ตัดใจแล้วหลี่หมิ่นถังคนนี้ย่อมไม่คิดจะหวนคืนถึงเคยรักมากเพียงใด แต่ยาวนานเกือบ4ปีที่ทุ่มเทมันมากเกินไปชีวิตคนเราแสนสั้นนางจะไม่หวนคืนไปจมอยู่ในกองทุกข์และสามีที่เห็นนางเป็นเพียงเงาของสตรีอื่นเด็ดขาด!
Voir plusต้นเดือนหกเวียนมาบรรจบยังอาณาจักรต้าเซี่ยอีกครั้งหนึ่งแล้ว ท้องฟ้าที่เคยสดใสในวันนี้นั้นกลับดูอึมครึมยิ่ง แล้วก็เป็นไปตามคาดยังไม่ทันถึงยามเฉินสายฝนก็เทลงมาราวกับฟ้ารั่ว ขบวนรับตัวเจ้าสาวขบวนใหญ่พลันวิ่งกันวุ่นวายหาที่หลบฝนที่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว
หลี่หมิ่นถัง บุตรสาวคนรองของท่านเสนาบดีกลาโหม หลี่ถงเปียว ที่นั่งอยู่ภายในเกี้ยวเจ้าสาวหลังโตรู้สึกตกใจอยู่มากเมื่อขบวนจำต้องหยุดลงมิอาจเคลื่อนต่อไปได้เพราะสายฝนตกหนักเกินไป เนื่องจากจวนฝ่ายเจ้าสาวกับจวนของฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นอยู่หากจากกันคนละเมือง จวนติ้งอันโหวนั้นอยู่เมืองเทียนตูที่ห่างจากมหานครเสียงหยางที่เป็นบ้านเดิมของเจ้าสาวอยู่ถึงร้อยห้าสิบลี้หากหยุดนานคาดว่าจะไม่ทันฤกษ์กราบไหว้ฟ้าดินเอาได้
นี่นับว่าเป็นลางร้ายหรือไม่นะ เจ้าสาววัยสิบห้าปีนั้นตกใจและคิดมากจนใบหน้าพลันเปลี่ยนไปเป็นซีดเผือดในยามที่ขบวนเกี้ยวรับตัวเจ้าสาวของตนเองได้หยุดลง ยิ่งเวลานานเท่าใดใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มงดงามก็ยิ่งซีดเซียวแววตากังวลขึ้นทุกขณะ
บรรยากาศด้านนอกเกี้ยวนั้นฝนตกหนักจนคนแบกนั้นหนาวสะท้านกันทั่วหน้า หากแต่ภายในใจของสาวน้อยเช่นหลี่หมิ่นถังนั้นกลับร้อนรนไปหมดแล้ว ร้อนรนว่าจะไม่ทันฤกษ์มงคลกราบไหว้ฟ้าดินนั่นเอง แต่งงานใครเล่าจะพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันโดยเฉพาะเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าวจะทำให้เลยฤกษ์มงคลเข้าประตูจวนบ้านสามี
แต่จะร้อนรนเพียงใดก็ต้องรอจนกว่าฝนจะหยุดหรือเบาบางลง จึงเคลื่อนขบวนไปยังจวนของเจ้าบ่าวได้ เย่จื่อเฉิน หรือติ้งอันโหวซื่อจื่อคือเจ้าบ่าวของนางในวันนี้ เจ้าบ่าวที่นางไม่คิดไม่ฝันว่าจะเป็นไปได้แต่ก็เป็นจริงราวกับนางฝันไป
มือเรียวของเด็กสาวที่เพิ่งผ่านพ้นวัยปักปิ่นแหวกผ้าม่านไปแอบมองแผ่นหลังกว้างของผู้เป็นเจ้าบ่าววัยยี่สิบเอ็ดปีของตนเอง พลันก็นึกย้อนไปถึงอดีต นางพบหน้าของเย่จื่อเฉินครั้งแรกเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากนางขึ้นเขาไปอยู่สถานศึกษาบนเขาไถ่ซานตั้งแต่อายุสี่ขวบ จากบ้านจากครอบครัวไปนานถึงสิบปีเต็มนางก็ได้เวลาลงจากเขากลับเขาในวัยใกล้ปักปิ่นพอดี
หลี่หมิ่นถังจำวันนั้นได้ไม่เคยลืม ยามพบเย่จื่อเฉินครั้งแรก จวนหลี่จัดการปักปิ่นบุตรสาวคนโตเช่น หลี่เหม่ยหลิน พี่สาวที่อายุมากกว่านางอยู่หนึ่งปีกับอีกสองเดือนซึ่งก็พอเหมาะกับหมิ่นถังจบการศึกษาลงจากเขาไถ่ซานลงมาพอดีปีนั้นบิดากับมารดาจึงได้ให้สองพี่น้องทำพิธีปักปิ่นไปพร้อมกัน นางที่เป็นเด็กสาวในวัยสิบสี่ปีที่เพิ่งลงจากเขาในคราวนั้นไม่ใช่บนสำนักศึกษานางจะไม่เคยพบชายหนุ่มแต่นั่นกลับเป็นครั้งแรกที่เด็กสาวเช่นหลี่หมิ่นถังคนนี้ได้รู้จักกับคำว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบหน้า
แต่ผ่านไปไม่ถึงสองเค่อดี หลี่หมิ่นถังก็ต้องเรียนรู้กับคำว่าอกหักและผิดหวังอย่างแรงตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มสานต่อความสัมพันธ์ เพราะเย่จื่อเฉินถูกพี่สาวแท้ๆ เช่นเหม่ยหลินที่อายุมากกว่านางหนึ่งปีเศษแนะนำกับว่าเขาคือคนรักที่กำลังคบหาดูใจจะหมั้นหมายกันในเร็ววันนี้
แต่ความเที่ยงแท้ของโลกมนุษย์ก็คือความไม่เที่ยงแท้นั่นเอง ผ่านไปไปอีกไม่กี่วันเย่จื่อเฉินกลับต้องติดตามบิดาไปช่วยภัยแล้งที่ต่างเมืองเป็นเวลาสองเดือน ใครจะคาดระหว่างนั้นหลี่เหม่ยหลินพี่สาวของนางก็เกิดได้พบรักใหม่กับหนานไห่กั๋วกงซื่อจื่อเสิ่นเหยียนอัน จากแคว้นอิ๋งโจว พบรักใหม่ไม่พอ หลังจากนั้นอีกเพียงหนึ่งเดือนหลี่เหม่ยหลินก็ตอบตกลงแต่งงานออกไปกับบุรุษต่างเมืองเสียแล้ว ไม่ได้บอกลาจบความสัมพันธ์กับเย่จื่อเฉินในฐานะคนรักแม้เพียงครึ่งคำจบสิ้นความรักอย่างง่ายดายจนนางยังแทบเชื่อไม่ลง
วันที่เกี้ยวจากจวนหนานไห่กั๋วกง มารับตัวเจ้าสาวใครจะคิด ดันเป็นวันเดียวกับที่เย่จื่อเฉินที่ติดตามบิดาซึ่งก็คือติ้งอันโหวที่ฮ่องเต้มีรับสั่งให้เขาเป็นผู้แทนพระองค์นำเสบียงไปช่วยชาวบ้านจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงเพื่อถวายรายงานกับฉางตี้ฮ่องเต้ในวันนั้นเช่นกันช่างเป็นช่วงเวลาที่ชวนอึดอัดและเจ็บปวดดีแท้
ขบวนหนึ่งกำลังจะเข้าประตูเมืองเทียนตูเพื่อผ่านไปยังเมืองเสียนหยางอีกขบวนกำลังจะออกจากเมืองมุ่งหน้าไปแคว้นอิ๋งโจว
ตอนนั้นหมิ่นถังไม่ได้อยู่รวมเหตุการณ์แต่สาวใช้ก็มาเล่าให้นางฟัง พวกเขาเพียงมองกันคนหนึ่งอยู่บนรถม้า อีกคนอยู่บนหลังอาชา แล้วก็เคลื่อนผ่านจากกัน จบสิ้นวาสนาที่มีระหว่างเย่จื่อเฉินกับคุณหนูใหญ่หลี่เหม่ยหลินนับตั้งแต่เพียงวันนั้นเป็นต้นมา
ตอนที่4||หมดแล้ว ข้าหมดใจกับท่านแล้วหลี่หมิ่นถังถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ถึงสามวัน เพราะนางยังตั้งสติไม่ได้ก็ผู้ใดมันจะคาดว่าตนเองจะได้รับคำตอบเช่นนี้ 'เจ้าดีเกินไป เพราะเจ้าดีเกินไป หากจะผิดก็ผิดที่เจ้าเป็นคนดีเกินไปหมิ่นถัง' เกิดมาจนถึงวันนี้นางอายุสิบแปดปีบริบูรณ์ได้หนึ่งเดือนแล้วเพิ่งจะเคยได้ยินว่าการเป็นคนดีเกินไปจึงถูกสามีหมางเมินไม่สติหลุดยังจะเป็นคนปกติได้อย่างไรและพอตั้งสติได้นางก็รู้สึกโกรธอยู่ไม่น้อย สองปีเศษที่แต่งงานกับอีกเจ็ดเดือนที่อยู่ร่วมจวนนางหลี่หมิ่นถังล้วนทุ่มเททั้งแรงกายและหัวใจทำดีกับเขาทำดีกับทุกคนที่เขารักและเคารพ ทว่าเย่จื่อเฉินกลับตอบคำถามคาใจของนางมาแค่ไม่กี่ประโยคแล้วหายหน้าออกจากจวนเสียร่วมสองเดือนมันออกจะเกินไปแล้วถึงนางจะเป็นคนใจดีมีเหตุมีผลแต่เช่นนี้นางก็โกรธเป็นเช่นกัน เขาสมควรตอบคำถามของนางให้รู้เรื่องเสียก่อน เช่นนี้ไม่สมกับการเป็นแม่ทัพปกป้องเมืองเทียนตูเลยแม้แต่น้อย ทว่าไม่พึงใจอย่างไรหลี่หมิ่นถังก็ทำได้เพียงแค่รอให้เขากลับจวนเท่านั้นทว่าอีกหนึ่งเดือนต่อมาเย่จื่อเฉินเขากลับมิได้กลับจวนติ้งอันโหวมาแค่เพียงผู้เดียวหากแต่สามีของนางเขาดันกลับมาพร้อมห
และหากหลี่หมิ่นถังคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเลวร้ายอย่างถึงที่สุดแล้วละก็นางคงคิดผิดไปไกลที่เดียว เพราะต่อจากนั้นอีกเพียงเดือนเดียวเย่จื่อเฉินกลับรับอนุภรรยามาเติมเรือนหลังอีกสองคน ผู้หนึ่งเป็นบุตรสาวของนายกองในกองทัพ อีกผู้คือหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอหลินเซียง"เรือนหลังก็มีน้องซวงเอ๋อร์แล้ว เหตุใดจึงต้องรับคนมาเพิ่มอีกเจ้าค่ะท่านพี่จื่อเฉิน"คราวนี้หลี่หมิ่นถังไม่ได้ปิดปากเงียบอีกแล้ว นางต้องถามให้กระจ่าง ว่าเหตุใดต้องแต่งอี้เหนียงมาเพิ่มทั้งที่เขายังมีฉิงซวงและนางที่เป็นฮูหยินอยู่ทั้งคน"เจ้าอย่าใจแคบไปหน่อยเลยหมิ่นถัง บัดนี้จื่อเฉินเป็นถึงแม่ทัพปกป้องเทียนตู การมีอนุภรรยาเพิ่มนับว่าเป็นการเพิ่มบารมีให้กับสามี"แต่เย่จื่อเฉินนั้นยังไม่ทันเอ่ยปากเหล่าฮูหยินเย่กลับเอ่ยตัดหน้าเขาเสียก่อน หลี่หมิ่นถังถึงกับหันขวับไปมองมารดาของสามีด้วยสายตากังขาจากใจ"หากหมิ่นถังใจคอคับแคบเช่นนั้นที่ท่านพ่อไม่เคยรับอนุภรรยามาเพิ่มจะกล่าวว่าอย่างไรดีเล่าเจ้าค่ะท่านแม่?"จนกระทั่งเขาสิ้นใจจากไปอดีตติ้งอันโหวผู้เป็นบิดาของสามีนางมีเย่ฮูหยินเพียงคนเดียว หากจะกล่าวว่าอดีตติ้งอันโหวรักเดียวใจเดียวเห็นทีจะยาก แต่
