“ถ้าอย่างนั้นฉันออกไปก่อนนะ พวกเธอจะได้คุยกัน” ซัมเมอร์กล่าวเมื่อซัมเมอร์จากไปบทสนทนาของทั้งคู่ก็เป็นกันเองขึ้นเนื่องจากทิฟฟานี่ไม่จำเป็นต้องห่วงภาพพจน์ของตนเองอีกต่อไป แต่หากซัมเมอร์อยู่เธอจะต้องสงวนตนเองเสมอ “แอริ ทำไมเธอไม่ขอให้มาร์คจัดงานแต่งบ้างล่ะ? ฉันตะลึงมากตอนที่เดินเข้างาน พวกเขาไม่ยั้งมือเลยจริง ๆ มันเหมือนความฝันเลย แต่เมื่อนึกภาพตอนที่พวกเขาต้องเก็บทุกอย่างหลังจากที่งานเลิกมันก็ดูน่าเสียดายมาก งานนี้คงจะใช้เงินไปไม่น้อย และฉันไม่แม้แต่จะต้องกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ ครอบครัวเวสต์ช่างใส่ใจฉันจริง ๆ ฉันรู้สึกสำคัญมากเลย เหมือนเป็นสมบัติที่ล้ำค่า ฉันนี่โชคดีจริง ๆ…” แอเรียนยักไหล่ “มาร์คและฉันแต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเราจะต้องมาจัดงานแต่งเอาตอนนี้ล่ะ? แบบนี้เราก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร บางทีฉันก็แอบเสียดายแหละ แต่มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น มนุษย์เราควรจะรู้จักเพียงพอ อีกอย่าง เราจัดงานเลี้ยงครบรอบ 1 เดือนให้ลูกชายไปแล้ว ถ้าขืนเราจัดงานแต่งตอนนี้มันจะดูตลกนะ”“ฉันไม่คิดเหมือนเธอเลย ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเสียดายมากจนไม่สามารถข่มตานอนได้เลยแหละ เขาจะต้องจัดงานแต่งใหม่ให้ฉัน ฉันเห็นมาร์คอุ้
“พอได้แล้วคุณ เห็นได้ชัดว่าคุณก็ต้องการที่จะนอนเหมือนกัน แต่คุณแค่ใช้ลูกในท้องเป็นข้ออ้าง” แจ็คสันอุทานอย่างหัวเสีย “ตกลง เราจะไปนอนด้วยกัน แต่ห้ามแตะตัวผมนะ ไม่อย่างนั้นผมจะนอนหลับไม่สนิท แล้วพอเราตื่นตอนกลางคืน… คุณอยากจะทำอะไรก็ตามใจคุณเลย”…ยามกลางคืนที่คฤหาสน์สมิธเจตต์ขับรถพาอเลฮานโดรกลับจากโรงพยาบาลและพยุงเขาขึ้นรถเข็น เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การแสดงอีกต่อไปดอน สมิธได้ขัดขวางไม่ให้อเลฮานโดรได้รับการรักษาทางแพทย์สำหรับขาของเขาที่โรงพยาบาล ดังนั้นเขาจึงสามารถกลับบ้านได้ก่อนกำหนด จากนี้ไปแพทย์ประจำตัวคนหนึ่งจะมาที่คฤหาสน์เพื่อให้ยาทางเส้นเลือดแก่อเลฮานโดรสำหรับการลดการอักเสบของแผลไฟไหม้เจตต์ขวัญเสียจนไม่ส่งเสียงตลอดทาง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าในระหว่างที่เขาไม่อยู่เพียงไม่กี่วันเรื่องราวจะเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้ ตัวตนที่แท้จริงของอเลฮานโดรไม่ใช่ความลับอีกต่อไป เพียงแต่ว่าดอน สมิธยังไม่ทันได้มีเวลามาคุยกับเขา เขาอยู่ข้างอเลฮานโดรมาตั้งนาน เพราะฉะนั้นการที่เขาจะบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้เลยก็คงจะฟังไม่ขึ้น ตอนนี้เจตต์เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตนเองระหว่างที่เขาเข็นรถขอ
เจตต์ยังคงก้มหน้าและตอบว่า “ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ เขาระวังตัวตลอดที่เวลาอยู่กับผม เขาไม่เคยปล่อยให้ผมได้ใกล้ชิดจนเกินไปเลยด้วยครับ”ชายชราที่แน่นอนว่าจะไม่เชื่อเขาแสดงความคิดเห็นว่า “ฉันโปรดแกมาโดยตลอดนะเจตต์ หวังว่าแกจะไม่โกหกฉัน ตอนนี้แกไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ แต่ก่อนแกตัวคนเดียว แต่ตอนนี้แกมีครอบครัวที่จะต้องเลี้ยงดู…”เจตต์ขมวดคิ้ว “ท่านครับ ผมไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ นะครับ และผมไม่เคย… หักหลังท่านด้วย”เมลานีชะงักไปสองวินาทีเมื่อได้ยินดังนั้นก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า “คุณปู่คะ หนูขอคุยด้วยแบบส่วนตัวได้ไหมคะ?”สีหน้าของดอน สมิธเปลี่ยนเป็นมิตรทันทีที่เขาเห็นเมลานี “ได้สิ มา ๆ เจตต์ แกไปได้แล้ว”เจตต์เหลือบมองเมลานีด้วยความขอบคุณก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากไปเมลานีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนที่จะเข้าประเด็นทันที“คุณปู่คะ จริงอยู่ว่าพี่อเล็กซ์ไม่น่าแกล้งทำเป็นพิการและโกหกคุณปู่ แต่คนที่บอกเขาเรื่องแผนการที่คุณปู่จะฆ่าทิฟฟานี่คือหนูเอง พราะหนูไม่ต้องการให้เขาเสียใจ หนูผิดเองค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหนูพี่อเล็กซ์คงจะไม่เป็นแบบนี้ เขาเป็นหลานคนเดียวของคุณปู่และทายาทคนเดียวของตระกูลสมิธ ได้โปร
ทันใดนั้นทิฟฟานี่ก็พุ่งตัวขึ้นราวกับว่าถูกทำให้ตกใจ ส่งผลให้ทั้งคู่มองหน้ากับพลางกุมหน้าผากตนเองด้วยความเจ็บปวด แจ็คสันไม่คาดคิดว่าทิฟฟานี่จะประมาททั้ง ๆ ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่และรีบพุ่งตัวขึ้นมาอย่างนั้นจนหน้าผากของเขากระแทกกับหน้าผากของเธอ เขาไม่ทันได้มีโอกาสที่จะหลบเธอด้วยซ้ำทิฟฟานี่เกือบจะน้ำตาซึมจากความเจ็บปวด “คุณทำอะไรของคุณเนี่ย? โอ๊ย เจ็บ…”เขาทั้งไร้เดียงสาและทำตัวไม่ถูก “คุณคิดอะไรของคุณ? ผมแค่ขึ้นมาปลุกคุณไปทานข้าว คุณลุกเบากว่านี้ไม่ได้เหรอ? ทั้งชีวิตผม ผมไม่เคยเจอผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ประมาทเท่าคุณมาก่อนเลย เอาล่ะ ลุกได้แล้ว ไม่อย่างนั้นกับข้าวจะเย็นก่อน”ทิฟฟานี่เหม่อลอยก่อนที่จะกลับมาได้สติอีกครั้ง “ฉันฝันว่าเราเลิกกันอีกแล้ว แต่แล้วฉันก็ได้ยินคุณเรียกฉันไปทานข้าว ฉันเลยจำได้ว่าเราแต่งงานกันแล้วและจะไม่มีวันเลิกกันอีก แต่ตอนนั้นฉันยังกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ ฉันเลยแยกไม่ออกว่าอันไหนความฝัน อันไหนความจริง ฉันแค่อยากรู้ว่าอันไหนความจริงให้เร็วที่สุด แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณอยู่ใกล้ฉันขนาดนั้น ฉันเลยชนคุณเต็ม ๆ เลย แต่คุณก็ยังล้อฉันที่ฉันสมองช้า”แจ็คสันอมยิ้มขณะที่ยื่นมือออกไปลูบห
ทิฟฟานี่เชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน “คุณแม่ คุณพ่อ มาทำอะไรดึกดื่นอากาศเย็น ๆ แบบนี้คะ? ทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าให้หนากว่านี้หน่อย เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะคะ”ซัมเมอร์สำรวจทุกซอกทุกมุมของบ้านขณะที่เธอเดินเข้าไป ในที่สุดสายตาของเธอก็จบลงที่โต๊ะอาหาร “ฉันเป็นห่วงเธอก็เลยต้องมาดูสักหน่อยน่ะสิ และอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด แจ็คสันเพิ่งจะได้ทำมื้อเย็นให้เธอทาน เอาจริง ๆ เขาไม่เคยช่วยทำให้ฉันเลิกเป็นห่วงได้เลย ฉันว่าเธอย้ายไปอยู่บ้านฉันยังจะดีกว่า แบบนั้นฉันจะสบายใจขึ้นเยอะเลย”แจ็คสันหูชาจากคำบ่นของเธอ แน่นอนว่าสีหน้าของเขาจะต้องเปลี่ยนไปด้วย “เธอเพิ่งจะตื่นเองครับแม่ ผมไม่ได้ปล่อยให้เธอหิวสักหน่อย หยุดเป็นห่วงพร่ำเพรื่อได้แล้วครับ ผมรักเธอมากกว่าที่แม่รักเธออีก”“ใช่แล้วซัมเมอร์” แอตติคัสแทรกขึ้น “คุณไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องครอบครัวพวกเขาขนาดนี้ ตอนแจ็คสันยังเล็กคุณไม่เห็นจะเป็นห่วงเขามากขนาดนี้เลย… อีกอย่าง มันไม่เหมาะสมที่จะมาดึกดื่นป่านนี้…”นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมแอตติคัสถึงได้ดูกระอักกระอ่วนขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาได้ทำให้ซัมเมอร์ไม่พอใจ “ใช่ ตอนที่แจ็คสันเด็กฉันอาจจะไม่ได้เป็นห
แจ็คสันมองทิฟฟานี่ด้วยความใจเย็น นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาเคาะโต๊ะราวกับว่าเขากำลังรออะไรบางอย่าง ทันใดนั้นซัมเมอร์ก็ตวาดขึ้นมา“แกจะปล่อยให้ทิฟฟานี่ล้างจานได้อย่างไร? นั่นมันเป็นหน้าที่ของแม่บ้านซึ่งก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายด้วย เลิกไร้สาระแล้วอ้างว่าไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้ามายุ่งเกี่ยวในบ้านสักทีได้ไหม? ข้ออ้างทั้งนั้น แกควรจะเปลี่ยนความคิดของแกแล้วไปจ้างแม่บ้านมาได้แล้วนะแจ็ค!”ทิฟฟานี่คาดไม่ถึงว่าซัมเมอร์จะตอบสนองรุนแรงขนาดนี้แจ็คสันรีบเดินไปหยิบถ้วยที่เธอถืออยู่ในมือและกล่าวว่า “เห็นไหม? นี่คุณตั้งใจหาเรื่องให้แม่ดุผมหรืออะไร? ปกติก็ไม่เห็นคุณจะอยากทำงานบ้านอะไร แต่พอแม่ผมอยู่ คุณกลับอยากทำอย่างนั้นเหรอ? เดี๋ยวผมทำเอง คุณไปพักเถอะ ผมไม่อยากเห็นคนแปลกหน้ามายุ่งกับบ้านผม”ทิฟฟานี่กุมมือตนเองด้วยความที่ทำตัวไม่ถูกพลางพึมพำว่า “โทษที…”ซัมเมอร์ดูเหมือนจะพอใจเมื่อเห็นแจ็คสันเดินเข้าไปในครัว “มานี่มาทิฟฟานี่ เรามาคุยกันเถอะ”ทิฟฟานี่ยิ้มขณะที่เธอเดินไปหาซัมเมอร์และนั่งลงข้าง ๆ หล่อนที่โซฟาก่อนที่จะอธิบายว่า “จริง ๆ แจ็คสันเป็นคนทำงานบ้านเองทั้งหมดนะคะ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะแต่งงานกันอีก ห
ผู้ชายอย่างแจ็คสันที่ปกติก็มีอารมณ์อยู่แล้วหรือจะสามารถปฏิเสธการยั่วยวนได้เมื่อแม้แต่เธอเองยังไม่สามารถเลย? ทิฟฟานี่ไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่สามารถหักห้ามอารมณ์ตนเองได้เมื่อกำลังถูกผู้หญิงยั่วยวน เธอขอตายดีกว่าให้แจ็คสันไปกับผู้หญิงคนอื่นทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน! ปกติแล้วแจ็คสันจะเมินเฉยต่อความพยายามของเธอ แต่ไม่ใช่วันนี้ วันนี้เป็นวันที่เธอสามารถขอเขาได้ตรง ๆ และเธอจะไม่พลาดโอกาสนั้นแน่นอนแจ็คสันวางเธอลงบนเตียงและลุกขึ้นพร้อมที่จะจากไป ทิฟฟานี่รีบคว้าแขนเสื้อของเขาและถามว่า “คุณจะไปไหน? เมื่อตอนบ่ายเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่เอาน่า นี่มันวันแต่งงานของเรานะ! คุณช่วยตามใจฉันสักวันไม่ได้เหรอ? การใช้ชีวิตแบบอยู่เฉย ๆ และต้องระวังตลอดมันยากนะ…”แจ็คสันหัวเราะและกล่าวว่า “ก็ได้ ๆ! ผมแค่จะไปอาบน้ำ คุณคิดอะไรของคุณเนี่ย? เดี๋ยวผมมาครับ เพราะฉะนั้น คุณก็เป็นเด็กดีและรอผมหน่อยนะ”เธอจึงปล่อยมือจากแขนเสื้อของเขาและพึมพำว่า “นี่คุณรอบคอบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”เมื่อคำพึมพำของทิฟฟานี่เข้าหูของแจ็คสัน เขาก็หันกลับมาและจ้องเธอ “คุณว่าไงนะ?”ทิฟฟานี่หัวเราะคิกคัก “เปล่า
เมื่อเสร็จกิจทิฟฟานี่ก็ชูมือของแจ็คสันขึ้นในอากาศและพูดว่า “ตอนนี้คุณถูกผูกมัดกับฉันด้วยแหวนวงนี้ ดังนั้นคุณจึงถูกห้ามไม่ให้มองผู้หญิงคนอื่นแม้แต่แวบเดียว”เขาสวมกอดเธอจากด้านหลังและกำมือเธอไว้แน่น “ผมมีคุณแล้วผมยังจะต้องมองคนอื่นอีกเหรอ? ผมเลิกมองไปตั้งนานแล้ว นอนเถอะ พรุ่งนี้ผมจะพาไปตรวจร่างกาย”ทิฟฟานี่หันหน้าและจุ๊บหน้าผากเขา “ฉันรู้สึกได้ว่าลูกดิ้นด้วย”เขาตกใจเล็กน้อยเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เธอบอกว่าเธอรู้สึกได้ว่าลูกดิ้น “เมื่อไหร่?”เธอกล่าวอย่างเขินอาย “ตอนที่เรา… เมื่อกี้”เขาหัวเราะคิกคักและวางมือลงบนท้องเธอ “ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อนะ แม่ของลูกต่างหากที่ ‘ต้องการ’”วันรุ่งขึ้นที่คฤหาสน์เทรมอนต์อุณหภูมิที่เริ่มลดลงเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงทำให้สมอร์มีน้ำมูกและไอไม่หยุดจนแอเรียนกำลังพิจารณาว่าจะหยุดงานหนึ่งวันและพาสมอร์ไปโรงพยาบาล แต่เธอก็กังวลว่ามันจะทำให้หัวหน้ามองเธอไม่ดีเนื่องจากเธอเองเพิ่งจะเริ่มทำงานมาร์คเดาว่าเธอกำลังคิดอะไรจากสีหน้าที่หมดหนทางของเธอและพูดว่า “เธอไปทำงานเลย เดี๋ยวฉันพาสมอร์ไปโรงพยาบาลเอง เช้านี้ฉันไม่ได้มีอะไรสำคัญอยู่แล้ว”แอเรียนเขินเล็กน้อย “สำ