ข้าเคยได้ยินคนเอ่ยกันว่า สามีสองต้องห้าม แต่สำหรับข้า สามีสอง ต้องมันส์!! แน่นอน! โจวอวี้หลัน องค์หญิงแห่งต้าไห่ ถูกส่งตัวมาที่ ไท่หยาง ในฐานะเชลยศึก นางได้เข้าไปอยู่ในจวนของท่านอ๋องฝาแฝดที่มีนามว่า หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิง พวกเขาได้รับฉายาว่าแฝดนรก ความวุ่นวายปนฮาจึงบังเกิดขึ้น เมื่อนางยั่วจนพวกเขาทนไม่ไหว เรื่องราวความรักปะปนไปกับความฝันที่น่าหวาดกลัวของโจวอวี้หลัน นำไปสู่การไขคดีการตายอย่างปริศนาของสตรีถึงสามคน รวมไปถึงพิธีกรรมที่โหดเหี้ยมของใครบางคนในไท่หยางที่หวังจะโกงชะตาดวงเมือง ทั้งสามจะช่วยกันไขคดีการตายอย่างเป็นปริศนาในครั้งนี้ได้หรือไม่ และจะรอดปลอดภัยจากเงื้อมมือของคนอำมหิตไปได้เช่นไร
ดูเพิ่มเติมเมืองหลวงไท่หยาง
เสียงบรรเลงดนตรีแซ่ซ้องขับขาน ปรากฏร่างของบุรุษรูปงามที่ยามนี้สวมชุดสีดำปักลวดลายมังกรสีทองดูน่าเกรงขาม ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววปีติยินดีอย่างยิ่ง เขากำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าปะรำพิธี ดวงตาคมจ้องมองไปยังเหล่าข้ารับใช้อย่างมีเมตตา
"เราจะปกครองไท่หยางอย่างชอบธรรม ขอทุกท่านโปรดวางใจ"
"ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!!!"
เสียงของเหล่าข้ารับใช้ในวังหลวงต่างกู่ก้องสรรเสริญฮ่องเต้หลัวม่อเยียน ผู้เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของเมืองหลวงไท่หยาง
"ถวายพระพรฝ่าบาท"
"น้องสาม น้องสี่ ไม่ต้องมากพิธี รีบมาดื่มสุรามงคลกับพี่เร็วเข้า"
หลัวม่อเยียนที่เห็นว่าน้องชายฝาแฝดของตนมาอวยพรก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ขาดเพียงน้องรอง หลัวเฉวียนเท่านั้นที่ปกครองแคว้นเย่ว์ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง อีกทั้งสุขภาพก็ไม่สู้ดีเท่าใด จึงไม่สามารถมาร่วมพิธีครองราชย์ของเขาในวันนี้ได้
หลัวเยี่ยนเจ๋อ ผู้ซึ่งเป็นแฝดพี่เขาคือชินอ๋องแห่งไท่หยาง และหลัวเทียนเฉิง ผู้เป็นแฝดน้อง เขาคือจวิ้นอ๋องแห่งไท่หยาง ทั้งสองดำรงตำแหน่งอ๋องเช่นเดียวกัน น้องชายฝาแฝดสองคนนี้ เป็นน้องชายต่างมารดาของเขา เป็นพระโอรสที่ประสูติจากกุ้ยเฟยในวังหลัง หลัวเฉวียนเอง ก็ประสูติจากครรภ์ของซูเฟยเช่นกัน เท่ากับว่ามีเขาเพียงผู้เดียวที่ประสูติจากพระครรภ์ของฮองเฮา
"พี่รองส่งของขวัญมาให้ เสด็จพี่ได้รับหรือยังพ่ะย่ะค่ะ"
หลัวเยี่ยนเจ๋อเอ่ยถามพี่ชายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะยกจอกสุราขึ้นมาดื่มจนหมดจอก
"ได้รับแล้ว จะว่าไปพี่ก็คิดถึงน้องรองยิ่งนัก"
"พี่รองคงจะสุขสบายดีพ่ะย่ะค่ะ"
หลัวเทียนเฉิงเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลางปรายตามองสาวใช้น้อยนางหนึ่งที่ยกขนมกุ้ยฮวามาถวาย หลัวม่อเยียนที่เห็นเช่นนั้นจึงหยอกล้อน้องชายของตนอย่างรู้ทัน
"น้องสี่ เจ้าถูกใจนางหรือ ข้ายกให้เจ้าดีหรือไม่?"