สองปีผ่านไป…ในที่สุดข่าวจากแคว้นเป่ยฉีก็มาถึงมหานครเสียนหยางและจวนติ้งอันโหวในเทียนตูตามลำดับอีกครั้งซึ่งคราวนี้มิใช่ข่าวร้ายเช่นครั้งก่อนๆ แต่เป็นข่าวดี ข่าวที่บอกเล่าว่ากองทัพของชินอ๋อง ซ่างกวนไท่ ได้ชัยชนะเหนือฝ่ายกบฏอ๋องเผ่ากั๋วเซาพร้อมขับไล่เผ่าต่างๆ อีกสามเผ่า ที่ร่วมมือกับเผ่ากั๋วเซาให้แตกฝ่ายถอยร่นขึ้นไปทางเหนือกว่าห้าร้อยลี้สำเร็จแล้ว"ฮูหยินเจ้าค่ะ ฮูหยิน"เพ่ยเจียว สาวใช้คนสนิทของหลี่หมิ่นถัง รีบร้อนนำข่าวที่ได้ยินมาจากเรือนของเหล่าฮูหยินเย่มารายงานผู้เป็นนายของตนเองทันทีที่ได้ฟังว่ากองทัพของชินอ๋องคว้าชัยชนะศึกยาวนานสามปีสักครา"เอะอะอันใดกันเพ่ยเจียว"ผิงเซียง สาวใช้อีกคนของหลี่หมิ่นถังที่กำลังเช็ดฝุ่นตรงมุมห้องอดจะถามสหายของตนเองออกไปก่อนผู้เป็นนายเสียมิได้ ส่วนหลี่หมิ่นถังกำลังตรวจบัญชีกองสูงท่วมศีรษะด้วยใบหน้าอ่อนโยน"ข่าวดีเจ้าค่ะ เป็นข่าวดี"เพ่ยเจียวใบหน้าแดงก่ำ คาดว่าคงวิ่งมาเต็มกำลัง หลี่หมิ่นถังจึงปิดสมุดบัญชีที่ตรวจเสร็จเป็นเล่มสุดท้ายลงทันทีเพราะนางเองก็คาดหวังว่าจะเป็นข่าวดีจากชายแดนเสียที"ข่าวดีอันใด" เสียงหวานถามออกไป ถึงภายนอกของนางดูค่อนข้างใจเย็นแต่ใครเ
แต่ที่เทียนตูนี้นั้นเมืองรองของต้าเซี่ยแห่งนี้นั้นหลี่หมิ่นถังหรือบัดนี้กลายเป็นเย่ฮูหยินคนใหม่แทนมารดาสามีที่ขยับฐานะขึ้นไปเป็นเหล่าฮูหยินเย่เพราะสามีของนางตายจากไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเองชีวิตก็ไม่ได้ง่ายเช่นกัน ยิ่งมารดาของสามีและน้องสาวของสามีเช่นคุณหนูสามเย่ เย่จื่ออิง ที่วันทั้งวันไม่ทำอันใดนอกจากเรื่องสิ้นเปลืองจับจ่ายฟุ่มเฟือยราวกับจวนติ้งอันโหวผติตั๋วเงินออกมาเองได้กับคอยแต่จะก่อเรื่องเดือดร้อนมาให้นางแก้ไขไม่ว่างเว้นแล้วบัดนี้พอคุณชายรองเย่ เย่จิ่เว่ยถูกส่งกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บหนักนั้นต้องใช้ยาทั้งตัวยาดีและท่านหมอที่เก่งกาจมาเพิ่มเป็นภาระหนักให้นางต้องแบกรับซึ่งย่อมแน่นอนว่าอาการบาดเจ็บหนักนี้ต้องใช้เงินมากตามไปด้วยนั้นยิ่งทำให้ชีวิตของหญิงสาววัยสิบเจ็ดปีนี้ไม่ง่ายยิ่งขึ้น"ถังถัง ลำบากมากหรือไม่"ดังนั้นในยามเมื่อนางกลับมาเยี่ยมมารดาและบิดากับเหล่าฮูหยินหลี่ผู้เป็นท่านย่าของตนเองที่จวนสกุลหลี่นางจึงมักจะถูกมารดาและท่านย่าสอบถามด้วยความห่วงใยเสียทุกครั้งไป"ดูสิเจ้าผ่ายผอมลงอีกแล้วกลับมาเสียนหยางยามใดเจ้าก็มีแต่ผอมลง ข้ากับท่านพ่อและท่านย่าของเจ้าเห็นแล้วปวดใจนักถังถังเ
