Share

บทที่ 12

เสียงร้องไห้ของเย่ฉู่ราวกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก แต่สีหน้าของลู่เป่ยเฉิงกลับไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลง เขาเพียงแค่เอ่ยนิ่ง ๆ เท่านั้น “ผมจะให้เซี่ยเฉิงไปช่วยคุณจัดการก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์ไปก่อนจะโทรหาเซี่ยเฉิงให้เขาไปที่นั่น

ตอนนี้ลมหายใจของกู้หนานเยียนสงบลงกว่าเมื่อครู่มาก

เธอนึกว่าคืนนี้ลู่เป่ยเฉิงก็คงไม่อยู่ค้างคืนที่นี่ต่ออีก

หลังจากที่วางสาย ลู่เป่ยเฉิงก็หันหน้ากลับมามองใครบางคนแวบหนึ่ง “ถ้าตื่นแล้วก็ลงรถซะ ผมไม่อุ้มคุณลงหรอกนะ”

แต่กู้หนานเยียนไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา

เมื่อเห็นดังนั้น ลู่เป่ยเฉิงจึงปลดเข็มขัดนิรภัยตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูรถเดินเข้าไปในบ้านทันที โดยไม่หันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าลู่เป่ยเฉิงไปแล้วจริง ๆ กู้หนานเยียนก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ก่อนจะรีบเปิดประตูรถตามไป

หลังจากที่เธอตามประชิดถึงตัวเขาแล้ว เธอจึงเอามือทั้งสองข้างดึงแขนของเขาไว้

ลู่เป่ยเฉิงหลุบตาลงมองกู้หนานเยียนด้วยใบหน้าที่เย็นชา แต่กู้หนานเยียนก็ยังคงมีสีหน้าที่ดีคงเส้นคงวา ไม่เปลี่ยนแปลง

แตกต่างจากสภาพของเย่ฉู่ที่ร้องไห้มาหนักในก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

เมื่อดวงตาทั้งสองคู่ประสานกัน ลู่เป่ยเฉิงก็เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น กู้หนานเยียนจึงเร่งฝีเท้าให้ก้าวทันตามเขา “ลู่เป่ยเฉิง มีลูกกันสักคนเถอะ!”

ลู่เป่ยเฉิงเอ่ย “ไม่”

ถึงแม้เขาจะบอกว่าไม่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กู้หนานเยียนยอมที่จะผละมือออกจากแขนของเขาเลย

จากนั้นไม่นานทั้งสองก็เข้าไปในบ้าน ป้าเจียงที่เห็นว่าพวกเขากลับมาด้วย กันก็ยิ้มสดใสยิ่งกว่าดอกไม้ในสวนเสียอีก จากนั้นจึงรีบไปสั่งให้ทางห้องครัวเตรียมอาหารให้โดยไว

วันนี้ดูเหมือนว่ากู้หนานเยียนจะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เธอมองหน้าและพูดคุยกับลู่เป่ยเฉิงมากกว่าปกติ

เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ ทั้งสองก็กลับไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ลู่เป่ยเฉิงเห็นว่ากู้หนานเยียนยังคงอารมณ์ดีอยู่ จึงได้เอ่ยเตือนอย่างเย็นชา “กู้หนานเยียน เธออย่าเพิ่งรีบดีใจไป”

เขารับปากกับเธอว่าจะกลับมาสัปดาห์ละครั้ง แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้รับปากอะไรเพิ่มอีก

กู้หนานเยียนลอยหน้าลอยตาเอ่ย “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”

......ลู่เป่ยเฉิง

ผ่านไปสักพัก หลังจากที่กู้หนานเยียนอาบน้ำเสร็จ และออกมาจากห้องน้ำ ลู่เป่ยเฉิงก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแล้วโดยที่ยังคงมีแว่นตากรอบทองอยู่บนสันจมูกของเขา

กู้หนานเยียนเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียง ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูดอะไร ลู่เป่ยเฉิงก็ยกมือขวาขึ้น และใช้นิ้วดันหน้าผากของเธอดันไว้ ไม่ให้เธอใกล้เขาไปมากกว่านี้

กู้หนานเยียนเลิกคิ้วขึ้นและกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง จังหวะนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมาพอดี

เป็นสายของลูกค้าที่โทรเข้ามานั่นเอง

เธอมองไปยังลู่เป่ยเฉิงก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง “ฉันไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”

หลังจากพูดจบ เธอก็รีบรับสายอย่างไว “ว่าไงคะพี่เฉียว!”

น้ำเสียงที่กำลังร้องไห้ด้วยความขุ่นเคืองใจของหญิงวัยกลางคน ดังมาจากปลายสายของโทรศัพท์ “ทนายกู้ คุณว่าทำไมผู้ชายถึงไร้จิตสำนึกกันได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนตอนที่ฉันแต่งงานกับเขา แค่เสื้อผ้าดี ๆ ที่พอจะใส่ไปวัดไปวาได้ เขายังไม่มีเลย”

“ฉันอยู่เคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามานานหลายปี ดูแลลูก ๆ และบ้านหลังนี้มาเป็นอย่างดี สุดท้ายเขาก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ อยากจะหย่าก็หย่าไปเลยแบบนี้เนี่ยนะ”

“หรือว่านังงูพิษพวกนั้นไปเป่าหูอะไรเขาหรือเปล่า เลยทำให้เขาเป็นแบบนี้? เขาไม่กลัวกรรมตามสนอง ที่มาทำแบบนี้กับฉันบ้างเหรอ?”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงที่อยู่อีกฝั่งก็ร้องไห้เสียงหลงด้วยความเจ็บปวดออกมา

เมื่อกู้หนานเยียนได้ยินแบบนี้ ไม่ต้องถามก็รู้เลยว่าเมื่อกี้เธอเพิ่งทะเลาะกับสามีเรื่องหย่ามาแน่นอน

กู้หนานเยียนใช้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ และอีกข้างหนึ่งเทน้ำใส่ในแก้ว ก่อนจะเอ่ยปลอบใจ “พี่เฉียว ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ตัวเราเองก็พยายามอย่างเต็มที่ การแต่งงานครั้งนี้ เราก็ตั้งใจและทุ่มเทไปหมดแล้ว ในเมื่อคุณเฉิงเขาไม่อยากไปต่อ สิ่งที่เราทำได้ มีเพียงแค่การพิจารณาปัญหาด้วยเหตุผล และมองในส่วนของผลประโยชน์ที่เราจะต้องได้รับ แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคุณ ที่อยู่กันมาหลายปีแล้ว”

คำพูดของกู้หนานเยียนทำเอาลู่เป่ยเฉิงต้องเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status