"ให้ข้าด้วยสิ"
หลัวเยี่ยนเจ๋อรีบเอ่ยขึ้นมาทันที ทำให้หลัวม่อเยียนรู้สึกขบขันเป็นอย่างยิ่ง
"เจ้าทั้งสองคนนี่นะ เรื่องอื่นก็ดีไปเสียหมด แต่เหตุใดจึงชอบใช้สตรีร่วมกันเล่า"
หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงหันมาสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะแสยะยิ้ม
แต่ไหนแต่ไรมา ของทุกชิ้น เขาก็ใช้ร่วมกันมาโดยตลอด และสิ่งหนึ่งที่พวกเขาชอบมากที่สุด คือการใช้สตรีร่วมกัน
แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่มีพระชายาสักที ด้วยเพราะสตรีในเมืองหลวงต่างยอมรับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ อีกทั้งยังมองว่าพวกเขาโรคจิตผิดวิสัยของคนทั่วไปราวกับเกิดมาจากขุมนรก อีกทั้งยังให้ฉายาพวกเขาว่า ท่านอ๋องแฝดนรก อีกด้วย
แล้วอย่างไรเล่า!!! เขาทั้งสองคนมิได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
"ไม่ละ ข้าเพียงมองนางเท่านั้น สตรีใดจะมาใส่ใจพวกข้ากัน"
หลัวเทียนเฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่ไหนแต่ไรมาสตรีที่พวกเขาหลับนอนด้วยมีเพียงไม่กี่นางเท่านั้น พอเขาจะรับพวกนางเข้าจวน พวกนางก็หวาดกลัวพวกเขาจนตัวสั่นเสียแล้ว
"อีกสามวันแคว้นต้าไห่ จะส่งองค์หญิงมากับขบวนบรรณาการ อย่างไรเสียพวกเจ้าก็เข้ามาดูเสียหน่อยเผื่อถูกใจนาง ข้าน่ะ มีราชกิจมากมาย ยังมิอยากรับสนมเพิ่ม"
หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงต่างพยักหน้าคราหนึ่ง
หึ!!! องค์หญิงบรรณาการเท่ากับเชลยศึก มิคู่ควรได้เป็นชายาเอกของพวกเขาแม้แต่น้อย แต่เอาเถิด! มาดูเสียหน่อยจะเป็นไรไป
หลัวเยี่ยนเจ๋อวางจอกสุราในมือลง ก่อนจะเอ่ยกับหลัวม่อเยียนด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"เสด็จพี่ ท่านอย่าสนใจขุนนางเหล่านั้นเลยพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ารู้ ขอบใจเจ้ามาก"
หลัวม่อเยียนพยักหน้าเล็กน้อย เขาเองมิใช่ว่าจะไม่รู้ ว่าการขึ้นครองราชย์ของเขาในครั้งนี้ เหล่าขุนนางต่างไม่เห็นด้วยสักเท่าใดนัก ตำหนักธิดาเทพเคยทำนายเอาไว้ ว่าหากเขาขึ้นครองราชย์ ไท่หยางจะแห้งแล้งและผู้คนจะล้มป่วย อีกทั้งไท่หยางจะเข้าสู่กลียุค
ทางแก้เพียงทางเดียวคือไม่ให้เขาขึ้นครองราชย์!