สามเดือนผันผ่านชีวิตภายในจวนติ้งอันโหวนั้นไม่ได้ง่ายดายเลย คนมาก แต่กลับไม่มีเงินทองเช่นสกุลหลี่ของหลี่หมิ่นถังแม้แต่หนึ่งส่วนนอกจากไม่มีทรัพย์แล้วติดลบมีแต่หนี้มากมายอีกด้วย เนื่องจากผู้นำตระกูลรุ่นนี้หรือก็คือพ่อสามีของนางไม่ถนัดทำการค้า หรือแม้แต่บริหารที่ดินในมือของสกุลเย่ที่มีมานานสามชั่วอายุคนหลังจากได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ติ้งอันโหวมา จนมาถึงรุ่นของเย่จื่อเฉินกับน้องชายและน้องสาวก็ยิ่งไม่ชำนาญเช่นกันจึงไม่ต่างกับตัวของติ้งอันโหวคือไม่เคยใส่ใจกิจการและที่ดินในปกครองเอาแต่ยกให้เย่ฮูหยินที่ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้านการค้าเช่นเหล่าฮูหยินเย่ที่จากไปนานวันเข้าทั้งกิจการและที่ดินจึงมีแต่ยิ่งถดถอยมากกว่าทำกำไรทรัพย์ที่มีน้อยในรุ่นของติ้งอันโหวผู้เฒ่าจึงมีแต่ขาดทุนและขาดทุนติ้งอันโหวนั้นไม่เก่งกาจด้านการค้านับว่าไม่แปลก ซึ่งก็นับว่าปกติในตระกูลขุนนางและทหาร เพราะท่านเสนาหลี่บิดาของหมิ่นถังเองก็ไม่เก่งด้านทำการค้าอีกหลายตระกูลใหญ่ที่บุรุษรับราชการส่วนใหญ่ในต้าเซี่ยก็เป็นเช่นกัน แต่มารดาของหมิ่นถังนั้นเก่งกาจบริหารสิ่งที่มีในมือจนงอกเงยเป็นเงินเป็นทองมาเลี้ยงดูจนในจวนได้สบายหลังจากท่านย
แต่ที่หลี่หมิ่นถังเองคาดไม่ถึงก็คืออีกสิบห้าวันต่อมาจวนติ้งอันโหวก็ส่งแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอบุตรสาวของเสนาบดีหลี่ ให้กับซื่อจื่อติ้งอันโหวและแน่ว่าย่อมสู่ขอบุตรสาวคนรองหรือก็คือนางอยู่แล้วเนื่องจากบุตรสาวคนโตของใต้เท้าหลี่เพิ่งจะออกเรือนไปบุตรสาวอีกสองคนก็เกิดจากอี้เหนียงแต่อายุเพิ่งเจ็ดปีกับแปดปีเท่านั้นส่วนจวนติ้งอันโหวแน่นอนว่าต้องเป็นพี่ชายคนโตที่ออกเรือนก่อน ส่วนน้องชายคนรองนั้นต้องรอไปก่อน ซึ่งพอทราบมีหรือที่หลี่หมิ่นถังจะไม่ตอบตกลงออกไปในเมื่อนับจากแรกพบหน้าผ่านมาหลายเดือนนางยังปักใจรักอยู่แต่กับบุรุษนามเย่จื่อเฉินเท่านั้น และบัดนี้ก็เป็นวันแต่งงานที่หลี่หมิ่นถังเฝ้ารอคอยมาสามเดือนนับจากวันสู่ขอ"ฝนหยุดแล้วเคลื่อนขบวนได้"เสียงแม่สื่อเอ่ยสั่งการดังลอยเข้ามาให้นางได้ยิน นั่นแหละเจ้าสาวเช่นหลี่หมิ่นถังจึงพรั่งพรูลมหายใจออกมาเต็มที่ด้วยความโล่งใจ แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดนางรู้สึกใจคอไม่ดีนักในวันนี้ ทั้งที่ได้แต่งงานกับบุรุษที่เป็นรักแรกแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกยินดีเอาเสียเลย นอกจากไม่ยินดีหลี่หมิ่นถังยังรู้สึกใจหายแปลกๆ ทั้งที่ไม่สมควรจะรู้สึกเช่นนี้เลย"คิดมากไปแล้วหมิ่นถัง มันไ
Commentaires