"แบบนี้แล้วกัน แคว้นหมิ่นของเรา สนับสนุนองค์รัชทายาท ยิ่งไปกว่นั้น ครั้งนี้ถ้าหากทั้งสองแคว้นร่วมมือกันสำเร็จ หลังจากนี้แคว้นหมิ่นของเราจะสนับสนุนองค์รัชทายาทอย่างเต็มกำลัง" หยวนอี้บอกกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอย่างตรงไปตรงมา"ทำไมท่านจึงบอกเรื่องนี้กับข้า?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมีท่าทีระแวดระวังขึ้นมาอย่างหาได้ยากเฉินเซียงตายไปแล้ว องครักษ์คนสนิทที่คุ้มครองนางหนีออกมาจากต้าชื่อก็ตายไปแล้วเช่นกัน ยังมีสาวใช้วังอิ๋นสั่วอีกคนที่ยังอยู่ในต้าชื่อคอยทำงานแทนนาง แต่ในเมื่อฝ่าบาทรู้ร่องรอยของนางแล้ว เช่นนั้นอิ๋นสั่วก็น่าจะเคราะห์ร้ายไปแล้วแน่นอนดังนั้นข้างกายนางตอนนี้จึงไม่มีใครเลยองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเองก็รู้ว่าตนเองต้องเติบโต จะใสซื่อไร้เดียงสาเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ที่คิดแต่ว่าโชคของตนเองยังดีอยู่มาก พระเจ้าเองก็คงจะคุ้มครองนางให้ทุกอย่างราบรื่นตอนนี้นางเอาแต่คิดแบบนั้นไม่ได้อีกแล้วหยวนอี้ตอนนี้เอาความลับเหล่านี้มาบอกนาง เพราะคิดอยากได้อะไรจากตัวนางกัน?"องค์หญิงใหญ่เองก็อย่าดูแคลนตนเองนักเลย บนตัวท่านอันที่จริงมีโชคที่สูงกว่าคนทั่วไปมาก จุดนี้ กระทั่งเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงก็ยืนยันแล้
ถึงอย่างไรองค์รัชทายาทแคว้นเจาก็ยังต้องคอยอดทน เท่ากับไม่มีอำนาจและความสามารถพอที่จะต่อกรกับฝ่าบาทได้ ยังคุ้มครองนางไม่ไหวแต่หยวนอี้บางทีอาจจะได้"ข้าไม่มีความรู้สึกสัมพันธ์ชายหญิงกับองค์หญิงใหญ่เลยแม้แต่น้อย""ทำไมจะต้องมีความรักกันด้วยล่ะ? พวกเราแต่งงานไปแล้วค่อยๆ เพาะบ่มขึ้นมาก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็จะดีกับคุณชายหยวนแน่นอน"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรู้สึกว่าตนเองต้องพยายามเสียหน่อย ดังนั้นพูดไปด้วยก็เขยิบเข้าใกล้หยวนอี้ไปด้วยนางยิ่งเข้าใกล้ หยวนอี้ก็ยิ่งถอยหนี"ข้ามีคู่หมั้นที่แคว้นหมิ่นแล้ว""แค่คู่หมั้นเอง ยังไม่ได้แต่งเสียหน่อย ถ้างั้นพวกเราแต่งเข้าวันเดียวกันก็ได้ ข้าไม่รังเกียจตำแหน่งภรรยาทัดเทียมหรอก ขอแค่ไม่ให้ข้าไปเป็นอนุภรรยาก็พอ" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกัดฟัน มองไปที่อกเขาแล้วไล่ลงไป"นี่ๆๆ!"หยวนอี้ร้องขึ้นมา ยื่นมือผลักนางออก แต่ตอนที่มือไม้เป็นระวิง มือที่เขายื่นออกไปก็ไปโดนหน้าอกองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอดีสัมผัสอ่อนนุ่ม ทำเอาหยวนอี้ตัวแข็งทื่อองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นหน้าแดงเถือก แข็งไปทั้งตัวเหมือนกันพอตั้งสติกลับมาได้ หยวนอี้ก็รีบหดมือกลับเหมือนถูกลวก "ข้าๆๆ..."แต่อง
