แฟรงค์กลับไปแล้ว กลับไปหลังจากใช้เวลาตรวจคนป่วยไม่ถึงสิบนาที รัชตะเห็นหมอหนุ่มจับชีพจร วัดการเต้นของหัวใจและตรวจวัดอะไรต่อมิอะไรให้วุ่นอยู่พักเดียว ก็สรุปว่าร่างกายเธออ่อนเพลียจึงยังไม่รู้สึกตัว แต่เมื่อถึงเวลาเธอจะตื่นขึ้นมาเอง
‘ไม่มียาให้เธอกินหรือ เห็นอยู่ว่าปิ่นลดาไม่สบาย ตัวร้อนจัด’‘ให้เธอพักผ่อน ดูแลร่างกายเธอให้อบอุ่นและสบาย พอฟื้นมาก็ปรับตัวใหม่ได้เอง ฉันไม่อยากสั่งยาสุ่มสี่สุ่มห้าตอนนี้’ แฟรงค์บอกอย่างใจเย็น ไม่สนใจท่าทางฮึดฮัดของเจ้าของสถานที่ที่เหมือนจะต่อยเขาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง หากว่าพูดให้ขัดใจ‘แล้วถ้าแทนที่จะฟื้น เธอเกิดไม่สบายหนักกว่าเดิมล่ะ’‘นายก็โทร.หาฉันสิ ฉันจะรีบมาให้ทันใจนายภายในครึ่งชั่วโมง โอเค’ หมอหนุ่มย้ำเสียงสูง แต่อีกคนพยักหน้ารับอย่างเห็นตามนั้น จนคนประชดเบื่อจะโต้ ‘ให้เธอทานอาหารอ่อนที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้พอ งดการทำให้ร่างกายเธอบอบช้ำ...นายทำได้ใช่ไหม’คำสั่งยาวเหยียดของหมอที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิท ทำให้คนถูกสั่งคอแข็ง โดยเฉพาะถ้อยคำ“นี่ เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร”รัชตะสวนกลับ ท่าทางต่อล้อต่อเถียงไม่ยอมถอยทำให้ปิ่นลดาเหนื่อยใจ แถมกายก็เหนื่อยล้าไม่น้อยกว่ากัน แล้วได้ยินเขาทิ้งท้ายเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน“ฉันไม่ใช่ไอ้บ้ากาม”ศจีคงอยู่แถวนั้น เพราะทันทีที่รัชตะเดินออกจากห้องก็เห็นเจ้าตัวเข้ามาหาเธอในทันทีในทีแรกปิ่นลดาก็ไม่มีปัญหาที่จะเปลี่ยนชุดใหม่ เพราะรู้สึกระคายตัว แต่พอเห็นเสื้อคลุมในมือศจีที่หยิบมาจากข้างเตียงซึ่งรัชตะเพิ่งวางไว้ เธอถึงกับตัวแข็ง“ของใคร”“ของคุณใหญ่ค่ะ เธอไม่เอาของคนอื่นให้คุณใส่หรอก” ศจีตอบเสียงเรียบ วางท่าทางอย่างพร้อมทำหน้าที่ที่ได้รับคำสั่ง“ฉันไม่ใช้ของเขา”“แต่เสื้อผ้าของคุณยังไม่เอาขึ้นมา ใส่ตัวนี้ไปก่อน ดูน่าสบายออก คืนนี้คุณจะได้หลับสบาย หายไข้ไวๆ”ปิ่นลดาตั้งท่าต่อต้าน อีกฝ่ายทอดถอนใจ แล้วพูดอย่างที่เธอปฏิเสธไม่ได้“คุณก็รู้ว่าขัดใจคุณใหญ่ไม่ได้ ยอมๆ ไปก่อนเถอะค่ะ รักษาตัวเองให้หาย แล้วค่อยคิดใหม่”“ฉันเบื่อศจี ทำเหมือนดีก
รัชตะผุดลุกนั่ง ประสาทสัมผัสทุกส่วนตื่นตัวเตรียมพร้อมเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของคนที่ตนนอนกกกอดทั้งคืน“ปิ่นลดาเป็นอะไร เจ็บตรงไหน บอกฉันสิ”เขาถามคนที่นั่งยกมือปิดหน้าแล้วร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ยิ่งคว้ามาหาเพื่อจะสำรวจให้รู้ แต่เจ้าหล่อนกลับตะกายหนีท่าเดียว“หยุดร้อง แล้วบอกฉัน เธอเป็นอะไร”รัชตะดึงมือบางออกจากดวงหน้า แล้วถามเสียงเข้ม เพราะเห็นแล้วว่าใช้วิธีเดิมไม่สำเร็จ“คุณเป็นบ้าอะไร ทำไมแก้ผ้าล่อนจ้อน น่าเกลียด น่าขยะแขยงที่สุดเลย”“เฮ้ย! นี่เธอร้องลั่นบ้านเพราะเห็นฉันเปลือยนี่นะ”“ใช่สิ คนบ้าอะไรนอนเปลือยเป็นผีเปรต ไม่เคยพบไม่เคยเห็น แล้วยังมานั่งถามหน้าตาเฉยอีก คนหน้าด้าน”หล่อนยังกรีดเสียงใส่ต่อเนื่อง จนรัชตะเปลี่ยนเป็นจากความห่วงใยเป็นหมั่นไส้ได้ในพริบตาเหมือนกัน“ทำยังกับว่าฉันไม่เคยนอนแก้ผ้าบนเตียงกับเธอ อ้อ! ถ้าจะต่างก็ตรงเมื่อก่อนไม่แก้อย่างเดียว แต่เรายัง...”เขาลากเสียงยาว สีหน้าล้อเลียนและเย้ยหยัน จนคนนั่งผมรุ่ยร่ายกลางเตียงต้องส
หล่อนอึกอัก ใบหน้าซีดเผือด หากรัชตะก็รู้จักเธอดีที่จะรู้ว่าความรู้สึกที่ฉายชัดบนใบหน้าไม่ได้เกิดจากเขาร่างสูงใหญ่สืบเท้าไปใกล้ ดึงโทรศัพท์มือถือจากมือเธอ ปิ่นลดายอมปล่อยโดยดี ทำท่าจะผละออกห่าง แต่ชายหนุ่มคว้ามือบางไว้ กระชับแน่น ก่อนจะกดเรียกดู...เพื่อจะรู้ว่าเป็นหมายเลขที่เขาคาดไว้อยู่แล้ว“เธอคุยอะไรกับพ่อของเธอ”“ไม่ ไม่ได้คุย”หล่อนส่ายหน้า เห็นร่องรอยสับสนเหมือนเด็กหลงทาง วูบหนึ่งเขาอยากรั้งมากอดเหลือเกิน แต่จำต้องทำใจแข็งไว้“บอกความจริง”“พ่อรับสาย คิดว่าเป็นคุณ แต่พอรู้ว่าฉันพูด พ่อก็ตัดสาย” แค่นั้นคนร่างบางก็สะท้านไหวด้วยแรงสะอื้น “ทำไมพ่อไม่คุยกับฉัน”ดวงหน้าหวานเงยมองชายหนุ่ม วินาทีนั้นรัชตะก็หมดความอดกลั้น ดึงหล่อนมากอดไว้แน่น“เขาอาจจะยังไม่พร้อม”“ทำไมพ่อถึงไม่พร้อม ฉันแค่อยากคุยด้วย แต่เขาทำเหมือนไม่อยากคุยกับฉัน”หล่อนคร่ำครวญทั้งที่ใบหน้ายังซุกอกเขา แล้วร้องไห้โฮอย่างไม่อาจกลั้น จนรัชตะสัมผัสถึงความเปียกชุ่มผ่านถึงแผงอกหนา เป็น
