ชายคนหนึ่ง ที่ถูกภรรยาสาวทิ้ง หายออกไปจากชีวิต กว่า 4 ปี แต่แล้ว โชคชะตาทำให้ชายหนุ่มตามหาเธอจนเจอ คุณหมออนวินทร์ ทั้งไขว่คว้า ใช้ทั้งเล่ห์กล ทุกวิถีทางเพื่อให้เธอกลับมาเป็นคู่ชีิวตอีกครั้งจนได้
View Moreโรงพยาบาลเลิศวสิน
พยาบาลสาวจอย กำลังสาละวนกับเอกสารที่กองอยู่บนหน้า เสียงโทรศัพท์มือถือดังติดๆ กัน หญิงสาวมองหาโทรศัพท์มือถือ ที่ตนเองลืมไปแล้วว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน ก่อนจะค้นเอกสารที่วางกองตรงหน้าจนพบว่าเอกสารวางทับโทรศัพท์มือถือไว้ “จอยค่ะ” “จอย เราเองนะ” “น้ำ...ยัยน้ำ ดีใจจัง แกหายไปเลยนะ ตั้งแต่ที่เราเจอที่เชียงใหม่เมื่อต้นปี แกเป็นยังไงบ้าง” “สบายดี ตามสมควร” “แหม แกนี่โทรมาได้จังหวะพอดี รู้ไหมพี่หมอเพิ่งกลับมาจากเมกาเมื่อวาน เห็นพวกสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ตอนนี้พี่หมอเป็นรองศาตราจารย์แล้วนะแก สามปีแล้วนะน้ำทำไมแกยังไม่ยกโทษให้พี่หมอสักทีแล้วไหนจะน้องนนท์อีก” “จอย แกหยุดพูดถึงเขาคนนั้นสักที แกก็รู้ก็เห็น เหมือนที่ฉันเคยเห็นฉันไม่มีวันยกโทษให้คนทรยศอีกอย่างขอร้องนะจอย อย่าพูดเรื่องนี้ถ้ารักกันจริง แกอย่าพูด” ต้นน้ำแอบปาดน้ำตาที่ไหลออกมา “น้ำ ฉันขอโทษ ว่าแต่แกมานี่มีธุระอะไร” “ฉันอยากให้แกช่วยอะไรบางอย่าง สำคัญมาก” ระหว่างที่พูด จอยยืนหันหลังให้กับโต๊ะ จึงไม่เห็นว่ามีอีกบุคคลหนึ่งกำลังเดินเข้ามา จอยคุยเพลินจนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกในระยะประชิดตัวโทรศัพท์มือถือหญิงสาวยังถือค้างไว้ “จอย ผมอยากได้ผลแล๊ป ห้องหนึ่งศูนย์แปด ตามให้ผมที” เสียงนายแพทย์อนวินท์ ซึ่งตอนนี้เป็นรองศาตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในแผนกอายุรกรรม “คุณหมอ” จอยหัวใจเต้นแรง เพราะในมือยังถือมือถือที่เพื่อนสาวอดีตภรรยาของนายแพทย์หนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าฟังอยู่ปลายสาย จอยขยับโทรศัพท์แบบตั้งใจให้เพื่อนได้ยินเสียงนายแพทย์หนุ่มอย่างชัดเจนอย่างตั้งใจ ในใจแม้แอบเอาใจช่วยเพื่อนสาว แต่ภาพในอดีตเมื่อสามปีก่อน เป็นใครก็ต้องเชื่ออย่างที่เพื่อนของเธอคิดแม้แต่ตัวเธอเอง แม้จะเชื่อมั่นในตัวนายแพทย์หนุ่มที่ทำงานมาหลายปีตั้งแต่จบ แต่ภาพที่เห็นมันชวนให้เชื่อตามที่เพื่อนสาวคนสนิทคิด และอีกหลายต่อหลายครั้งที่ตามมาเป็นเพื่อน เพื่อนสาวคนสนิท จอยเองยอมรับว่าแรกๆก็ผิดหวังในตัวชายหนุ่มมิใช่น้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวได้เห็นอาการอกหักสิ้นหวังของนายแพทย์หนุ่ม เมื่อเพื่อนสาวของเธอหนีหายไปจากชีวิต