ตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือน หวังเยี่ยนหลงปฏิบัติกับเซี่ยฟานแปลกไป ไม่ได้บังคับให้ทำอะไร ไม่ได้รังแกร่างกายและจิตใจของเซี่ยฟาน แต่ก็ไม่ยอมให้เขามาเจอกับหวังซีซวน ถือเป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด
ช่วงหลัง ๆ เซี่ยฟานมักจะมีอาการฝันร้ายยามค่ำคืน เขานอนละเมอเรียกหามารดาที่ล่วงลับไปและคนที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงกลับเป็นหวังเยี่ยนหลง
เซี่ยฟานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น บางครั้งเขาเหมือนได้รู้อารมณ์และความคิดของหวังเยี่ยนหลง ทั้งยังสังเกตได้ว่าตัวเองนั้นเริ่มมีไอสีดำเหมือนเขา
รุ่งเช้า
ซิ่นเฉิงได้ยินดังนั้นเผลอทำกระบี่หลุดมือ ทรุดเข่าลงกับพื้นพลันความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้ามา หลวนเล่ออ้าปากค้างลืมหายใจไปชั่วขณะ ส่วนหลี่จิ้นหลิงได้แต่มองเหลียนเฟินด้วยแววตาเศร้าสร้อยเพราะอกหักโดยไม่รู้ตัว“เจ้าว่าอย่างไรนะ” หลี่จิ้นหลิงเอ่ยถามเสี่ยวหยุนอีกครั้งพลางหันหน้ามองเหลียนเฟิน “ท่านเซียน ท่านรับรักเขาแล้วหรือแต่ว่าเขาคือศิษย์ของท่าน”หลวนเล่อกล่าวขึ้นมาว่า “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้เล่า เหลียนเฟิน เจ้าไม่รู้หรือว่าความรักเชิงชู้สาวระหว่างศิษย์อาจารย์ทำให้ผู้คนนินทาเกิดคำครหาได้ หากข่าวลือเช่นนี้แพร่ออกไปจะทำเช่นไร”เสี่ยวหยุนขมวดคิ้ว “ใครหน้าไหนกล้าว่าร้ายเขา ข้าจะจับมันลงหลุมแล้วเอาดินฝังกลบให้ดู”“ทุกคนใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ” เหลียนเฟินพยายามคลายบรรยากาศมาคุเพราะรู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงหากมีใครล่วงรู้เรื่องนี้“ต่อให้เจ้าข่มขู่พวกเขา ใช่ว่าข่าวลือจะหยุดลงง่าย ๆ เสียเมื่อไหร่” ซิ่นเฉิงเก็บกระบี่ขึ้นมาแล้วพูดต่อ “หากยังเคารพอาจารย์เจ้าอยู่บ้าง เลิก…”ปลายกระบี่เสี่ยวหยุนจ่อที่ลำคอของซิ่นเฉิงจนเหลียนเฟินต้องร้องห้ามท
หน้าบ้านหลังน้อยของพวกเขามีบุรุษร่างสูงและสตรีบอบบางสวมชุดสีขาวน้ำเงิน ในมือถือกระบี่อันเป็นสัญลักษณ์ของสำนักเซียน“ศิษย์พี่เหลียนเฟิน” ชายผู้นั้นยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสิบปี “ศิษย์พี่ ท่านบาดเจ็บที่ใดหรือ”เหลียนเฟินเพิ่งนึกได้จึงบอกคนให้ขี่หลังว่า “เสี่ยวหยุน ปล่อยข้าลงก่อนเถิด ถึงบ้านเราแล้ว”“พวกเขาเป็นผู้ใดกันจึงเรียกหาสนิทสนมปานนั้น” น้ำเสียงฮึดฮัดอย่างที่เคยทำบ่อย ๆ เวลาหลี่จิ้นหลิงมาเยี่ยมอาจารย์ของเขาทำให้เหลียนเฟินเผลอยิ้มไม่ได้“มานี่สิ ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกัน” เหลียนเฟินเอ่ยทักทายศิษย์พี่และศิษย์น้องที่เขาไม่ได้เจอมานานด้วยความยินดีเพราะหลังจากขอออกจากสำนักวังธาราเหมันต์ เหลียนเฟินไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดอีกเลยสตรีรูปงามคือศิษย์พี่หญิงหลวนเล่อ ส่วนอีกคนศิษย์น้องซิ่นเฉิง เขาบอกกับทั้งสองว่า “เสี่ยวหยุนเป็นลูกศิษย์ของข้า”ชายหนุ่มหันขวับมองหน้าเหลียนเฟินราวกับจะถามว่าเหตุใดจึงแนะนำว่าเขาเป็นเพียงศิษย์ ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ตกลงกันแล้วว่าจะเรียกเขาว่าฟูจวินหากแต่เห