จะให้ทำเช่นไรเล่า? ในเมื่อเขาเป็นถึงองค์รัชทายาทที่เสด็จพ่อทรงแต่งตั้ง น้องรอง น้องสาม น้องสี่ ก็เป็นเพียงพระโอรสที่ประสูติจากนางสนม แต่เขาเป็นพระโอรสที่ประสูติจากฮองเฮา ตำแหน่งนี้จึงตกเป็นของเขาโดยชอบธรรม
ยิ่งคิดถึงแววตาดูแคลนและไม่เห็นด้วยของเหล่าขุนนาง รวมถึงเหล่าธิดาเทพที่เฝ้ามองเขาอย่างไม่ยอมรับ โทสะภายในใจของหลัวม่อเยียนก็ยิ่งปะทุขึ้นมา แต่เขาทำได้เพียงอดกลั้นมันเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น
หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิง เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าใดนัก อีกทั้งท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนก่อน แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ชื่นชอบการพบปะสังสรรค์กับผู้ใดนาน ๆ อยู่แล้ว
เมื่อกลับมาถึงจวน ทั้งหลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงต่างถอดเสื้อผ้าออกเพื่อจะอาบน้ำ พวกเขาอาศัยอยู่ในจวนเดียวกัน ใช้ของทุกอย่างเหมือน ๆ กัน จนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว แม้กระทั่งยามอาบน้ำก็ยังอาบร่วมกัน มีเพียงเตียงนอนเท่านั้นที่พวกเขาไม่ใช้ร่วมกัน เหตุผลเพียงแค่หลัวเทียนเฉิงชอบใช้เท้ายันหลัวเยี่ยนเจ๋อตกเตียง เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่วัยเยาว์ จวบจนยามนี้ที่เขามีอายุยี่สิบปีแล้ว ก็ยังเป็นเหมือนเช่นวัยเยาว์เสมอมา
จวนอ๋องของพวกเขาค่อนข้างใหญ่โต โอบล้อมไปด้วยต้นไผ่ให้ความร่มรื่น อีกทั้งยังมีดอกเหมยกุ้ยฮวาปลูกเรียงรายผลิดอกส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา
เสียงแมวร้องดังลั่นไปทั่วทั้งตำหนัก ทำให้หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงหันมาสบตากันคราหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินออกไปดูทันที
ภาพที่เห็นคืออาลู่ แมวสีดำลูกรักของหลัวเยี่ยนเจ๋อกำลังถูก อาชิง แมวสีขาวของหลัวเทียนเฉิง ตบหน้ารัว ๆ ไม่ยอมหยุด
"อาชิง หยุดเดี๋ยวนี้!!!"
"อาลู่ ลูกรักของพ่อ เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่? อาเฉิง แมวเจ้าตีแมวข้า!!!"
"อาลู่น่าจะรังแกอาชิงก่อน"
"ไม่มีทาง ลูกข้าเป็นแมวที่ดี!!!"
"หึ!!! ลูกเป็นอย่างไรพ่อมันก็เป็นเช่นนั้น"
"สามหาว!!! อาเฉิง"
พ่อบ้านเฉียวเดินเข้ามาในเรือนใหญ่ ก่อนจะต้องส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ท่านอ๋องแฝดคู่นี้ เหมือนจะรักใคร่กันแต่บางคราก็ด่าทอกันจนเหมือนไม่ใช่พี่น้อง
เวลาทำเรื่องเช่นนั้นละก็เข้าขากันดีจริงเชียว!!!
หลัวเยี่ยนเจ๋อ อุ้มอาลู่ แมวสีดำตัวอ้วนมาวางเอาไว้บนเตียง ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะมันอย่างรักใคร่ อาลู่หันมาแยกเขี้ยวใส่เขาคราหนึ่ง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงที่กลางศีรษะของเขาอย่างเต็มแรง แต่ทว่าหลัวเยี่ยนเจ๋อกลับไม่โกรธเคืองเจ้าแมวอ้วนเลยแม้แต่น้อย
"พ่อยอมเจ้าแล้ว ลูกรักของพ่อ ตบตีพ่อเถิด เอาให้สาแก่ใจเจ้า พ่อผิดเองที่ดูแลเจ้าไม่ดี"
อาลู่ที่เห็นว่าหลัวเยี่ยนเจ๋อยอมมันเช่นนี้ จึงทิ้งกายลงนอนบนเตียง พลางหงายพุงนอนเกลือกกลิ้งบนเตียงอย่างอารมณ์ดี มันเป็นแมวเพศผู้สีดำตัวอ้วนที่เขาเลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่เล็ก แม่ของอาลู่มาคลอดมันทิ้งไว้ที่สวนท้ายจวนก่อนจะล้มป่วยและตายจากไป เขาจึงดูแลมันมานับตั้งแต่วันนั้น และรักมันราวกับบุตรชายแท้ ๆ ของตน แต่ด้วยเพราะหลัวเยี่ยนเจ๋อเป็นคนอารมณ์ร้าย อาลู่จึงซึมซับอารมณ์ร้ายกาจมาจากเขา แต่ทว่ามันกลับพ่ายแพ้ให้แก่อาชิงแมวอ้วนสีขาวของหลัวเทียนเฉิงอยู่เสมอ
ด้านหลัวเทียนเฉิงนั้น ก็กำลังอุ้มอาชิงพาดบ่าราวกับเด็กน้อย พร้อมกับสั่งสอนเจ้าแมวสีขาวตัวอ้วนเพศผู้อย่างใจเย็น
"อาชิง เจ้าอย่าทุบตีอาลู่อีกเลยนะ อย่างไรเสียก็เป็นพี่น้องกัน"
เมี้ยวววว!
