หากทั้งหมดนั้น มันเกิดเมื่อสิบกว่าวันก่อน ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนรู้สึกในเวลานี้
ปิ่นลดาเดินทอดฝีเท้าเดินจากบ้านหลังเล็กสีฟ้าเรื่อยๆ จนมาถึงเขตสวนดอกไม้ด้านข้างคฤหาสน์ คะเนด้วยสายตาเฉพาะสวนดอกไม้แห่งนี้ก็น่าจะกินพื้นที่กว่าสองไร่ ทุกอย่างช่างงดงามและสมบูรณ์แบบ หากเธอรู้ว่ามันจะสร้างความประทับใจแต่แรกเห็นเท่านั้น แต่หลังจากนั้นมันคือความเงียบสงัด เย็นชาและมืดมิด ไร้อิสระโดยสิ้นเชิง ลูกจ้างที่ไหนกันถึงห้ามออกพ้นเขตรั้วบ้าน เราไม่ใช่นักโทษสักหน่อย ถึงจะจ้างด้วยค่าจ้างสูงลิบ แต่สิทธิพื้นฐานของลูกจ้างยังต้องมีเหมือนกัน ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะเจออย่างนี้ ไม่มีทางมาหรอก คนหน้าหวานมุ่ยหน้าลง เมื่อประจักษ์กับความจริงในข้อนี้ เธอกำลังจะหันกายกลับเมื่อรับรู้ว่าได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ด้านหน้าแล้ว เพราะศจีสาวใหญ่ร่างผอมบางที่เธอพูดคุยอยู่ทุกวันได้บอกเป็นเชิงห้ามเอาไว้ หากว่าความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้เธอต้องชะงักพลัน คนร่างสูงใหญ่ในเครื่องแต่งกายกางเกงยีนส์กระชับตัวกับเสื้อทีเชิ้ตสีน้ำเงินไว้ข้างใน สวมทับด้วยแจ๊กเกตสีน้ำตาลเนื้อหนาที่ดูน่าจะเหมาะสำหรับการบุกงานอยู่กลางแจ้งหรือลุยเข้าป่ามากกว่าเดินอยู่ในคฤหาสน์หรูหรา เขากำลังย่างเท้าออกมาแล้วตรงไปยังรถยนต์คันใหญ่ที่มีดินโคลนเกาะแห้งกรัง จังหวะชายคนนั้นเปิดประตูรถ เขาก็หันขวับมาทางเธอ ปิ่นลดาเบิกตาโต หลบเลี่ยงไม่ทัน รู้ว่าตนช่างเสียมารยาทที่แอบมองและยืนจ้องเขาอยู่อย่างนั้น พักเดียวที่เธอเห็นแววตาของเขาทอความสงสัยก่อนจะจางหายในไม่กี่วินาที เขาก้มหน้าทักทายให้เธออย่างสุภาพ...ยิ่งทำให้ปิ่นลดาเงอะงะหนักกว่าเดิม เธอได้แต่ยิ้มตอบ แต่คงทั้งแหยและจืดเจื่อนอย่างน่าตลก เพราะเห็นประกายพริบพราวในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ชายคนนั้นขับรถออกไปแล้ว ปิ่นลดาจึงหันกายกลับ เร่งฝีเท้าไปยังที่ของตัวเองโดยไม่คิดจะเหลือบแลไปทางอื่นด้วยความอยากรู้อีก ภาพการพบเจอของเธอกับผู้ชายร่างใหญ่หนวดเครารุงรังอยู่ในสายตาผู้ชายอีกคน ดวงตาคมเข้มสีสนิมเหล็กทอดมองจากหน้าต่างห้องทำงาน เขาหรี่ตามองเธออย่างประเมิน ก่อนจะปรายตามองตามรถยนต์คันที่แล่นห่างออกไป“เมื่อกี้คุณไปไหนมา ฉันเอามื้อเที่ยงมาให้ วางอยู่บนโต๊ะ ใกล้จะเย็นชืดแล้ว รีบกินซะนะ”
คำพูดแรกจากคนเดียวที่แวะเวียนมาให้เธอได้พูดคุยอยู่ทุกวันนับจากย่างกรายมาดังขึ้น แต่บ่อยครั้งก็ทำให้ขัดใจเพราะศจีไม่ใช่เพื่อนคุยที่น่าเพลินใจนักหรอก...สารพัดคำห้าม ข้อควรปฏิบัติและบางทีก็เป็นคำถามเข้มงวดที่มาจากเจ้าตัว จนทำให้ปิ่นลดาคิดว่าเธอมีผู้คุมมากกว่าคนร่วมงาน หรือแม้แต่จะเป็นใครที่มาพูดคุยให้หายเหงา “ออกไปเดินเล่น อุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวัน ฉันเบื่อ” ปิ่นลดาบ่น ถึงอย่างไรศจีก็เป็นคนเดียวที่เธอบอกความรู้สึกได้ “ฉันจะได้ทำงานเมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะ พักอยู่อย่างนี้รู้สึกกินแรงนายจ้างชะมัด” เจ้าหล่อนบ่นพึม โดยไม่ได้มองคนวัยสูงกว่าที่เบือนไปทางอื่นพร้อมสีหน้าแปลกเปลี่ยนไป ปิ่นลดานั่งประจำเก้าอี้ตรงโต๊ะทานอาหารในห้องครัว เปิดสำรับที่จัดมาอย่างประณีตและตั้งใจ หล่อนหันมองสาวใหญ่ที่เดินอย่างเงียบกริบเป็นเชิงขอบคุณ หากไม่วายทิ้งท้ายด้วยคำบ่น “ไม่นานฉันคงอ้วนตัวกลม นั่งๆ นอนๆ ทุกวัน อาหารที่ศจีเอามาให้ก็อร่อยทั้งนั้น” “คุณอ้วนอีกนิดก็ยังสวยค่ะ” “จริงเหรอศจี พูดอย่างนี้รู้หรือเปล่าว่าฉันบ้ายอ ถือเอาจริงจังเลยนะ” ปิ่นลดาล้อคนหน้านิ่ง ขนาดนี้แล้วเจ้าตัวแค่ยกมุมปากยิ้มตอบนิดเดียว “ฉันกลับแล้วนะ เย็นจะมาใหม่ คุณอยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า” ปิ่นลดาชะงักมือที่กำลังตักอาหาร นิ่งเป็นครู่ ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ สุดท้ายก็อยู่ตามลำพัง ศจีคงไม่ใช่เพื่อนคุยของเธอจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่แค่มาส่งข้าวปลาวันละสามครั้งแล้วจากไปเมื่อหมดหน้าที่อย่างนี้หรอกในบ้านหลังกะทัดรัดที่ปลูกสร้างมาหลายสิบปีตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ สภาพภายนอกเก่าคร่ำคร่าเพราะขาดการดูแล แต่ด้านในยังคงสะอาดสะอ้าน เครื่องใช้เครื่องเรือนแม้จะเป็นของเก่าแต่ดูมีราคา เห็นกลิ่นไอความหรูหราครั้งอดีต
“เด็กบอกว่าคุณให้รื้อของในห้องยายลดาทิ้ง หมายความว่ายังไง เด็กคนนั้นแค่ไปทำงานไม่ใช่หรือ กลับมาแล้วจะพักห้องไหน” “กว่าจะกลับมา บ้านก็เปลี่ยนมือไปแล้ว ทยอยเคลียร์ของในบ้านตอนนี้แหละดีแล้ว” “คุณ...” คู่ชีวิตอุทาน มองชายวัยกลางคนอย่างคาดไม่ถึง สีหน้าและแววตานั้นดูเรียบเฉย ไร้ความรู้สึกอย่างที่เธอว่าดูแปลกตา “ผมตัดสินใจแล้วว่าเราควรย้ายออกจากบ้าน ไปอยู่ใกล้ลูกของเรา หรือว่าคุณไม่อยากไป” “อยากสิคะ ฉันบอกคุณให้ขายตั้งนานแล้ว คุณมัวแต่เสียดายสมบัติเก่าของพ่อแม่คุณ ที่ดินแถบนี้ใครๆ ก็ต้องการ ขายกันตารางวาละตั้งหลายแสน ยิ่งของเรากินเนื้อที่ตั้งสองไร่กว่า ขายตอนนี้เราก็เป็นเศรษฐีกันแล้วนะคุณ” นายวัฒนะพยักหน้า มองสีหน้าดีใจของภรรยาแล้วมีกำลังใจว่าตนได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว สำหรับเด็กคนนั้น เขาก็ได้ทำตามคำขอของลูกน้องเก่าเหมือนกัน เลี้ยงดูลูกสาวกำพร้าของเจ้าตัวก่อนจะสิ้นใจให้มีการศึกษา ส่งเสียให้เรียนจบปริญญา...คำสัญญาที่เขายึดถือมีเพียงเท่านี้ และมันสิ้นสุดเมื่อหลายเดือนก่อน นับจากนี้ปิ่นลดาจะมีชีวิตเป็นอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับเขา “แล้วยายลดารู้เรื่องที่เราจะย้ายกันหรือยังคะ”หล่อนหอบกระเส่า เปล่งเสียงเรียก ทิ้งศีรษะกับที่นอนอย่างหมดทางเมื่อเรียวลิ้นสากระคายกดคลึงยอดเกสรสวย ช่องทางรักอุ่นชื้นถูกรุกรานด้วยนิ้วแกร่งที่ทำงานประสานกัน เร่งจังหวะรัวเร็ว จนหล่อนดีดตัวสูง บิดกายเมื่อความเสียวซ่านกำซาบทั่วทุกรูขุมขน หากเขาไม่ปรานี กลับเร่งอารมณ์โถมใส่ กายอิ่มสั่นระริก ส่งเสียงครางกระเส่าเคล้าเสียงสะอื้นไห้อย่างยอมจำนนดวงหน้านวลแดงก่ำด้วยฤทธิ์อารมณ์สะบัดไปมา ดวงตาหวานเปิดปรือเย้ายวนอย่างไม่รู้ตัว มือนุ่มที่ถูกมัดไว้กำแน่นเข้ามากัน ระลอกคลื่นอารมณ์ใหญ่ยักษ์ซัดสาดเข้ามาต่อเนื่อง กระทั่งสิ่งที่อัดแน่นในกายระเบิดโพลง พล่านพร่าเกินจะควบคุม“คุณใหญ่ขา ลดาไม่ไหวแล้ว”ปิ่นลดาครวญอย่างน่าสงสาร ก่อนกรีดร้องอย่างไม่อาจทนไหว ทิ้งกายเปลือยลงระทวยทอดอย่างหมดทาง ปรับลมหายใจและอารมณ์ข้างในที่ปลดปล่อยออกมาร่างหนาใหญ่ขยับนั่งคุกเข่า เขาถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงกายแกร่งเปลือย โน้มคร่อมเจ้าร่างบาง ปลดเชือกที่พันธนาการข้อมือเธอไว้ แล้วไล้เลื่อนต่ำมาผลักท่อนขาอวบให้เปิดกว้างปิ่นลดาผวาเฮือก แอ่นกายไขว่คว้าสามีหนุ่ม เมื่อเขาดันกายเข้า
บทส่งท้ายปิ่นลดา...ยอดรักยอดปรารถนาหลังจากแต่งงาน ไม่กี่เดือนต่อมาปิ่นลดาก็คลอดลูกชายคนแรกให้กับรัชตะ และว่างเว้นไม่ถึงปีหญิงสาวก็ตั้งท้องลูกสาวคนที่สอง ตอนนี้ทารกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้กว่าแปดเดือนแล้วในแต่ละวันหญิงสาวต้องหัวหมุนกับลูกชายหญิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในความวุ่นวายนั้นช่างเปี่ยมด้วยความสุขอย่างที่เธอนึกไม่ออกว่าชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีก...นอกเหนือจากสามีหนุ่มและลูกสองคนอันเป็นแก้วตาดวงใจในวันนี้รัชตะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมประชุมหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักธุรกิจต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศพม่า โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่กลางเมืองเชียงราชของฝั่งไทยเขากลับเข้าบ้านในเวลาสองทุ่ม ทันทีที่ภรรยาสาวซึ่งเพิ่งจัดการกับลูกน้อยสองคนเสร็จเห็นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเดินไปหา“งานเป็นยังไงบ้างคะ เสร็จเรียบร้อยดีไหม”ปิ่นลดากอดท่อนแขนล่ำสันของสามีไว้ แนบแก้มนวลด้วยท่าทางประจบอย่างแสนน่ารัก ทุกท่าทางเป็นไปโดยธรรมชาติ“เรียบร้อยครับ”“คุณใหญ่มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอุ่นให
“พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา”“ชื่อยังกะลิเก”เสียงเปรยเข้าหูในระยะประชิด พราวพิชชาต้องกลั้นอารมณ์อีกรอบ แต่เธอไม่ต้องทนนานเมื่อเสียงคุ้นหูดังเข้ามา อย่างที่ต้องรีบหันมอง“คุณแหวว คุณแหววจริงๆ ด้วย ลดาดีใจจังเลย ในที่สุดคุณแหววก็มา”ร่างงามอิ่มในชุดไทยประยุกต์สีครีมที่เห็นชัดว่ากำลังตั้งครรภ์เดินแกมวิ่งมาหา จนต้องปราดไปรับ กลัวว่าเจ้าสาวจะล้มคว่ำเสียก่อน“ลดาคิดว่าคุณแหววจะไม่มาซะอีกค่ะ”“มาสิ พี่ต้องมา ลดาแต่งงานทั้งที”พราวพิชชายิ้ม ยกสองมือประคองแก้มนวลที่ตกแต่งไว้อย่างดี เธอมองทั่วดวงหน้าน้องสาวแล้วดันออกห่าง สังเกตถ้วนทั่วแล้วยิ้มพอใจ“ลดาสวยมากเลยจ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ดีใจจริงๆ ที่เห็นลดาในภาพนี้”เธอหลุดความคิดออกมา พราวพิชชาพอรู้ว่าน้องสาวบุญธรรมต้องเจอกับอะไรก็ต่อเมื่อเรื่องมันเลยมาจนถึงวันนี้แล้ว ถามพ่อกับแม่กลับได้คำตอบว่าปิ่นลดาสบายดี เจ้าตัวเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเลือกทำงานที่เมืองไทยต่อ โดยปฏิเสธจะไปอยู่ออสเตรเลียด้วยกันหากค
“ไม่เชื่อค่ะ ลดาไม่เชื่อหรอกว่าตลอดชีวิตของคุณจะไม่มีใครอีก นอกจากเด็กมอมแมมอย่างลดาในตอนนั้น”“มันก็ใช่ ความจริงมีคนเต็มใจเยอะเชียวละ แต่ฉันไม่ตกลง” เขาว่าหน้าตาเฉย แต่คนฟังเบ้หน้า “ฉันอยากได้แม่เก่งๆ ให้ลูก แล้วถูกใจฉันด้วย”“คนเต็มใจของคุณใหญ่มีคุณชัญญาด้วยไหมคะ”“ฉันบอกแล้ว คุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่ฉันให้ความสนิทสนม เธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ฉันไม่เคยคิดเป็นอื่น”“แต่คุณชัญญาคิด” หล่อนว่าเสียงเข้ม ชายหนุ่มต้องอธิบายด้วยท่าที งอนง้อ“ต่อจากนี้ไม่คิดแล้วละ เชื่อฉัน เรื่องที่คุณชัญญาช่วยเธอหนีกลับกรุงเทพฯ วันนี้ ฉันก็รู้ แต่ไม่อยากพูดถึงอีก ขอให้มันจบได้ไหม เรื่องนี้ฉันขอ เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันในเชียงราช อาจจะตลอดชีวิตของเรา แล้วฉันเชื่อว่าคุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรี เธอจะจบเรื่องของเราลงแค่นี้แน่นอน”“โอเคค่ะ ลดาเชื่อและคิดเหมือนคุณ...แต่ขอบอกไว้นะคะถ้าเมื่อกี้คุณใหญ่ไม่บอกว่ารักลดาก่อน ลดาจะไม่ยอมรับฟังอะไรง่ายๆ ลดาจะทำให้คุณเจ็บตัวด้วย ผู้ชายอะไร พิษสงรอบตัวจริ
