หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
ตั้งแต่วันนั้นพี่ลีวายไม่กลับบ้านเลยทำให้คุณท่านร้อนใจมาก จึงให้มาตามที่คอนโดเพราะวันนี้ฉันไม่มีเรียน พี่ลีวายเป็นแบบนี้บ่อยเขาไม่ชอบกลับบ้าน อาจเป็นเพราะไม่อยากเจอหน้าฉัน นั่งรถมาไม่นานก็มาถึงที่คอนโดหรูที่พี่ลีวายพักอยู่ ฉันรู้เพราะเคยมาตามเขาบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยอยากมาเลยเพราะรู้ดีว่าจะเจอคำพูดแบบไหน มาถึงห้องสำหรับ vip ฉันใช้คีย์การ์ดที่คุณท่านให้สแกนด้านหน้าประตูแล้วเปิดเข้ามาในห้อง ก่อนจะผงะเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ถูกถอดไว้แล้วพาดบนโซฟา แถมยังมีขวดเหล้าอยู่เกลื่อนห้อง ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะจัดการทำความสะอาดห้องให้ พลางคิดสงสัยว่าคอนโดหรูขนาดนี่ไม่มีแม่บ้านเลยหรือไง ทำไมห้องถึงได้รกขนาดนี้ กว่าจะทำความสะอาดเสร็จก็กินเวลาไปหนึ่งชั่วโมง จากนั้นฉันก็เปิดประคูห้องนอนเข้าไปเพื่อจะปลุกพี่ลีวาย “พี่ลี…..” ดวงตาทั้งสองข้างของฉันเบิกกว้างพร้อมกับเสียงที่ขาดหายไป เมื่อเห็นร่างหนานอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง รอยสักบนแขนและบนแผ่นหลังนั้นมันทำให้พี่ลีวายดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เขาดูน่าค้นหาและน่าดึงดูด “หยุดเต้นแรงได้แล้ว” ฉันยกมือขึ้นมาทาบบนหน้าอกของตัวเองแล้วพูดปรามหัวใจที่กำลังเต้นแรงไม่ยอมหยุด กว่าจะทำใจปลุกได้ก็ผ่านไปแล้วสิบนาที ฉันค่อยๆ นั่งลงบนเตียงใกล้ๆ ร่างหนาที่นอนหลับ ก่อนจะเอามือเขย่าเบาๆ “พี่ลีวาย พี่ลีวายคะ” “อื้อ” น้ำเสียงอู้อี้ในลำคอที่ตอบกลับมาทำให้ฉันหวั่นไหวเอามากๆ “คุณท่านให้มาตามค่ะ” “ใคร” “มิลินเองค่ะ” รู้ดีถ้าพี่ลีวายตื่นมาแล้วเห็นหน้าฉันเขาจะเป็นยังไง เขาคงไม่พอใจและสาดคำพูดร้ายๆ ใส่ แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกจะบ่อยฉันก็ยังเสียใจทุกครั้ง “พี่ลีวาย…อร้าย!!” จู่ๆ พี่ลีวายก็ยกแขนแกร่งขึ้นมาทับบนอกฉันแล้วกดให้นอนราบลงมาบนเตียง ตึกตัก! ตึกตัก! ตอนนี้หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวยิ่งกว่าเดิม ฉันได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับข้างๆ กับร่างหนา “พะ พี่ลีวาย…” “อื้อ หนวกหู!!” ขนาดหลับอยู่ยังดุได้เลย ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ พลิกตัวตะแคงมองใบหน้าคมคาย คนอะไรก็ไม่รู้ขนาดตอนหลับยังหล่อเป็นบ้าเลย เพราะไม่สามารถห้ามตัวเองได้ มือของฉันมันยกมาจับหน้าของพี่ลีวายเองตามความรู้สึก “เลิกเกลียดมิลินไม่ได้หรอคะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงปนเศร้า มันเจ็บปวดมากเลยนะที่เห็นคนที่ตัวเองชอบเกลียดเราขนาดนี้ “มิลินผิดมากเลยใช่ไหม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจพี่ลีวายสักอย่าง” “มิลินชอบ…..” น้ำเสียงของฉันขาดหายไปพร้อมดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าลืมตาขึ้น “เอ่อคือคุณท่านให้มาปลุกค่ะ” พูดแล้วฉันก็รีบหยัดตัวขึ้น แต่ทว่าถูกกดให้นอนลงมาอีกครั้ง จากนั้นพี่ลีวายก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมด้านบนพร้อมกับรวบมือทั้งสองของฉันขึ้นมาขรึงตรึงไว้เหนือศีรษะ “0_0” หัวใจของฉันในตอนนี้มันเต้นรัวมากๆ “มาที่นี่ทำไม” คนด้านบนเอ่ยถามเสียงแข็ง สายตาและสีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ “คุณ…ท่านสั่ง” “ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเธอมาที่นี่!!” “…….” ครั้งก่อนที่ฉันมาก็ถูกดุแบบนี้ แต่จะทำไงได้ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของคุณท่าน “ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะจำ” พี่ลีวายเว้นคำพูดแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ จนสัมผัสได้ถึงไอร้อนของลมหายใจ “มะ มิลิน….” “หรือว่าที่เธออยากมาเพราะหวังอย่างอื่น?” “คะ?” “ตั้งใจมาให้ท่าฉันถึงที่ห้อง คงอยากจะเป็นเมียฉันจนตัวสั่น” “ไม่ใช่นะคะ” ไม่รู้ทำไมความคิดของพี่ลีวายที่มีต่อฉันมันถึงติดลบมากขนาดนี้ “ไม่ใช่แล้วขึ้นมานอนบนเตียงของฉันทำไม?”วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห