วันจันทร์
มหาวิทยาลัย T
หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดรูปขับเน้นสัดส่วนโค้งเว้าให้ชายหนุ่มหลายคนน้ำลายหกเล่น เธอนอนคว่ำหน้าอยู่กับโต๊ะม้าหินตัวประจำใต้ร่มไม้อย่างหมดเรี่ยวแรงหลังจากคืนก่อนต้องทำงานที่บีทรีช คลับจนดึกดื่น เวลาต้องตื่นมาเรียนจึงยังไม่หายจากอาการง่วงงุน
กระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าร่นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเจ้าของร่างยกมันขึ้นไขว้ แต่แม้เหล่าผู้ชายหื่นทั้งหลายจะก้มคลานดูแทบตายก็ไม่มีทางเห็นอะไรมากไปกว่ากางเกงซับในสีดำแน่นอน
หมับ!
มือปริศนาตะครุบไหล่บางทำให้สาวที่เกือบจะหลับคาโต๊ะสะดุ้งเล็กน้อย พอเอี้ยวหน้าหันไปดูก็พบเพื่อนสาวหน้าหมวยในกลุ่มยืนส่งยิ้มมาให้ ข้างเธอนั้นมีชายหนุ่มท่าทางสุภาพอีกคนขมวดคิ้วมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยอย่างไม่คิดจะปิดบังความรู้สึก
"กว่าจะมา" ใยไหมบ่นไม่จริงจังหยัดตัวขึ้นนั่งเท้าคาง ปิดปากหาวหวอดเอ่ยทักคนมาใหม่ทั้งคู่
"มาเรียนแต่ละทีช่วยทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยได้ไหม" แตงโมส่ายหัวแซวพร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ
"สดใสแบบนี้พอไหม"
สาวสวยประชดกลับด้วยการยิงฟันขาวส่งให้เพื่อนรัก ฉีกยิ้มกว้างเกินกว่าจะเรียกว่าสวยไปมาก ซึ่งก็ได้รับเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายทันที
"ฮ่าๆๆๆ ยัยบ้า น่ากลัวฉิบแบบนี้ อย่างกับจะกินหัวฉันเลย"
"นอนไม่พอเหรอไหม" ธีร์เพื่อนผู้ชายอีกคนในกลุ่มนั่งลงฝั่งตรงข้าม เห็นท่าทางอ่อนล้าหมดแรงของเพื่อนก็อดเป็นห่วงไม่ได้
"อื้อ! เหมือนเดิม กว่าจะเลิกงานถึงห้องอาบน้ำนอนก็ปาไปตีสามแล้ว"
"แกนี่มันสู้ชีวิตจริงๆ ทำงานตั้งแต่ปีหนึ่งจนจะจบปีสี่อยู่แล้ว ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแกถึงมีสภาพเหมือนคนพลังงานชีวิตต่ำแบบนี้"
มือบางของสาวหมวยลูบไหล่เพื่อนสนิท ความอบอุ่นอ่อนโยนช่วยขับไล่ปัญหามากมายในชีวิตเธอได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มจริงใจส่งให้เธอเป็นการขอบคุณ
ใยไหมสอบติดมหาลัยรัฐชั้นนำของประเทศ ซึ่งก็มีแต่นักศึกษาระดับหัวกะทิทั้งนั้น นั่นพอทำให้เด็กสาวต่างจังหวัดสามารถพอจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอมไหว สิ่งที่หนักคงเป็นพวกค่าครองชีพประจำวันมากกว่า เธอเรียนอยู่คณะบริหารสาขาการจัดการ ชั้นปีสี่แล้ว เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะจบเทอมหนึ่ง และทุกคนก็ต้องเตรียมหาสถานที่ฝึกงานในเทอมสองที่กำลังใกล้เข้ามา
"ธีร์ว่าไหมเลิกไปทำงานพิเศษดีกว่า อีกเดี๋ยวก็ต้องฝึกงานแล้ว" หนุ่มหล่อใสท่าทางดูสุภาพเรียบร้อยเสนอความเห็นขึ้นมา
"แหม ถ้ามันเลิกทำงานจะเอาอะไรกินยะ แกจะเลี้ยงมันเหรอไง"
"ตามนั้นแหละ แต่ฉันก็มีคุยกับเจ้าของร้านไว้แล้วแหละ ว่าถ้าที่ฝึกงานมันหนัก ก็อาจจะไม่ได้เข้าไปทำทุกวัน"
"ที่จริงไหมเอาเงินเราไปใช้ก่อนก็ได้นะ เราไม่อยากเห็นไหมเหนื่อยแบบนี้เลย"
สองสาวหลุบสายตามองกันท่าทางอึดอัดเมื่อธีร์เปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะรีบหัวเราะกลบเกลื่อนปฏิเสธไปอ้อมๆ เพื่อไม่ให้เพื่อนสนิทในกลุ่มเสียหน้า
"บ้า ไม่เอาหรอก เงินธีร์ก็คือของธีร์จะมาให้คนอื่นยืมง่ายๆ ได้ไง ไม่ต้องห่วงน่า เราไหว ช่วงนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนขัดสนอะไรด้วย ชิลๆ"
"เออ แกก็สปอยล์มันเวอร์ ใยไหมสตรองจะตาย ไม่ต้องห่วงหรอก" แตงโมช่วยพูดอีกแรง
"หรือเอางี้ ไหมก็ยื่นฝึกงานบริษัทพ่อเรา ธีร์จะได้ช่วยดูงานให้ด้วย เพื่อไม่ให้หนักเกินไป เดี๋ยวธีร์ไปรับไปส่งให้ด้วย จะได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถเวลาไปทำงาน"
ธีร์ก็ยังคงไม่รู้ตัวว่าคำพูดและการแสดงออกของเขาที่มีต่อเพื่อนสาวสุดสวย ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจมากกว่าจะซาบซึ้ง แตงโมมองหน้าเพื่อนทั้งคู่เลิ่กลั่ก เมื่อริมฝีปากอวบอิ่มเผลอเม้มเข้าหากันราวกับครุ่นคิดหาคำมาปฏิเสธ
"โวะ! ไอ้นี่ อาจารย์เขาให้ฝึกงานเพื่อที่จะได้เรียนรู้งานจริงก่อนเรียนจบ ขืนใยไหมไปฝึกบริษัทแก คงได้นั่งๆ นอนๆ แล้วจะเอาความรู้ที่ไหนไปทำงานจริงวะ"
"แต่ว่า..." ธีร์ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่สาวสวยของกลุ่มก็รีบแทรกขึ้นมาก่อน
"นั่นแหละ เหมือนที่โมบอกดีแล้ว เราก็อยากเรียนรู้งานจริงด้วย ส่วนเรื่องงานพิเศษ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าหนักไปเราก็ค่อยไปลาเจ้าของร้าน"
ใยไหมสรุปจบเสร็จสรรพทำให้ธีร์ไม่มีโอกาสแย้ง ชายหนุ่มกัดริมฝีปากมองสาวที่เขาหลงรักอย่างตัดพ้อเมื่อถูกปิดกั้นทุกทางไม่ให้เขาข้ามเส้นเกินกว่าคำว่าเพื่อน แตงโมที่เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงร้องเรียกให้ทุกคนไปนั่งรอในห้องเรียนแทน แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องไร้สาระทั่วไป
ความจริงทั้งแตงโมและใยไหมรับรู้มาตลอดว่าธีร์นั้นคิดกว่าเธอเกินเพื่อน เพราะชายหนุ่มแทบไม่เคยเก็บซ่อนความรู้สึกได้เลย และมักจะแสดงความห่วงใยหญิงสาวมากกว่าคนอื่นเสมอ เรื่องนี้ทำให้ใยไหมรู้สึกอึดอัดไม่น้อย หลังจากปรึกษากับแตงโมแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ทำเป็นไม่รับไม่รู้ไปก่อน เพราะหากใยไหมปฏิเสธอีกฝ่ายไปตรงๆ คงเข้าหน้ากันไม่ติดแน่นอน
คืนนั้น
บีทรีช คลับ
แผ่นดิน ฟลุ๊ค และเมฆ เพื่อนอีกคนที่รู้จักสมัยเรียนที่ประเทศอเมริกานัดมาดื่มสังสรรค์ยังคลับหรูที่เมฆเป็นสมาชิก สายตาคมดุดันของชายหนุ่มรองประธานบริษัทผลิตเครื่องจักรกวาดมองไปทั่วร้านด้วยความสนใจ หญิงสาวหลายคนตาวาวเป็นประกายปรี่ตรงเข้ามาต้อนรับหนุ่มหล่อต่างสไตล์ทั้งสามด้วยความตื่นเต้น เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าของร้านมักจะเป็นประธาน ผู้มีอิทธิพลสูงอายุแล้วทั้งนั้น
หนุ่มหน้าดุไม่ได้แสดงอาการอะไรนัก เพียงแค่ยืนล้วงกระเป๋าปล่อยให้เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายจัดการ ส่วนฟลุ๊คก็ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยถูกใจกับหน้าตาเด็กสาวในร้าน พร้อมโปรยยิ้มหวานให้สาวๆ บิดม้วนกันเป็นแถว
"มีโต๊ะหรือยังคะ มีสาวๆ คนไหนเล็งเอาไว้เป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย"
"คุณเมฆขา หายหน้าไปนานเลย ยังจำดาด้าได้ไหมคะ" อดีตคู่ขารีบเบียดแทรกเพื่อนร่วมงานมาเกาะแขนกำยำของเมฆเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของ เมฆเองไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่แค่นหัวเราะในลำคอเมื่อกลุ่มของตนเองตกเป็นจุดสนใจของสาวๆ หน้าตาดีในร้าน
"หึๆ ใจเย็นก่อนครับสาวๆ วันนี้ผมพาเพื่อนมาเปิดหูเปิดตานิดหน่อย ขอเอาเป็นห้อง VIP ดีกว่า"
"ได้ค่ะ"
"ส่วนสาวๆ เดี๋ยวผมขอเลือกอีกทีแล้วกันนะ"
ดาด้ามุ่ยหน้าขัดใจเล็กน้อย รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจเธอแล้ว หลังจากตัดสินใจรับงานพิเศษกับเขาหลังร้านเลิกงานเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้สาวคนอื่นกระหยิ่มยิ้มย่องมีโอกาสดูแลหนุ่มฮอตทั้งสามคนแทน
ทั้งสามคนเดินตามสาวสวยอีกคนไปยังโซนรับรองที่เป็นห้องมิดชิด สำหรับไว้ใช้คุยเรื่องธุรกิจ ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีดำเป็นหลัก แสงไฟสลัวมีแผงวงจรควบคุม สามารถปรับเปลี่ยนโทนสีแสงไฟในห้องได้ตามความต้องการ
ห้อง VIP จะเก็บเสียงทำให้ไม่ได้ยินดนตรีสดด้านนอกได้ แต่ก็จะมีชุดเครื่องเสียงสำหรับเปิดคลอเบาๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศห้องเงียบเหงาจนเกินไป
หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวผายมือพาแขกทั้งสามเข้ามายังห้องรับรองส่วนตัว พวกเขาเดินผ่านสาวที่ทำหน้าที่เปิดประตูเข้ามาด้านใน แผ่นดินกวาดสายตาสำรวจทั่วห้องด้วยความพึงพอใจ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเป็นแบรนด์ชั้นดี การตกแต่งหรูหราและยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดเกินไป เหมาะกับการพาคู่ค้ามาคุยธุรกิจอย่างที่เมฆเปรยไว้
ส่วนหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างฟลุ๊คก็ส่งยิ้มให้สาวสวยท่าทางอารมณ์ดี สายตาเจ้าเล่ห์วิบวับเปลี่ยนหนุ่มสุภาพให้ดูซุกซนน่าค้นหา ทำพนักงานสาวอ่อนระทวยกับความหล่อเหลานั้น
"รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ" พนักงานสาวโปรยยิ้มให้สามหนุ่มในห้องเมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อย
"เอาเหล้าที่ดีที่สุดกับพวกมิกซ์เซอร์ แล้วก็กับแกล้มง่ายๆ แล้วกัน...อ้อ ช่วยตามคุณเปาให้ผมทีได้ไหม"
"ได้เลยค่ะ"
เธอโค้งทำความเคารพอ่อนช้อยและทิ้งสายตาเย้ายวนสะกดใจ ก่อนจะปิดประตูให้แขกได้พูดคุยกันเป็นส่วนตัว
"ร้านดีนี่หว่า เด็กๆ ในร้านก็น่ารักมาก" ฟลุ๊คชมออกมาทันทีเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง
"เออ เห็นไอ้ดินมาปรึกษาว่าจะพาลูกค้ามาคุยงาน ร้านนี้โอเคไหมล่ะ" เมฆหันไปถามเพื่อนหน้าหล่อฝั่งตรงข้าม
"อื้ม ก็ดี ค่าสมาชิกเท่าไร"
เขาพยักหน้าตอบ วาดท่อนแขนพิงขอบพนักโซฟา ท่อนขากำยำใต้กางเกงสแล็กยกไขว้ เอนพิงโซฟานุ่มผ่อนคลายไปกับบรรยากาศและเพลงที่ถูกเปิดคลอเบาๆ ไม่ได้รบกวนบทสนทนา
"หนึ่งแสน"
"หื้ม แพงเอาเรื่องนะเนี่ย" ฟลุ๊คขมวดคิ้ว
"เมมเบอร์หนึ่งปี ส่วนที่จ่ายแสนหนึ่งแรกเข้าก็สามารถเอาไปหักกับค่าเครื่องดื่ม ค่าเรียกเด็กนั่งดริงก์ได้ จนกว่าจะครบตามจำนวน หลังจากนั้นก็จ่ายเองปกติ สามารถพาเพื่อนมาได้ด้วย"
"เฮ้ย ถ้าแบบนั้นก็น่าสนว่ะ มึงว่าไงไอ้ดิน"
"อืม ดี เอาด้วย คงได้พาลูกค้ามารับรองที่นี่บ่อยๆ" หนุ่มมาดขรึมตอบกลับนิ่งๆ ตามสไตล์
"ถ้ามึงสองคนเป็นสมาชิกแล้ว งั้นกูไม่ต้องสมัครก็ได้นี่หว่า เอาไว้เบื่อๆ ก็ลากพวกมึงมา" ฟลุ๊คหัวเราะร่าสบายใจ ส่งผลให้เพื่อนอีกสองคนส่ายหน้าระอา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
สักพักพนักงานสาวสวยคนใหม่ก็เดินเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่ม หลังจากออกไปไม่นานเจ้าของร้านร่างกำยำก็เปิดประตูเข้ามาภายในห้อง
"สวัสดีครับคุณเปา" เมฆส่งยิ้มเป็นมิตรทักขึ้นเป็นคนแรก พลางผายมือให้รู้จักเพื่อนอีกสองคน "นี่เพื่อนผมครับ ชื่อฟลุ๊คกับแผ่นดิน"
"สวัสดีครับทุกคน ไม่ทราบคุณเมฆเรียกผมมีอะไรจะคุยหรือเปล่าเอ่ย"
หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าปี เอ่ยถามเสียงทุ้มหนักแน่น รักษาภาพลักษณ์เจ้าของคลับหรูเอาไว้อย่างดีเยี่ยม เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูปอวดเรือนร่างกำยำอัดแน่นด้วยมัดกล้าม จอนและหนวดเคราก็ถูกตกแต่งเล็มเป็นอย่างดี ไม่ได้ดูรกหรือรุงรังระคายตาแม้แต่น้อย
"นั่งก่อนครับคุณเปา พอดีเพื่อนผมเขาสนใจจะสมัครเมมเบอร์ที่นี่" เมฆขยับที่นั่งให้คนมาใหม่ด้วยความสุภาพ
เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างลูกค้าคนสำคัญ ก่อนจะเอ่ยคุยเรื่องการสมัครเป็นสมาชิกของคลับ กฎเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งแผ่นดินก็พยักหน้ารับทราบโดยดี การเจรจาผ่านไปอย่างราบรื่น หนุ่มเจ้าของร้านก็กดเรียกพนักงานให้ไปหยิบเอกสารสัญญามาให้ลูกค้าใหม่ฐานะร่ำรวยเซ็นก็เป็นอันเสร็จ
"เดี๋ยวผมส่งบัตรสมาชิกร้านไปให้ทางที่อยู่ที่คุณแผ่นดินกรอกนะครับ"
"ครับ"
"วันนี้ไม่ทราบว่าอยากได้น้องๆ มานั่งคุย รินเหล้าให้ด้วยไหมครับ ผมจะได้เรียกเข้ามาดูแล" เจ้าของร้านเอ่ยถาม พยายามเชียร์ให้ลูกค้าใหม่เลือกพนักงาน เพราะเขาก็จะได้เงินจากส่วนนี้ด้วย
"ผมอยากเจอสาวอันดับหนึ่งของคลับบ้างจังครับ มาสองรอบแล้ว แต่มีคนจองตัวก่อนทุกที วันนี้อุตส่าห์มาเร็วหวังว่าจะยังไม่มีใครจองตัวเธอไปนะครับ"
"ต้องขอโทษคุณเมฆด้วยจริงๆ นะครับ พอดีวันนี้น้องใยไหมไม่ได้เข้าร้าน ถ้าครั้งหน้าคุณเมฆจะเข้ามาโทรแจ้งผมให้ช่วยล็อกคิวน้องล่วงหน้าก่อนดีกว่าจะได้ไม่เสียเที่ยว" เปามีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถเอาใจลูกค้าคนสำคัญได้
"ไม่เป็นไรครับ"
"ให้ผมช่วยเลือกน้องคนอื่นมาดูแลดีไหมครับ พนักงานที่นี่คัดคุณภาพมาแล้วทุกคน รับรองสวย เก่ง คุยสนุก ไม่แพ้น้องใยไหมแน่นอน"
"ได้เลยครับ งั้นช่วยเลือกมาสักสามคนก็แล้วกัน"
"ยินดีมากเลยครับ ขอให้ทุกคนสนุกนะครับ"
เจ้าของร้านหยัดกายขึ้นเต็มความสูงส่งยิ้มให้ลูกค้าทั้งสามท่าทางเป็นมิตร ก่อนจะขอตัวออกไปจัดการคัดเลือกเด็กสาวมาให้แขก
"สาวอันดับหนึ่งที่ว่านี่ ชื่อใยไหมเหรอ" ฟลุ๊คเอ่ยถามด้วยความสนใจ เพราะหลายวันก่อนก็มีสาวสวยชื่อนี้ถูกตาต้องใจเขาเช่นกัน
"อืมมั้ง กูยังไม่เคยเจอตัวเลย ได้ข่าวว่าฮอตมาก คิวแน่นแทบไม่เคยว่าง"
"เมื่อกี้ที่คุณเปาบอก คือร้านนี้ไม่มีขายบริการอื่น?" หนุ่มมาดขรึมเอ่ยถามขึ้นบ้างด้วยความสงสัย
"ไม่มีๆ ร้านแค่ขายเหล้า อาหาร แล้วก็มีสาวๆ มานั่งคุยด้วยเฉยๆ ราคาค่าตัวแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับทางร้านกำหนด ถ้ามีคนเรียกพนักงานในเวลาเดียวกัน จะจ่ายเงินค่าตัวเพิ่มก็ได้ สู้ราคากันไป" เมฆอธิบายเสียงเรียบด้วยท่าทางสบายๆ
"อ้าว แล้วที่มึงเคยเล่าว่าดีลสาวในร้านได้อะ" ฟลุ๊คยังไม่หายสงสัย
"ร้านไม่มีบริการ อันนี้ขึ้นอยู่ที่การตกลงกับเด็กเอง บางคนก็ไม่รับ แต่สองคนที่กูเคยคุยก็รับนะ"
"อ๋อ เออดีๆ นึกว่าวันนี้กูต้องกลับไปนอนเหงาคนเดียวที่บ้านอีกแล้ว หาสาวน่ารักสักคนไปกอดให้ชุ่มปอดหน่อยดีกว่า"
ไม่นานก็มีสาวสวยเข้ามาแนะนำตัวและนั่งประกบคู่ชายหนุ่มแต่ละคน ต้องยอมรับว่าร้านนี้คัดเลือกพนักงานได้ดีจริงๆ ทุกคนไม่ใช่เพียงหน้าตารูปร่างที่สวยระดับนางฟ้า แต่ยังมีจริตจะก้าน ลูกล่อลูกชน และไหวพริบที่ดีอีก หนุ่มมาดเข้มโอบเอวสาวร่างบางข้างกาย พร้อมโน้มใบหน้าหล่อเหลาดุดันลงไปกระซิบข้างใบหูเธอด้วยคำถามแสนวาบหวิว
มุมปากแสยะยิ้มเย้ยหยัน เมื่อพนักงานคนสวยพยักหน้าเอียงอายตอบรับข้อเสนอเขาโดยดี ตอกย้ำความเชื่อฝังลึกในแจ่มชัดขึ้นไปอีก
'ผู้หญิงประเภทนี้ก็เหมือนกันหมด แค่มีเงินมาล่อพวกเธอก็พร้อมจะประเคนเรือนร่างบนเตียงแล้ว'
นัยน์ตาดุดันคมกริบวาวระยับ บีบกำฝ่ามือเข้าหากันระบายความตื่นตัวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในใจ เขารอเจอสาวสวยอันดับหนึ่งของร้านแทบไม่ไหว ครั้งหน้าคงต้องขอจองตัวสาวสวยที่ใครต่อใครต่างพูดถึง อยากรู้นักว่าต้องเสียเท่าไรถึงคว้าเธอมาขึ้นเตียงได้
สามปีต่อมาเด็กชายตัวน้อยวัยสามขวบวิ่งเล่นยังสนามหญ้ากว้างโดยมีพี่เลี้ยงวัยกลางคนวิ่งไล่ตาม ใบหน้าเล็กฉายแววหล่อตั้งแต่เด็กแดงก่ำด้วยเม็ดเหงื่อ หัวเราะคิกคักเสียงใสมีความสุข"คุณวายุวิ่งช้าๆ หน่อยสิคะ หวานวิ่งตามไม่ทันแล้ว""คิกคิก พี่หวานช้า แน่จริงก็จับวายุให้ได้สิ"พี่เลี้ยงระบายยิ้ม ชะลอแรงลงเล็กน้อยเพื่อให้ช้ากว่าขาเล็กๆ ของคุณหนู ทำท่าให้ดูเหมือนว่าวิ่งไล่ตามไม่ทัน ทำให้เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะสดใส"วายุครับ มาพักก่อนเร็ว พี่หวานหมดแรงแล้ว" เสียงหวานร้องเรียกลูกชายวัยกำลังซนเด็กชายเองก็ยิ้มกว้าง วิ่งตรงปรี่เข้ามาหามารดาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สนามใต้ร่มไม้ด้วยความรวดเร็ว"ระวังครับวายุ อย่าวิ่งเร็วขนาดนี้ เดี๋ยวก็หกล้มเอาหรอก""เอาน่า อย่าดุแกนักเลย มาให้ปู่อุ้มหน่อยสิหลานรัก...ไหนดูซิ เหงื่อซกเลย"เดชาหันไปปรามสะใภ้ ก่อนจะผายมือรอหลานชายคนโตที่เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าไปหาเขาแทนใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยความสุข หอมแก้มแดงๆ ของหลานชายสุดที่รักไปฟอดใหญ่ พลางช่วยหาผ้าเช็ดหน้ามาซับเม็ดเหงื่อบนใบหน้าเล็ก"ดื่มน้ำก่อนครับวายุ คุณย่าทำน้ำอัญชันมะนาวที่ชอบมาให้ด้วยนะ" ใยไหมเองก็ส่งยิ้มกว้างเอ็น
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการก็ได้ฤกษ์เข้าหอของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งคู่ส่งแขกผู้ใหญ่บางส่วนกลับ และปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นที่ยังติดลมนั่งดื่มสังสรรค์กันต่อ ส่วนเจ้าของงานก็เดินตามครอบครัวขึ้นมายังห้องสวีตสุดหรูของโรงแรม เดชา จันเจ้า และธิดาได้กล่าวอวยพรขอให้ทั้งคู่มีชีวิตรักที่ราบรื่น และเร่งผลิตทายาทมาให้สองครอบครัวได้ชื่นใจเร็ววัน ใยไหมอมยิ้มพยักหน้ารับคำ แม้ความจริงเธอนั้นมีข่าวดีมานานแล้ว แต่เก็บเงียบปิดบังทุกคนเอาไว้ ตั้งใจว่าคืนนี้จะมีเซอร์ไพรส์สามีเป็นของขวัญวันแต่งงานเสียหน่อยเมื่อทั้งหมดจากไปแล้วภายในห้องสวีตก็เหลือเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว ใบหน้าของแผ่นดินแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มไปหลายแก้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงหล่อร้ายแพรวพราวด้วยเสน่ห์เปี่ยมล้นจนใยไหมใจเต้นแรงทุกครั้งที่มอง"เหนื่อยไหมครับที่รัก วันนี้ดินมีความสุขมากเลยรู้หรือเปล่า"ร่างสูงสวมกอดเจ้าสาวคนสวยเอาไว้จากทางด้านหลัง กดริมฝีปากแนบลาดไหล่แผ่วเบา ดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความลุ่มหลงรักใคร่เด่นชัด ยิ่งได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง เขาก็สามารถแสดงออกถึงความรักที่มีให้เธอเต็มที่"เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ แต่ก็มีคว
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดก็ถึงงานแต่งงานของใยไหมและแผ่นดิน หญิงสาวจำเป็นต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ตีสามครึ่ง โดยมีทั้งธิดา จันเจ้า และม่านฟ้ากระวีกระวาดช่วยตรวจเช็กข้าวของเจ้าสาวให้เรียบร้อยคู่บ่าวสาวจำเป็นต้องไปถึงโรงแรมก่อนแปดโมง และพิธีการหมั้นแบบไทยปนจีนก็จะเริ่มขึ้นตอนเก้านาฬิกาตรงบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนสนิทมิตรสหายและตัวแทนบริษัทคู่ค้าเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญมากมายแม้จะเหนื่อยกับหลายสิ่งหลายอย่างแต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ใยไหมมีความสุขเหลือเกิน เธอหันมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเจ้าบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน ซึ่งเขาก็ก้มมองเธออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงสวมสูทสีน้ำตาล เรือนผมดกหนาถูกเซตเสยขึ้นด้านบน เปิดเผยใบหน้าดุดันให้โดดเด่นขึ้นเป็นอีกเท่าตัวมุมปากของชายหนุ่มระดับรอยยิ้มจางๆ เอาไว้เสมอ เรียกกระแสฮือฮาจากญาติและเพื่อนฝูงเขาได้เป็นอย่างดี ในที่สุดหนุ่มหน้าตึงราวกับโกรธคนทั้งโลกก็มีมุมหวานชื่นให้ได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้งใยไหมอยู่ในชุดสีขาวแขนยาวสะอาดตา ดูสวยสง่าเรียบร้อย เหมาะกับพิธีหมั้นในช่วงเช้าทั้งคู่นั่งพับเพียบบนเวทีสูง ตกแต่งประดับประดาด้วยซุ้มดอกไม้สวยงาม ช่างภาพหลายคน
สองเดือนต่อมาทุกอย่างถูกเตรียมการอย่างเร่งรีบเนื่องจากเจ้าบ่าวอยากจะเข้าประตูวิวาห์ใจจะขาด ทำให้ทีมออร์กาไนซ์หลายเจ้าถูกเกณฑ์เพื่อมารังสรรค์งานแต่งงานครั้งนี้ให้ออกมายิ่งใหญ่อลังการสมฐานะแม้งานแต่งจะจวนเจียนใกล้เข้ามาแล้ว แต่หนุ่มบ้างานก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง งานเลขาของใยไหมถูกหยุดลงชั่วคราว และรับหน้าที่เลือกสรรสิ่งของที่ต้องใช้สำหรับงานแต่ง โชคดีที่ได้ม่านฟ้าและจันเจ้ามาคอยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเธอคงได้สติแตกแน่นอนกับความยุบยิบมากมาย แถมเมื่อได้เห็นราคาคร่าวๆ สำหรับวันสำคัญวันเดียว ว่าที่เจ้าสาวก็แทบลมจับ เพราะแผ่นดินเล่นทุ่มทุนสร้างถึงเกือบสิบล้านบาทตอนนี้เธอเชื่อหมดใจแล้วว่าเขาคือสายเปย์ตัวจริง!ร่างบางในชุดเจ้าสาวแขนยาวเข้ารูปสีขาวสะอาดตาเปิดม่านออกมาให้น้องสามีที่นั่งรอช่วยดูม่านฟ้าฉีกยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้นมาจับตัวพี่สะใภ้รุ่นราวคราวเดียวกันหมุนกาย เพื่อดูชุดสวยให้ถนัดตา"โอ๊ย คนมันสวยนี่ใส่อะไรก็สวยจริงๆ ด้วย ตัวนี้ลายลูกไม้หรูเชียว ว่าไงเธอชอบหรือเปล่า""ดูไม่เป็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้"ใยไหมอมยิ้มเขินอาย ไม่ชินเลยยามต้องมาอยู่ในชุดที่เรียบร้อยเป็นทางการเช่นนี้"แต่ออร่
BBK Engineeringร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงเข้ารูปสีน้ำเงิน ราศีคุณนายจับทุกกระเบียดนิ้ว ควงแขนเดินเคียงคู่มากับรองประธานสุดหล่อ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นปรายตามองรอบข้างด้วยท่าทางเหนือกว่า การกลับมาบริษัทในครั้งนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากครั้งสุดท้ายราวฟ้ากับเหวเหล่าพนักงานต่างชะเง้อคอมองทั้งคู่ด้วยความสนใจ ซึ่งก็มีหลากหลายอารมณ์เลยทีเดียว ทั้งแตกตื่น สงสัย รวมถึงริษยา ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มเย้ยหยัน สมเพชเวทนา!นิ้วเรียวยาวประดับด้วยเพชรเม็ดสวยบนนิ้วนางข้างซ้ายส่องประกายวิบวับ ซึ่งสาวแสบก็ไม่วายกรีดกรายนิ้วให้อดีตกลุ่มพนักงานที่เคยสุมหัวนินทาได้เห็นมันชัดๆ และเมื่อสายตาคมกริบของแผ่นดินกวาดมอง ทุกคนก็ได้แต่เก็บกักความสงสัยใคร่รู้แล้วก้มหน้าหลบสายตา ปล่อยให้ทั้งสองเดินเข้าลิฟต์ไป"แก! นั่นใช่ยัยเด็กฝึกงานคนเก่าที่ตามติดบอสต้อยๆ หรือเปล่า""ฉันว่าใช่! สรุปแล้วนางกลับมาอีกได้ไง ไหนบอกว่าบอสกำลังจะหมั้นไม่ใช่เหรอ?""ตกข่าวมาก! เขาถอนหมั้นกันไปนานแล้วเถอะ แต่ก็ไม่คิดว่ายัยเด็กฝึกงานคนนั้นจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้""หมายความว่าไง""ไม่เห็นที่มือนางเหรอยะ! แหวนเพชรเม็ดโตขนาดนั้น!""สรุปบอส
หญิงสาวหลับสนิทตลอดทางด้วยความอ่อนเพลีย หลังจากบทรักในค่ำคืนวานสูบพลังไปมากแผ่นดินอาศัยช่วงที่รถกำลังติดไฟแดงใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมยาวที่ปรกใบหน้าสวยขึ้นทัดหู เพื่อที่จะได้มองหน้าสาวคนรักได้ชัดขึ้น ดวงตาคมอ่อนโยนราวกับไม่ใช่รองประธานสุดโหดคนเดิม การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยทำให้หญิงสาวที่เข้าสู่ห้วงนิทราขมวดคิ้ว ปรือดวงตาง่วงงุนขึ้นมองรอบข้าง"อื้มมมม~ ถึงแล้วเหรอ""ยังครับ อีกสักชั่วโมง ไหมนอนพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวถึงบ้านดินปลุกเอง""ดินไม่เหนื่อยเหรอไง เมื่อคืนก็นอนไปนิดเดียว เดี๋ยวไหมเปลี่ยนไปขับให้เอง"ร่างเล็กบิดกายขับไล่ความเมื่อยล้า ขยี้ตาให้หายง่วงออกปากอาสา"ไหมนอนเถอะ ดินชาร์จพลังมาเต็มที่แล้ว ตอนนี้คึกคักสุดๆ"ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ สร้างความเคอะเขินให้หญิงสาวไม่น้อย หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำด้วยบทรักสุดเร่าร้อนตลอดคืน ทำเอาร่างเธอปวดเมื่อยระบมไปหมด แต่ฝ่ายกระทำเป็นส่วนใหญ่กลับกระชุ่มกระชวยจนน่าหมั่นไส้"งั้นก็ตามใจ ถึงแล้วบอกด้วยนะ ขอนอนอีกแป๊บ""ได้ครับคุณนาย"แอร์เย็นๆ บวกกับความอ่อนล้าทำให้ไม่นานหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง โดยที่มือบางถูกหนุ่มคนขับกุมเอาไว้