หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าสมองกับตาของตนเองมีปัญหาเสียแล้วสิ่งที่อาจารย์มอบให้เขาก่อนหน้า แทบจะส่งคืนอาจารย์ไปจนหมดแล้วเมื่อครู่ตอนที่เห็นอ๋องเจวี้ยนล้มลงไปเช่นนั้น จะท่าทางการเคลื่อนไหว ดูอย่างไรก็คือสภาพการล้มลงไปเพราะสิ้นสติสัมปชัญญะชัดๆยิ่งไปกว่านั้น ชิงอีกับหญิงสาวคนนั้นก็ยังส่งเสียงตกใจเลยแล้วก็ ตอนที่เขามาก็เห็นอ๋องเจวี้ยนพิงอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงตลอด เท้ายังบิดเอียงด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสภาพที่มีสติแล้วยืนได้อย่างมั่นคง ไม่ถ้าไม่ใช่เป็นลมแล้วจะเป็นอะไรกัน?หมอหลวงเฉินรู้สึกว่าที่องค์จักรพรรดิเลือกเขา ส่งเขามาจวนอ๋องเจวี้ยน แน่นอนว่าเพราะเขาฉลาดมาก พลังการสังเกตแข็งแกร่ง ละเอียดละออ วิชแพทย์เองก็ยอดเยี่ยมที่สุดแต่ตอนนี้เขารู้สึกเริ่มสงสัยชีวิตตนเองขึ้นมาเสียแล้ว"อ๋องเจวี้ยนไม่รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างจริงหรือ?" หมอหลวงเฉินงัดกับแรงกดดันของอ๋องเจวี้ยน ปลุกความกล้าขึ้นย้อนถาม "ข้าน้อยกังวลต่อสุขภาพของท่านอ๋องจริงๆ ไทเฮาฮองเฮาในวังพวกนางก็ล้วนเชิญให้ข้ามาจับชีพจรให้ท่าน ให้ข้าน้อยตรวจชีพจรให้ท่านอ๋องดีไหม?"ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ยื่นมืออกมา ให้ข้าจับชีพจรเถอะท่านอ๋อง!
อ๋องเจวี้ยนตกตะลึงไปครู่ เท้าชะงักไปฟู่จาวหนิงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกัน? พอได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชิน เขาก็เหมือนตกตะลึงไป?"เจ้าเคยได้ยินชื่อปรมาจารย์ฉือเชินไหม?" อ๋องเจวี้ยนถามนางฟู่จาวหนิงส่ายศีรษะ "ไม่เคย""พ่อของเจ้า เป็นศิษย์ฆราวาสของเขา" อ๋องเจวี้ยนพูดประโยคนี้ก็ปล่อยมือนางออก ตนเองสาวเท้าเข้าไปในโถงก่อนบิดานาง? ฟู่จิ้นเชิน?ฟู่จิ้นเชินเคยมีพระอาจารย์ด้วยหรือ?เรื่องเหล่านี้นางก็ไม่รู้เลยจริงๆ ผู้เฒ่าฟู่ไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงไม่เคยเอ่ยถึงบิดามารดาของนาง"พระชายา ท่านก็เข้าไปเถิด" ผู้ดูแลทำสัญญาณมือ "ปรมาจารย์ฉือเชินเอ่ยถึงท่านอยู่""ได้เลย"ในเมื่อมาแล้วก็จัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน ฟู่จาวหนิงเองก็เดินเข้าไปในโถงมีคนนั่งอยู่หลายคน ข้างกายพวกเขาล้วนมีผู้ติดตาม เพิ่งเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความคึกคัก ฟู่จาวหนิงพอเข้ามา สายตาคนทั้งหมดก็กวาดมาบนตัวนางทันทีถ้าเป็นคนอื่น คงจะรู้สึกถึงแรงกดดันจนก้าวขาไม่ออกไปแล้วแต่ฟู่จาวหนิงแค่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเดินต่อไปทางเซียวหลันยวน ยืนอยู่ข้างกายเขาสิ่งแรกที่นางเห็นคือพระชราในชุดจีวร คิ้วและขนตาของพระล้วน
