ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา สายตาของทุกคนก็หันไปหาเจียงหยุนลั่ว!เจียงหยุนลั่วยิ้มและพยักหน้า“ในที่ก็ฟท้นสักที มันเร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก”ท่าทางมั่นใจของเธอทำให้คนอื่นพูดไม่ออกแม่ทัพที่เพิ่งดุเธอหน้าแดงเมื่อได้ยินสิ่งนี้!“คุณช่วยชีวิตผู้คนได้จริงหรือ?”การแสดงออกของหลิงเฟิงซั่วเคร่งขรึม แต่เขาไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจในดวงตาของเขาได้เจียงหยุนลั่วเยาะเย้ยและตอบไม่ตรงคำถาม“รู้แล้วเหรอว่าใครโง่”เธอคืนคำพูดของหลิงเฟิงซั่วเหมือนเดิมทันใดนั้นสีหน้าของหลิงเฟิงซั่วก็สั่นไหว เขาคว้าข้อมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้า!"ปล่อยนะ!"เจียงหยุนลั่วสะบัดมันออกด้วยการเยาะเย้ยบนริมฝีปากของเธอ"คุณต้องการให้ฉันไปดูอาการตอนนี้เลยเหรอ? เฮอะ สายไปแล้ว! ฉันจะไม่ไป! เว้นแต่ว่า...หลิงเฟิงซั่วจะขอโทษข้า!!!""คุณพูดอะไร?"หลิงเฟิงซั่วสงสัยว่าเขาได้ยินผิดหรือเปล่าเจียงหยุนลั่วสบตาที่ไม่เชื่อ และยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ"ฉันสามารถช่วยลู่ถิงได้ แต่ฉันก็ปล่อยให้เขาตายได้เช่นกัน! ใครเฆี่ยนฉันยี่สิบทีโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ ตอนนี้มีเรื่องจะขอร้องก็ควรมีคำอธิบาย! ตราบใดที่คุณขอโทษฉันและยอ
ลู่ถิงตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ลู่หยุน เธอก็เป็นผู้ช่วยให้รอดของเขาด้วย เขาเริ่มหน้าแดงทันที!โชคดีที่เขามีไข้ ทำให้มองไม่ออก“อืม ยังร้อนอยู่นิดหน่อย”เจียงหยุนลั่วไม่ได้สังเกตเห็นความลำบากใจของเขาแ ละจับมือเธอกลับแล้วก็ได้ยิน--"องค์หญิงเป็นคนไม่เป็นทางการมาก"ดวงตาของหลิงเฟิงซั่วจ้องมองไปที่ฝ่ามือของเธอโดยไม่รู้ตัว คิ้วของเขาขมวดแม้ว่ามันจะเป็นการรักษาพยาบาล แต่คุณไม่รู้ว่าจะฝากเรื่องเล็กน้อยนั้นให้คนอื่นทำเหรอ?การเป็นคนสบาย ๆ และถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ชายเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยจริง ๆ!ลู่หยุนห็นว่าการแสดงออกของหลิงเฟิงซั่วผิดจึงรีบอธิบาย:"ฝ่าบาท องค์หญิงมาที่นี่เพื่อ... ""มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"เจียงหยุนลั่วขัดจังหวะลู่หยุนโดยตรงโดยไม่มองไปที่หลิงเฟิงซั่ว“ถ้าคิดว่าฉันไม่เก่งก็หาคนอื่นเถอะ หลินหนิงซวงคนรักของคุณยังอยู่ไม่ใช่เหรอ?”เมื่อพูดจบ เธอก็ดึงเสื้อผ้าออกจากไหล่ของลู่ถิงโดยตรง!"องค์หญิง!!!"เดิมทีลู่ถิงคิดว่ามันเป็นเพียงการตรวจชีพจร แต่จู่ๆ เขาก็ตกใจราวกับหญิงสาวผู้ต่ำต้อย และรีบดึงเสื้อผ้าของเขาขึ้น!"อย่าขยับ"เจียงหยุนล
“หืม? นี่แม่ทัพลู่รังเกียจงั้นรึ?” เจียงหยุนลั่วจงใจทำหน้าบึ้งเพื่อหยอกเล่นกับเขา ลู่ถิงจึงรีบอธิบายด้วยสายตาที่เบิกกว้างทันทีว่า “องค์หญิงท่านเข้าใจผิดแล้ว! ข้าเพียงแค่....เพียงแค่....” ทันใดนั้นเขาก็เริ่มพูดติดอ่าง และใช้เวลาพอสมควรจึงจะเริ่มพูดต่อ “ค่ายทหารนี้มีแพทย์ทหารอื่นอยู่แล้ว เพราะกระนั้นองค์หญิงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ขอรับ! ข้าไม่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย” เขาเกรงกลัวว่าเจียงหยุนลั่วจะไม่เชื่อ จึงชูสามนิ้วขึ้น เพื่อทำท่าสาบาน"ผู้ป่วยที่ข้าดูแล ข้าจะรับผิดชอบจนจบ แม่ทัพลู่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า" เจียงหยุนลั่วโบกมือและยิ้มอย่างสดใส สิ่งเดียวที่เธอคิดคือ เมื่อมีลู่ถิงอยู่ การดำเนินการในค่ายทหารคงจะง่ายขึ้นแต่ในสายตาของหลิงเฟิงซั่ว มันกลับมีความหมายที่แตกต่างไป หญิงผู้นี้ชอบที่จะโปรยเสน่ห์ต่อหน้าชายงั้นหรือ รอยยิ้มที่เย้าหยวนของนาง แม้แต่หญิงโสเภณีก็มิอาจเทียบได้!“ดูเสร็จแล้วก็ไปเถิด อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของลู่ถิงนัก” หลิงเฟิงซั่วอดไม่ได้ที่จะพูดไล่นางออกไปอย่างบูดบึ้งเจียงหยุนลั่วขยับตัวแล้วมองหลิงเฟิงซั่วด้วยหางตา ทันใดนั้นนางก็เห็นชามยาท
