Share

บทที่ 13

สิ่งที่เราทำได้ มีเพียงแค่การพิจารณาปัญหาด้วยเหตุผล และมองในส่วนของผลประโยชน์ที่เราจะต้องได้รับ แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคุณ ที่อยู่กันมาหลายปีแล้ว”

คำพูดของกู้หนานเยียนทำเอาลู่เป่ยเฉิงต้องเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังพูดให้เขาฟังอยู่เลยล่ะ เหมือนเธอกำลังแสดงอารมณ์ของเธอออกมาจากใบหน้าด้านข้างอย่างไรอย่างนั้น

เป็นการบอกเขาว่า ในการแต่งงานของพวกเขาทั้งสองคนนี้ เธอพยายามและทุ่มเทจนถึงที่สุดแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าเขายังอยากที่จะหย่า ก็อย่ามาโทษเธอแล้วกัน ถ้าเธอจะทำอะไรที่ไม่เกรงใจและไม่ไว้หน้าเขาแล้ว

“ทนายกู้ ฉันเข้าใจเหตุผลทุกอย่าง แต่ฉันก็รับไม่ได้อยู่ดี! เขาหย่าไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมหันมาอีกทีก็ไปแต่งงานกับเด็กที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว แล้วฉันล่ะ? ช่วงเวลาวัยสาวหลายสิบปีที่ผ่านมา ฉันได้ทุ่มเทเพื่อครอบครัวไปหมดแล้ว ส่วนเขาได้ทุ่มเทอะไรบ้างไหม?”

“คุณคิดว่าแบบฉันยังพอจะหาหนุ่ม ๆ ได้บ้างไหมล่ะ”

กู้หนานเยียนเอ่ย “ได้สิคะ! เหมือนคำกล่าวที่ว่า สาวปีสามถืออิฐทอง แต่สาวสามสิบถือทั้งแผ่นดิน พี่เฉียวเองก็หาหนุ่ม ๆ ได้เหมือนกันค่ะ!”

ผู้หญิงที่อยู่อีกฝั่งของปลายสายส่งเสียงหัวเราะออกมา “ทนายกู้ คุณเป็นคนที่เข้าใจพูดนะ ฉันชอบคุยกับคุณมากเลยล่ะ เวลาที่ได้คุยกับคุณแล้ว ฉันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย”

กู้หนานเยียนเอ่ย “ฉันก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากพี่เฉียวตรงนี้เหมือนกันค่ะ”

ใบหน้าของลู่เป่ยเฉิงที่อยู่บนเตียง ก็บึ้งตึงขึ้นมา

ชัดเจนเลยว่าที่เธอรับงานคดีหย่าร้าง ฝึกฝีมือตัวเองอย่างจริงจัง และพยายามหาเงินอย่างสุดชีวิต ก็เพื่อเป็นการสร้างรากฐานให้กับลูกของเธอในอนาคต

“ทนายกู้ คุณยังเด็ก คุณไม่เข้าใจหรอก ฉันกับสามีเก่า เรารู้จักกันมาตั้งแต่อายุยี่สิบแล้ว ตอนนั้นเขา......”

อีกฝ่ายเริ่มที่จะระบายความรู้สึกออกมา กู้หนานเยียนที่อยู่อีกฝั่งนั้นก็ฟังอย่างตั้งใจ เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายคอเล็กน้อย จึงถือโทรศัพท์ไว้ และนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง

หลังจากที่นอนคว่ำหน้าลงไป เธอก็มองไปยังลู่เป่ยเฉิง พลางถือโทรศัพท์ไปด้วย ก่อนจะกระซิบ “ลูกค้าน่ะ มีเรื่องหย่ากัน! เดี๋ยวฉันขอปลอบเธอก่อนแป๊บนึง”

ลู่เป่ยเฉิงเหลือบมองเธออย่างไม่สนใจ และอ่านหนังสือที่อยู่ในมือของเขาต่อไป

สุดท้ายพอลูกค้าได้เริ่มเล่า เธอก็สาธยายตั้งแต่ตอนที่เธอกับสามีรู้จักกันเมื่อสามสิบปีก่อน อยู่เคียงข้างกันมาอย่างไร มีลูกมาแล้วกี่คน

ตั้งแต่สองทุ่มกว่าจนเกือบจะเที่ยงคืน กู้หนานเยียนนอนคว่ำหน้าบนเตียง ก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว แต่หญิงวัยกลางคนก็ยังคงเล่าถึงความยากลำบาก ที่เธอเจอตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

