หวังเยี่ยนหลงไม่เข้าใจสิ่งที่น้องชายพูด ก็แค่ทาสคนหนึ่ง ตายไปก็หาคนใหม่ เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่อยากหาคนใหม่ให้วุ่นวายก็เท่านั้น
หางตาเหลือบมองท่าทางของน้องชายแล้วนึกขัน ใครจะไปคิดว่าคุณชายของตระกูลยอมทำทุกอย่างให้คนไร้ค่าได้ถึงเพียงนี้
เซี่ยฟานยังคงนอนไม่รู้สึกตัวเพราะหนอนไหมทำร้ายร่างกายภายในอย่างหนักหน่วง ครั้นไม่เห็นว่าทาสคนนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที หวังเยี่ยนหลงจึงต้องคอยป้อนยาให้เขาสามเวลา หนึ่งเพราะรู้สึกหงุดหงิด สองเพราะไม่อยากให้หวังซีซวนมายุ่มย่าม
เขานั่งมองเซี่ยฟานที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ได้สนใจมากนัก แต่สังเกตเห็นไอสีดำจาง
ตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือน หวังเยี่ยนหลงปฏิบัติกับเซี่ยฟานแปลกไปไม่ได้บังคับให้ทำอะไร ไม่ได้รังแกร่างกายและจิตใจของเซี่ยฟาน แต่ก็ไม่ยอมให้เขามาเจอกับหวังซีซวน ถือเป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด ช่วงหลัง ๆ เซี่ยฟานมักจะมีอาการฝันร้ายยามค่ำคืน เขานอนละเมอเรียกหามารดาที่ล่วงลับไปและคนที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงกลับเป็นหวังเยี่ยนหลง เซี่ยฟานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น บางครั้งเขาเหมือนได้รู้อารมณ์และความคิดของหวังเยี่ยนหลง ทั้งยังสังเกตได้ว่าตัวเองนั้นเริ่มมีไอสีดำเหมือนเขา รุ่งเช้า
หวังเยี่ยนหลงไม่เข้าใจสิ่งที่น้องชายพูดก็แค่ทาสคนหนึ่ง ตายไปก็หาคนใหม่ เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่อยากหาคนใหม่ให้วุ่นวายก็เท่านั้น หางตาเหลือบมองท่าทางของน้องชายแล้วนึกขัน ใครจะไปคิดว่าคุณชายของตระกูลยอมทำทุกอย่างให้คนไร้ค่าได้ถึงเพียงนี้ เซี่ยฟานยังคงนอนไม่รู้สึกตัวเพราะหนอนไหมทำร้ายร่างกายภายในอย่างหนักหน่วง ครั้นไม่เห็นว่าทาสคนนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที หวังเยี่ยนหลงจึงต้องคอยป้อนยาให้เขาสามเวลา หนึ่งเพราะรู้สึกหงุดหงิด สองเพราะไม่อยากให้หวังซีซวนมายุ่มย่าม เขานั่งมองเซี่ยฟานที่นอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ได้สนใจมากนัก แต่สังเกตเห็นไอสีดำจาง
ทันทีที่เข้ามาด้านในเรือน เขาก็หัวเราะร่าเยาะเย้ยเซี่ยฟาน “เจ้าห้าไม่ได้บอกหรืออย่างไรว่าห้ามเปิดประตูให้ใคร” หวังเยี่ยนหลงถากถาง "คะ คุณชาย ต้องการอะไรหรือ” เซี่ยฟานถามตะกุกตะกัก น้ำตาเริ่มคลอเบ้า “คุณชายต้องการยารักษาหรือขอรับ ข้าจะไปเตรียมมาให้” เขาบ่ายเบี่ยงเดินเลี่ยงไปอีกทาง พยายามเข้าใกล้ประตูให้มากที่สุด “ประตูนั่น ข้าเพิ่งร่ายอาคม ถ้าไม่ใช่ข้า ย่อมออกไปไม่ได้” เสียงของหวังเยี่ยนหลงดังขึ้นทำลายสิ่งที่เซี่ยฟานกำลังคิดในใจ “ไม่
“ทาสรับใช้ผู้นั้นมีดีอะไร พวกเจ้าถึงได้ยื้อแย่งกันไปมา”เสียงเยือกเย็นของหวังเฉิงเย่ถามลองเชิง ไม่นึกว่าตนเองจะต้องมานั่งตัดสินใจกับเรื่องไร้สาระของบุตรชาย “เซี่ยฟานช่วยข้ากลั่นโอสถได้ขอรับ งานที่ท่านพ่อสั่งจะได้สำเร็จเร็วขึ้นอีก เขามีความรู้เรื่องสมุนไพรจึงช่วยแบ่งเบาภาระข้าไปได้มาก” หวังซีซวนรู้ว่าบิดาเขาใส่ใจกับเรื่องใดมากที่สุด จึงพูดออกไปเช่นนั้น “ตามใจเจ้า” เขาบอกปัดอย่างส่ง ๆ แล้วเดินออกไปฝึกศิษย์ในสำนักต่อ หวังซีซวนยิ้มดีใจ รีบกล่าวขอบคุณแล้วไปบอกข่าวดีกับเซี่ยฟาน
“คุณชายข้าขอร้อง” เซี่ยฟานบอกหวังซีซวนแม้จะกลัวที่ต้องอยู่กับหวังเยี่ยนหลง แต่ในใจนึกเป็นห่วงทั้งเหอชิงหยางและไม่อยากให้คุณชายห้าต้องบาดเจ็บเพราะตัวเองไปอีกคน หวังซีซวนจึงได้แต่จำใจยอมทำตามเพราะรู้ว่าเหอชิงหยางเป็นคนสำคัญของเซี่ยฟาน “พี่สาม อย่ารังแกเขานักเลย ชีวิตของเขาขมขื่นมามากพอแล้ว” คำพูดของหวังซีซวนไม่ได้ทำให้จิตสำนึกข้างในของหวังเยี่ยนหลงจุดประกายมากมายนัก เขาเลิกคิ้วมองหน้าน้องชายก่อนจะพูดว่า “มีอะไรก็รีบไปทำ อย่ามาวุ่นวายที่เรือนของข้า”
นับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา เซี่ยฟานก็มักจะเจอเรื่องราวแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแต่ละวัน เขาขังตัวเองไว้ในมุมมืดของเรือนใบไผ่ ตัวสั่นระริกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้าใกล้ หัวใจดวงน้อยแทบจะแบกรับไว้ไม่ไหว หวังเยี่ยนหลงไม่ได้สังเกตเลยว่าร่างกายของเซี่ยฟานมีสัญลักษณ์อะไรเกิดขึ้น เดิมทีไม่ใส่ใจเซี่ยฟานอย่างไรก็ยังคงทำเช่นเดิม ที่แปลกไปจากเดิมคือเริ่มยอมรับตัวเองแล้วว่าขาดเซี่ยฟานไปไม่ได้ เพราะคิดทึกทักไปว่าเซี่ยฟานคือที่ระบายปราณมารของเขา หลังจากเสร็จกิจทุกครั้ง เขาจะสามารถกดปราณมารไม่ให้กัดกินตนเองได้ นอกจากเหอชิงหยางแล้วยังมีคนผู้หนึ่งที่รู้สึกได้ว่าเซี่ยฟานหายไป เขามักจะง่วนอยู่ในเรือนต้นสนเพื่อกลั่นโอสถตามที่บิดาสั่งเอาไว้ ครั้นจะหาเรื่องออกมา