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนึกถึงเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงทันที"กระทั่งอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นหญิง"เป็นไปไม่ได้เลยที่นี่จะเป็นการปลอมตัวเพียงชั่วคราวชั่วครู่หยวนอี้เงียบไปครู่หนึ่ง "ถูกต้อง นับตั้งแต่ที่ข้าเกิด ก็ถูกแม่ข้าเลี้ยงเป็นลูกชายมาตลอด ตลอดหลายปีนี้ ข้าเองก็มองตนเองเป็นผู้ชาย ไม่เคยสวมชุดเสื้อผ้าผู้หญิงมาก่อนเลย"ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อทำให้ตัวเองสูงขึ้นมาหน่อย นางจึงพยายามฝึกยุทธ์ กระโดดโลดเต้นอะไรพวกนี้นางสูงกว่าหญิงสาวทั่วไประดับหนึ่ง แต่ก็ยังดูอ้อนแอ้นกว่าชายหนุ่มทั่วไปดีที่ เอกลักษณ์ของหญิงสาวของนางไม่ชัดเจนมากนัก หลังจากสวมผ้าคาดอกก็ราบเรียบไปแล้วและเพื่อท่านพ่อให้ความสำคัญกับตัวนาง เชื่อว่านางมีความสามารถ ตั้งแต่เล็กจนโต นางจึงถูกแม่บีบคั้นให้เรียนมันทุกอย่าง มีอะไรก็ทุ่มเทเรียนมาทั้งหมด ไต่เต้าขึ้นมาทีละก้าวๆ โดดเด่นเปล่งประกายในแคว้นหมิ่น แล้วยังกลายเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิอีกด้วยแต่ว่า จากอายุที่เติบโตขึ้น จะปิดบังต่อไปก็ลำบากมากจริงๆนางไม่คิดจะใช้ตัวตนชายไม่แท้นี้แต่งงานรับภรรยา แล้วค่อยมาคิดหาวิธีให้ภรรยาตั้งท้องลูกคนอื่น แล
"แต่ถ้าแต่งกับข้าจริง ท่านไม่มีทางตั้งท้องได้ หรือก็คือ ถ้าท่านอยากจะตั้งท้อง ก็ต้องหาชายคนอื่น...""หยวนอี้!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตัดบทนางหน้าแดงหูแดงคำนี้ใช่คำที่มาพูดให้หญิงพรหมจรรย์อย่างนางฟังหรือ? นี่คิดจะให้นางหาผู้ชายเถื่อนๆ เพื่อมีลูกหรือ?"องค์หญิงใหญ่จะไม่ฟังก็ได้ แต่อันที่จริง ถ้าหากท่านคิดจะแต่งงานกับข้าจริง แล้วพวกเราเป็นสามีภรรยาหลอกๆ กัน ก็ทำได้แค่นี้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นหลังจากแต่งงานไปแล้วท่านไม่ตั้งท้อง พวกเราก็อธิบายลำบาก"ถ้าไม่จำเป็นต้องมีลูก แล้วนางจะปลอมตัวเป็นชายไปทำไม?"ข้าเป็นลูกชายคนเดียวของท่านพ่อ นอกจากนี้ยังมีพี่สาวน้องสาวอีก ดังนั้น ข้าต้องแบกรับหน้าที่การสืบสกุลสืบทอดเชื้อสายแน่นอน เรื่องนี้ท่านเข้าใจไหม?" หยวนอี้เอ่ยขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นนิ่งงันไปชั่วขณะ"ดังนั้นรู้หรือยังที่ทำไมข้าไม่เคยเสนอตัวกับท่าน? มันก็เพราะสาเหตุนี้ ไม่เช่นนั้น คนสวยอย่างองค์หญิงใหญ่ ในฐานะชายหนุ่ม จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกัน?"อ๋องเจวี้ยนยังไม่หวั่นไหวเลยแล้วก็ ซือถูไป๋เองก็ไม่เห็นจะหวั่นไหวเป้าหมายแต่งงานสองคนก่อนหน้านขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ล้วนไม่สนใจตัวนางเลย น่า
