สวนสัตว์เชียงใหม่
อนวินท์แอบลอบมองภรรยาสาวแล้วนึกขำที่หญิงสาวนั่งกอดอกเกือบตลอดทาง ก่อนจะหันไปยิ้มให้เด็กชายนนทวัตรที่นอนดูดนม อนวินท์ต้องการให้ลูกชายเป็นระเบียบจึงจัดให้ไปนั่งด้านหลัง ตอนแรกเด็กชายแอบมีงอแง แต่อนวินท์ก็มีมาตรการกำหราบโดยที่เด็กชายทำตามแต่โดยดี ต้นน้ำเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ปกติน้องนนท์จะไม่ยอมอะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้สิ่งที่ตนเองปรารถนา ต้นน้ำมีลูกชายเพียงคนเดียวดังนั้นอะไรที่เด็กชายต้องการ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงต้นน้ำก็พร้อมจะทำตามใจลูกชายตัวน้อยอย่างเต็มที่ ดังนั้นหญิงสาวมักจะเห็นเด็กชายจะร้องไห้จนกว่าจะได้สิ่งที่พอใจ ต้นน้ำจึงแปลกใจแค่อนวินท์พูดแค่สองสามประโยค เด็กชายก็ยอมไปนั่งที่ที่นั่งเด็กอย่างโดยดี แถมยังชอบอีกด้วย “น้ำหิวไหมไม่ได้ทานอะไรเลย พี่กับน้องนนท์รองท้องกันบ้างแล้ว” ต้นน้ำนิ่งเงียบทำเสมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด อนวินท์แกล้งเลี้ยวรถแล้วโน้มตัวมาใกล้ ต้นน้ำหันไป หมายจะด่าแต่ก็อึ้งเมื่อใบหน้าของเขาและเธอห่างกันนิดเดียว ในขณะที่รถติดสัญญาณไฟแดง “พี่ถาม ได้ยินไหมครับ” อนวินท์กระซิบถาม ตาจ้องหน้าภรรยาสาว แววตาส่งความหมายพิเศษ ต้นน้ำนั่งนิ่ง รีบหลบตาหญิงสาวเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าแววตาของชายหนุ่มส่งความหมายประหลาด “ได้ยิน แต่ไม่อยากตอบไม่อยากพูด ไม่อยากมา อยากอยู่บ้านแต่ถูกบังคับ” ต้นน้ำกระซิบชนิดที่ได้ยินกันแค่สองคน เสียงหัวเราะของอนวินท์ยิ่งทำให้ต้นน้ำรู้สึกหงุดหงิด “อดทนอีกนิดแล้วจะชอบ เราจะไปย้อนอดีตกันหน่อย กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นี่ผมมีข้อมูลเพียบ” อนวินท์ชูมือถือรุ่นใหม่ แกว่งไปมา “ขี้คุย คนกรุงเทพฯ คุณอยู่กรุงเทพฯ มาตลอด มาเชียงใหม่ไม่กี่วันจะมาอวดคนอยู่เชียงใหม่มาหลายปีงั้นเหรอ” ต้นน้ำเถียงอย่างนึกหมั่นไส้อีกฝ่าย “เชื่อเถอะนะ ถึงแค่มาอยู่ไม่กี่วัน แต่ข้อมูลเพียบผมเข้าไปหาข้อมูลในกูเกิ้ลเพียบเลย” อนวินท์ยิ้มใบหน้าสดใส ช่างต่างจากนายแพทย์ที่เคร่งขรึมเอาจริงเอาจังในงานอย่างสิ้นเชิง “จะคอยดู” ต้นน้ำพูดเสียงเย็น ผ่านไปกว่าสามชั่วโมงต้นน้ำก็รู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเป็นจริง ชายหนุ่มพาไปดูนกฟรามิงโก้ ก่อนจะพาขึ้นรถรางไฟฟ้าด้านบน ที่เห็นทัศนียภาพ เด็กชายนนท์วัตรเป็นคนเดียวที่ตื่นเต้นมากกว่าใคร ในขณะที่อนวินท์ก้มอ่านข้อมูลเป็นระยะๆ มือก็อ่านแผนที่ไปด้วย ต้นน้ำแม้ในใจจะรู้สึกมีความสุขที่เห็นลูกชายหัวเราะเสียงดัง เด็กชายกอดคอชายหนุ่มยามเมื่อนายแพทย์หนุ่มอุ้มเด็กชายขึ้นมาหลังจากเดินกันมาสักพัก “เดี๋ยวเราไปดูการแสดงแมวน้ำ กับนกเพนกวินกัน น้ำหิวไหม นี่ก็สายแล้ว” ต้นน้ำหยุดเดินแล้วตอบ “ไม่ค่ะ ไม่หิว เลิกถามสักทีได้ไหมอยากทำอะไรก็เชิญเลย” อนวินท์ก้มหน้าลงหอมแก้มพยาบาลสาวอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำตกใจก่อนจะตวาดเสียงแข็ง “นี่ ทำอะไร” “ก็น้ำบอกว่า อยากทำอะไรก็เชิญพี่อยากหอมแก้มเมีย พี่ก็หอม มีอะไรไหม” ต้นน้ำเม้มริมฝีปากก่อนบิดที่ต้นแขนของชายหนุ่มอย่างแรง อนวินท์นิ่วหน้าแต่ก็หัวเราะเสียงดัง เด็กชายนนท์วัตรเห็นชายหนุ่มหัวเราะก็หัวเราะตามอย่างไร้เดียงสา ต้นน้ำมองภาพนั้นแล้วรู้สึกซึ้งใจ ภาพนี้เคยเป็นภาพในความฝัน ใครจะเชื่อภาพนั้นกำลังเกิดขึ้นจริง หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายก่อนจะปล่อยหัวใจไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรู้สึกอ่อนใจที่จะไปแข็งขืน เด็กชายนนท์วัตรตื่นเต้นที่เห็นการแสดงของแมวน้ำที่แสนรู้ เด็กชายกระโดดไปมา ต้นน้ำเผลอยิ้มที่เห็นลูกชายมีความสุข หญิงสาวเผลอยิ้มแต่เมื่อสบสายตานายแพทย์อนวินท์ที่กำลังจ้องมองนิ่งอยู่ ก็หุบยิ้มทันที ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น “อยากยิ้มก็ยิ้ม ไม่ต้องเก๊กหรอก หน้ากากของน้ำถอดออกบ้างก็ได้” “อย่ายุ่ง ไม่ใช่เรื่องของพี่หมอ” “เรื่องของพี่โดยตรงเลยล่ะ พี่ชอบเห็นน้ำยิ้มมันทำให้โลกสดใส” อนวินท์ก้มหน้าลงมากระซิบข้างๆหู ต้นน้ำเบนหน้าหนี มีความคิดจะเดินหลีกไปอีกทางแต่ถูกชายหนุ่มดึงแขนไว้ ต้นน้ำถลึงตาดุ แต่อนวินท์ทำสีหน้าปกติ ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกขัดใจที่ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะติดที่ลูกชายตัวน้อยที่ดูมีความสุขกับทริปสวนสัตว์ที่มานับครั้งไม่ถ้วน แต่อาจพิเศษที่ครั้งนี้มากันพร้อมหน้า และอนวินท์เป็นไกด์ได้ดีตามที่คุยไว้ ยิ่งทำไห้เด็กชายนนท์วัตรสนุกที่ได้มีส่วนร่วมกับบิดามารดาพร้อมหน้า ยิ่งทำให้เด็กชายสดใส หัวเราะ กระโดดโลดเต้นตลอดทาง