“องค์หญิง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” ใบหน้าของลู่หยุนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ลู่ถิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน หลิงเฟิงซั่วเริ่มนิ่งและเย็นชาลงพร้อมถามว่า "ซวงเอ๋อ เจ้าใส่ยาอะไรลงไป?""ข้าเปล่า!" หลินหนิงซวงมองหลิงเฟิงซั่วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“ท่านพี่ซั่ว! แม้แต่ท่านก็ไม่เชื่อซวงเอ๋อหรือ..?.” “ใช่ เจ้าหนะไม่กล้าใส่พิษหรอก” เจียงหยุนลั่ววางชามยาลงบนโต๊ะอย่างหมดความอดทน เธอเบื่อที่จะต้องมองหลิวหนิงซวงแสดงละครอีกครั้ง จึงตะโกนออกมาว่า “เป่ยเฉิน!” “ขอรับ!” เป่ยเฉินที่รออยู่ข้างนอกเดินเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง เขาก็หยิบห่อกระดาษขึ้นมาและโยนมันลงไปกับพื้น นั่นคือสิ่งที่เจียงหยุนลั่วฝากให้เขาทำเป็นอย่างที่สอง “นี่คือ......” ลู่หยุนมองอย่างตั้งใจแล้วกล่าวอย่างไม่แน่ใจว่า “นี่คือ....กากยาหรือ?” เป่ยเฉินตอบว่า “ใช่ นี่คือกากของยาที่ต้มวันนี้” “วันนี้?” ลู่หยุนตกใจสุดขีด แม้เธอจะไม่รู้เรื่องการแพทย์มากนัก แต่เธอก็มองออกว่า กากยาที่ต้มนี้เป็นยาที่กินได้หลายวัน “ช่างเป็นของที่ดีจริงๆ โสม... เขากวาง... และเห็ดหลินจือ แต่ว่า...” เจียงหยุนลั่วหยุดกล่าว พ
แม้ว่าจะคาดเดาได้ว่าผลลัพธ์อาจเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อมาได้ยินด้วยตัวเองก็รู้สึกว่า เหตุใดบนโลกจึงมีชายอย่างหลิงเฟิงซั่วที่ตาบอดได้ถึงเพียงนี้! มองดูชายหญิงสองคนนี้แล้วข้ารู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก! "หากรู้มาก่อนว่าองค์ชายจะใจกว้างถึงเพียงนี้ ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของแม่ทัพลู่ ข้าก็คงไม่ยุ่งเรื่องรักษาเขาไปให้เสียแรง และคงไม่ต้องทำให้ข้าต้องถูกโบยแส้ถึงยี่สิบครั้ง!" เจียงหยุนลั่วเน้นถ้อยคำสุดท้ายอย่างหนักเป็นพิเศษ "แส้? แส้อะไรรึ?" ลู่ถิงไม่เข้าใจ สีหน้าของหลิงเฟิงซั่วแปรเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนลั่วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงแค่เงาจากด้านหลังของเธอ สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดหมดแล้ว อีกทั้งร่างกายเธอก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จากบาดแผล และเมื่อไม่นานมานี้เธอยังโดนลมหนาวที่ภูเขาอีก แทนที่จะเอาเวลามาดูความรักที่หวานชื่นของพวกเขา ข้ากลับไปพักผ่อนเสียดีกว่า!หลิงเฟิงซั่วปกป้องหลินหนิงซวงถึงเพียงนี้ ต่อไปเขาจะต้องเจ็บปวดจากเธอในเร็ววันเป็นแน่! เธอเพียงแค่รอชมความบันเทิงเท่านั้น!เจียงหยุนลั่วคิดพร้อมกับเร่งฝีเท้า แต่จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าตามหลังมาเบาๆ เพ
เขาไม่ชอบกลิ่นยาแท้ๆ แต่เหตุใดกลิ่นยาจากกายของเธอกลับผสมผสานกับกลิ่นหอมอันประหลาดนั้น... หรือนั่นจะเป็น... กลิ่นกายของเธอเอง...?เมื่อคิดเช่นนั้น จู่ๆภายในอกก็เกิดความรู้สึกร้อนแรงที่คุ้นเคยขึ้น หลิงเฟิงซั่วเหมือนถูกมนต์สะกด ร่างกายที่ไม่รู้ตัวจึงพลันกดต่ำลง... เจียงหยุนลั่วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น ลมหายใจของหลิงเฟิงซั่วนั้นค่อยๆร้อนแรงขึ้น…ริมฝีปากบางที่เย้ายวนอยู่เสมอนั้นเกือบจะสัมผัสที่แก้มของเขา และปลายนิ้วก็วนอยู่ที่หน้าอกของเขาอย่างช่ำชอง พร้อมกับกระซิบเบาๆว่า “หากองค์ชายแอบหึงหวงข้าจริง ก็บอกข้ามาตรงๆ อย่าได้เล่นเล่ห์กลครอบครองใจนาง อย่างไรเสีย... ในโลกนี้ก็มีชายมากมายที่ปรารถนาในตัวของข้า เจ้าควรรีบจับจองครอบครองไว้ก่อนเสีย..."“อย่ามาคิดเพ้อฝันไร้สาระ!!!” หลิงเฟิงซั่วถูกคำพูดเหลวไหลของเธอกระตุ้นให้ฟื้นคืนสติในทันที เขาผลักเธอออกไป แล้วถอยหลังกลับไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ดึงขวดเล็กๆขว้างมาที่เธอ“หมับ!!” เจียงหยุนลั่วรับมันไว้ได้อย่างมั่นคง แต่ยังไม่ทันได้ตรวจดู หลิงเฟิงซั่วก็พูดขึ้นมาว่า “ยานี้สามารถทำให้แผลที่หลังของเจ้าไม่เห
ด้านนอกที่พำนัก เฮยเอี้ยนรออยู่อย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็เห็นเจียงหยุนลั่วและลู่หยุนก้าวเดินออกมาด้วยกัน“องค์หญิง ข้าจะกลับไปก่อน หากในภายหลังท่านต้องการกระไรในค่ายทหารนี้ โปรดส่งคนมาบอกข้า” เมื่อพูดจบ ลู่หยุนก็เดินจากไปเมื่อเฮยเอี้ยนได้ยินคำพูดของเธอ การแสดงออกของเขาก็ดูสับสน ในตอนนี้ ทุกคนในกองทัพรู้แล้วว่าองค์หญิงหยุนลั่วพาลู่ถิงกลับมามีชีวิตจากประตูนรก และเธอก็คิดประดิษฐ์อาวุธเฉกเช่นเฟยอี้เพื่อช่วยเมืองอี้เฉิงอีก! มันช่างแตกต่างจากข่าวลือเสียจริงๆ“เฮ้! เจ้ากำลังคิดกระไรอยู่รึ?” น้ำเสียงที่ดูไม่จริงจังนั้นก็ดึงเขากลับมา เฮยเอี้ยนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้นมองและเห็นนิ้วบางๆห้านิ้วโบกไปมาต่อหน้าต่อตาของเขา แล้วจึงกล่าวอีกครั้งว่า “ข้า...”"เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว" เจียงหยุนลั่วขัดจังหวะเขา จากนั้นเธอก็หาวอย่างสบายๆ“นำสารไปบอกแก่องค์ชายของเจ้า ข้ายังไม่ได้ชำระกายหรือรับประทานอาหารใดๆ และข้าจะไปก็ต่อเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว”เฮยเอี้ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย "องค์หญิง..."“ข้าลาหละ” เจียงหยุนลั่วโบกมือของเธอ จากนั้นก็หันหลังกลับและเข้าไปในที่พำนัก
“แม่ทัพเฉินเป็นผู้นำในการขอโทษข้าแล้ว หลิงเฟิงซั่ว แล้วเจ้าหละ?” ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที! เหตุใดองค์หญิงจึงยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่?! ร่างกายของหลิงเฟิงซั่วรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วร่างกาย และกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "เจียงหยุนลั่ว เจ้ายังต้องการกระไรอีก!" เขารู้ว่าเจียงหยุนลั่วโกรธ ดังนั้นไม่ว่าคนอื่นจะเชยชมเธอหรือขอโทษเธอเมื่อครู่ เขาก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดพวกเขา ตอนนี้เธอชักจะเหิมเกริมเกินไปเสียแล้ว!“ข้าต้องการกระไรงั้นรึ?” เจียงหยุนลั่วพบว่ามันช่างน่าขันนัก และรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็ค่อยๆกลายเป็นความเย้ยหยัน“หลิงเฟิงซั่ว เจ้าคือคนที่ขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่ข้า และข้าไม่เคยลืมสิ่งที่เจ้าทำ!” เธอทนไม่ไหวกับการกระทำของหลิงเฟิงซั่ว แม้ว่าเขาจะทำสิ่งที่ผิดอย่างชัดเจนก็ตาม แต่เขาก็ยังทำเหมือนมันถูกต้อง!จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียด….หลิงเฟิงซั่วกำหมัดแน่น ริมฝีปากของเขากดเป็นเส้นตรง ใบหน้าของเขาเต็มก็ไปด้วยความเย็นชาราวกับว่าเขากำลังจะลากเจียงหยุนลั่วออกไปในทันใด แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สะบัดมืออย่างร