จำได้ว่านายแพทย์หนุ่มเสียศูนย์อยู่เกือบปี ความคิดเชื่อมั่นว่านายแพทย์หนุ่มต้องรักเพื่อนของเธอมากๆ ก็ยังวนเวียนอยู่ในสมอง และเธอก็หวังว่าสักวันทั้งสองคนจะกลับมาปรับความเข้าใจกัน เสียงอดีตสามี เสียงดังที่ลอดมาตามสาย ทำให้ต้นน้ำถึงกับอาการชาไปทั่วร่างกาย มือที่จับมือถือสั่นจนต้องใช้อีกมือมาจับเอาไว้ น้ำตาไหลริมฝีปากเม้มแน่น ทำไมเธอจะจำเสียงที่แม้ว่าผ่านไปสามสี่ปีแต่เสียงนี้ยังกึกก้องอยู่ในหู “อ้าว จอยผมถาม เรื่องผลแล็บคนไข้ว่าไง นี่ผมต้องการด่วนนะครับ” รศ.นพ.อนวินท์ขมวดคิ้วกับท่าทางแปลกๆ ของพยาบาลสาวคนสนิท “เออ เดี๋ยวจอยไปตามให้นะคะ แล้วจอยจะรีบเอาไปให้ที่ห้องคุณหมอค่ะ” “เป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อกี้หน้าซีดๆ เห็นชมพู่บอกว่า คุณอยู่เวรดึก แล้วมาต่อกะเช้าเลย ไหวหรือเปล่าไม่เหนื่อยหรือไง” “เออ จอยสบายดีค่ะพอดีคนขาด จอยพอไหวค่ะ” พยาบาลสาวซาบซึ้งความห่วงใยของนายแพทย์ ซึ่งเปรียบเสมือนเจ้านาย ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนนายแพทย์หนุ่มก็ยังเป็นห่วงลูกน้องทุกคน ไม่แปลกใจว่าตั้งแต่นายแพทย์หนุ่มกลับมาเป็นโสดอีกครั้งจะเนื้อหอมยิ่งกว่าเดิม ต้นน้ำยืนฟังบทสนทนาระหว่างอดีตสามีกับเพื่อนสนิทด้วยหัวใจเจ็บหนึบ ไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนเธอยังจำน้ำเสียงนี้ได้ดี ต้นน้ำเข่าอ่อนน้ำตาไหลไหลพรากหัวใจเต้นรัวเร็ว กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน รวมๆก็เกือบสี่ปีแล้วสินะ ไม่น่าเชื่อพลันสายตาของต้นน้ำเหลือบไปเห็นลูกชายตัวน้อย วิ่งเล่นกับสุนัขคู่ใจ ใบหน้าที่เหมือนกันกับพ่อของเด็กชายราวฝาแฝด ต่างกันที่อายุ มือที่จับมือถือแน่นโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในโทรศัพท์เป็นเสียงหญิงสาวที่เป็นตัวแปรที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของตนเองพังไม่เป็นท่า ต้นน้ำจับมือถือจนแน่นจนรู้สึกเจ็บมือ น้ำตาไหลเงียบๆ “หมอวินท์ค่ะ นิไปหาที่ห้องพักแล้วไม่เจอ มีเคสจะปรึกษาค่ะ” แพทย์หญิงนิภา เอามือคล้องที่แขนชายหนุ่ม ด้วยท่าทางที่สนิทสนม ต้นน้ำจับมือถือแน่น อีกมือจิกที่ต้นขาอย่างแรง หูยังก้องบทสนทนาของชายหนุ่มผู้เป็นอดีตสามี และแพทย์หญิงที่มีส่วนทำให้ครอบครัวเธอล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ริมฝีปากหญิงสาวเม้มแน่น แต่ก็ต้องอดทนฟังบทสนทนาต่อไปอีกสักพัก พยาบาลสาว นึกเห็นใจเพื่อนสาวที่ฟังปลายเสียง เดาก็รู้ว่าต้องเจ็บปวดแน่นอน จอยจึงตัดสินใจตัดบทมองภาพ แพทย์หญิงที่พูดจาออดอ้อนกับนายแพทย์หนุ่ม