"ข้ารู้สึกว่า ท่านเองไปยอดเขาโยวชิงสักครั้งหนึ่งได้ ไปพบเจ้าอาราม บางทีเขาอาจจะช่วยท่านตัดสินใจ ต่อให้เขาทำให้อ๋องเจวี้ยนรับท่านเป็นภรรยาไม่ได้ แต่ก็สามารถชี้ทางออกให้ท่านได้ ถามเขาดูว่าใครน่าจะเป็นที่พึ่งให้ท่านได้ นี่ก็น่าจะดีวกว่าถามข้าไหม?"คำพูดของหยวนอี้ ทำให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกระจ่างแจ้งเห็นทางออกขึ้นมา ตาของนางเปล่งประกายนั่นสิ เจ้าอารามสามารถทำนายได้ บางทีอาจหยั่งรู้อนาคตหาสถานที่ที่เหมาะกับนางที่สุดให้นางได้เช่นนี้ยังดีกว่าไปออกหาในเมืองหลวงเหมือนแมลงวันหัวขาดกระมังยิ่งไปกว่านั้น ขอแค่ได้คำพูดจากเจ้าอารามสักคำ แม้จะให้แต่งงานกับอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ แต่การให้อ๋องเจวี้ยนมาปกป้องนางก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้นี่นาขอแค่เจ้าอารามต้องการ อ๋องเจวี้ยนคงไม่ถึงกับไม่สนใจใยดีนางหรอกกระมัง?"ใช่ไหมล่ะ? เข้าใจแล้วหรือ?" หยวนอี้เห็นสีหน้านางก็รู้ความคิดนาง"แต่ข้าจะไปยอดเขาโยวชิงอย่างไรกัน?""ข้าออกความคิดให้ สองวันนี้ สหายเก่าของเจ้าอาราม ฮูหยินคนหนึ่งจากอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นที่ตีนเขายอดเขาโยวชิงมาที่เมืองหลวง สองวันนี้พักอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยน ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็เป็นผู้อาวุโสของอ๋องเ
ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาเขา รู้สึกว่าน่าจะไม่ใช่ข่าวดีแล้วก็ตามคาด ฟู่จิ้นเชินมองมาทางนาง"ข่าวเกี่ยวกับข้าหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"เกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นน่ะ"ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว"นางเข้าวังไปพบองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิน่าจะรับปากให้นางอยู่ในแคว้นเจาชั่วคราว ยิ่งไปกว่านั้นยังเขียนจดหมายถึงฝ่าบาทต้าชื่อด้วย บอกว่าขอเชิญให้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ที่นี่เพื่อคอยชี้แนะเหล่าองค์หญิงของแคว้นเจา พร้อมประทานพรให้แคว้นเจาด้วย""องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะชี้แนะอะไรเหล่าองค์หญิงได้?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็น"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเฝ้าอยู่ในสุสานจักรพรรดิมาตั้งแต่เด็ก นางรู้กฏเกณฑ์เฝ้าสุสานอยู่มากมาย กฏการจุดธูปเซ่นไหว้ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากนางอยู่อย่างสงบโดดเดี่ยวมาหลายปี ดังนั้นนางเชี่ยวชาญพิธีชงชากับเครื่องหอม จุดนี้เจ้าคงจะไม่รู้กระมัง?"ฟู่จาวหนิงส่ายหัว เรื่องนี้นางไม่รู้จริงๆ"ดังนั้น ถ้าบอกว่าจะสอนเรื่องเหล่านี้ให้พวกองค์หญิงก็ถือว่าได้อยู่ นางมีคุณสมบัติ และยังมีอีกจุด การประทานพรแด่แคว้นเจา ด้วยชื่อเสียงเรื่องโชคของนาง ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "นั่นเป็นความสามารถ