ความสุขของลูกทำให้ต้นน้ำพลอยมีความสุขตามไปด้วย ก่อนจะสะท้อนใจว่าความสุขครั้งนี้มันจะอยู่นานสักแค่ไหน ต้นน้ำถอนหายใจก่อนจะมองลูกชายตัวน้อยซบนอนที่บ่าของชายหนุ่มหลังจากทั้งวิ่งและเดินหลายกิโลเมตร “เราไปพักดื่มน้ำกันตรงโน้นดีกว่า น้ำคงเหนื่อยแล้ว นี่น้องนนท์ก็หมดฤทธิ์แล้วเหมือนกัน ลูกมีความสุขมากเลยวันนี้” ต้นน้ำพยักหน้าแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย พลางคิดในใจ ปล่อยให้เวลาแห่งความสุขนี้ ผ่านไป ปล่อยใจไปกับความสุข ระหว่างพ่อแม่ลูก เผื่อว่าวันหนึ่ง เขาต้องจากไป อย่างน้อยช่วงหนึ่งยังไม่เวลาดีๆ ที่อยู่ร่วมกัน ร้านอาหารไก่ย่างเชิงดอย อนวินท์เลือกโซนที่อยู่ใกล้ต้นไม้ดอกไม้นานาพรรณ ทำให้รู้สึกสดชื่นตั้งแต่เดินเข้ามา “ตอนที่มาประชุมท่านผู้อำนวยการ พามาทานอาหารร้านนี้พี่ติดใจ คิดในใจว่าต้องพาน้ำกับนนท์มาทานให้ได้ อาหารอร่อยบรรยากาศดี” อนวินท์พูดขณะพาเดินไปที่โต๊ะ ต้นน้ำมองไปรอบๆ ถึงแม้ว่าเธอจะมาอยู่เชียงใหม่หลายปี แต่ไม่เคยมาทานอาหารร้านนี้เลย อาจเป็นเพราะงานที่รัดตัวแล้วยังมีลูกน้อยอีก ทำให้ส่วนใหญ่จะหากินแถวๆ ตลาด หรือในห้างที่ใกล้บ้านมากกว่า แอบนึกชื่นชมชายหนุ่มไม่ได้ว่า เขาช่างมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อนวินท์อุ้มเด็กชายนนท์วัตรที่ยังคงง่วงนอนเพราะหลับมาตลอดทางจากสวนสัตว์จนถึงร้านอาหารนี้ ชายหนุ่มให้ลูกชายนอนแนบอกซึ่งเด็กชายนนท์วัตรกอดคอแล้วซบหลับอย่างสบาย ต้นน้ำมองภาพนั้นอย่างรู้สึกตื้นตันใจแม้ว่าภายในใจจะปฏิเสธมากแค่ไหน แต่ภาพความอบอุ่นของครอบครัวกลับทำให้เธอทำใจแข็งไม่ได้นาน “พี่หมอส่งนนท์มาให้น้ำเถอะค่ะ” “ไม่เป็นไร ให้นอนอีกสักหน่อย รออาหารมาแล้วค่อยปลุก” “แต่....” “นนท์ก็ลูกพี่เหมือนกัน ให้พี่แบ่งเบาภาระน้ำบ้าง พี่เสียเวลาไปหลายปีแล้วต่อจากนี้พี่จะไม่เสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว” อนวินท์จ้องหน้าภรรยาสาวอย่างจริงจัง ต้นน้ำประสานสายตาอย่างนิ่งสงบ เมื่อพนักงานเอาเมนูอาหารมาให้ หญิงสาวเลยหันไปสนใจกับเมนูอาหารเพราะเริ่มรู้สึกหิวมากๆเหมือนกัน “เอาไก่ย่างหนังกรอบ ตำปูปลาร้ารสจัด ลาบไก่ ผัดผัก คอหมูย่างโหระพา ต้มยำเห็ด” ต้นน้ำสั่งเพลินเพราะไม่ได้ทานอะไรตลอดทั้งวัน อนวินท์หัวเราะเบาๆ แล้วถาม “สั่งมานี่ทานไม่หมด จะโดนนะ”ในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก