Beranda / รักโบราณ / เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก / บทที่ 8 บูชายัญ:ลู่เหมยฮวา สตรีนางที่หนึ่ง

Share

บทที่ 8 บูชายัญ:ลู่เหมยฮวา สตรีนางที่หนึ่ง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-05 12:13:37

#หมายเหตุ เนื้อหาในตอนนี้มีฉากเกี่ยวกับเลือด การฆ่า และการบูชายัญ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณค่ะ

กว่าที่หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงจะเดินทางมาถึงที่นาทางทิศเหนือของพวกเขา ตะวันก็เคลื่อนคล้อยพ้นศีรษะไปแล้ว และเนื่องจากคืนนี้พวกเขาต้องค้างแรมที่นี่ หลัวเยี่ยนเจ๋อจึงสั่งให้เหล่าทหารช่วยกันขนเสบียงส่วนหนึ่งนำกลับไปที่ไท่หยาง ขณะที่พวกเขาทั้งสองคนออกเดินทางสำรวจพื้นที่โดยรอบบริเวณที่นาของตนเพื่อค้นหาแหล่งน้ำ

ใช้เวลาอยู่ร่วมหนึ่งชั่วยามก็พบแม่น้ำสายหนึ่ง ทว่ายามที่พวกเขามองเห็นปริมาณน้ำในแม่น้ำ ดวงตาคมก็หันมาสบตากันด้วยความกังวล แม้แหล่งน้ำนี้จะอยู่ไม่ไกลจากที่นาของพวกเขา แต่ดูจากปริมาณน้ำที่เหลืออยู่นี้เกรงว่าแค่พื้นที่เกษตรโดยรอบก็คงไม่พอใช้แล้ว

เมื่อเห็นว่าไร้หนทางจะแก้ไขแล้ว พวกเขาก็ได้แต่ถอนหายใจยาวตัดสินใจไม่ค้างแรม และเร่งเดินทางขนเสบียงกลับไปยังไท่หยาง เพื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับหลัวม่อเยียนอีกครา

เข้าสู่วันที่สามนับจากที่นักพรตชราได้บอกลักษณะหญิงสาวที่เหมาะสมแก่การเป็นเครื่องสังเวยให้แก่หลัวม่อเยียน ในที่สุดเขาก็ค้นพบสตรีที่มีลักษณะตรงตามที่เขาต้องการได้แล้ว

"นางเป็นนางกำนัลในสวนบุปผาพ่ะย่ะค่ะ"

จางไห่ องครักษ์คนสนิทเอ่ยรายงานหลัวม่อเยียนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"นางมีครอบครัวหรือไม่"

"ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ"

หลัวม่อเยียนได้ยินคำตอบก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง มุมปากยกขึ้นยิ้มชั่วร้ายพร้อมเอ่ยน้ำเสียงยินดี

"ให้นางมารับใช้ข้า"

ลู่เหมยฮวา เดิมทีเป็นเพียงบุตรสาวของชาวนาผู้ยากไร้ เพราะโรคระบาดครั้งก่อนทำให้บิดามารดาล้มป่วยตายจากไปจนหมดสิ้น นางจึงได้สมัครเข้ามาเป็นนางกำนัล แต่ด้วยฐานะที่ต่ำต้อยแม้ผ่านการคัดเลือกก็เป็นได้เพียงนางกำนัลชั้นล่างมีหน้าที่ดูแลสวนบุปผาเท่านั้น ยามที่ได้รับคำสั่งให้โยกย้ายมารับใช้องค์ฮ่องเต้หลัวม่อเยียนจึงรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง

"ข้าได้ยินองครักษ์หลี่บอกว่า ฝ่าบาททรงเห็นเจ้าในสวนบุปผา แม่นางลู่เจ้าช่างวาสนาดียิ่งนัก"

ลู่เหมยฮวาได้ยินนางกำนัลอาวุโสเอ่ยถึงวาสนาของตนกับองค์ฮ่องเต้ในใจที่ยินดีก็ยิ่งคาดหวัง หากฝ่าบาททรงโปรดปรานนางขึ้นมา ตำแหน่งพระสนมก็คงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ดังนั้นยามที่ได้เข้ามารับใช้หลัวม่อเยียนนางจึงตั้งใจปรนนิบัติเขาอย่างสุดความสามารถ แน่นอนว่าในบางครั้งยังแอบยั่วยวนเขาอีกด้วย

หลัวม่อเยียนมีหรือจะไม่รู้ความตั้งใจของนางกำนัลผู้นี้ เพียงแต่ตัวเขาเป็นถึงองค์ฮ่องเต้เรื่องหญิงงามเขาพบเจอมามากเสียยิ่งกว่าต้นหญ้าในสวนบุปผา แค่นางกำนัลชั้นต่ำผู้หนึ่งจะดึงความสนใจของเขาได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะนางเป็นคนที่มีลักษณะที่เหมาะสมตรงตามที่นักพรตชราบอก แม้แต่หางตาเขาก็ไม่มีทางปรายมองนาง เอาเถิดอย่างไรเสีย อีกไม่นาน เขาก็จะส่งนางไปปรโลกแล้ว ตอนนี้ให้นางมีความสุขสักหน่อยก็แล้วกัน

"เหมยฮวามานี่"

"เพคะ ฝ่าบาท"

ลู่เหมยฮวาเอ่ยขานรับและก้าวเท้าเข้าไปหาบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยกิริยานอบน้อม ยามที่หยุดเท้ายืนเบื้องหน้าเขา ก็พบกล่องไม้บรรจุเครื่องประดับล้ำค่าวางอยู่บนโต๊ะยาว โดยมีชุดผ้าไหมหิมะสีขาวบริสุทธิ์ดุจแสงจันทร์วางพับเคียงคู่

"ฝ่าบาท นี่คือ... "

"ล้วนมอบให้เจ้า"

"หม่อมฉันเป็นเพียงนางกำนัล ข้าวของพวกนี้เกรงว่าชั่วชีวิตก็คงมิได้สวมใส่เพคะ"

"เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะพาเจ้าไปชมจันทร์ร่วมกัน"

หลัวม่อเยียนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ จนใบหน้าของลู่เหมยฮวาร้อนผ่าวขานรับด้วยความเขินอาย

ช่วงต้นยามจื่อหลัวม่อเยียนสวมชุดขององครักษ์เพื่อปิดบังอำพรางตน มุมปากบางยกขึ้นปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายก่อนจะออกไปรอลู่เหมยฮวาที่จุดนัดพบ

"ฝ่าบาท"

ลู่เหมยฮวาที่สวมใส่ชุดผ้าไหมหิมะเอ่ยเรียกเขาเสียงหวาน บนใบหน้ามีรอยยิ้มเขินอาย ยิ่งเห็นหลัวม่อเยียนมองนางด้วยสายตาชื่นชมในใจก็สั่นระรัว

"เราไปกันเถิด"

หลัวม่อเยียนเอ่ยบอกก่อนจะประคองนางเดินออกทางประตูด้านหลังของวังหลวงที่ไม่มีผู้ใดใช้มานานแล้ว แม้ลู่เหมยฮวาจะสงสัยทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยถาม หลังจากเดินพ้นประตูวังหลวงออกไปแล้วราวหนึ่งเค่อ ก็พบกับรถม้าและจางไห่ องครักษ์คนสนิทของหลัวม่อเยียนที่กำลังคอยท่าอยู่ก่อนแล้ว

หลัวม่อเยียนพาเหมยฮวาขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังวัดบนหุบเขาอย่างไม่รอช้า

"ฝ่าบาท จะทรงพาหม่อมฉันไปที่ใดหรือเพคะ?"

ลู่เหมยฮวาเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน หลัวม่อเยียนยื่นมือไปลูบไล้เส้นผมของนางก่อนโอบไหล่บางมาแนบอกแล้วเอ่ยบอกเสียงอ่อนโยน

"เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง"

ลู่เหมยฮวาถูกความอบอุ่นของเขาล่อลวงก็ไม่คิดติดใจสงสัยอันใดอีก ยื่นสองแขนโอบกอดเอวหนา ซบหน้าลงบนอกกว้างของเขาอย่างเอาใจ

"เพคะ"

หลัวม่อเยียนมองท่าทางว่าง่ายของเด็กสาวแล้ว ในใจก็นึกเอ็นดูนางขึ้นมา แต่ยามคิดถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตน ความรู้สึกนั้นก็พลันจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ข้าต้องทำเพื่อไท่หยาง!

ในขณะที่รถม้าของหลัวม่อเยียนกำลังมุ่งตรงไปยังวัดบนหุบเขา หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงก็ควบม้ากลับมาที่ไท่หยางพอดี เพียงแต่เพราะราตรีอันมืดมิดและจิตใจที่เกิดความกังวลอย่างประหลาด แม้พวกเขาจะควบม้าสวนทางกับรถม้าของหลัวม่อเยียน แต่กลับไม่ได้ใส่ใจหันมองเลยแม้แต่น้อย 

ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วยามรถม้าก็หยุดลงที่หน้าอารามหลวงของวัดบนหุบเขา หลัวม่อเยียนพาลู่เหมยฮวาเดินลงมาจากรถม้า ก่อนจะพานางเดินไปยังลานพิธี

"เร่งมือเข้าเถิดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หากเลยยามโฉ่วพิธีจะไม่สมบูรณ์!!!"

นักพรตชราที่ยืนอยู่ข้างแท่นบูชาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน

"ข้ารู้แล้ว"

หลัวม่อเยียนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง มือที่จับประคองลู่เหมยฮวาพลันออกแรงกระชากฉุดรั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนหน้า จึงค่อนข้างเร่งรีบไม่น้อย เขาน่าจะได้พบกับนักพรตชราให้เร็วกว่านี้!!!

"ฝ่าบาทเพคะ จะทรงทำสิ่งใดหรือเพคะ?"

ลู่เหมยฮวาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังแท่นบูชาขนาดใหญ่ ที่มีลูกแก้วมังกรสีทองตั้งวางอยู่ตรงกลางแท่นบูชาด้วยความหวาดกลัว

"จางไห่! นำชุดของข้ามา"

สิ้นเสียงสั่งการ จางไห่ ก็หยิบฉลองพระองค์ของฮ่องเต้มาให้หลัวม่อเยียนสวมใส่ หลัวม่อเยียนมือหนึ่งจับข้อมือเล็กของลู่เหมยฮวาเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็สวมใส่ชุดด้วยความเร่งรีบช่างวุ่นวายยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะนักพรตชราบอกกับเขาว่า ยามทำพิธีต้องสวมชุดฉลองพระองค์เต็มยศ เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรม เขาคงจับลู่เหมยฮวาขึ้นแท่นบูชาแล้วจัดการทุกอย่างได้เร็วขึ้น

"ฝ่าบาท ที่นี่คือที่ใดกันเพคะ หม่อมฉันอยากกลับวังหลวงเพคะ"

ลู่เหมยฮวาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หวาดหวั่น สองเท้าแข็งขืนต่อต้านการฉุดรั้งของเขา หากแต่นางไม่ยินดีไปกับเขา หลัวม่อเยียนก็ไม่ยินยอมปล่อยนางเช่นกัน มือหนากำข้อมือเล็กแน่นออกแรงฉุดกระชากจนร่างบางซวนเซ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันเยือกเย็น

"ไปกับข้า ข้าจะพาเจ้าไปที่แท่นบูชาขอพร"

"แท่นบูชาขอพร?"

"ใช่แล้ว"

ลู่เหมยฮวาจ้องมองไปยังแท่นบูชาขนาดใหญ่เบื้องหน้า ดวงตาหวานพลันเบิกกว้างตื่นกลัว ส่ายหน้าไปมาถี่ระรัวอย่างไม่ยินดีที่จะไปกับเขา

"ไม่เพคะ หม่อมฉันไม่ไป"

เสียงของลู่เหมยฮวาทั้งสั่นเครือทั้งหวาดกลัว หยาดน้ำตาพลันไหลล้นจากดวงตาหวาน อาบสองแก้มเนียนจนเปียกชุ่มยามนี้นางรู้สึกราวกับว่า หลัวม่อเยียนคล้ายกับปีศาจที่จะมาพรากลมหายใจของนางไป!!!

"ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากกลับวังหลวงแล้วเพคะ"

"อีกเดี๋ยวข้าจะพาเจ้ากลับ"

"ไม่เพคะ ปล่อยหม่อมฉัน"

อาจเพราะความตื่นกลัว ลู่เหมยฮวาที่เป็นเพียงสตรีบอบบางจึงมีเรี่ยวแรงมากมายดิ้นรนจนหลุดจากมือหนา ไม่รั้งรอให้ถูกหลัวม่อเยียนจับกุมอีกเป็นครั้งที่สอง เท้าเล็กก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

"จับนางไว้!"

หลัวม่อเยียนตะโกนสั่งเสียงดังก้อง จางไห่ก็ทะยานตัวเข้าขวางทางลู่เหมยฮวาก่อนจะรวบเอวบาง จับนางยกขึ้นพาดบ่า

"เอานางไปวางบนแท่นบูชา"

"ไม่! ฝ่าบาทจะทำอะไรหม่อมฉัน ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ! ฝ่าบาท!"

จางไห่จับลู่เหมยฮวาวางบนแท่นบูชา หลัวม่อเยียนก็เดินเข้ามาใช้ฝ่ามือหนากดลงที่ลำคอขาวพร้อมกับออกแรงบีบคั้น เขาจดจ้องนางด้วยความโกรธเคือง

"เจ้ากล้าคิดทำลายพิธีของข้าหรือ"

เพียงแค่คิดว่าสตรีตรงหน้าเกือบทำให้พิธีของเขาพังทลายลงในใจของหลัวม่อเยียนก็เกิดไฟโทสะลุกโชนจนอยากฆ่าคนเสียเดี๋ยวนี้

"ฝ่าบาทใกล้จะเลยยามโฉ่วแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

นักพรตชราร้องบอก หลัวม่อเยียนมองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายบนแท่นบูชาแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียม

"จางไห่ มัดมือ มัดเท้านางไว้"

จางไห่ได้รับคำสั่งก็จับแขนขาทั้งสองข้างของลู่เหมยฮวาคล้องโซ่ตรวนทั้งสี่รยางค์ เมื่อเห็นว่าลู่เหมยฮวาไม่อาจดิ้นหนีไปไหนได้อีกแล้ว หลัวม่อเยียนก็คลายมือออกจากลำคอขาวเนียนของนาง ริมฝีปากยกยิ้มเย้ยหยันชั่วร้าย มองคนที่พยายามดิ้นรนสูดลมหายใจด้วยความพึงพอใจ

"ฝ่าบาท... ปล่อย... ปล่อยหม่อมฉัน ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันเถิดเพคะ"

ลู่เหมยฮวาที่พึ่งมีโอกาสได้สูดลมหายใจอีกครั้ง เอ่ยร้องเสียงแหบพร่าอ้อนวอน ทั้งใบหน้าอาบไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัว ทั้งตัวสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก

"ฝ่าบาทใกล้หมดเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ เร่งใช้กริชปักลงกลางหัวใจนางเร็วเข้า!"

"ไม่นะเพคะ ฝ่าบาทอย่าเพคะ ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!"

ดวงตาของหลัวม่อเยียน ฉายแววครุ่นคิดคราหนึ่ง ความรู้สึกมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเขาจนเต็มไปหมด มันมีทั้งความสงสาร ความโกรธเคือง และความเจ็บปวดจากการถูกเหล่าขุนนางและธิดาเทพเหยียดหยามเย้ยหยัน!!!

ไม่ได้!!! ข้าต้องทำเพื่อไท่หยางของข้า!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลัวม่อเยียนก็รับกริชแหลมคมจากจางไห่มาถือเอาไว้ในมือ ลู่เหมยฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ส่ายหน้าตะโกนก้อง ทั้งดิ้นรน ทั้งร่ำร้อง ให้ผู้คนช่วยเหลือ

หลัวม่อเยียนพลันหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแต่มิใช่ว่าเขาเกิดความเมตตาสงสารนาง แต่สิ่งที่ทำให้เขาชะงักการกระทำนี้กลับเป็นความหวาดกลัว หวาดกลัวว่าผู้อื่นจะได้ยินเสียงของนางแล้วมาทำลายพิธีของเขา

 "จางไห่ เอาผ้ามาปิดปากนาง"

"ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ"

นักพรตชราเอ่ยห้ามปราม

"นางแหกปากร้องเช่นนี้ หากมีผู้ใดมาได้ยินจะมิเสียเรื่องหรอกหรือ!!!"

"ทูลฝ่าบาท ยิ่งเครื่องสังเวยส่งเสียงร้องกู่ก้องสะท้านฟ้ามากเท่าใด ปีศาจมังกรก็จะยิ่งรับรู้ถึงคำขอของพระองค์มากขึ้นเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ สังหารนางเสีย! แล้วเร่งเอ่ยขอพรต่อปีศาจมังกรเถิดพ่ะย่ะค่ะ!"

หลัวม่อเยียนพยักหน้า มือหนาฉีกทึ้งเสื้อผ้าช่วงบนของนางออก เผยให้เห็นหน้าอกฝั่งซ้ายที่กระเพื่อมไหวรุนแรงเพราะความหวาดกลัว

"ฝ่าบาท อย่าเพคะ! อย่า!"

ลู่เหมยฮวาเอ่ยอ้อนวอนเขาเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาเรียวจดจ้องคมกริชในมือของหลัวม่อเยียน ยามที่เขาง้างกริชศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเหนือแท่นบูชา นางก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว สอดประสานกับเสียงทุ้มดังก้องของหลัวม่อเยียน

"ท่านปีศาจมังกร ยามนี้ข้านำเครื่องสังเวยมาบูชายัญตามที่ท่านต้องการแล้ว ได้โปรดบันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ไท่หยางและให้ข้าได้ครองบัลลังก์มังกรอย่างสงบสุขด้วยเถิด!"

สิ้นเสียงตะโกนก้องขอพรของหลัวม่อเยียน แสงจันทราก็สาดส่องมายังแท่นบูชา หลัวม่อเยียนกระชับกริชศักดิ์สิทธิ์ในมือ ก่อนจะขยับแขนปักคมกริชลงที่กลางอกซ้ายของลู่เหมยฮวา หญิงสาวผู้ถูกเลือกโดยไม่มีแม้แต่ความลังเล เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของนางดังก้องป่า ชุดไหมหิมะสีขาวบนกายนางค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน หยาดโลหิตจากหัวใจของนางค่อย ๆ อาบล้นไหลนองลงบนแท่นบูชายัญ พร้อมกับลมหายใจที่ค่อย ๆ รวยรินจนหมดสิ้นของลู่เหมยฮวา

นักพรตชรามองสายธารโลหิตที่ไหลรวมอาบย้อมบนลูกแก้วมังกรสีทองศักดิ์สิทธิ์ ทั่วทั้งกายของหลัวม่อเยียน พลันก่อเกิดแสงสีขาวเปล่งประกายดุจเทพเซียน ยามที่นักพรตโบกสะบัดพู่กันขีดเขียนยันต์สั่งฟ้าเหนือท้องนภาก็ปรากฏเมฆฝน เคลื่อนตัวมาบดบังดวงจันทรา ก่อนที่หยาดน้ำจะโปรยปรายลงมาจนเจิ่งนองพื้นดิน ดุจเช่นหยาดโลหิตบนแท่นพิธีบูชายัญ

"ข้าคือฮ่องเต้ คือฮ่องเต้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ฮ่า ๆ ๆ"

เสียงของหลัวม่อเยียนตะโกนก้อง ดวงตาคมมองสายฝนที่โปรยปรายแล้วชูแขนสองข้างพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

"สำเร็จแล้ว! อีกไม่นานไท่หยางจะต้องอุดมสมบูรณ์ สมบูรณ์ยิ่งกว่ายุคสมัยของเสด็จพ่อเสียอีก!!! ฮ่า ๆ ๆ ๆ"

เปรี้ยง!

"กรี๊ดดดด!"

เสียงสายฟ้าฟาดคำรามสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน สลับกับเสียงสายฝนโปรยปรายจนบ้านเรือนสั่นไหว ทำให้โจวอวี้หลันสะดุ้งตื่นตกใจ ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งหายใจถี่ระรัวด้วยความหอบเหนื่อย มือบางวางทาบบนอกหัวใจสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว

อีกแล้วหรือ! นี่นางฝันเห็นคนถูกฆ่าและพิธีกรรมบ้าบอนั่นอีกแล้วหรือ!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก   ตอนพิเศษ

    รัชศกหลัวเฉวียนปีที่5ม้าเร็วจากไท่หยาง ส่งข่าวมาแจ้งหลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงว่า ฮ่องเต้หลัวเฉวียน ทรงสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยเพราะพิษร้ายที่สะสมในร่างกายมันรุนแรงจนกัดกร่อนทุกส่วนในกายจนหมดสิ้น ยามนี้ราชวงศ์กำลังสั่นคลอน ฮองเฮามีเพียงพระธิดาที่มีอายุเพียงไม่กี่ชันษาเท่านั้นไร้พระโอรสสืบทอดราชบัลลังก์ ยามนี้ไท่หยางกำลังต้องการฮ่องเต้พระองค์ใหม่ หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงรีบเร่งกลับไท่หยางโดยเร็ว พร้อมกับพาโจวอวี้หลันและบุตรชายทั้งสองติดตามมาด้วย ยามนี้โจวอวี้หลันกำลังตั้งครรภ์ที่สอง พวกเขาใช้เวลาร่วมสองคืนสามวันจึงเดินทางถึงไท่หยาง พระศพของฮ่องเต้หลัวเฉวียนถูกนำไปฝังในสุสานของราชวงศ์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ออกจากวังหลวงพร้อมกับองค์หญิงหลัวอิงอิง ไปบำเพ็ญเพียรที่วัดบนหุบเขา รักษาศีลภาวนาให้จิตใจบริสุทธิ์และไม่คิดจะกลับเข้าวังหลวงอีกชั่วชีวิต ยามนี้ที่วัดบนหุบเขาแห่งนั้นมีไต้ซือและสามเณรที่น่านับถือพักอาศัยอยู่หลายร้อยองค์ อีกทั้งยังมีภิกษุณีอาศัยอยู่ในวัดแห่งนั้นอีกด้วย หลัวเฉวียนตอนที่ยังมีชีวิตเขาก็ได้ขยายพื้นที่ของวัดให้กว้างขวางมากขึ้น เหล่าผู้คนต่างพากันไปไหว้พร

  • เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก   บทที่ 51 ความสงบสุขมาเยือน

    รัชศกเฉวียนปีที่1 ฮ่องเต้นามว่า หลัวเฉวียน เสียงบรรเลงเพลงขับขานแซ่ซ้อง ฮ่องเต้หนุ่มในชุดพัสตราภรณ์มังกรสีทองกำลังนั่งเคียงคู่อยู่กับสตรีที่สวมชุดสีแดง ปักลวดลายหงส์งามนั่นก็คือฮองเฮาของเขา นามว่า เหมยลี่อิง บุตรสาวของท่านแม่ทัพตระกูลเหมยเหมยฮองเฮาทรงประสูติพระธิดาหนึ่งองค์ ด้วยเพราะร่างกายของหลัวเฉวียนไม่ดีเท่าใดนัก นางจึงมิอาจตั้งครรภ์ได้อีก หลัวเฉวียนยังจำได้ดี วันที่เขาเดินทางมาไท่หยางเพื่อสู้ศึก เหมยลี่อิงกำลังตั้งครรภ์ แต่ทว่านางกลับเข้มแข็งและไม่ยอมเป็นตัวถ่วงเขา นางบอกว่า ขอเพียงประชาชนไท่หยางอยู่อย่างร่มเย็นสงบสุข นางยินดีสละความสุขส่วนตนได้เสมอแผ่นดินไท่หยางกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครา ฝนตกต้องตามฤดูกาล อีกทั้งสติปัญญาที่เก่งกาจของหลัวเฉวียนทำให้แผ่นดินไท่หยางอุดมสมบูรณ์ เหล่าราษฎรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ขุนนางในราชสำนักก็ไม่คิดต่อต้านราชวงศ์อีกหลัวเฉวียนสั่งให้คนขุดดินเพื่อสร้างเป็นทางน้ำขนาดใหญ่ ให้แม่น้ำจากนอกเมืองหลวงไท่หยางไหลเข้ามาในพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านได้ รวมถึงสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ยามเกิดภัยแล้งอีกด้วย และยังลดค่าภาษีต่าง ๆ ลงเป็นจำนวนมาก ผู้คนอยู่ดีกิ

  • เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก   บทที่ 50 เดินทางกลับไท่หยาง

    เสียงฟ้าร้องพร้อมกับฝนห่าใหญ่ ทำให้โจวอวี้หลันรู้สึกหนาวเย็นยิ่งนัก ฝนตกในครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้นางเหมือนในครั้งก่อน ๆ อีก ยามนี้นางกำลังยื่นมือไปลูบหัวของอาลู่และอาชิงเจ้าแมวอ้วนสองตัวด้วยความรักใคร่ฉาฮวาละสายตาจากสายฝนด้านนอก ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งข้างกายโจวอวี้หลัน แล้วจึงเอ่ยขึ้นมา "ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ ดวงดาวของฮ่องเต้ดับสูญแล้ว" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง "ฉาฮวา หรือจะเกี่ยวกับพิธีบูชายัญเหล่านั้น""เพียงแค่ส่วนเดียวเพคะพระชายา การบูชาเทพและปีศาจ เป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจเพียงเท่านั้น ฝ่าบาททรงถูกอำนาจและความทะเยอทะยานครอบงำจิตใจจนเกินจะแก้ไข ทำให้ขาดสติไตร่ตรองดีชั่ว หลงเชื่อคนผิด คิดกระทำการขัดต่อดวงชะตา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้เพคะ""แล้วที่ได้ยินมาว่าดวงชะตาของฝ่าบาทคือดวงชะตาที่วิบัติ มันจริงหรือ?""จริงเพคะ ดวงวิบัติไม่ได้หมายถึงแผ่นดินจะวิบัติเพียงอย่างเดียว แต่คนรอบข้างที่รายล้อมฝ่าบาท หากไม่ตายด้วยน้ำมือของเขา ก็จะสิ้นชีพลงเพราะดวงชะตาของเขากดข่มเอาไว้ แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้ดีและมองดูตนเองอย่างถ่อง

  • เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก   บทที่ 49 การบูชายัญครั้งสุดท้าย

    กว่าจะสะสางเรื่องราวตรงหน้าได้จนแล้วเสร็จหลัวเยี่ยนเจ๋อก็เหนื่อยไม่น้อยแล้ว หลัวเฉวียนสั่งให้เหล่าทหารนำซากศพของเหล่ากบฏต้าไห่ไปทิ้งในป่านอกเมืองเสีย ไม่ต้องกลบฝัง ปล่อยให้ฝูงกาทึ้งกินตามยถากรรม ส่วนหัวของโจวอวิ๋น ให้นำไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมือง เพื่อมิให้แคว้นอื่นคิดทำเป็นเยี่ยงอย่าง ด้านหลัวเทียนเฉิงในยามนี้เขาบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ หมอหลวงจึงให้เขาพักฟื้นห้ามขยับกายทำสิ่งใดเป็นอันขาด หลัวเยี่ยนเจ๋อเองก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "ขอบพระทัยเสด็จพี่รองยิ่งนัก""ข้าเต็มใจ อย่างไรเสีย ข้าคงต้องรีบกลับแคว้นเย่ว์ก่อนแล้ว ป่านนี้พระชายาคงจะร้อนใจยิ่งแล้ว เรื่องต่าง ๆ ที่ไท่หยางมีพวกเจ้าทั้งสองคอยจัดการ ข้าก็วางใจ""พี่รอง""หืม?""เรื่องราชโองการของเสด็จพ่อ...""ช่างเถิด หลัวม่อเยียนยังไม่ได้สิ้นพระชนม์ หากเขาคิดได้แล้ว ข้าก็ไม่อยากแย่งชิงบัลลังก์กับพี่น้อง"หลัวเฉวียนยิ้มให้หลัวเยี่ยนเจ๋ออย่างอ่อนโยน แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เดินทางกลับแคว้นเย่ว์ ก็ได้ยินเสียงตะโกนก้องของราชเลขาดังขึ้นมาเสียก่อน "เย่ว์อ๋อง!!! ชินอ๋องแย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!!!"หลัวเฉวียนและหลัวเยี่ยนเจ๋อรีบหัน

  • เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก   บทที่ 48 นักพรตชราสิ้นชีพ

    ทหารไท่หยางตกตายไปกว่าครึ่ง หลัวเยี่ยนเจ๋อเห็นว่าปล่อยเอาไว้เช่นนี้คงไม่ดีแน่แล้ว จึงสั่งให้พ่อบ้านเฉียวรีบพาหลัวเทียนเฉิงที่บาดเจ็บสาหัสเข้าไปในเรือนเสียก่อน ส่วนเขาและหลัวเฉวียนจะต้านทัพของต้าไห่เอาไว้อย่างสุดกำลัง "ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!!! ฆ่าคนไท่หยางให้หมด!!!"โจวอวิ๋นส่งเสียงตะโกนก้องฟ้าสะเทือนปฐพี เหล่าทหารต้าไห่ที่ได้ยินเช่นนั้นต่างส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง พร้อมกับพุ่งเข้าเข่นฆ่าราษฎรของไท่หยางอย่างอำมหิตหลัวม่อเยียนในยามนี้จิตใต้สำนึกของเขามีแต่ความว่างเปล่า ความรู้สึกที่อยากได้ตัวฉาฮวาและโจวอวี้หลันไม่มีอีกแล้ว มีเพียงความรู้สึกที่ยากจะอธิบายในยามนี้ "ย้าาาาา!!!"ในความคิดของหลัวม่อเยียนมีเพียงคำว่า ฆ่า ฆ่าให้หมดเพียงเท่านั้น!!!หลัวเฉวียนไม่มีเวลาสนใจสิ่งใดแล้ว เขาร่วมรบเพื่อปกป้องไท่หยางอย่างสุดกำลังเช่นกัน นักพรตชราที่เขาอยากเห็นหน้ายามนี้คงไม่จำเป็นเสียแล้ว เพราะเขาได้ยินกับหูของตนเองแล้ว ว่ามันคือกบฏที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้แก่ไท่หยางดาบในมือของหลัวเฉวียนยังคงสังหารคนไม่หยุด แม้มีบางคราที่พิษจะกำเริบขึ้นมา แต่เขาเองก็ไม่ยอมหยุด ดาบในมือกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วและว

  • เชลยรัก ท่านอ๋องแฝดนรก   บทที่ 47 หลงกลกบฏ

    เสียงกรีดร้องโหยหวนของราษฎรไท่หยางดังลอยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเกิดเพลิงไหม้เป็นวงกว้างทั่วทั้งเมืองหลวงไท่หยาง เหล่าทหารของต้าไห่ต่างควบม้าพุ่งทะยานเข้ามาในไท่หยางหลายแสนนาย หลัวเฉวียนและหลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้เห็นเช่นนั้นก็มองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก จางไห่ถือโอกาสที่ทุกคนไม่ทันระวังตัว เงื้อดาบขึ้นสูงเตรียมจะจ้วงแทงมันลงไปที่หัวใจของหลัวม่อเยียน หลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รีบเขวี้ยงมีดสั้นสกัดดาบของจางไห่ได้ทันเวลา ร่างสูงใหญ่พุ่งทะยานฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางอกของจางไห่อย่างเต็มแรง จนฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดอีกครา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด หลัวม่อเยียนหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจ้องมองจางไห่ด้วยแววตาที่เย็นชา "จางไห่!!! เจ้า เหตุใดเจ้าจึงคิดสังหารข้า!!!"จางไห่ไม่ตอบ เขากระอักเลือดออกมาอีกคราอย่างทรมาน "เป็นเจ้าที่เปิดประตูเมืองหลวงให้เหล่ากบฏเช่นนั้นหรือ!!!"หลัวม่อเยียนหันไปเอ่ยถามจางไห่ด้วยน้ำเสียงที่คาดคั้น จางไห่ยังคงไม่ตอบ แต่ทว่ากลับหยัดกายลุกขึ้นยืน และเดินไปหาบุรุษวัยกลางคน ที่กำลังควบอาชามุ่งหน้าเข้ามายังทิศทางที่พวกเขาทั้งสี่คนอยู่ "โอ้ววว ได้มาดูพี่น้องเข่นฆ่ากันเช่นน

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status