เซียวหลันยวนตอนนี้ก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ"ใครกันแน่ที่บังอาจ?"เขากับฟู่จาวหนิงแม้เป้าหมายที่แต่งงานกันจะไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ตอนนี้ฐานะของนางก็คือพระชายาอ๋องเจวี้ยน ยืนอยู่ข้างกายเขาตัวเขาเองไปรังแกนั้นได้อยู่ แต่คนนอกจะมาหน้าใหญ่เช่นนี้ได้ด้วยหรือ?"ที่นี่คือจวนอ๋องเจวี้ยน ข้าเองก็ยืนอยู่ที่นี่ ฮูหยินชรากำลังมาอวดเบ่งบารมีอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป มองไปทางเซียวหลันยวนนางคิดไม่ถึง ว่าเขาจะงัดกับฮูหยินชราคนนี้ตรงๆคนที่ไท่ซ่างหวงไหว้วานให้มาส่งของขวัญให้เขา ไม่ใช่ว่าควรจะต้องเคารพนอบน้อมหรือไรกัน?ฮูหยินชราเองก็นิ่งแข็งไป นางไม่อยากจะเชื่อ "อ๋องเจวี้ยน?""ฮูหยินชราก็ยังรู้จักอ๋องเจวี้ยนอย่างข้านี่" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น ดึงฟู่จาวหนิงเดินมายังที่นั่งหลักของโถงใหญ่ เข้ามานั่งลงด้วยกันกับเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน"ฮูหยินชิงเหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กกัน? อามิตตาพุทธ" ปรมาจารย์ฉือเชินพนมสองมือ ก่อนหน้าที่ฮูหยินชิ่งจะเอ่ยปากก็แย่งพูดมาก่อน "โยมน้อยฟู่เองก็ไม่รู้จักพวกเราจริงๆ""เด็กหรือ? นางแต่งงานกับคนอื่นแล้วยังเป็นเด็กอีกหรือ?" ฮูหยินชิ่งร้องเชอะ จากนั้นเลิกหนังตากวาดไปยังฟู่
ชิงอีหน้าดำเป็นเส้น แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร แต่ยืดหลังตรงยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีสีหน้าที่มากเกินไปอีกท่าน่องเดิมทีไม่คิดจะให้หน้าคนเหล่านี้อยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นลูกน้องก็จะทำให้ท่านอ๋องขายหน้าไม่ได้ก็แค่ตระกูลฮู่กับตระกูลชิ่งไม่ใช่หรือ?"อา แต่ข้าไม่เคยได้ยิน" ฟู่จาวหนิงกลับถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น "เป็นตระกูลที่สูงส่งกว่าและมีอำนาจเหนือกว่าราชวงศ์หรือ? ควบคุมอยู่เหนือราชวงศ์?""ไร้สาระ!""อย่าพูดเหลวไหล!"ฮูหยินชิ่งกับนักปราชญ์ชราหน้าเปลี่ยนสีตะคอกเสียงขึ้นพร้อมกันเอาบาปใหญ่ขนาดนี้วางลงมา พวกเขากล้าแบกเสียที่ไหน?ใครจะกล้าพูดว่าควบคุมอยู่เหนือราชวงศ์?นี่มันการก่อกบฎแล้ว?ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก "ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้นพวกท่านจะมาทำท่าทางราวกับพวกท่านใหญ่โตที่สุดในฟ้าดินนี้ต่อหน้าท่านอ๋องเจวี้ยนทำไมกัน? ถุด"นางยิ้มประชดประชันเดิมทีฮูหยินชิ่งกับนักปราชญ์เฒ่าที่อวดดีเสียเหลือเกินก็ถูกแทงปล่อยลมออกพร้อมกัน"โยมน้อยฟู่ อาตมาฉือเชิน" ปรมาจารย์ฉือเชินยิ้มๆ ยังอยู่ในท่าทีใจดี"ท่านปรมาจารย์ ท่านปรมาจารย์" ฟู่จาวหนิงโบกมือให้อย่างมีไมตรีจิตการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ยิ่
ฟู่จาวหนิงคิดๆ จากนั้นก็โยนกล่องไปให้กับชิงอีชิงอีตกใจสะดุ้งโหยง รับเอาไว้แน่น"ข้าออกไปส่งท่านปรมาจารย์แล้วกัน พวกท่านคุยกันไปนะ"ถึงอย่างไรภารกิจของนางก็น่าจะเสร็จสิ้นแล้วกระมัง? ถัดจากนี้เซียวหลันยวนจะไปงัดอย่างไรกับสองคนนั้น นางก็จะไม่ฟังแล้วไม่ว่าท้ายสุดเขาจะได้รับของอะไร ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนางฟู่จาวหนิงส่งปรมาจารย์ฉือเชินออกมาด้านนอก ใต้ต้นกานพลูในสวนต้นหนึ่ง ปรมาจารย์ฉือเชินยืนนิ่งอยู่ เขามองฟู่จาวหนิง จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา นิ้วมือยังกำลูกประคำไว้ ตบลงไปที่กระหม่อมฟู่จาวหนิงทีหนึ่ง"!"ฟู่จาวหนิงเกือบจะลงมือแล้ว แต่พอประสานกับสายตาใจดีของปรมาจารย์ฉือเชิน นางก็ควบคุมเอาไว้นางยืนอยู่ที่นั่น ยอมให้ปรมาจารย์ฉือเชินตบลงไปที่กระหม่อมถึงสามทีก๊องก๊องก๊องฟู่จาวหนิงราวกับได้ยินเสียงสามเสียงดังขึ้นแว่วๆ ห่างไกล คล้ยกับระฆังโบราณ และดูคล้ายกับทำนองพุทธบางอย่างนางมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง ลืมไปหมดว่าตนเองอยู่ที่ใด ข้างกายคือใคร เสียงรอบๆ ก็ราวกับสลายหายไปไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เสียงของปรมาจารย์ฉือเชินก็ดังขึ้นมา"โยมน้อย"หลังจากได้ยินเสียงของเขา เบื้องหน้าฟู่จาวหนิงก
"ในเมื่อไม่หย่ากันแล้วชั่วคราว เช่นนั้นท่านก็ต้องมีชีวิตไว้ก่อน ข้าไม่อยากเพิ่งแต่งงานสามีก็ตาย"ฟู่จาวหนิงคิดเข้าใจแล้ว ตัวตนฐานะพระชายาอ๋องเจวี้ยนนี้มีทั้งคุณและโทษ ในเมื่อตอนนี้หย่าร้างไม่ได้ นางก็ทำให้มั่นคงเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันแต่ถ้าหากหลังจากแต่งงานกับพวกเขาไปได้ไม่กี่วันอ๋องเจวี้ยนก็มาตายลง เช่นนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงคงได้มีข่าวลือที่ไม่เป็นประโยชน์กับตัวนางมากมายแน่ๆคงมีคนมาพูดว่านางสังหารสามีของเธอแน่ยิ่งไปกว่านั้น องค์จักรพรรดิกับฮองเฮาจ้องเขม็งที่ตราประทับแคว้นเจากับองครักษ์เงามังกรในมืออ๋องเจวี้ยนตาเป็นมันอย่างเห็นได้ชัด หากเขาตายไป ของเหล่านั้นจะให้ไปอยู่กับองค์จักรพรรดิอย่างราบรื่นไม่ได้ หญิงสาวตัวเล็กอ่อนแอที่แขวนตำแหน่งพระชายาอ๋องเจวี้ยนไว้ที่คอ อย่างนางจะต้องเจอกับพายุฝนกระหน่ำแน่นอนดังนั้น ตอนนี้เขาจึงยังตายไม่ได้เด็ดขาดแต่เมื่อครู่เขาเป็นลมเลือดกำเดาไหลแล้ว ตอนนี้ยังตัวเย็นจนเป็นน้ำแข็งอีก ตอนนางจับชีพจรให้เขาก็พบว่าเขาเหยียบเท้าข้างหนึ่งไปที่ประตูยมโลกแล้วเรียบร้อยเซียวหลันยวนถูกนางพูดจนใจตื้อไปหมดไม่อยากแต่งงานใหม่สามีก็มาตาย?แต่ว่าเขาเองก็ทนไม่ไหวแ
