หลายวันต่อมา...
“งานอะไรก็ได้เจ๊ ฉันทำได้ทั้งนั้น” มะปรางพูดกับเจ๊แก้วผู้จัดการร้านผับที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากชุมชน หากว่าเธอตัดสินใจนั่งวินมาถึงตัวอำเภอเพื่อมาหางานทำ อีกทั้งอาจจะได้เบาะแสเพิ่มเติม
“งานที่แล้วก็เพิ่งกระทืบลูกค้ามาเพราะเพื่อนโดนลวนลาม งานนี้มันหนักกว่ามากนะ แกจะไม่เอาปืนมายิงลูกค้าเจ๊เลยเหรอ”
“ให้ฉันล้างถ้วยล้างจานหลังร้านก็ได้เจ๊ รับรองว่าฉันจะไม่มาเพ่นพ่านในนี้เด็ดขาด”
“แกมาถึงที่นี่เพื่อที่จะมารับจ้างล้างจานจริง ๆ เหรอ มันคุ้มค่าเดินทางแกเหรออีมะปราง”
“ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำนี่เจ๊”
“อ้าวดูสิว่าใครมา” หนึ่งในสามสาวที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยทักทายมะปรางอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดีพี่โส” มะปรางยกมือไหว้ทั้งสามคนเหนือหัวอย่างหยอกล้อ หากว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี
“โอ๊ยยัยเด็กบ้านี่ เรียกพี่โสเดี๋ยวแม่ตบปากแตกเลย ฉันเจนนี่ย๊ะ”
“ส่วนพี่...ชื่อโบวี่”
“ส่วนพี่ก็...ชื่อหนูเล็ก มากับเจนนี่แล้วก็มากับโบวี่”
“รู้แล้ว ๆ แนะนำตัวเป็นทางการตลอด แหม...วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะ”
“อย่ามาอวยเดี๋ยวเงินหมดกระเป๋า ว่าแต่แกมาทำอะไรที่นี่อีมะปราง จะมาแย่งงานพวกฉันเหรอ” เจนนี่เท้าเอวถาม ก่อนที่หนูเล็กจะช้อนปลายคางของมะปรางขึ้นเล็กน้อย
“หน้ามันก็เอาเรื่องอยู่นะ แต่งนิดแต่งหน่อยก็รับแขกได้แล้ว”
“อีหนูเล็ก เสียงดังนะมึง!” เจ๊แก้วผู้จัดการร้านพูดปรามพลางทำหน้าขึงขังใส่ทั้งสามคน
“อะไรนักหนาเจ๊ ห่วงมันจังเลยเด็กคนนี้” โบวี่พูดแทนเพื่อน
“ไปทำงานได้แล้วไป เสียเวลาทำมาหากิน” ผู้จัดการร้านไล่คนของตัวเองให้รีบออกไป ทั้งสามคนเลยต้องรีบเดินเลี่ยงออกไปยังหลังร้านเพื่อแต่งตัวสำหรับทำหน้าที่ของตัวเอง
“น่าสนอยู่นะเจ๊ รายได้ดีแน่เลย” มะปรางพูดพร้อมทำท่าทางชะเง้อมองไปยังหลังร้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อีมะปราง!”
“ปรางล้อเล่น ว่าแต่เจ๊จะให้ฉันทำงานที่นี่หรือเปล่า”
“กลับไปต้มเหล้าเถื่อนขายเหมือนเดิมน่าจะได้เงินดีกว่าล้างจานนะ”
“ชู่ว...เบา ๆ สิเจ๊” มะปรางส่งเสียงชู่ออกจากริมฝีปาก พลางมองซ้ายมองขวา “เรื่องแบบนี้ใครเขาให้พูดในที่สาธารณะกัน”
“ฉันกับแกเคยอยู่ในจุดที่เอาตัวไม่รอดมาครั้งหนึ่งแล้วนะอีมะปราง ฉันไม่อยากให้แกกลับมาวนลูปอยู่ที่เดิม”
“เจ๊ไม่อยากให้ฉันวนลูป แล้วทำไมเจ๊ยังทำงานแบบนี้อยู่”
“ฉันมันไม่ยอมหยุดเองตั้งแต่วันนั้นทั้งที่ฉันทำได้ แกโชคดีแล้วนะ แกอยู่ในจุดที่แกอยู่ตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว เพราะที่ฉันเป็นอยู่มันทรมานมาก”
“มีใครอยู่เบื้องหลังงานนี้หรือเปล่าเจ๊” มะปรางเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางกระซิบกระซาบเสียงเบา ก่อนจะโดนอีกฝ่ายแผดเสียงดังกลับมา
“แกไปให้พ้น ๆ จากที่นี่เลยนะ ถือว่าเจ๊เตือนด้วยความหวังดี เจ๊เห็นว่าแกเป็นน้องนะอีมะปราง”
“เจ๊พูดอะไรมาฉันก็ไม่เข้าใจหรอก เจ๊ก็รู้ว่าฉันมันโง่ จบแค่มอหกเองจะเอาความรู้มาจากไหน แค่มีงานให้ทำก็บุญหัวนักหนาแล้ว”
“ที่นี่ไม่มีงานให้คนไม่มีสมองอย่างแกทำหรอก กลับบ้านไปเลยไป” เจ๊แก้วชี้นิ้วไล่ตะเพิดมะปรางอีกครั้ง ก่อนจะกระทืบเท้าปึงปังเดินจากไป โดยไม่เหลียวหลังมามองเด็กสาวที่มาของานทำอีก
“เสียเวลาชะมัด” มะปรางบ่นอุบเมื่อไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาสักอย่าง ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนเอ่ยทักทายและเชิญชวน
“จะรีบไปไหนล่ะ มานั่งดื่มด้วยกันก่อนสิ”
มะปรางหันไปมองยังต้นทางของเสียง จึงเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนสีเดียวกันกับเสื้อ กำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เพียงลำพัง
“พี่...คนนั้น”
เรติกาวางแก้วน้ำสีอำพันลงกับโต๊ะ เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยพร้อมผายมือเชิญชวนให้เด็กสาวนั่งลง
“รู้จักพี่ด้วยเหรอ น้อง...มะปราง”
“ก็พี่ที่พยายามจะมาช่วยปราง ตอนที่ปรางกำลังตีกับพวกลูกค้าวันนั้นไงคะ”
“เห็นด้วยเหรอ ช่างสังเกตนะเรา”
“ขอบคุณนะคะที่พยายามจะช่วยปราง ทั้งที่เรื่องนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่”
“น้องก็ช่วยเหลือเพื่อนทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องเหมือนกัน พี่โคตรนับถือใจน้องเลย”
“ค่ะ งั้นปรางขอตัวกลับ...”
“จะรีบไปไหนนั่งคุยด้วยกันก่อน เพื่อนพี่กำลังจะมาถึงแล้ว เดี๋ยวพี่แนะนำเพื่อนให้รู้จัก”
“ไม่ดีกว่า...”
“เอาน๊าถือว่าคนกันเอง มะปรางเอาเหล้าหน่อยไหม หรือเอาเบียร์?”
“งั้นเอาเบียร์ก็ได้ค่ะ แต่ปรางไม่ดื่มเยอะนะคะ”
“คออ่อนเหรอเราอ่ะ หมดแก้วนี้พี่ให้พันหนึ่ง หมดสองแก้วเอาไปสองพัน หมดเท่าไหร่เอาไปเท่านั้น” คำพูดของเรติกาทำเอาดวงตาเด็กสาวลุกวาวเป็นประกาย อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า “ลืมแนะนำตัว พี่ชื่อพี่เรย์นะ”
“มะปรางค่ะ”
เอ้า...ชนแก้ว!!!
“เรื่องที่ให้สืบเป็นไงบ้าง” เตชินเอ่ยถามเพื่อนสาวทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ
“พวกมันเกี่ยวข้องกันหมดเลย” คาริสาพูดพร้อมถอดหน้ากากออก เธออธิบายรายละเอียดและข้อมูลที่รู้มาขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ภายในรถ “นายดำรงกับนายชูวิทย์ผู้อำนวยการโรงเรียน พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนกัน ส่วนนายชูวิทย์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายเจษฎา นายเจษฎารู้จักกับพวกไมเคิล พ่อค้ายารายใหญ่ที่แกยัดเข้าคุกเมื่อห้าปีก่อน แต่มันโดนตัดสินจำคุก 20 ปีไม่ใช่เหรอ?”
“แกเห็นตัวไอ้ไมเคิลหรือยัง”
“ได้ยินแค่เสียง อาทิตย์หน้าพวกมันมีนัดเจอกันด้วย ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานที่ ฉันได้ติดเครื่องดักฟังไว้กับมือถือของนายเจษฎาแล้ว นาวินกำลังดักฟังข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวก็คงรายงานเข้ามาเองแหละ”
“อืม” เตชินพยักหน้ารับรู้ เป็นจังหวะเดียวกับที่คาริสาแต่งตัวเสร็จพอดี “จำเป็นต้องแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ไหม”
ครื๊ด ครื๊ด
คาริสาไหวไหล่อย่างสะทกสะท้านในคำพูดของเพื่อนหนุ่ม ก่อนจะกดรับสายคนที่โทรเข้ามา
“ว่าไง”
‘อยู่ไหน? เมื่อไหร่จะมาถึง’
“ใกล้ถึงแล้ว”
‘เร็ว ๆ นะ มีอะไรจะอวดพวกแกด้วย’
“เออ...อย่าเพิ่งเมาล่ะ เดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี”
‘พี่เรย์...คุยกับใครคะ’ เสียงอ้อแอ้ของผู้หญิงที่เล็ดลอดเข้ามาในสาย ทำให้สองหนุ่มสาวที่อยู่ภายในรถเดียวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หากว่าคิดเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย
“เสียงใคร” เตชินเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
‘พี่เรย์ ปรางดื่มหมดแก้วที่สิบแล้วนะ ปรางต้องได้หนึ่งหมื่นนะคะ’
“มะปราง!” เตชินอุทานออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่คาริสายกมือขึ้นมาปิดปากอย่างนึกไม่ถึงว่าเรติกาจะพามะปรางมาสังสรรค์ด้วย
‘แค่นี้ก่อนนะ รีบมาล่ะ’
ไม่รอให้เตชินได้พูดอะไรเรติกาก็วางสายทิ้งในทันที
“ยัยเรย์นี่มันเอาเรื่องนะ” คาริสาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก โดยไม่สนว่ามีสายตาอำมหิตจากคนข้าง ๆ แผ่มองมาอยู่
สองปีต่อมา...“วันนี้พ่อกับแม่เธอไม่อยู่บ้าน พวกเราก็เลยมาอยู่เล่นเป็นเพื่อน”คามินเอ่ยพูดขณะที่ปรินทร์ทำหน้าบูดบึ้ง เนื่องจากถูกคนเป็นแม่บังคับให้มาเป็นเพื่อนเล่นของเชอรีน แทนที่เขาจะได้ไปเล่นยิงปืนที่ชอบกับพี่ชาย ต้องจำใจมาอยู่กับเชอรีนเป็นเพื่อนคามินคามิน วงศ์วริศ หรือ คามิน ลูกชายคนโตของคาริสากับแดเนียลปรินทร์ เอกอัครกุล หรือ ปรินทร์ ลูกชายคนเล็กของเรติกากับปีแสง“อ่ะนี่ขนมช่อม่วง ย่าทวดฉันเป็นคนทำเอง แม่เคสให้เอามาฝากเธอ”คามินยื่นขนมที่ถือติดมือมาด้วยให้กับเชอรีน ก่อนป้าเพ็ญจะมารับช่วงต่ออยากรู้งาน“มาค่ะ เดี๋ยวป้าเอาขนมไปจัดจานมาเสิร์ฟนะคะ”เชอรีนกอดอกพลางมองคามินกับปรินทร์สลับกันไปมา พูดกี่ครั้งก็ไม่เคยจำเลย“ก่อนอื่นนะ พวกนายต้องเรียกฉันว่าพี่เชอ เพราะว่าฉันเกิดก่อนพวกนาย”“เกิดก่อนอะไรก็เกิดปีเดียวกัน”ปรินทร์รีบโต้แย้ง ถ้าให้เขาเรียกเธอว่าพี่เชอคงจะกระดากปากที่สุด“แต่ฉันเกิดก่อนพวกนายตั้งหลายเดือนเลยนะ โดยเฉพาะนายปรินทร์ ฉันเกิดก่อนนายตั้งสามเดือนกว่า ร
หกปีต่อมา...“ยินดีกับบัณฑิตคนใหม่ด้วยนะครับ”เตชินกล่าวพร้อมยื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้กับภรรยาคนเก่ง ที่บัดนี้เป็นบัญฑิตจบใหม่ป้ายแดงไปเรียบร้อยแล้วหลังจากที่คลอดเชอรีนได้ปีกว่า ๆ มะปรางก็ตัดสินใจเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา คณะครุศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ โดยมีเตชินให้การสนับสนุนเต็มที่เรื่องลูกเธอก็ไม่เป็นกังวลหรือเป็นห่วงมากนัก เพราะมีคุณย่ากับคุณยายของน้องเชอรีนอย่างแม่นารินกับแม่มะลิคอยประคบประหงมดูแลอย่างใกล้ชิดมะปรางตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบ ตั้งใจทำเกรด จนได้เกียรตินิยมอันอับหนึ่งคณะครุศาสตร์ ต่อจากนี้ไป เธอก็จะนำความรู้ที่เรียนมา ไปสอนเด็ก ๆ ในโรงเรียน นอกจากหลักสูตรในรายวิชาคณิตศาสตร์แล้ว ประสบการณ์ชีวิตของเธอก็นับเป็นอีกหลักสูตรหนึ่งที่สามารถสอดแทรกเข้าไปในการเรียนการสอนได้ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเรียนรู้“คุณแม่ของน้องเชอเก่งที่สุด” เชอรีนวัยห้าขวบย่างเข้าหกขวบเดินเตาะแตะเข้ามาแสดงความยินดี เธอยื่นพวงมาลัยพวงเล็ก ๆ ที่ไม่ได้สวยงามอะไรมากนักให้กับคนเป็นแม่พร้อมฉีกยิ้มจนตาหยี“น้องเชอหัดทำเองเ
หลายเดือนต่อมา...“อึบ! อื้ออออ!!!”มะปรางพรั่งพรูลมหายใจออกมาจากทางปาก มือเรียวเล็กกำมือเตชินสามีของเธอไว้แน่น ขณะที่หมอกับพยาบาลต่างส่งเสียงเชียร์ให้เบ่งอีก เบ่งอีก!“อีกนิดเดียวนะคะคุณแม่ ใกล้แล้วค่ะ”“อีกนิดเดียวนะครับเด็กดี”เตชินพูดให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด มะปรางพยักหน้าพร้อมสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ ก่อนจะออกแรงเบ่งอีกครั้ง โดยก้มหน้าคางชิดอกและกลั้นหายใจเบ่งยาว ๆ ท่ามกลางแรงเชียร์ที่ล้นหลามอุ๊แว~ อุ๊แว~เสียงร้องของทารกแรกเกิดดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงดีอกดีใจของหมอและเหล่าพยาบาลที่ช่วยกันทำคลอดนานเกือบชั่วโมงน้ำตาของมะปรางไหลออกมาทันทีที่ได้ยินลูกน้อยร้อง มันคือความเจ็บปวดที่มีความสุขที่สุดฉับ!เลือดกระเซ็นอาบคมกรรไกรหลังจากที่ตัดสายสะดือ บ่งบอกว่าสองชีวิตได้แยกจากแล้ว รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏอยู่บนใบหน้าของเตชินและมะปราง ในที่สุดวันที่เขาและเธอรอคอยมาตลอดก็มาถึงเที่ยงคืนสิบห้านาที เด็กหญิงชลธิมา สกุลเกียรติ ได้ออกมาลืมตาดูโลกเป็นวินาทีแรกสองวันต่อมา...
สองเดือนต่อมา...หลังจากที่มีการต่อสู้ในชั้นศาลเป็นเวลาเกือบสองเดือน ทุกอย่างก็คลี่คลายและจบลงด้วยดี หากว่าจำเลยทั้งห้าคนยอมจำนนต่อหลักฐานทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นคลิปเสียงที่ถกเถียงกันในกลุ่มผู้ร่วมกระบวนการ เอกสารสัญญาทำธุรกิจผิดกฎหมายของนายเจษฎา หลักฐานฉ้อโกงของคุณรัศมี คลิปจากกล้องวงจรปิดตอนที่ผู้อำนวยการชูวิทย์ค้ายาให้กับนักเรียนชายในโรงเรียน การติดสินบนของกำนันดำรง การปลอมแปลงเอกสารวิชาชีพของหมอยอดศักดิ์ จำเลยทั้งห้าคน มีส่วนหนุนหลังไมเคิลมาโดยตลอดนอกจากนี้ยังมีพยานปากสำคัญที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งห้าคนรู้เห็นเป็นใจในการหายตัวไปของชาวบ้านและตำรวจหลายนาย ซึ่งก็คือคุณตาของเติร์ดที่เป็นหูเป็นตาให้กับทางการ“เซน!!” เติร์ดตะโกนเรียกเซนเสียงดัง เมื่อเห็นว่าเซนกำลังจะเดินออกจากรั้วโรงเรียน หากว่าเซนเพียงแค่มายื่นเอกสารย้ายโรงเรียนกลางคัน เพื่อไม่ให้คนอื่นในโรงเรียนสงสัยในตัวเขา ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเพื่อนนิ่ง ๆ ก่อนจะเมินเฉยด้วยการเปลี่ยนทิศทางการเดิน“เซน เซนกูขอโทษ กูขอโทษนะที่ด่ามึงวันนั้น” เติร์ดรีบวิ่งไปคุกเข่าตรงหน้าของเซนด้วยสีหน้าสำนึกผิด เขาอยากขอบคุ
“เฮีย!!” มะปรางตะโกนเรียกเตชิน หากว่าลงมาจากบนบ้านแล้วไม่เจอเขา ก่อนจะเห็นกระดาษโน้ตติดไว้บนฝาชี‘เฮียไปทำธุระแป๊บหนึ่งนะครับ เดี๋ยวช่วงเที่ยง ๆ เฮียมารับ’“ไปไหนของเขาอีกนะ” มะปรางส่ายหน้าไปมาน้อย ๆ ก่อนเสียงมือถือที่วางอยู่ข้าง ๆ ฝาชีจะดังขึ้น หากว่ามันคือโทรศัพท์มือถือของเธอเองครื๊ด...ครื๊ด!“แล้วเมื่อวานก็ไม่ยอมคืนมือถือให้เรา” มะปรางจิ๊ปากพูดอย่างเอือมระอาก่อนจะกดรับสายอย่างไม่รอช้า เมื่อเห็นว่าปลายสายคือเจ๊แก้ว“ว่าไงเจ๊”‘เจ๊มีเรื่องสำคัญมากจะบอก มาหาเจ๊ที่ผับได้ไหม’“เรื่องอะไรเจ๊พูดตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ”‘เรื่องนี้สำคัญมาก เจ๊จะรอนะ’พูดจบปลายสายก็ตัดทิ้งทันที โดยที่มะปรางก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ปกติเจ๊แก้วจะไม่ค่อยให้เธอยุ่งเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ และถ้าไม่มีธุระเร่งด่วนอะไรเจ๊แก้วจะไม่มีทางโทรมาหาเด็ดขาด“เจ๊แก้วเรียกให้ปรางมาหา” มะปรางพูดกับคนที่ดูแลร้าน หากว่าช่วงกลางวันร้านเจ้แก้วจะไม่มีคนเลย นอกจากคนดูแลร้าน“เจ๊แก้วน่าจะอยู่ชั้นสองในห้องทำงานชั้นในสุด น่าจะเข้าไปได้เลยนะครับถ้าหากว่านัดไว้แล้ว”
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างที่โรงพักเสร็จเรียบร้อย เตชินก็รีบมาหามะปรางโดยเร็ว เขาซื้ออาหารมื้อเย็นและของกินเล่นติดไม้ติดมือมาด้วย หวังว่าคืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายที่เขาและเธอจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง“มะปราง!” เตชินอุทานเรียกชื่อเด็กสาวด้วยความตกใจ หากว่าข้าวของภายในบ้านถูกรื้อจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น เขารีบเอาของกินที่ถือพะรุงพะรังอยู่ในมือไปวางบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะตามหาเธอจนทั่วบ้าน ซึ่งก็ไม่มีวี่แววของเธอเลยชายหนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่สักพัก หากว่าตอนที่เขาเข้ามา ประตูบ้านก็ยังถูกล็อกไว้อย่างหนาแน่น ถ้าโดนบุกรุกมันก็ต้องมีรอยงัดแงะให้เห็น เตชินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูภาพในกล้องที่เขาแอบติดไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้านก่อนที่เขาจะออกไปปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงสายของวันนี้ จึงเห็นว่ามะปรางเป็นคนทำลายข้าวของทั้งหมด แถมยังเอาตัวเองไปซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าอีก“ตัวแสบ!” เตชินกัดฟันพูดชายหนุ่มเดินไปยังในทิศทางของตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดมันออก จึงเห็นว่ามีเด็กตัวแสบแอบไปหลบอยู่ในนั้นจริง ๆ“เฮีย!!”มะปรางตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเขาจะหาทางเธอเจอได้รวดเร็วขนาดนี้ ก