แล้วรู้สึกขัดตาจึงพูดแทรกเบาๆ “เออ เดี๋ยวจอยเอาผลแล็ปไปให้นะคะ คุณหมอ” “โอเค เร็วหน่อยนะ ผมรีบ” “นิ มีอะไรจะคุยกับผมครับ เชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่า” เสียงนายแพทย์อนวินท์ พูดอย่างนุ่มนวล แพทย์หญิงนิภาหันไปมองจิกพยาบาลสาว ก่อนยิ้มเยาะที่มุมปากเสมือนจะบ่งบอกสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างตนเองและนายแพทย์หนุ่ม จอยแอบแลบลิ้นล้อเลียน แพทย์หญิงสาวอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปมองจนร่างของชายหนุ่มและหญิงสาว ลับสายตาไป “แก ยังฟังอยู่หรือเปล่า ตกลงแกมีอะไรให้ฉันช่วยไหม” จอยคุยสายกับเพื่อนสาวต่อ “น้ำ แกฟังฉันหรือเปล่า ฉันถามว่าแกมีอะไรหรือเปล่า” จอยถามน้ำเสียงนุ่มนวล เนื่องจากรู้อารมณ์เพื่อนสาวดีว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “น้ำ แกเป็นไงบ้าง” จอยถามเพื่อนสาวอีกครั้ง ต้นน้ำพยายามเงยหน้าให้น้ำตาไหลย้อนกลับ มือปาดน้ำตา หัวใจยังเจ็บชาไปทั่วเรือนร่าง เฝ้าหลอกตัวเองว่าคงลืมเขาได้ในไม่ช้า แต่เมื่อได้ยินเสียงความหลังกลับถาโถมราวกับละครแจ่มชัดในหัวสมอง หญิงสาวสูดลมหายใจ ตามองไปที่เด็กน้อยวัยสามขวบที่วิ่งไล่กับสุนัขตัวน้อย น้ำตาหยดอาบแก้ม “จอย เรามีเรื่องจะให้ช่วย จอยต้องช่วยเรานะ” ต้นน้ำส่งเสียงอ้อนวอน เมื่อเพื่อนสาวอธิบายถึงความต้องการ พยาบาลสาวจอย ถึงกับอ้าปากค้าง “เฮ้ย นั่นมันขโมยชัดๆ นะ น้ำ ล็อคเกอร์นั้นมันไม่ใช่ของแกคนเดียวนี่นา มันเป็นของคุณหมอด้วย นี่ถ้าแก โทรมาอาทิตย์ก่อนเรื่องมันจะง่ายกว่านี้ นั่นมันล็อคเกอร์ของแกกับคุณหมอ แล้วถ้าฉันไปเปิด เสี่ยงแน่ๆ” พยาบาลสาวจอยปฏิเสธเสียงดังลั่น “จอยแกต้องช่วย ฉันส่งกุญแจให้แกแล้ว พรุ่งนี้แกคงได้รับ ฉันรับรองว่าพี่หมอต้องไม่รู้และสงสัย เพราะเขาคงไม่สนใจว่าอะไรจะหายไปไหน อีกอย่างเขาไม่เคยมาวุ่นวายกับของๆ ฉัน ตั้งแต่เราเคยอยู่ด้วยกันแล้ว” ต้นน้ำยืนยัน “นี่แกจะให้ฉันไปไข เอาสร้อยนั้นส่งไปให้แกจริงๆ เหรอ” “ใช่ ฉันอยากเก็บไว้ให้น้องนนท์ แกช่วยฉันหน่อยแล้วกัน” ต้นน้ำสรุป จบการสนทนากับเพื่อนรัก ต้นน้ำก็เดินเข้าห้องครัวเตรียมอาหารให้ลูกชายสุดที่รัก ในใจยังเจ็บหน่วงๆ กับเสียงที่ลอดมาจากโทรศัพท์อยู่ๆ น้ำตาก็ไหล จนต้องกัดริมฝีปากไว้แน่น “พอได้แล้วต้นน้ำ เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้คนใจร้ายสองคนนั้นอีก” หญิงสาวปาดน้ำตาสูดลมหายใจแววตามุ่งมั่น สองวันต่อมา พยาบาลสาวจอยถูกเรียกตัวกลับมาที่โรงพยาบาลด่วน โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าคุณหมอเรียกตัวพบด่วนมีธุระสำคัญ หญิงสาวไม่ได้เอะใจอะไรคิดว่าคงตามเรื่องงานปกติ แต่ก็แปลกใจเพราะตนเองเพิ่งลงเวรได้เพียงสามสี่ชั่วโมง ถูกปลุกมาจากที่นอนกันเลยทีเดียว น้อยครั้งจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หญิงสาวเคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต พยาบาลสาวก็ก้าวเข้าไป แล้วก็ต้องแปลกใจนายแพทย์อนวินท์มีใบหน้าเคร่งขรึม จอยยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนทำเสียงกระแอมเป็นการส่งสัญญาณบอกถึงการมาของตัวเอง “ขอโทษที่เรียกตัวด่วน พอดีว่ามีเรื่องต้องถามคุณด่วน ผมอยากบอกว่าของของผมหายจากล็อคเกอร์” อนวินท์กอดอกก่อนจ้องมองลูกน้องคนสนิท สายตาคมเข้มสำรวจท่าทางและแววตา จอยหัวใจเต้นแรงเกิดการโต้แย้งภายในใจ ก่อนจะพูดน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “ของอะไรของหมอหายคะ เผื่อดิฉันจะเห็น” อนวินท์หัวเราะเบาๆ กอดอก ก่อนจะยื่นมือถือที่มีคลิปวีดีโอ พยาบาลจอยรับมาถือก่อนจะกดเพลภาพ แล้วดวงตากลมโตก็สั่นระริก เพราะเป็นภาพของตัวเองที่หันซ้ายหันขวายามวิกาล ไขล็อคเกอร์ก่อนจะหยิบของชิ้นหนึ่งไป “เออ คุณหมอค่ะ จอยไม่ได้เอาอะไรของคุณหมอไปนะคะ” “ผมแจ้งความคุณได้นะจอย” “คุณหมออย่าทำกับจอยแบบนั้นนะคะ จอยมีความจำเป็นจริงๆ คือ ยัยน้ำเขาขอร้องให้จอยมาเอาของเขาชิ้นหนึ่ง” “ไหนคุณเคยบอกผมไงว่าไม่ได้ติดต่อกัน ไม่รู้ว่าน้ำอยู่ที่ไหนเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าผมจะอ้อนวอนยังไงคุณก็บอกไม่รู้ ไม่เห็น” “ตอนนั้นจอยไม่รู้จริงๆค่ะ จอยกราบล่ะค่ะ คุณหมออย่าเอาเรื่องจอยเลย จอยแค่ช่วยเพื่อนเท่านั้นเองค่ะ ยัยน้ำขอร้องให้ทำ” “ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ เพียงแต่คุณบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน” อนวินท์จ้องพยาบาลสาว หัวใจเต้นระทึก สี่ปีแล้วสินะ ที่ภรรยาสาวหนีออกจากชีวิตไป มีเพียงจดหมายและใบคำร้องขอหย่าวางไว้ จำได้ว่าตอนนั้นราวกับถูกทุบศีรษะ ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ภรรยาสาวหนีหายออกไปจากชีวิต จำได้ว่าช่วงชีวิตตอนนั้นตามหาภรรยาสาวราวกับเป็นบ้า จนเกือบเสียผู้เสียคนไปเลยทีเดียว อนวินท์ลุกขึ้นยืนกอดอก “ถ้าคุณบอกที่อยู่ของเขาผมก็จะไม่ส่งคลิปนี้ให้ตำรวจ อ้อ ไม่ต้องส่งข่าวบอกเขาด้วยว่าผมรู้เรื่องแล้ว” อนวินท์ชี้หน้า เบาๆ “จอยไม่เคยไปที่บ้านน้ำค่ะ น้ำให้ส่งของไปที่อยู่ของเพื่อนอีกคนค่ะ” “ใคร” น้ำเสียงอนวินท์ ราวกับตวาด “เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยด้วยกัน แต่เขาทำงานที่เชียงใหม่ค่ะ ชื่อนายเรย์” “ผมขอที่อยู่ได้ไหม แล้วผมจะลบคลิปนี้ออกไปแล้วไม่เอาเรื่องคุณ” อนวินท์พูดน้ำเสียงบอกว่า กระตือรือร้น ชายหนุ่มหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมมาถือนัยน์ตากวาดตามสายตา แล้วมีใบหน้าเคร่งขรึม “ผมต้องรู้ให้ได้ว่า อะไรทำให้คุณหนีออกจากชีวิตผมไปน้ำ ไม่ว่าผ่านไปแค่ไหน ผมก็ไม่เคยลืมคุณ” อนวินท์กล่าวน้ำเสียงเศร้า แต่มีแววตาที่มุ่งมั่น แล้วตนเองก็กดโทรศัพท์ทันที “คุณสายใจเหรอครับ ช่วยทำจดหมายตกลงส่งให้คุณหมอสุชาติที่เชียงใหม่ด้วยที่ท่านทำโครงการแลกเปลี่ยนแพทย์ บอกว่าผมตกลง บอกท่านด้วยให้ท่านลงมากรุงเทพฯได้เลย วันมะรืนผมจะขึ้นไป” อนวินท์วางสาย ก่อนจะมองไปที่รูปแต่งงานที่ตั้งวางบนโต๊ะ แววตามุ่งมั่น “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ผมจะตามหาคุณให้เจอ” อนวินท์ลูบที่ใบหน้าภรรยาสาวที่รูป แววตาแข็งกร้าว “คุณต้องชดใช้ช่วงเวลาที่ทำให้ผมเจ็บปวดแทบปางตาย” อนวินท์คว่ำรูปภรรยาสาวด้วยอารมณ์อึดอัดใจด้วยความน้อยใจ โมโห และปวดร้าวระคนกัน เชียงใหม่ ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดที่เปรียบเสมือนเมืองเศรษฐกิจอันดับต้นๆของประเทศไทย ต้นน้ำนั่งอยู่ในร้านไอติมชื่อดัง ตาก็มองนาฬิกาใจกระวนกระวาย มองไปที่ประตูเป็นระยะๆ ก่อนจะยิ้มเมื่อมองเห็นเพื่อนสนิท เดินยักย้ายพร้อมโบกมือราวกับนางงาม “เรย์ แกมาช้ามากนะเนี่ย” ต้นน้ำบ่นพร้อมเลื่อนน้ำผลไม้ที่สั่งไว้ให้เพื่อนสนิทอย่างเอาใจ “แหมแก ฉันเพิ่งออกเวร นักท่องเที่ยวช่วงนี้เยอะมากฉันก็เลยทำโอทีต่ออีกนิดหน่อย ต้องรีบเก็บเงินแกอยากทำตามฝัน” เรย์ หรือ รัตนชาติ ชายที่ค่อนข้างกระเดียดไปทางหญิง ทำตาเคลิ้มเพ้อฝัน “เอา นี่ของของแก แปลกจริงทำไมไม่ให้ส่งไปบ้านแกเลยล่ะ เอามาลงที่คอนโดฉันทำไมให้ยุ่งยาก” เรย์ จิบปากพูด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มเด็กชายนนทวัตร หรือน้องนนท์อย่างเอ็นดู “แกทำไมต้องทำงานเยอะขนาดนี้ด้วย ครอบครัวก็ไม่มีให้ห่วงแล้วตัวคนเดียวสบายจะตาย” ต้นน้ำลูบมือเพื่อนสนิท “ฉันอยากทำความฝันให้เป็นจริงนะ แต่มันต้องใช้เงินหลายแสน ฉันยังมีไม่ถึงแสนแล้วเงินก้อนนี้ฉันก็ว่าจะเก็บไว้ใช้บั้นปลาย เฮ้อ เมื่อไหร่จะมีผู้ชายรวยๆ มาชอบก็ไม่รู้” เรย์ปิดปากหัวเราะ เมื่อต้นน้ำทำตาโต “เออน่า แกอย่าทำเป็นไม่รู้” เรย์ ทำท่าเอียงอาย “ฉันรู้ ก็แกเล่นติดขนตาซะยาว ทาหน้าซะขาว สมัยตอนเรียนไม่เห็นจะเปิดตัวขนาดนี้เลยนะแก” ต้นน้ำพูดจบแล้วหัวเราะเสียงดัง มือก็ตักไอติมป้อนลูกชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยน “ก็ตอนนั้นป๊ากับม๊าอยู่ก็เกรงใจ ตอนนี้ท่านทั้งสองไม่อยู่ ญาติพี่น้องก็ไม่มายุ่งกัน ฉันก็มีอิสระจะทำอะไรก็ได้ ว่าแต่นี่ซองอะไรของแก ทำไมมันลับลมคมในจัง” เรย์หรือรัตนชาติเอามือเคาะที่ซองสีน้ำตาลที่ตนเองเอามามอบให้เพื่อนตามที่สั่ง ต้นน้ำเปิดซอง ก่อนจะหยิบสร้อยที่มีล็อคเก็ตที่มีรูปเธอและอดีตสามี เป็นรูปแต่งงานที่เธอชอบมาก และเป็นของขวัญวันเกิดที่อนวินท์ให้กับตนเองและเป็นของขวัญที่เธอรักมาก ต้นน้ำน้ำตาคลอก่อนจะหันไปฝากลูกชายกับเพื่อนสนิท “เราไปห้องน้ำสักแป๊บนะเรย์ ฝากน้องนนท์ด้วย” ต้นน้ำพูดน้ำตาสั่นเครือ เรย์หันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ตาแดงก่ำแล้วอยากจะตบปากตัวเอง หลังจากจบที่มหาลัยทั้งตนเองและต้นน้ำก็ต่างคนต่างยุ่ง ประกอบกับพ่อและแม่ของตนเองก็มาป่วยหนักทำให้ตนเองขาดการติดต่อพยาบาลสาวไปสองสามปี มาเจอกันอีกครั้งในงานรวมรุ่นที่เขาได้เสียพ่อและแม่ไปทำให้ตนเองได้กลับมาคบกันอีกครั้งและมาสนิทมากขึ้น เมื่อพยาบาลสาวย้ายมาอยู่เชียงใหม่ ตนเองเคยได้ยินเพื่อนๆ ร่วมรุ่นเล่าว่า พยาบาลสาวแต่งงานกับนายแพทย์หนุ่มหล่อดีกรีลูกเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน สมัยที่เพื่อนแต่งงานตนเองก็ยุ่งกับการเทรนงานทำให้ไม่ได้มาร่วมงานในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก
ต้นน้ำเดินมือจับเสาแขวนน้ำเกลือห้อยอยู่ ส่วนอีกมือก็จับมือพยาบาลสาว เพื่อนรุ่นพี่ร่วมอาชีพที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่กำลังมีรายการข่าวร้อนต้นน้ำจ้องมองที่หน้าจอ ยืนตัวแข็งจนพยาบาลนิดต้องเขย่าที่ข้อมือ แพทย์หญิงพ่ายรัก ฉีดยาตายคาห้องพัก เกิดเหตุที่คอนโดฯ ชื่อดังใจกลางเมือง ตรวจสอบต่อมาว่าคือ สูตินารีแพทย์ชื่อดัง แพทย์หญิงนิภา ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สวมชุดกาวน์สีขาวที่แขนซ้ายมีรอยเข็มฉีดยาและมีสายยางรัดที่แขน ใกล้กันพบเข็มฉีดยาใช้แล้ว น่าสลดใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่ามารดาของแพทย์หญิงเพิ่งเสียชีวิตเมื่อสามวันก่อน คาดว่าต้นเหตุอาจมาจากปมชู้สาว ที่เกิดเหตุพบจดหมายที่จ่าหน้าถึง นายแพทย์หนุ่มอักษร อ ผู้อำนวยการหนุ่มโรงพยาบาลชื่อดังที่เคยมีข่าวกันเมื่อหลายปีก่อนต้นน้ำยืนนิ่งฟังแล้ว ใจเต้นแรงสมองแทบไม่สั่งงาน มือสั่นก่อนที่จะหมดสติลง พยาบาลนิดมองปฏิกิริยาคนไข้สาวแล้วตกใจรีบพยุงไปนอนที่เตียงก่อนจะปฐมพยาบาลต้นน้ำลืมตาขึ้นสมองยังจำได้ถึงข้อความข่าว “หมอนิตาย...แม่หมอนิก็ตาย เกิดอะไรขึ้น..โทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ” หญิงสาวผงกศีรษะเร็ว แล้วกวาดสายตามองหาโทรศัพท์
