้วยได้อย่างไรกัน?" เซียวหลันยวนเอ่ยอย่างสงย "ก็แค่ขวางข้าไม่อยู่เท่านั้น""หนึ่งครั้งสองครั้ง สามครั้งสี่ครั้งแบบนี้ เกรงว่าเขาคงไม่ทนต่อไปแล้ว ท่านไม่กลัวว่าเขาจะก่อเรื่อง แล้วพุ่งเข้ามาแว้งกัดท่านหรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงคิดถึงความยากลำบากตอนที่เขาจัดการเรื่องนี้ที่เมืองหลวง ก็อดรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่ได้เซียวหลันยวนมองออกถึงความเป็นห่วงในสาย
แต่ว่าหมอหลินเองอันที่จริงก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนั้นที่ฟู่จาวหนิงอายุสิบสามสิบสี่ปี นางไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ตอนที่ไปหาเขาที่โรงหมอเล็ก เรียกได้ว่าน่าสงสารไม่มีที่พึ่งพาเลย ตอนที่พูดถึงอาการของท่านปู่ ก็แทบจะร้องไห้ออกมาแล้วแต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร พอนางอายุสิบหกปี เริ่มตั้งแต่วันที่ถอนหมั้นกับรัฐทายาทเซียว ก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้นตอนนี้นางเข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว กลายเป็นหมอเทวดาที่เลื่องชื่อไปทั่วพอคิดถึงตอนนั้นที่ตนเองเตือนฟู่จาวหนิงไป บอกให้ผู้เฒ่าฟู่ได้กินดื่มดีดี จากไปอย่างสงบ อย่าเสียเงินทองมาซื้อหยูกยาเลย หมอหลินก็รู้สึกว่าตนเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจละอายใจจนขึ้นมาพูดกับฟู่จาวหนิงก่อน นี่คงจะไม่ถูกฟู่จาวหนิงเย้ยหยันเอาหรอกกระมัง?เขาก็แค่จู่ๆ นึกถึงเรื่องในอดีตออกเท่านั้น จึงอยากจะชดเชยเสียหน่อย กระตือรือร้นหน่อย ช่วยฟู่จาวหนิงให้มากขึ้นอีกหน่อยครั้งนี้ หลังจากเขาได้ยินคำพูดของอ๋องเจวี้ยนในจวนอ๋องเจวี้ยน ก็เป็นคนแรกที่ไม่คิดอะไรมาก แล้วเลือกมาที่เมืองเจ้อทันทีในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าให้เสียเปล่า อย่างน้อยก็ต้องลงแรงกันบ้าง"หมอหลินไม่ได้ทำอะ
หมอลินมองคนที่ถอยออกไปพวกนั้น ในใจก็กรีดร้องแหลมขึ้นมา...พวกเจ้ามันโง่!นี่มันโอกาสหายากขนาดไหน! ได้ติดตามไปรักษาคนป่วยข้างกายพระชายาอ๋องเจวี้ยน ได้ยินว่านางไม่หวงวิชาด้วย แล้วยังเอาจริงเอาจังต่างหาก ดังนั้นติดตามนางไปจะได้เรียนรู้ไม่น้อยเลย!บางที พอผ่านเรื่องนี้ไป วิชาแพทย์ของเขาก็อาจจะพัฒนาไปอีกขั้นก็ได้!ถ้ากหากเขาติดตามไปกับพระชายาอ๋องเจวี้ยน ค้นคว้าตำรับยารักษาโรคนี้ได้ เช่นนั้นหลังจากนี้ในโรงหมอที่เมืองหลวง ตัวตนฐานะก็จะไม่ใช่แบบตอนนี้แล้ว!นี่เป็นโอกาสที่เขาอยากได้แต่ก็ไม่เคยจะได้มาเลยนะสองสามปีนี้ พอได้ยินว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนรักษาใครหาย เขาก็รู้สึกคันยุบยิบ อยากจะไปทักทายนาง แต่ก็ทำใจไม่ได้เสียที แล้วยังกลัวว่าฟู่จาวหนิงจะจำเรื่องในอดีตได้แล้วหันมาโกรธเขาแต่ตอนนี้โอกาสมากองอยู่ตรงหน้าเขาแล้วหมอหลินรู้สึกว่า ครั้งนี้ที่มาเมืองเจ้อคือถูกต้องแล้วในการเดินทางนี้ ยังมีคนไม่น้อยที่แอบนินตาอ๋องเจวี้ยน บอกว่าเขาอหังการเกินไป จะลากพวกเขามาเมืองเจ้อให้ได้แต่หมอหลินกลับรู้สึกซาบซึ้งตัวอ๋องเจวี้ยน ถ้าไม่ใช่อ๋องเจวี้ยน เขาจะมีโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร!หมอหลินตอนนี้มองคนโง่เ