"ดีมากลูกพ่อ"
หลัวเทียนเฉิงยื่นมือไปลูบศีรษะอาชิงอย่างรักใคร่ อาชิงเป็นแมวที่อ่อนโยนเหมือนกับเขา มันทั้งสุขุมและน่ารักน่าชังไม่น้อย เขาเก็บอาชิงมาจากตลาด ยามนั้นมันยังเล็กและนั่งตากฝนอยู่ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก เขาจึงอุ้มมันกลับมาเลี้ยงที่จวนตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ทั้งที่อาชิงเป็นแมวอ่อนโยนถึงเพียงนี้ แต่เหตุใดมันจึงชอบทุบตีอาลู่กันเล่า?
คงเพราะอาลู่ชอบมายั่วโมโหมันเป็นแน่! อาชิงของเขาเป็นแมวที่ดีย่อมไม่ทุบตีแมวตัวอื่นก่อน
รัชศกหลัวเฉวียนปีที่5ม้าเร็วจากไท่หยาง ส่งข่าวมาแจ้งหลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงว่า ฮ่องเต้หลัวเฉวียน ทรงสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยเพราะพิษร้ายที่สะสมในร่างกายมันรุนแรงจนกัดกร่อนทุกส่วนในกายจนหมดสิ้น ยามนี้ราชวงศ์กำลังสั่นคลอน ฮองเฮามีเพียงพระธิดาที่มีอายุเพียงไม่กี่ชันษาเท่านั้นไร้พระโอรสสืบทอดราชบัลลังก์ ยามนี้ไท่หยางกำลังต้องการฮ่องเต้พระองค์ใหม่ หลัวเยี่ยนเจ๋อและหลัวเทียนเฉิงรีบเร่งกลับไท่หยางโดยเร็ว พร้อมกับพาโจวอวี้หลันและบุตรชายทั้งสองติดตามมาด้วย ยามนี้โจวอวี้หลันกำลังตั้งครรภ์ที่สอง พวกเขาใช้เวลาร่วมสองคืนสามวันจึงเดินทางถึงไท่หยาง พระศพของฮ่องเต้หลัวเฉวียนถูกนำไปฝังในสุสานของราชวงศ์ ส่วนเหมยฮองเฮาก็ออกจากวังหลวงพร้อมกับองค์หญิงหลัวอิงอิง ไปบำเพ็ญเพียรที่วัดบนหุบเขา รักษาศีลภาวนาให้จิตใจบริสุทธิ์และไม่คิดจะกลับเข้าวังหลวงอีกชั่วชีวิต ยามนี้ที่วัดบนหุบเขาแห่งนั้นมีไต้ซือและสามเณรที่น่านับถือพักอาศัยอยู่หลายร้อยองค์ อีกทั้งยังมีภิกษุณีอาศัยอยู่ในวัดแห่งนั้นอีกด้วย หลัวเฉวียนตอนที่ยังมีชีวิตเขาก็ได้ขยายพื้นที่ของวัดให้กว้างขวางมากขึ้น เหล่าผู้คนต่างพากันไปไหว้พร
รัชศกเฉวียนปีที่1 ฮ่องเต้นามว่า หลัวเฉวียน เสียงบรรเลงเพลงขับขานแซ่ซ้อง ฮ่องเต้หนุ่มในชุดพัสตราภรณ์มังกรสีทองกำลังนั่งเคียงคู่อยู่กับสตรีที่สวมชุดสีแดง ปักลวดลายหงส์งามนั่นก็คือฮองเฮาของเขา นามว่า เหมยลี่อิง บุตรสาวของท่านแม่ทัพตระกูลเหมยเหมยฮองเฮาทรงประสูติพระธิดาหนึ่งองค์ ด้วยเพราะร่างกายของหลัวเฉวียนไม่ดีเท่าใดนัก นางจึงมิอาจตั้งครรภ์ได้อีก หลัวเฉวียนยังจำได้ดี วันที่เขาเดินทางมาไท่หยางเพื่อสู้ศึก เหมยลี่อิงกำลังตั้งครรภ์ แต่ทว่านางกลับเข้มแข็งและไม่ยอมเป็นตัวถ่วงเขา นางบอกว่า ขอเพียงประชาชนไท่หยางอยู่อย่างร่มเย็นสงบสุข นางยินดีสละความสุขส่วนตนได้เสมอแผ่นดินไท่หยางกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครา ฝนตกต้องตามฤดูกาล อีกทั้งสติปัญญาที่เก่งกาจของหลัวเฉวียนทำให้แผ่นดินไท่หยางอุดมสมบูรณ์ เหล่าราษฎรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ขุนนางในราชสำนักก็ไม่คิดต่อต้านราชวงศ์อีกหลัวเฉวียนสั่งให้คนขุดดินเพื่อสร้างเป็นทางน้ำขนาดใหญ่ ให้แม่น้ำจากนอกเมืองหลวงไท่หยางไหลเข้ามาในพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านได้ รวมถึงสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ยามเกิดภัยแล้งอีกด้วย และยังลดค่าภาษีต่าง ๆ ลงเป็นจำนวนมาก ผู้คนอยู่ดีกิ
เสียงฟ้าร้องพร้อมกับฝนห่าใหญ่ ทำให้โจวอวี้หลันรู้สึกหนาวเย็นยิ่งนัก ฝนตกในครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้นางเหมือนในครั้งก่อน ๆ อีก ยามนี้นางกำลังยื่นมือไปลูบหัวของอาลู่และอาชิงเจ้าแมวอ้วนสองตัวด้วยความรักใคร่ฉาฮวาละสายตาจากสายฝนด้านนอก ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งข้างกายโจวอวี้หลัน แล้วจึงเอ่ยขึ้นมา "ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ ดวงดาวของฮ่องเต้ดับสูญแล้ว" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง "ฉาฮวา หรือจะเกี่ยวกับพิธีบูชายัญเหล่านั้น""เพียงแค่ส่วนเดียวเพคะพระชายา การบูชาเทพและปีศาจ เป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจเพียงเท่านั้น ฝ่าบาททรงถูกอำนาจและความทะเยอทะยานครอบงำจิตใจจนเกินจะแก้ไข ทำให้ขาดสติไตร่ตรองดีชั่ว หลงเชื่อคนผิด คิดกระทำการขัดต่อดวงชะตา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้เพคะ""แล้วที่ได้ยินมาว่าดวงชะตาของฝ่าบาทคือดวงชะตาที่วิบัติ มันจริงหรือ?""จริงเพคะ ดวงวิบัติไม่ได้หมายถึงแผ่นดินจะวิบัติเพียงอย่างเดียว แต่คนรอบข้างที่รายล้อมฝ่าบาท หากไม่ตายด้วยน้ำมือของเขา ก็จะสิ้นชีพลงเพราะดวงชะตาของเขากดข่มเอาไว้ แต่ถ้าหากฝ่าบาททรงใช้สติปัญญาไตร่ตรองให้ดีและมองดูตนเองอย่างถ่อง
กว่าจะสะสางเรื่องราวตรงหน้าได้จนแล้วเสร็จหลัวเยี่ยนเจ๋อก็เหนื่อยไม่น้อยแล้ว หลัวเฉวียนสั่งให้เหล่าทหารนำซากศพของเหล่ากบฏต้าไห่ไปทิ้งในป่านอกเมืองเสีย ไม่ต้องกลบฝัง ปล่อยให้ฝูงกาทึ้งกินตามยถากรรม ส่วนหัวของโจวอวิ๋น ให้นำไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมือง เพื่อมิให้แคว้นอื่นคิดทำเป็นเยี่ยงอย่าง ด้านหลัวเทียนเฉิงในยามนี้เขาบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ หมอหลวงจึงให้เขาพักฟื้นห้ามขยับกายทำสิ่งใดเป็นอันขาด หลัวเยี่ยนเจ๋อเองก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "ขอบพระทัยเสด็จพี่รองยิ่งนัก""ข้าเต็มใจ อย่างไรเสีย ข้าคงต้องรีบกลับแคว้นเย่ว์ก่อนแล้ว ป่านนี้พระชายาคงจะร้อนใจยิ่งแล้ว เรื่องต่าง ๆ ที่ไท่หยางมีพวกเจ้าทั้งสองคอยจัดการ ข้าก็วางใจ""พี่รอง""หืม?""เรื่องราชโองการของเสด็จพ่อ...""ช่างเถิด หลัวม่อเยียนยังไม่ได้สิ้นพระชนม์ หากเขาคิดได้แล้ว ข้าก็ไม่อยากแย่งชิงบัลลังก์กับพี่น้อง"หลัวเฉวียนยิ้มให้หลัวเยี่ยนเจ๋ออย่างอ่อนโยน แต่ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เดินทางกลับแคว้นเย่ว์ ก็ได้ยินเสียงตะโกนก้องของราชเลขาดังขึ้นมาเสียก่อน "เย่ว์อ๋อง!!! ชินอ๋องแย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!!!"หลัวเฉวียนและหลัวเยี่ยนเจ๋อรีบหัน
ทหารไท่หยางตกตายไปกว่าครึ่ง หลัวเยี่ยนเจ๋อเห็นว่าปล่อยเอาไว้เช่นนี้คงไม่ดีแน่แล้ว จึงสั่งให้พ่อบ้านเฉียวรีบพาหลัวเทียนเฉิงที่บาดเจ็บสาหัสเข้าไปในเรือนเสียก่อน ส่วนเขาและหลัวเฉวียนจะต้านทัพของต้าไห่เอาไว้อย่างสุดกำลัง "ถึงเวลาตายของพวกเจ้าแล้ว!!! ฆ่าคนไท่หยางให้หมด!!!"โจวอวิ๋นส่งเสียงตะโกนก้องฟ้าสะเทือนปฐพี เหล่าทหารต้าไห่ที่ได้ยินเช่นนั้นต่างส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง พร้อมกับพุ่งเข้าเข่นฆ่าราษฎรของไท่หยางอย่างอำมหิตหลัวม่อเยียนในยามนี้จิตใต้สำนึกของเขามีแต่ความว่างเปล่า ความรู้สึกที่อยากได้ตัวฉาฮวาและโจวอวี้หลันไม่มีอีกแล้ว มีเพียงความรู้สึกที่ยากจะอธิบายในยามนี้ "ย้าาาาา!!!"ในความคิดของหลัวม่อเยียนมีเพียงคำว่า ฆ่า ฆ่าให้หมดเพียงเท่านั้น!!!หลัวเฉวียนไม่มีเวลาสนใจสิ่งใดแล้ว เขาร่วมรบเพื่อปกป้องไท่หยางอย่างสุดกำลังเช่นกัน นักพรตชราที่เขาอยากเห็นหน้ายามนี้คงไม่จำเป็นเสียแล้ว เพราะเขาได้ยินกับหูของตนเองแล้ว ว่ามันคือกบฏที่เข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้แก่ไท่หยางดาบในมือของหลัวเฉวียนยังคงสังหารคนไม่หยุด แม้มีบางคราที่พิษจะกำเริบขึ้นมา แต่เขาเองก็ไม่ยอมหยุด ดาบในมือกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วและว
เสียงกรีดร้องโหยหวนของราษฎรไท่หยางดังลอยมาเป็นระยะ อีกทั้งยังเกิดเพลิงไหม้เป็นวงกว้างทั่วทั้งเมืองหลวงไท่หยาง เหล่าทหารของต้าไห่ต่างควบม้าพุ่งทะยานเข้ามาในไท่หยางหลายแสนนาย หลัวเฉวียนและหลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้เห็นเช่นนั้นก็มองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก จางไห่ถือโอกาสที่ทุกคนไม่ทันระวังตัว เงื้อดาบขึ้นสูงเตรียมจะจ้วงแทงมันลงไปที่หัวใจของหลัวม่อเยียน หลัวเยี่ยนเจ๋อที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รีบเขวี้ยงมีดสั้นสกัดดาบของจางไห่ได้ทันเวลา ร่างสูงใหญ่พุ่งทะยานฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางอกของจางไห่อย่างเต็มแรง จนฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดอีกครา ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด หลัวม่อเยียนหยัดกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะจ้องมองจางไห่ด้วยแววตาที่เย็นชา "จางไห่!!! เจ้า เหตุใดเจ้าจึงคิดสังหารข้า!!!"จางไห่ไม่ตอบ เขากระอักเลือดออกมาอีกคราอย่างทรมาน "เป็นเจ้าที่เปิดประตูเมืองหลวงให้เหล่ากบฏเช่นนั้นหรือ!!!"หลัวม่อเยียนหันไปเอ่ยถามจางไห่ด้วยน้ำเสียงที่คาดคั้น จางไห่ยังคงไม่ตอบ แต่ทว่ากลับหยัดกายลุกขึ้นยืน และเดินไปหาบุรุษวัยกลางคน ที่กำลังควบอาชามุ่งหน้าเข้ามายังทิศทางที่พวกเขาทั้งสี่คนอยู่ "โอ้ววว ได้มาดูพี่น้องเข่นฆ่ากันเช่นน
ความคิดเห็น