หญิงสาวหันมอง อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่บอกเขาหรอกว่าตนกำลังมีความสุขเหลือเกิน ก็ผู้ชายที่รักเต็มหัวใจแถมยังเป็นพ่อของลูกในท้องบอกรักพร้อมกับขอแต่งงาน ต่อให้เหนื่อยอ่อนแค่ไหนก็เรียกพลังคืนได้ในพริบตา“ทานข้าวกันเลยไหมคะ ค่ำแล้ว คุณลดากำลังท้องกำลังไส้ ท้องว่างนานไม่ดี เดี๋ยวคุณหนูจะหิว”พวงทิพย์เดินออกมาบอกเสียงจริงจัง จนปิ่นลดาหน้าเหวอกับท่าทางที่เปลี่ยนไป กระนั้นก็รีบปรับสีหน้ายิ้มรับอย่างจริงใจพร้อมบอกขอบคุณ จนแม่บ้านใหญ่ยิ้มเก้อ รีบกลับเข้าห้องครัวสั่งเด็กตั้งโต๊ะเสียงหัวเราะในลำคอหนาทำให้ปิ่นลดาหันมอง“คุณใหญ่หัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำหรือคะ”“ขำเธอกับคุณทิพย์ไง”“คุณใหญ่นี่ นิสัยไม่ดีอีกแล้ว”ปิ่นลดารู้ทันหรอกน่า หยิกท่อนแขนกำยำก่อนฝ่ายนั้นจะโอบพาเข้าห้องทานอาหาร เพราะไม่อยากให้เธอกินข้าวมื้อค่ำผิดเวลานานสองคนใช้เวลาส่วนตัวในห้องทานอาหาร ช่างน่าแปลกว่าวันนี้แม้จะเป็นอาหารรสเลิศ ไม่ต่างจากวันก่อนที่ปิ่นลดาเห็นแล้วอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง จนรัชตะต้องลงมือทำเมนูสารพัดไข่ให้หล่อนแทน
การกลับมาถึงคฤหาสน์ราชเกียรติกูรในช่วงเย็นความรู้สึกต่างจากการออกไปในตอนเช้าโดยสิ้นเชิงปิ่นลดาก้าวลงจากรถ มองรอบตัว สูดลมหายใจเต็มปอด เหมือนกับว่าได้จากไปนานแล้วเพิ่งหวนคืนมา สำนึกอีกส่วนบอกว่าที่นี่คือ ‘บ้าน’ ที่หล่อนจะอยู่ด้วยหัวใจอบอุ่นและมั่นคงรัชตะแตะเอวพาหญิงสาวเข้าไปในบ้าน ศจีที่วิ่งออกมาทำหน้าดีใจก้ำกึ่งจะร้องไห้ ปิ่นลดาจับมือไว้ ถามพลางยิ้มเต็มสีหน้า“เป็นอะไรศจี คิดถึงฉันมากหรือ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”“ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมา ฉันใจหายหมดเลยคุณรู้ไหม”หญิงร่างผอมบางบอก น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ จนปิ่นลดาต้องหัวเราะเสียงใสหวังจะสร้างบรรยากาศใหม่“ทำไมจะไม่กลับ ฉันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ศจีอย่าตื่นตูมไปหน่อยเลยน่า”เจ้าหล่อนว่าพลางเดินผ่านจะขึ้นไปชั้นบน ก่อนหยุดฝีเท้าตรงบันไดขั้นแรก แล้วหันมาถามอีกหน“ศจีเก็บลูกหม่อนไว้ให้ฉันไหม”“เก็บค่ะ ฉันเก็บมาเต็มตะกร้าเลย แล้วลงมานะคะ”“จ้ะ”แล้วร่างอิ่มในเดรสสวยเหมาะสำ