ฟู่จิ้นเชินขนาดเรื่องข้างกายองค์จักรพรรดิก็ญังสืบมาได้ นี่ใช่ปัญญาชนตกอับธรรมดาเสียที่ไหนกัน"ที่ตามรถม้าไปใช่ป้าคนนั้นไหม?"รู้ว่าเป็นป้าคนนั้น ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกเชิงขอดทษหน่อยๆ ที่เมื่อครู่คาดเดาว้าวุ่นไปแบบนั้น"นั่นเป็นลูกชายของนาง ตอนนี้ปัจจุบันเฝ้าเวรยามอยู่ที่ประตูวัง"ให้ตายเถอะ ฟู่จาวหนิงร้องให้ตายเถอะขึ้นมาทันที"พ่อของเจ้ามีมิตรภาพในวัยหนุ่มอยู่ไม่น้อยเลย แล้วทุกคนก็ยังจดจำบุญคุณได้ แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่ปฏิบัติไม่เป็นธรรมกับพวกเขาแน่นอน" เสิ่นเชี่ยวยิ้มอธิบายขึ้นมาพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้บุญคุณเล็กน้อยในอดีตครั้งนั้น ให้ทุกคนหันมาตอบแทนไม่หยุดในตอนนี้เรื่องของเส้นสาย เจ้าไม่ให้อะไรคนอื่นเลยไม่ได้ ต้องมีสิ่งที่ให้พวกเขาด้วยฟู่จาวหนิงรู้อยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงนับถือท่านพ่อมาก"ตอนนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรล่ะ? กลับไปบอกอ๋องเจวี้ยนเรื่องนี้ก่อนไหม?"ฟู่จิ้นเชินรู้สึกว่านางหนีมาแบบนี้ไม่ใช่วิธีแก้ไขฟู่จาวหนิงตอนนี้กลับมีอีกความคิดหนึ่ง นางส่ายหัว "ข้าคิดว่า เข้าใจหลายๆ ด้านหน่อยก็ดีเหมือนกัน"ตอนนี้ขัดขวางไปเรื่องหนึ่ง ด้านหลังก็จะมีอีกหลายเรื่อง สู้ฉวยโอกาสตอนที่มีเ
นางกลับจวนตระกูลฟู่มาตั้งนานแล้ว แต่เซียวหลันยวนกลับไม่ตามมาฟู่จิ้นเชินจับการกระทำของนางออก ใจก็คิดขึ้นมาและเดาออก ในใจเขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนักเช่นกัน"ในเมื่อตัดสินใจว่าจะไม่สนใจแล้ว เช่นนั้นก็อย่าคิดมากเลย พักผ่อนไวไว เอากำลังให้เต็มที่" เขาเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงพยักหน้า ยืนขึ้นมา"เช่นนั้นข้ากลับห้องก่อนแล้ว ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านก็พักผ่อนไวไว ไม่ต้องกังวลแทนข้าหรอก ข้าเองก็เก่งอยู่นะ"นางโบกไม้โบกมือ เดินออกประตูไปมองแผ่นหลังนาง เสิ่นเชี่ยวก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา แต่ก็เอ่ยอย่างกังวลกับสามีว่า "ท่านสามี ท่านได้ยินไหม? ตอนนี้จาวหนิงเรียกพวกเราว่าพ่อแม่ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจแล้ว ท่านว่านางตอนนี้ยอมรับพวกเราลึกๆ ในใจแล้วหรือยัง?""ใช่สิ ลูกสาวเป็นคนที่มีจุดยืน ถ้าหากไม่ยอมรับ นางไม่มีทางเรียกเราว่าพ่อกับแม่หรอก ในเมื่อนางเรียกแล้ว ก็คือปล่อยเรื่องในอดีตพวกเราและเริ่มต้นใหม่แล้ว หลังจากนี้พวกเราก็ชดเชยให้นางดีดีกก็พอ เจ้าเองก็ต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วย หลังจากนี้ถ้านางมีลูก แล้วข้างกายมีแม่อยู่ด้วยจึงจะดูแลได้เหมาะสม"การเติบโตของจาวหนิงก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วย หลังจากนี
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