จังหวัดแม่ฮ่องสอน อ.ปาย ภายในรีสอร์ต เล็กๆ ในอำเภอปาย ปายอินเฮเว่น เป็นรีสอร์ต เล็กๆ อยู่ไกลจากความเจริญในเมือง เป็นรีสอร์ตที่ใกล้เคียงธรรมชาติ อยู่ห่างจากความเจริญในตัวเมืองปาย ห้ากิโลเมตร ต้นน้ำเลือกที่นี่เป็นที่พัก เพราะครั้งหนึ่ง เมื่อสิบปีก่อน เธอกับสามีเคยมาออกค่ายอาสาที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่า สิบปีผ่านมา อำเภอปายจะเจริญเติบโต เป็นอำเภอที่เน้น การท่องเที่ยว เป็นอำเภอที่ดึงดูดน้องท่องเที่ยว จากทั่วโลก หญิงสาวไม่เลือกที่พักในเมือง เพราะอยากอยู่สงบๆ ตามลำพัง ตัดขาดจากสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งปวง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ต้นน้ำนอนซมอยู่สองสามวัน เพราะป่วย วันนี้เป็นวันแรกที่ลุกขึ้นมาจากเตียงได้ยังรู้สึกมึนงง หญิงสาวรู้สึกผะอืดผะอม คลื่นไส้ เวียนหัว ต้นน้ำแทบจะคลานไปที่ห้องน้ำ แล้วอ้วกออกมา มีเพียงน้ำใสๆ เพราะเธอแทบจะไม่ได้ทานอะไร สามสี่วันที่ผ่านมา “เวียนหัวจัง...” ต้นน้ำแทบจะนอนลงไปที่พื้นในห้องน้ำ หญิงสาวพยายามพยุงตัวเอง ให้ออกมาจากห้อง นัยน์ตาพร่ามัว ก่อนที่จะเป็นลมไปในที่สุด...ฟื้นมาอีกครั้ง ตัวเองก็มานอนอยู่ในโรงพยาบาลกำลังถูกให้น้ำเกลือ หญิงสาวมองไปข้างๆ ทั้งซ้าย ขวา ก็มีคนไข้นอนเรีย
โรงพยาบาลเลิศวสินอนวินทร์กำลังอ่านชาร์ตคนไข้ ที่มีตารางจะต้องเข้าผ่าตัดบ่ายนี้ ขณะที่หมอภัทรนั่งดื่มกาแฟอยู่ใกล้ๆ ภายในห้องเดียวกัน “เมื่อคืนวินท์ไม่ได้ไปงานสวดอภิธรรมคุณแม่หมอนิเหรอ” นายแพทย์ภัทรถามด้วยความแปลกใจ“ไม่ได้ไป ติดเคสผ่าตัด เป็นไงบ้าง” อนวินทร์เงยหน้าจากชาร์ต มองหน้าเพื่อนร่วมงานนิ่ง“แปลก..”นายแพทย์ภัทรกล่าว ขณะที่ใช้ปากกาเคาะที่โต๊ะเบาๆ“แปลกยังไง” อนวินทร์ถาม ขณะยกกาแฟขึ้นจิบ ตามองที่เพื่อนร่วมงานเขม็ง“เจ้าภาพงานไม่มา.. แล้วเมื่อเช้านี้ หมอนิมีผ่าตัด ก็ไม่มาอีก พี่หมอสุชาติต้องเข้าผ่าตัดเอง นั่นไง เดินหน้าตั้งมาโน่นล่ะ”อนวินท์มองตามมือเพื่อน ก็เห็นนายแพทย์สุชาติเดินตรงเข้ามาในห้องใบหน้าเคร่งเครียด“วินท์ ไม่ไหวนะเนี่ย หมอนิทำไมไม่รับผิดชอบงานที่ตัวเองรับผิดชอบ นี่พี่ต้องทำคลอดสองคนติดต่อกัน ติดต่อไม่ได้ โทรไปที่บ้านก็ไม่อยู่ เค้าติดต่อมาทางวินท์ไหม จะลางานก็น่าจะบอกกันบ้าง” นายแพทย์สุชาติพูดเร็วด้วยอารมณ์หงุดหงิด“ไม่นะครับ ไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่คืนสวดอภิธรรมคืนแรก”“แปลกจัง เอ ถ้าเค้าไม่กลับไปนอนที่บ้าน เขามีที่พักที่ไหน” นายแพทย์สุชาติ นึกสังหรณ์ใจแปลกๆ“นิเค้าม
Comments