"อย่างนี้เรียกว่าฉลาดได้อย่างไรกัน? คุณชายหยวนเลิกล้อเล่นได้แล้ว อ๋องเจวี้ยนจะต้องตามไปข้างกายพระชายาแน่ ท่านทำงานอยู่ข้างๆ พระชายา ท่านอ๋องจะไม่พบท่านได้อย่างไรกัน?"ถึงตอนนั้นเขาต้องมารับผิดชอบอีก ใครให้เขามาปกป้องคุณชายหยวน?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ว่าเป้าหมายที่หยวนอี้ทำแบบนี้คืออะไร ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกลนลานนักนะ"เมื่อครู่ข้าเห็นหมอเทวดาฟู่กับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วยกันแล้ว รู้สึกว่าความรักสามีภรรยาของพวกเขานั้นดีมาก" หยวนอี้ตอบไม่ค่อยจะตรงคำถาม"แน่นอนสิ เห็นพูดกันว่าอ๋องเจวี้ยนเป็นคนที่โกรธได้เพื่อพระชายาของเขา""เช่นนั้น หมอเทวดาฟู่ตอนนี้จะไปรักษาคนป่วยพวกนั้น เห็นบอกว่าระบาดได้รุนแรงมาก แล้วนางทำไมจึงให้อ๋องเจวี้ยนติดตามอยู่ข้างกายตลอดล่ะ? ข้ากลับรู้สึกว่า หลังจากนี้ หมอเทวดาฟู่ไม่น่าจะมีโอกาสได้อยู่กับอ๋องเจวี้ยนเท่าไรนักหรอก"หมอหลวงเผียวงงงันไปทำไมถึงรู้สึกว่าคุณชายหยวนดูจะเข้าใจสามีภรรยาอ๋องเจวี้ยนดีเหลือเกิน?"นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน พระชายาอ๋องเจวี้ยนเองก็อาจจะสงสัยตัวตนของท่านด้วย""นางเองก็ไม่เคยเห็นข้า ยิ่งไม่มีทางรู้จักคนทั้งหมดข้างกายหมอหลวงเผียวด้วย แล้วนี่ก็
ฟู่จาวหนิงวุ่นขึ้นมาแล้วจริงๆ มามัวสนใจเซียวหลันยวนไม่ได้เลยแต่ว่า ในใจนางก็ยังอิ่มเอมมากเพราะตอนนี้มีวัตถุดิบยาแล้ว ไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนทำได้อย่างไร ถึงได้รวบรวมวัตถุดิบยาที่นางต้องการมาได้มากขนาดนี้ยิ่งไปกว่านั้น หมอที่เข้ามา ก็มาช่วยเหลือปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างไร!ฟู่จาวหนิงรู้ว่าตนเองไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง กำลังของนางเองก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ถ้าแค่ทนๆ เอาก็ยังพอไหว แต่ถ้ายังมีคนป่วยเข้ามาอีกหน่อย นางคงได้คลานแน่ๆแต่ว่าสถานการณ์เช่นนี้ของเมืองเจ้อ คนที่รู้เรื่องภายในต่างก็พยายามหลบเลี่ยง คนที่ไม่รู้เรื่องภายในก็ถอยหนีออกห่าง นางเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคนจากที่ไหน ดังนั้นจะหาหมอเข้ามาก็ยากเหลือเกินตอนนี้เซียวหลันยวนส่งคนมาช่วยทีเดียวมากมายขนาดนี้ เหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกไปจากอกนางจริงๆคนที่หมอเหล่านี้พามาก็ไม่น้อย นอกจากคนที่พาลูกศิษย์มาแล้วก็ยังมีคนที่พาคนติดตามมาด้วย กลัวว่าการใช้ชีวิตที่นี่จะไม่คุ้นชิน ไม่มีคนช่วย กระทั่งมีคนที่เอาคนใช้มาที่นี่เพื่อปกป้องตนเองด้วยซ้ำตอนนี้ก็พอดีเลย ทุกคนที่พวกเขาพามาก็ไม่มีเวลาได้ว่างกันเลย แค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น ทุกคนก็ถูกจัดแจงงานไว้เร
เขาเองก็คาดเดาไว้เช่นนี้ในจดหมายที่เขาเขียนให้ท่านอ๋องก่อนหน้านี้ เขียนสถานการณ์ของเมืองเจ้อและอารมณ์ของผู้ประสบภัยเอาไว้แล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือมีคนบางกลุ่มที่จงใจยุยงให้ผู้ประสบภัยมีความแค้นเคืองต่อพระชายามีคนอยากทำร้ายพระชายา และยังมีโรคระบาดอีก ท่านอ๋องต้องกังวลอยู่แล้วแต่สืออีก็ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะจัดการเคลื่อนกำลังพลเข้ามาโดยตรงในใจฟู่จาวหนิงซับซ้อนขึ้นมา"พวกเจ้ากินกันไปก่อนเถอะ ข้าจะไปเรียกท่านอ๋องพวกเจ้าก่อน""พระชายา อีกเดี๋ยวพวกเราจะส่งอาหารไปที่ห้องพวกท่าน ท่านอ๋องก่อนหน้านี้กำชับไว้" สืออีรีบเอ่ยขึ้น"ดีเลย"เสี่ยวเยว่เผยสีหน้าอยากกินขึ้นมาหน่อยๆ ก่อนหน้านี้นางถือว่าเป็นคนสวยที่เย็นชาคนหนึ่ง แต่เพราะช่วงนี้กินแต่หมั่นโถวแข็งๆ กับข้าวต้มจืดชืดมาหลายวัน ทำเอานางอดใจไม่ค่อยไหวแล้ว"ท่าน๋องเอาของอร่อยมาไม่น้อยเลย"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "ถ้างั้นคืนนี้ก็กินดีดีกันสักมื้อเถอะ"ตอนที่กลับไป ในห้องก็เงียบลงราวกับไม่มีใครอยู่แต่พอเดินมาข้างเดียว เซียวหลันยวนกำลังหลับลึกอยู่ ลมหายใจแผ่วเบามากฟู่จาวหนิงนั่งลงข้างเตียง ก้มหน้ามองใบหน้าเขาในช่วงแสงอาทิตย์อ่อนๆ ใบหน้าเ
ฟู่จาวหนิงจับใบหน้าเซียวหลันยวนไว้ เอาหน้าผากแนบหน้าผากเขาไว้"อ๋องเจวี้ยนเห็นข้าสำคัญขนาดนี้เชียว?""ห้ามเย่อหยิ่ง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา "แต่ทำอย่างไรได้? ข้าเองก็เย่อหยิ่งเอาเรื่องเสียด้วย"ด้านนอกเสี่ยวเยว่เคาะประตู"ท่านอ๋อง กับข้าส่งมาแล้ว" เสียงของชิงอีดังขึ้นมาจนตอนพวกเขาเอากับข้าวเข้ามา ฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปบนโต๊ะ ตาก็เป็นประกายขึ้นทันทีนางไม่ได้กินผัดผักกับเนื้อปกติมาเกือบเดือนแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีขนมอบร้อนๆ มาด้วยแล้วยังมีรังนกพุทราแดงอีกหม้อหนึ่ง ดูเหมือนจะหวานละไมเลยทีเดียว"ทำไมถึงเอารังนกมาด้วยล่ะเนี่ย?"เซียวหลันยวนดึงนางลงนั่ง "รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่คงไม่มีอะไรดีดีกิน แน่นอนว่าต้องเอามามากหน่อย"เสี่ยวเยว่ไปจุดเทียน ในห้องสว่างขึ้นมา อาหารบนโต๊ะนั่นดูแล้วน่าอร่อยมากฟู่จาวหนิงเข้าใจถึงอาการอยากกินก่อนหน้านี้ของเสี่ยวเยว่ขึ้นมาเลย ขนาดนางที่บางครั้งมีนมมีคุ๊กกี้กิน พอเห็นอาหารพวกนี้ก็ยังอดน้ำลายสอไม่ได้"รีบกินเถอะ เอาแป้งสาลีกับข้าวมาหลายกระสอบ อย่าเสียดายที่จะกินเชียว"ถึงแม้เขาจะไม่สนว่าผู้ประสบภัยจะได้กินอะไร แต่ก็ยังต้องส
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