แต่ลู่เป่ยเฉิงยังไม่ได้นอนตั้งแต่ต้น อีกนิดเดียว เขาจะตัดสายทิ้งแล้ว

ตอนนี้เขาเข้าใจถึงข้อดีของกู้หนานเยียน ที่ไม่ชอบร้องไห้และเป็นคนไม่ค่อยพูดแล้ว

ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเป็นบ้าในเวลาไม่กี่นาที

เมื่อเข็มนาฬิกาของนาฬิกาโบราณที่อยู่บนตู้ เลื่อนมาถึงเวลา 12 นาฬิกา หญิงวัยกลางคนก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ หนึ่งที “ทนายกู้ ลำบากแย่เลยที่ต้องให้คุณต้องมานั่งฟังฉันพูดทั้งคืน”

“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้คุณก็ต้องไปทำงาน งั้นก็รีบพักผ่อนนะคะ”

ลู่เป่ยเฉิงหยิบโทรศัพท์ของกู้หนานเยียนขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง “อืม!”

ทางด้านปลายสายของโทรศัพท์ หญิงคนนั้นมัวแต่จะระบายความรู้สึกของตัวเอง จนไม่ทันสังเกตว่าคนที่เธอกำลังคุยด้วยเป็นผู้ชาย เธอพูดเรื่อยเปื่อยกับลู่เป่ยเฉิงอีกประมาณสองประโยค และสุดท้ายก็ได้วางสายไป

ปึก! เขาโยนโทรศัพท์ของกู้หนานเยียนไปไว้ด้านข้าง ก่อนจะมองไปยังกู้หนานเยียนที่นอนหลับคว่ำหน้าไปแล้ว เขานึกถึงตอนกลับมาถึงบ้าน ที่เธอจับแขนเขาไว้พร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม พลางเอ่ย ลู่เป่ยเฉิง มีลูกกันสักคนเถอะ!

สีหน้าของลู่เป่ยเฉิงก็บูดบึ้งอย่างไม่ยอม

เธอมักจะสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ กับเขาทุกครั้ง พอเขารู้สึกใจอ่อนขึ้นมา เธอก็จะปล่อยเขาทิ้งไว้และไม่สนใจไยดี

เขารู้สึกโมโหมากจนเมื่อขาของกู้หนานเยียนมาสัมผัสตัวเขาโดยบังเอิญ เขาก็ถีบออกไปในทันที

หลังจากที่ปิดไฟดวงใหญ่ในห้องแล้ว เขาเดินไปนอนลงข้างกู้หนานเยียนอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เห็นกู้หนานเยียนมุดตัวเข้ามาในอ้อมอกเขาเหมือนกับแมวน้อย ปากของเธอก็เอ่ยพึมพำออกมา “ลู่เป่ยเฉิง คุณมัน......”

“เธออย่า......”

ทุกครั้งที่พอถึงประโยคสำคัญ ลู่เป่ยเฉิงก็ได้ยินไม่ชัดแล้วว่าเธอกำลังพูดอะไร

แต่ดูจากน้ำเสียงแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีอะไรหรอก

“ลู่เป่ยเฉิง”

“ว่าไง”

ลู่เป่ยเฉิงตอบเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะช่วยเธอดึงผ้าห่มขึ้นมา

ช่วงกลางคืนแสนเงียบสงัด

แสงไฟยามค่ำคืนที่ส่องสว่างอยู่ตรงหัวเตียง ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของดอกไม้ไฟที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ตอนนั้นเองภาพในอดีตก็ค่อย ๆ เข้ามาในหัวของลู่เป่ยเฉิงอย่างช้า ๆ

—— เป่ยลู่เฉิง คุณมันต่ำต้อยกว่าฉันอีกนะ

—— ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ไม่มีตระกูลลู่ของคุณ ฉันจะมาอยู่ในจุดนี้กับคุณได้ไหมล่ะ?

ในตอนนั้นเขาได้ตบหน้ากู้หนานเยียนไป

เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตตั้งแต่เกิดมาที่เขาตบผู้หญิง

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่เขาทำแบบนี้กับกู้หนานเยียน

นั่นเป็นเรื่องในอดีตอันแสนเจ็บปวด ที่ไม่น่านึกถึงเลยสักนิด ลู่เป่ยเฉิงจึงหันไปปิดไฟตรงหัวเตียง ก่อนจะหลับตาลง

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อกู้หนานเยียนลืมตาตื่นขึ้นมา ลู่เป่ยเฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างยาวจรดพื้น ก็ใส่เสื้อผ้าและผูกเนคไทเรียบร้อยแล้ว

เธอเห็นว่าลู่เป่ยเฉิงเก็บของเรียบร้อย และเตรียมจะออกไปข้างนอกแล้ว กู้หนานเยียนจึงเอ่ยด้วยความงัวเงีย “ลู่เป่ยเฉิง คืนนี้ก็มาชดเชยของอาทิตย์ที่แล้วด้วยนะ”

เมื่อคืนนี้เธอว่าจะไปจัดการธุระสักหน่อย แต่เธอจำไม่ได้เลยว่าสุดท้ายตัวเองเผลอหลับไปได้อย่างไร

ลู่เป่ยเฉิงสวมแจ็กเก็ตสูท ก่อนจะออกไปข้างนอก โดยไม่สนใจเธอเลยสักนิด

เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เซี่ยเฉิงและคนขับรถก็รอเขาอยู่ด้านนอกแล้ว

หลังจากที่ขึ้นรถและรับเอกสารที่เซี่ยเฉิงมอบให้มา ลู่เป่ยเฉิงก็เอ่ยถามอย่างไร้อารมณ์ใด ๆ “เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง?”

ตรงที่นั่งโซนผู้โดยสาร เซี่ยเฉิงได้เอี้ยวตัวกลับมามองลู่เป่ยเฉิง ก่อนจะรายงานสถานการณ์ “เมื่อคืนแม่ของเลขาเย่เกิดอาการโรคกำเริบครับ ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการดูแลเรียบร้อยแล้ว ส่วนน้องชายเธอ ก็จัดการให้เขาไปพักที่บ้านคุณครูชั่วคราวครับ”

จากนั้นเซี่ยเฉิงก็รีบกล่าวเสริมต่อ “สถานการณ์ของเลขาเย่ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไรนะครับ”

“งั้นฝากนายจับตาดูให้มากขึ้นหน่อยนะ”

“รับทราบครับเจ้านาย”

“จริงด้วยครับบอส ขั้นตอนการโอนทางกฎหมายจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ จากนี้ไปสำนักงานกฎหมายเฉาหยางจะทำหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของกฎหมายของบริษัทครับ”

ลู่เป่ยเฉิงแสดงท่าทีรังเกียจออกมา “กู้หนานเยียนรู้แค่คดีหย่าร้าง จะไปรู้อะไรกับกฎหมายบริษัท เรื่องของกฎหมายเดี๋ยววันหลังฉันจัดการเอง”

เซี่ยเฉิงเอ่ย “รับทราบครับบอส”

--

อีกทางด้านหนึ่งของคฤหาสน์ กู้หนานเยียนออกมาข้างนอก และมุ่งตรงไปยังศาลทันที หลังจากที่เธอเก็บของเสร็จ

วันนี้เธอมีคดีที่ต้องขึ้นศาล และก็เป็นคดีหย่าร้างที่ลู่เป่ยเฉิงเคยดูถูกดูแคลนไว้

จะว่าไปนอกจากโครงการต่าง ๆ ของลู่กรุ๊ปแล้ว ส่วนที่เหลือแทบทั้งหมดก็เป็นคดีหย่าร้าง หรือไม่ก็เป็นคดีแพ่งที่ต้องมานั่งเถียงกันคอเป็นเอ็น

แม้ว่าตอนเขากำลังจะออกจากบ้านในตอนเช้า เธอจะกำชับลู่เป่ยเฉิงให้คืนนี้เขากลับมาที่บ้าน

แต่ลู่เป่ยเฉิงก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยสักนิด จนกู้หนานเยียนทำงานเสร็จ กลับมาถึงบ้าน และใกล้จะเข้านอนแล้ว ลู่เป่ยเฉิงก็ยังไม่กลับมาเลย

ผ่านไปอีกหลายวัน เขาก็ยังไม่กลับมา

สิ่งที่เธอกำชับเขาไว้คงจะไม่มีผลอะไรเลยสินะ

ในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ลู่เป่ยเฉิงร่วมรับประทานอาหารกับพวกเฉิ่นหลีและเหล่าผู้นำอีกหลายคนจนเสร็จเรียบร้อย ขณะที่เขากำลังเตรียมจะให้คนขับรถส่งเขากลับไปยังอวี้หลินวาน เซี่ยเฉิงก็มาเคาะหน้าต่างรถด้วยความรีบร้อนเหมือนถูกไฟลน “บอสครับ เกิดเรื่องขึ้นกับเลขาเย่ครับ”

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status