สายลมเอื่อยพัดยอดดอกหญ้าสีขาวพลิ้วไหวลู่เอนไปทางซ้าย ดวงตาของเสี่ยวหยุนจ้องมองภาพของใครบางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขา ยามได้เห็นคนในใจมักจะยิ้มแย้มโดยไม่รู้ตัวหากแต่ครานี้กลับชะงักงันเพราะใบหน้าที่คุ้นเคยเหมือนเยาว์วัยลงไปหลายปี ทั้งสีหน้า แววตาที่เศร้าสร้อยทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจเหลือเกิน เสี่ยวหยุนอยากเอื้อมมือเช็ดน้ำตาเปื้อนแก้มอีกฝ่ายใจจะขาดแต่ทำไม่ได้ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้แตะต้องร่างเปราะบางที่พร้อมจะแตกสลายในทุกเมื่อ“อย่าร้องเลย” เขาเอ่ยแผ่วเบาพร้อมทำทุกอย่างเพียงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายมีน้ำตา “เป็นข้าหรือที่ทำผิดต่อท่าน”คนตรงหน้าไม่เอื้อนเอ่ยคำใด สายตาที่มองมาทางเขาว่างเปล่าจนเจ็บแปลบในใจ เสี่ยวหยุนไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์เช่นนี้ขณะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความฝัน เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “เสี่ยวหยุน”“…” เขามั่นใจว่าเสียงนั้นคือเสียงของคนที่เขากำลังมองอยู่ข้างหน้า แต่น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกเขาดูสดใส ร่าเริงและเต็มไปด้วยความสุขต่างจากภาพใบหน้าที่เขาเห็นเวลานี้“เสี่ยวหยุน”ชายหนุ่มคิดในใจรู้ตัวแล้วว่าเขาเพียงแค่หลับฝัน หากลืมตาตื่นแล้วค
“ความผิดร้ายแรงมีมากนัก ส่งเขาไปรับโทษในนรกขุมที่สาม” เสียงดุดันทรงอำนาจกล่าวพิพากษา หางตาของหวังเยี่ยนหลงเหลือบเห็นร่างวิญญาณคุ้นเคยกำลังดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจึงโพล่งขึ้นมา “เหตุใดเจ้านั่นถึงได้ไปเกิดก่อนข้าเล่า” เขาสงสัยคำตัดสิน “มิใช่ว่าข้าเพิ่งบอกเจ้าหรือว่าความผิดเจ้ามีอันใดบ้าง” เสียงลึกลับโต้ตอบกลับมา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดวิญญาณตัวเล็กกระจิดริดถึงได้ต่อปากต่อคำกับเขาเก่งนัก หวังเยี่ย
สิบเอ็ดปีต่อมา สายลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิพัดเอื่อย ๆ ท้องฟ้าอากาศแจ่มใส ไร้ก้อนเมฆ เหลียนเฟินกำลังนั่งถือเบ็ดตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ สายตาเหม่อมองไปอีกฝั่งที่อยู่แสนไกลนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา หลังจากจัดการกับหวังเยี่ยนหลงแล้ว เขาไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นั้นอีกเลย เหลียนเฟินเดินทางกลับไปที่วังธาราเหมันต์เพื่อรับโทษและขอออกจากสำนัก นับตั้งแต่นั้นมาจึงใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรอยู่เพียงลำพัง ตัดขาดจากทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง 
หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ หวังเยี่ยนหลงโผล่มาให้เหลียนเฟินเห็นหน้าแต่เช้าตรู่ สีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก อีกทั้งยังแววตาสดใสผิดกับก่อนหน้านี้นัก วันนี้เขายกถาดสำรับอาหารเช้ามาให้ด้วยตัวเองพร้อมยาอีกหลายขนาน “เช้านี้ ข้าขอกินข้าวพร้อมเจ้าได้หรือไม่” เสียงของคนตรงหน้าเอ่ยถาม “ไม่” เหลียนเฟินปฏิเสธโดยที่ไม่ต้องคิด