"จินเสวี่ย ไม่รู้ว่าท่านอ๋องช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ข้ากังวัลเหลือเกิน"หญิงสาวที่พูดหน้าตาสะสวย สวมชุดกระโปรงชมพูม่วงพื้นขาว ท่วงท่าสง่างาม ถ้าบอกว่าเป็นลูกคุณหนูจากบ้านใดบ้านหนึ่งก็ไม่มีคนสงสัยและหญิงสาวใบหน้ากลมที่นั่งอยู่ตรงข้ามนาง มีลักยิ้ม ดวงตามีแววขบขัน มองนางแล้วดูน่าคบหา เพียงแต่คิ้วคู่นั้นดูองอาจไปหน่อย ทำให้ความน่าคบหาของนางเป็นกลางไป ตอนที่นางไม่ยิ้มกลับดูเหมือนโกรธหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำแต่แม่นางสองคนนี้ล้วนหน้าตาดีอย่างไม่ต้องสงสัย"ข้าเองก็กังวลท่านอ๋องเหมือนกัน ไม่รู้จากไปตั้งนานหลายปี ผู้ดูแลจงจะดูแลพวกคนใช้ในจวนได้ดีไหม จะปล่อยให้พวกเขาทำงานลวกๆ ไม่ได้ จะดูแลท่านอ๋องไม่ดีเอา""ถ้าไม่ใช่มีคนส่งจดหมายไปแจ้งให้ท่านอ๋องรีบกลับเข้าวังหลวงด่วน ท่านอ๋องคงไม่ทิ้งพวกเราสองคนไว้ ยิ่งไปกว่านั้นที่เร่งเดินทางกลับมา ร่างกายท่านอ๋องจะรับไหวได้อย่างไร""ถูกต้อง ท่านพี่ไป๋ซวง ท่านรู้ไหมว่ใครเขียนจดหมายถึงท่านอ๋อง? ทำไมท่านอ๋องของพวกเราถึงได้เชื่อคนที่เขียนจดหมายนั่น?"สาวใช้สองคนนี้ คือสาวใช้ใหญ่ระดับหนึ่งของจวนอ๋องเจวี้ยน จินเสวี่ยกับไป่ซวงพวกของชิงอีทำงานอย่างซักผ้าปะชุด
รีบขนาดนั้นเลยหรือ?เขายังไม่ทันได้บอกพวกนาง ว่าตอนนี้ในจวนอ๋องมีพระชายาแล้วนะแต่ว่า ผู้ดูแลจงเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร สาวใช้สองคนนี้ติดตามท่านอ๋องมาโดยตลอด น่าจะรู้จักวางตัวนั่นล่ะพวกนางพอกลับมาก็ไม่สนที่จะพักผ่อน รีบร้อนตรงไปรับใช้ท่านอ๋องก่อน นี่ก็เป้นการแสดงออกในการดูแลท่านอ๋องด้วยล่ะนะมิน่าท่านอ๋องจึงพานางทั้งสองไปด้วยกันฟู่จาวหนิงแทบแทงเซียวหลันยวนจนเป็นเม่นไปแล้วนอกจากหน้าอกยังมีแขนทั้งสองขาและที่ขาด้วย"พวกเจ้าไปดูหน่อยว่าชิงเตรียมเสร็จหรือยัง ถ้าเตรียมเสร็จแล้ว ก็เอาเจ็ดส่วนลงจากหม้อเตรียมอาบให้กับเซียวหลันยวน ส่วนอีกสามส่วนนำไปต้มยาสักหนึ่งเค่อแล้วใส่เปลือกส้มหลายแผ่นกับเป้ยหมู่อีกช้อนหนึ่งลงไปด้วย จากนั้นต้มอีกหนึ่งเค่อแล้วพักใส่ชามไว้"หงจั๋วกับเฝิ่นซิงไม่กล้ามองไปทางอ๋องเจวี้ยนเลยพอได้ยินคำพูดของฟู่จาวหนิงก็รีบรับคำแล้วออกไปทันที แง้มประตูไว้สาวใช้สองคนเพิ่งจะออกไป จินเสวี่ยกับไป๋ซวงก็เข้ามาพอดีองครักษ์ลับที่คอยคุ้มกันเรือนพอเห้นจินเสวี่ยกับไป๋ซวง ก็ไม่ได้ปรากฎตัวออกมาขวางพวกเขาล้วนรู้ว่า สองคนนี้เป็นสาวใช้ที่ท่านอ๋องพาไปไหนมาไหนตลอดจินเสวี่ยกับไป๋ซวงเข้
คิดไม่ถึงว่าตรงนี้ยังมีเรื่องของนางอยู่ด้วย?"ข้าน้อยพบว่า สินค้ามากมายของนายท่านเจี๋ยเป็นของที่ฮูหยินอู๋คนนั้นให้มา ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านเจี๋ยก็ยังฟังคำพูดฮูหยินอู๋มากด้วย ฮูหยินเฉิงคิดว่านายท่านเจี๋ยชอบนางมากจริงๆ แต่อันที่จริงคนที่นายท่านเจี๋ยชอบคือฮูหยินอู๋"เซียวหลันยวนขมวดคิ้วพูดไปพูดมาก็ยังวกอยู่กับความรักของคนสามคนนั้น? สับสนยุ่งเหยิงไปหมดแต่เซียวหลันยวนเองก็รู้ว่าคนผู้นี้พอพูดถึงฮูหยินอู๋แล้ว เรือ่งก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจึงระงับความรำคาญแล้วฟังต่อไป"นายท่านเจี๋ยมาที่เมืองจื่อซวี เป็นคำสั่งของฮูหยินอู๋ และที่นายท่านเจี่ยเลือกฮูหยินเฉิง ก็เป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย นายท่านเจี่ยให้ข้าไปคัดคน ให้พวกเขาขึ้นยอดเขาโยวชิงหาตัวพระชายามารักษาโรค น้ำเสียงที่บอกกับข้ามาตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย"ฟังถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็หน้าขรึมลง"ดังนั้น นี่เป็นคำสั่งของตระกูลอู๋รึ?""เรียนท่านอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่กล้ายืนยัน พูดได้แค่ว่าข้าน้อยได้ยินมาคือแบบนี้ ไม่กล้าปิดบังท่านอ๋อง เพื่อไม่ให้ท่านอ๋องตรวจสอบผิดทิศทาง""ให้เงินประชาชนพวกนั้นไปเท่าไร?""
พอได้ยินว่าหวดแส้ห้าสิบที แล้วยังสาดน้ำเกลืออีก คนติดตามคนนั้นก็พับยวบลงไป"อ๋องเจวี้ยนโปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย!""ตี" เซียวหลันยวนไม่มีปราณี พอเห็นว่าไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไรก็คิดจะตีลงมาฟาดแสห้าสิบที ชีวิตคงไม่เหลือแน่ๆ"ข้าบอกข้าบอกแล้ว!" คนติดตามตกใจจนน้ำหูน้ำตาไหลชิงอีเห็นเขาก็ร้องหึในลำคอ"ขี้ขลาดแบบนี้ ยังกล้าคิดจะวางแผนทำร้ายพระชายาเราอีก?"ยังคิดว่าจะแข็งกร้าวหน่อย ที่แท้ก็แค่นี้เอง?"ข้าน้อยแต่ก่อนเคยอยู่ที่เมืองหลวงจริงขอรับ เป็นญาติบ้านฝ่ายหญิงฮูหยินรองแห่งจวนตระกูลซ่งในเมืองหลวง"จวนตระกูลซ่ง ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยายังเป็นท่านหญิง จวนตระกูลซ่งทุกวันก็เต็มไปด้วยรถม้าสัญจรไปมา เป็นตระกูลที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูซ่งอวิ๋นเหยาคิดจะทำร้ายฟู่จาวหนิง นางกับตระกูลซ่งถูกเซียวหลันยวนถอนรากถอนโคน ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่มีจวนตระกูลซ่งอยู่อีกแล้วเซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้คิดว่าที่นี่จะมีคนที่เกี่ยวข้องไปถึงจวนตระกูลซ่งอยู่ด้วย"หลังจากจวนตระกูลซ่งเกิดเรื่อง ครอบครัวของเราเองก็ล้วนหดหัวใช้ชีวิตกัน พวกเพื่อนๆที่เคยเรียกกันเป็นพี่น้องของข้าก็ทอดทิ้งข้าไม่สนใจข้า ร้านรวงที่เกี่ยวข้องกับจว
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่พวกนางก่อนหน้านี้ทะเลาะกันใหญ่โตขนาดนั้นแท้ๆ และรู้ว่าหล่อนต้องไม่ชอบนางแน่ แต่ก็ยังวิ่งแจ้นมาโผล่ตรงหน้าเรียกร้องความสนใจอยู่เรื่อยในเมื่อกระทั่งเซียวหลันยวนก็ยังปล่อยวางแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะอยู่ห่างจากนางหน่อยถึงจะถูก"นี่ท่าน...""หลบไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงผลักนางออกไปข้างๆ เดินผ่านข้างตัวนางไป"ฟู่จาวหนิง!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดจะยื่นมือไปดึงนาง แต่เสี่ยวเยว่ก็เข้ามาขวางแทนฟู่จาวหนิงแล้ว "องค์หญิงใหญ่โปรดสำรวมด้วย"อย่าเอาแต่พัวพันกับคุณหนูของพวกเขาให้ตายสิ แค่เพื่ออ๋องเจวี้ยนคนเดียว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพัวพันคุณหนูของพวกนางนานเกินไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำได้แค่มองฟู่จาวหนิงเดินจากไปนางกัดฟัน เต็มไปด้วยความจนใจและผิดหวังเซียวหลันยวนลงเขาไป เพียงไม่นานก็ตรวจสอบจนเจอคนที่ยุยงคนเหล่านั้นให้ขึ้นไปหาฟู่จาวหนิงบนยอดเขาโยวชิงแม้จะไม่ใช่ฮูหยินเฉิง แต่ก็เกี่ยวข้องกับฮูหยินเฉิงอยู่ระดับหนึ่งหลังจากเจ้าอุทยานเฉินตายไป มีพ่อค้ามั่งคั่งคนหนึ่งนำขบวนพ่อค้าผ่านเมืองจื่อซวี ตนเองก็คิดไม่ถึงว่า จะสามารถทำกำไรอย่างมา
"แต่ที่ข้าเห็นในการทำนายดารา ถ้าหากข้ายังอยู่กับอ๋องเจวี้ยน สุด้ายข้าก็ถูกท่านฆ่าตายอยู่ดี! ท่านรู้ไหมว่าทำไมท่านถึงมาฆ่าข้า? เพราะท่านกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วยกันตลอด หลังจากนี้ก็จะเจอความยากลำบากครั้งใหญ่ด้วยกัน เรื่องเหล่านั้นจะกดดันตัวท่าน ทำให้ท่านพังทลาย ตอนนั้นท่านก็บิดเบี้ยวไปหมดแล้ว เอาแต่จะเกาะเขาไว้ไม่ยอมปล่อย หญิงสาวทั้งหมดที่เข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน ท่านล้วนเกลียดชัง ล้วนคิดจะฆ่าทิ้งให้หมด!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลัวฟู่จาวหนิงไม่ฟัง ดังนั้นจึงพูดออกมาอย่างรวดเร็วและร้อนรนนางยื่นมือจะจับแขนฟู่จาวหนิง แต่ก็ถูกฟู่จาวหนิงเบี่ยงออก"จริงนะ แม้ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้ว แต่สุดท้ายสภาพเจ้าแบบนั้นก็น่ากลัวมาก! เจ้าเปลี่ยนไปหมด เหมือนนางปีศาจไม่มีผิด ไม่ใช่หมอเทวดาที่ผู้คนยกย่องอีกแล้ว ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ล้วนเป็นหญิงสาว ท่านเองก็ยังเคยรักษาโรคของข้ามาแล้ว ข้าไม่อยากเห็นท่านกลายเป็นแบบนั้นในตอนท้ายเลยจริงๆ!""ถึงตอนนั้น อ๋องเจวี้ยนก็จะรังเกียจท่าน ไม่ดีกับท่านอีกแล้ว สุดท้ายพวกท่านก็จะเกลียดชังกัน ข้าไม่เห็นว่าตอนสุดท้ายพวกท่านเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายท่านก็สู้เขาไม่ได
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม