'ขาล' เเอบชอบ 'หมอบะหมี่' ตั้งเเต่ยังเด็ก เธอเป็นผู้หญิงที่เเก่กว่าเขาสามปี เรียนหมอ เเละสมบูรณ์เเบบที่สุดเท่าที่เคยเจอ เเต่เธอดีเเต่อ่อยเขาให้อยากเเล้วจากไป ไม่คิดจริงจังกับหมายักษ์ที่ภักดีต่อเธอเสมอมา สายตาของขาลมีเเค่พี่หมี่ พี่หมี่เป็นของเขาเเต่เพียงผู้เดียว จนในที่สุด พี่สาวน้องชายต่างสายเลือดก็เผลอ 'วันไนท์' ด้วยกันโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอคือเจ้านาย เขาคือสุนัขตัวใหญ่ที่ซื่อสัตย์ต่อเธอ ปลอกคอที่เธอล่ามเขาไว้ มันเเข็งเเรงจนยากที่จะหลุดออก เขาหลงพี่หมี่จนกู่ไม่กลับอีกต่อไป 'ภักดีต่อเธอเหมือนหมา สยบเเทบเท้าเธอเหมือนทาส นั่นคือหน้าที่ของเขา'
ดูเพิ่มเติมร่างสูงกำยำพร้อมกับรอยสักเต็มทั้งสองแขนนั่งถือไม้ทีกระดิกเท้าอยู่หน้าห้องตรวจ คนไข้ พยาบาล รวมถึงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองมาทางชายหนุ่มร่างใหญ่เป็นตาเดียว นั่นเพราะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลฟกช้ำ เสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูกับเสื้อกล้ามขาวด้านในเปรอะเลือดจนดูไม่ออกว่าเป็นเลือดจากปากแผลของเขา หรือเลือดของใครกันแน่
เขาคือ ‘ขาล’ หัวโจก ปวส. เทคนิคเครื่องกล เจ้าของใบหน้าดุดันกับทรงผมไถข้างมัดจุกสุดเท่ ขาลเป็นผู้ชายที่บ้าดีเดือด กล้าได้กล้าเสีย และเป็นคนหัวรุนแรงพอสมควร เขามีเรื่องตีกับวิทยาลัยอื่นเป็นประจำ และเข้าออกโรงพยาบาลเป็นบ้านหลังที่สอง
แต่แรงจูงใจที่ทำให้คนที่เกลียดโรงพยาบาลเข้าใส้ตั้งแต่เด็กอย่างขาลเลือกที่จะมาที่นี่ ก็มีอยู่อย่างเดียว
“คุณขาล ปริชาพิพัฒน์ คุณหมอเรียกพบค่ะ”
พยาบาลสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขานชื่อของเขาหลังจากที่ร่างสูงรอมายี่สิบนาที ขาลในสภาพสะบักสะบอมหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง เขาผิวปากอย่างอารมณ์ดีซึ่งขัดกับบาดแผลภายนอกที่ออกจะหนักหน่วงเอาเรื่อง ก่อนที่จะกระตุกยิ้มให้พยาบาลที่ขานเรียกชื่อเขา
แต่ถึงแม้ว่าพยาบาลคนนั้นจะน่ารักแค่ไหน ก็สู้พี่สาวของเขาไม่ได้
คนตัวโตเปิดประตูเข้าไปในห้องตรวจพร้อมกับปิดประตูอย่างเรียบร้อย เขาเดินไปนั่งตรงหน้าร่างบางสะโอดสะองในชุดกาวน์สีขาว แววตาสีน้ำตาลอ่อนช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงหน้าอย่างชินชา เพราะขาลมักจะมาหาเธอด้วยสภาพแบบนี้เสมอ
เมื่อมองดีๆ ก็ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องความสนใจจากเธอกลายๆ
“คราวนี้ไปตีกับใครมาอีกล่ะคะ พ่อตัวดี”
“อริฝั่งธนน่ะครับ แต่พี่ไม่ต้องใส่ใจหรอก” เสียงทุ้มติดห้วนทำเสียงเล็กเสียงน้อยเอาอกเอาใจผู้หญิงตรงหน้า บัดนี้แววตาของผู้ชายตัวใหญ่ร่างถึกคนนี้เต็มไปด้วยความคลั่งรักหัวปักหัวปำ “ทำแผลให้ผมหน่อย”
“เมื่อไหร่ขาลจะเลิกมีเรื่องสักทีนะ” ผู้หญิงเรือนผมสีชมพูอ่อน กับใบหน้างดงามราวกับเทพธิดาบ่นอุบขึ้นอย่างระอาแต่ไม่จริงจังนัก หุ่นอวบอัดภายใต้ชุดขาวนั่นไม่ทำให้เธอดูเซ็กซี่น้อยลง สายตาคมกร้าวของขาลหรี่มองหุ่นยั่วยวนของเธอที่เอนหน้ามาใกล้เขาอย่างคลั่งไคล้ “พี่มาทำแผลให้เราไม่ได้ตลอดหรอกรู้มั้ย จริงๆ หน้าที่นี้ควรเป็นของพยาบาลด้วยซ้ำ”
“ถึงพี่จะให้พยาบาลมาทำแทน ผมก็ไม่ยอมหรอก” คนตัวโตดื้อดึง “ผมจะเอาแค่พี่ ไม่งั้นก็ปล่อยแผลไว้งั้นแหละ”
“นิสัยเสียจริงๆ” ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าขาลทั้งเอาแต่ใจและแสดงออกชัดเจนจนไม่รู้จะชัดยังไงว่าชอบเธอมากแค่ไหน แต่ ‘หมอบะหมี่’ ก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ว่าเขาสนใจเธอจนออกนอกหน้า แถมยังหาเรื่องให้ตัวเองเจ็บจะได้มารักษากับเธอตัวต่อตัวที่โรงพยาบาลอีก
เอาจริงๆ เธอก็ชอบที่ตัวเองกลายเป็นที่รักในสายตาใครสักคน แค่หมอบะหมี่เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีแฟนและสนใจแต่งานจนไม่คิดที่จะมีคนรักเป็นตัวเป็นตน เธอเลยไม่คิดที่จะห้ามหรือปฏิเสธผู้ชายร่างยักษ์หน้าตาดุดันคนนี้อย่างจริงจัง
อีกอย่าง... นั่นก็เพราะขาลเป็นน้องข้างบ้านที่เล่นด้วยกันสมัยเด็กๆ แม้ว่าหลังๆ ช่วงเธอเข้า ม.ปลาย จะห่างกันไป มาเจออีกทีก็ตอนขาลเข้าเรียน ปวช. และก็ตัวใหญ่ขึ้นจนผิดหูผิดตา จากเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ขาวๆ กลายเป็นชายหนุ่มกลัดมันตัวใหญ่สักเต็มตัว แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจ กลับกัน หมอบะหมี่กลับชอบความว่านอนสอนง่ายติดดื้อรั้นหน่อยๆ ผิดกับลุคเถื่อนดิบภายนอกของเขา ที่จะแสดงออกแค่กับเธอเท่านั้นอยู่เหมือนกัน
คนตัวเล็กแต่รูปร่างสุดเอ็กซ์ขยับมาตรงหน้าชายหนุ่มที่นั่งกางขารอเธอมาทำแผลเหมือนรู้งานดี เธอเริ่มลงมือทำแผลให้เขาอย่างตั้งใจ โดยจงใจให้หน้าอกที่โตเกินรูปร่างเล็กกะทัดรัดของเธอล่อตาล่อใจตรงหน้าผู้ชายตัวยักษ์
เธอน่ะ ติดนิสัยชอบแหย่ ชอบอ้อยแต่ไม่ได้จริงจัง แล้วขาลก็โดนมนต์สะกดตรงนี้ดีดเข้าใส่จนรักจนหลงเธอแทบบ้าตาย
“เอ่อ คือ” เสียงทุ้มดังขึ้นในขณะที่หมอบะหมี่เอาสำลีมาแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มสาก เขากลืนน้ำลายลงคอหลุบตาลงมองคอเสื้อสีขาวที่ร่นลงมาจนแอบเห็นร่องอกขาวจัดน่าขยี้ของผู้หญิงที่ตัวเองชอบ “พี่จูบผมเหมือนทุกทีได้มั้ย ผมไม่ได้จูบพี่มานานแล้ว”
และใช่ ขาลกับหมอบะหมี่ไม่ได้มีสถานะเป็นแค่น้องชายพี่สาวข้างบ้านกันเท่านั้น
พวกเขาเคยเลยเถิดไปจนเกือบได้เสียกัน... ในคืนที่หมอบะหมี่เมาแล้วเขาก็บังเอิญมาเจอที่คลับและพาเธอกลับไปส่งที่บ้าน
เรือนร่างขาวจัดที่เห็นเเวบๆ ในคืนนั้น พร้อมกับท่าทางยั่วยวนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้ยังไม่ได้สัมผัสลึกซึ้ง แต่ติดตาติดใจขาลมาก เขาตามตื้อเธออย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบจริงจังจากปากของหญิงสาว คนตัวโตเลยทำได้แค่ขออะไรที่พอจะทำให้เขามีความหวังไปวันๆ แทน
ซึ่งหมอบะหมี่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอเม้มริมฝีปากหน้าแดงซ่าน ก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“อื้อ” พอได้รับคำอนุญาต ร่างสูงก็เอื้อมฝ่ามือใหญ่ๆ มาจับข้อมือเล็กเพื่อดึงออกจากแก้มของเขา ก่อนที่จะใช้มือหนาอีกข้างรั้งศีรษะของเธอให้โน้มลงมาใกล้ ประกบปากจูบเธออย่างหนักหน่วง เหมือนกับว่าเขารอเวลานี้มาเนิ่นนาน
ปลายลิ้นเล็กแตะเบาๆ ที่ปลายลิ้นสาก เธอดูดลิ้นของขาลอย่างช่ำชอง พร้อมกับบดจูบจนคนตัวโตใจเต้นไม่เป็นส่ำ หน้าอกของเธอแนบอยู่ที่ต้นคอแกร่ง ในขณะที่หมอบะหมี่กลับกลายเป็นฝ่ายคุมเกม บรรเลงจูบปรนเปรอชายหนุ่มจนเขาแทบจะตบะแตกทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“แฮ่ก...” จนผละออกมาเพราะหมอบะหมี่หายใจไม่ทันเพราะตระโบมจูบเด็กน้อยตัวเขื่องตรงหน้าด้วยแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล้านนานเกินไปหน่อย ขาลก็แทบคลั่งตายอยู่ในอ้อมอกของเธอ เขากัดริมฝีปากแน่น และท่าทางนั้นก็ทำให้หมอสุดเซ็กซี่กระตุกยิ้มหวานออกมาเบาๆ พร้อมกับเช็ดรอยลิปสติกที่เลอะริมฝีปากหยักออกจนเขาใจเต้นหนักกว่าเดิมกับความน่าขย้ำของพี่สาวข้างบ้าน
“ชอบมั้ยคะ”
“...”
“ถ้าชอบ ก็มาอีกนะ”
ก็เพราะเธอขี้อ่อยงี้ไง เขาเลยไปไหนไม่เคยรอด
หมอที่สองกัดฟันแน่น หุนหันพลันแล่นผุดลุกออกไปจากห้องพักแพทย์ทันทีอย่างเสียหน้า ฉันพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่เขากระแทกบานประตูปิดเสียงดัง ผ่อนปรนความเครียดทั้งหมดได้ในเพียงเสี้ยววินาที ค่อยๆ ก้าวเดินด้วยส้นสูงที่เพิ่งขยี้ยอดอกของหมอสองไปนั่งบนเก้าอี้เลื่อน นวดขมับของตัวเองอย่างเคร่งเครียดเมื่อกี้นี้มันอะไรกันฉันเพิ่งจะแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป และปรามาสหมอที่สองด้วยถ้อยคำหยาบคายในแบบที่ฉันไม่เคยพูดกับใครแต่มันกลับรู้สึกโล่งข้างในอย่างน่าประหลาดถ้าไม่ถืออคติจนเกินไป ในคราวที่น้องขาลมัดฉันไว้ก็เป็นอารมณ์แบบนี้ หัวมันโล่งปลอดโปร่ง รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่สะสมมานาน... รู้สึกดีจังฉันกระตุกยิ้มออกมา ค่อยๆ ยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างแบบมีมาดเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันคงกลัวป๊าจะรู้ว่าฉันทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรเอาไว้ แต่ในเวลานี้ฉันไม่แคร์อีกแล้วฉันชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ชอบตัวเองที่เลือกจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างด้วยความรุนแรงฉันผุดลุกขึ้น นี่เพิ่งจะข้ามวันที่ฉันเลิกกับน้องขาล เป็นข้ามวันที่รู้ตัวเองหลังจากที่น้องขาลหันหลังให้ มันจะพอเป็นไปได้มั้ย ถ้าฉันจะกลับไปหาเขา น้
“ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่อีกแล้วว่ะ”“...”“เพราะผมรู้แล้ว... ว่าสำหรับพี่ ทำไปก็เท่านั้น” เขาสบถคำหยาบออกมาใส่หน้าฉัน “โคตรไร้ค่า ผมแม่งเป็นแค่ขยะสำหรับพี่ก็แค่นั้น”ฉันชะงักไป นิ่งอึ้งกับสิ่งที่น้องขาลพูด ในขณะที่เพิ่งสังเกตคราบเลือดที่ข้อศอกของคนตัวใหญ่ที่ก้มหน้าลงจนผมยาวๆ ปรกหน้า เขาผละมือออก ในขณะที่จะหันหลังให้ แต่ฉันกลับเลือกที่จะคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้น้องขาลชะงักไป เขายืนหันแผ่นหลังกว้างให้ฉันอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่คิดที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำหัวใจของฉันกระตุกวูบ ในขณะที่จะกลั้นใจพูดออกไป“หนูมีแผลนี่” เขาเหลือบมามองแค่เพียงหางตา ก่อนที่จะกระตุกแขนข้างที่เป็นแผลออกจากมือของฉันทันที“เพิ่งสังเกตเหรอ?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เป็นตั้งนานแล้ว”“พี่...”“...”“ให้พี่ทำแผลให้มั้ย?”“ไม่จำเป็น” เขาปฏิเสธทันที เป็นคำปฏิเสธที่เย็นชาจนฉันตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลงเป็นฝ่ายโดนปฏิเสธ “กลับไปซะ”จนเขาหันกลับมา ออกปากไล่ฉันอย่างเย็นชา พร้อมกับโยนกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงคืนให้ฉันที่รับแทบไม่ทัน ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมองน้องขาล แต่กลับพบแต่ดวงตาที่ว่างเปล่า“พี่หมี่
ผมเบิกตากว้าง ดวงตาลุกโพลง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากหรือออกมาจากตรงนั้นเหมือนว่าพี่หมี่จะไม่เห็นผม เธอก้าวเข้าไปนั่งข้างคนขับ ในขณะที่ไอ้เด็กที่ชื่อเหยี่ยวนั่นเป็นฝ่ายสังเกตเห็นผมก่อน เราจ้องหน้ากันในระยะห่างไม่ไกลนัก ผมจะเข้าไปกระชากมันออกมาตอนนี้เลยก็ยังได้ หากแต่ผมกำลังยั้งคิดอยู่จนมันแสยะยิ้มออกมา แววตาของไอ้เด็กนั่นไม่เหมือนครั้งแรกและหลายๆ ครั้งที่เจอกันมันกำลังประกาศ... ชัยชนะผมกำแฮนด์รถแน่นจนแทบแหลกคามือ ไอ้เวรนั่นเข้าไปในรถ นั่งในที่ที่เคยเป็นตำแหน่งของผม มันเคยเป็นผมเมื่อวานและหลายๆ วันที่ผ่านมาที่คอยไปรับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้มันกลับกันหลังจากที่ผมถูกไล่กลับไป เธอก็เรียกมันมาที่นี่งั้นเหรอพี่หมี่เรียกมันมาค้างด้วย... ใช่รึเปล่าทั้งที่ยังไม่ได้เลิกกับกูด้วยซ้ำบรืน!ผมบิดรถจนเกิดเสียงดังสุดมือด้วยความโกรธ มันเดือดทะลุจนแทบหยุดความบ้าคลั่งในใจและความคิดที่ว่าอยากจะฆ่ามันให้ตายไม่ได้ยังไงก็ตาม วันนี้ผมต้องได้คำตอบไวกว่าที่คิด ผมเคลื่อนตัวรถออกไปด้วยความรวดเร็ว พุ่งตามรถซีวิคสีแดงเลือดหมูของพี่หมี่ไป แววตาที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายใต้หมวกกันน็อคแบบปิดไม่มิดพี่หมี่ไม่เห็
BDSM คือเซ็กซ์ประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะมัด ตรึง ฟาดแรงๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเซ็กซ์ที่สนองกามารมณ์ของคนประเภทที่ชอบความรุนแรงมากกว่าปกติ หรือบางคนที่ชอบโดนทำรุนแรงใส่ผมจัดอยู่ในประเภท ‘ซาดิสต์’ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลองทำแบบนี้กับใคร ไม่มีใครยอมรับรสนิยมของผม และผมเองก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง ที่ผ่านมาก็แค่ยังไม่ได้เจอใครที่ทำให้หัวใจสั่นเร้าจนอยากทำอะไรรุนแรงจนเธอบอบช้ำเท่านี้พี่หมี่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่ผมเฝ้าฝันว่าสักวันจะได้ฟาดเธอแรงๆ แล้วมีเซ็กซ์ไปด้วย ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าเธอคือม้าของผมในชีวิตจริงผมใจดีกับเธอ ยอมตามใจเธอเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ นั่นเพราะผมอยากทำ ผมอยากแสดงให้เธอเห็นและไว้ใจว่าผมจะรักเธอ ภักดีกับเธอแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ไม่เคยมีใครบอกว่าหมามันจะไม่กัด ถูกมั้ยแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดยั้งความต้องการที่แสนซาดิสต์ของผมได้ วันนี้ผมพกเชือกขาวลูกเสือมาเพื่อมัดเธอไว้ แล้วบรรเลงบทเพลงตามที่ผมต้องการ สาดสีและละเลงรักบนร่างกายเธอผมก็แค่หึงไม่ชอบที่เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เวรนั่น ไม่ชอบที่มันก้าวเข้ามาเรียนในรุ่นเดียวกัน ไม่ชอบที่จะรู้สึกลางๆ ว่าเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเขี่ยทิ้งในอีกไม่
ฉันสั่นระริก ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอเอ่ยปากอ้อนวอนออกไปได้ยังไง ท่าทางที่น้องขาลเป็นวันนี้ในวันที่เรามีเซ็กซ์กันดูไม่ปกติ มันแปลกประหลาดมาก เขาเอาเชือกมามัดข้อมือฉัน จับไพล่หลัง พร้อมกับจัดท่าให้อยู่ในท่าหมอบคลานโดยไม่สามารถใช้มือค้ำยันได้ฉันไม่รู้ว่าเซ็กซ์แบบนี้คืออะไร ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากลัว มันสั่นไปหมดข้อมือที่ถูกรัดแน่นพยายามบิดเพื่อตัดขาดพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นหนีกลับยิ่งรัดแน่น มือที่ถูกไพล่หลังอยู่ตึงแน่นจนรู้สึกชาแปลบๆ แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่าง ทุกสัมผัส มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเมื่อปลายนิ้วสากตวัดผ่านกลีบดอกไม้ ฉันกลับรู้สึกได้ถึงความชื้นที่ล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทแต่การถูกมัดแบบนี้มันไม่ปกติ สมองฉันทำงานหนักมากเพื่อที่จะปฏิเสธการกระทำนี้“ฮึก... ได้โปรด”แต่เสียงที่เปล่งออกไปกลับสั่นพร่าจนรู้สึกได้ มันพ่นออกไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ ในหัวของฉันมันตีรวนกันหลายอย่างตั้งแต่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเรื่องพ่อหรือเรื่องที่สอง หรือแม้แต่น้องขาลที่มีท่าทางก้าวร้าวมากขึ้น แต่พอโดนมัด โดนทรมาน กลับรู้สึกหัวโล่ง ขาวโพลนอย่างน่าประหลาดภายในสมองร้องบอกตัวเองว่าน้องขาลคนนี้ไม่ใช
น้องขาลนิ่งไปทันที เขาเอียงคอไปมองโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของฉัน แววตาคมปลาบหันกลับมาสบตากับฉัน เย็นเยียบจนรู้สึกสั่นกลัวน้องขาลไม่เหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อวาน และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร“งั้นขอเช็คโทรศัพท์หน่อยสิครับพี่หมี่”ฉันเม้มริมฝีปาก ฉันแค่คิดนะ เหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฉันเลย ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าพอเริ่มคบกับน้องขาล เขาก็เปลี่ยนไปนิดๆ หน่อยๆ“จะเช็คทำไมคะ ไม่ไว้ใจพี่เหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับไปห้วนสั้นไม่ต่างกัน ไม่รู้ว่าจะมาชวนทะเลาะอะไรในตอนที่เพิ่งเจอเรื่องพวกนั้นมาด้วยนะ“ผมเช็คไม่ได้เหรอครับ ผมจะได้รู้ตัว” น้ำเสียงที่พ่นออกมามีแววประชดเจือปนเล็กน้อย แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะเชื่อว่าน้องขาลจะออกปากประชดประชันได้ เพราะก่อนที่เราจะคบกันเขาเป็นสุนัขที่ดีมาโดยตลอด แต่พอตกปากรับคำขอคบเป็นแฟน ขาลเริ่มแสดงท่าทีเป็นใหญ่ขึ้นทีละน้อยและฉันก็... ไม่ค่อยชอบท่าทางถือดีนั่นเท่าไหร่“เช็คก็ได้ค่ะ เอาเลย” ฉันไม่ชอบเวลามีใครมางอแงในเวลาที่ฉันกำลังหัวเสีย เลยพยักเพยิดหน้าไปทางมือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องขาลสบตาฉันกลับ เขากัดริมฝีปาก กำหมัดแน่น แล้วเดินผ่านไหล่ฉันไปกดโทรศัพท์ดูด้วยร่างกำยำที่เกร็งเครี
ความคิดเห็น