“งั้นเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วออกมาทานข้าว ฉันจะให้คนยกมาในห้อง ส่วนเสื้อผ้าเธอ ให้ศจีขนมาให้ทั้งหมดนั่นละ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอก”“ตกลงว่าฉันกลายเป็นนักโทษขังเดี่ยวไปแล้วใช่ไหมคะ”“ขังเดี่ยวที่ไหน ขังคู่กับฉันต่างหาก”รัชตะว่าเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งขรึม ไร้ร่องรอยล้อเลียน แต่ปิ่นลดารู้หรอกว่าเขาแสร้งทำ เพราะดวงตาสีสนิมเหล็กนั่นพราวระยับทั้งวันรัชตะคอยป้วนเปี้ยนใกล้ปิ่นลดา โดยเธอคิดว่าเป็นเพราะเขาว่างจากงาน จึงลงทุนเฝ้าเธอด้วยตัวเอง คงกลัวว่าจะหนีพอตกบ่ายหญิงสาวผล็อยหลับ ด้วยสาเหตุที่เจ้าตัวรู้ดี...อาการจากความเปลี่ยนแปลงของร่างกายคงปรากฏแล้วแต่พอตื่นในเวลาใกล้เย็น เธอกลับเห็นชายหนุ่มนั่งทำงานง่วนอยู่กับโต๊ะทำงานชั่วคราวที่จำได้ว่าเมื่อเช้าไม่มีมันอยู่ตรงนี้“ตื่นแล้วหรือ หิวไหม จะกินอะไรหรือเปล่า” เขาวางปากกา เงยหน้ามองเธอ เพราะอาจรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาอยู่“คนเพิ่งตื่นนอน จะหิวได้ยังไง ทำยังกับไปวิ่งข้ามเขามาอย่างนั้นละ” คนถูกถามตี
ภาพของหมอหนุ่มต่างจากภาพในความคิดของปิ่นลดาโดยสิ้นเชิง ผู้ชายวัยกลางคนใส่แว่นตาท่าทางอ่อนโยนไม่มีให้เห็นในตัวของคนตรงหน้าที่ยืนยิ้มอย่างพร้อมทำความรู้จัก“ปิ่นลดา นี่หมอแฟรงค์ เพื่อนของฉัน”“ค่ะ สวัสดีค่ะ”ปิ่นลดายกมือไหว้แทบไม่ทัน เมื่อได้ยินคำแนะนำและเพิ่งรู้สึกตัวว่ามองคนมาใหม่มากไป แล้วเหลือบเห็นเจ้าของเสียงที่ปลุกเธอตื่นจากความสงสัยและประหลาดใจ เขาตีสีหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจอยู่ จะด้วยสาเหตุใดเธอก็ไม่รู้ หรือติดพันจากการเถียงกันเมื่อครู่ก็สุดจะเดา“เป็นยังไงบ้างครับ ได้ข่าวว่าแข็งแรง ดีขึ้นมากแล้ว”“ฉันสบายดีค่ะคุณหมอ ไม่ได้ป่วยไข้อะไร”“ได้ยินอย่างนี้หมอก็สบายใจครับ”ปิ่นลดายิ้มโล่งอก เหมือนหมอจะไม่ติดใจอาการของเธอแล้ว แต่เสี้ยววินาที รอยยิ้มเธอก็หายวับ“ใหญ่ นายออกไปก่อน ฉันขออยู่กับคุณปิ่นลดาตามลำพัง”“ได้ยังไง นายจะตรวจก็ตรวจไปสิ ห้องตั้งกว้าง ฉันเกะกะนายตรงไหน”“หวงมากหรือ งั้นไปเรียกเด็กมาอยู่ในห้องสักคน แล้วเชิญนายออกไป&
งุนงงแป๊บเดียว แฟรงค์ก็ไหวไหล่ ทำท่าเหมือนศาสดาผู้หยั่งรู้ทุกสิ่งในโลก ไม่ใช่หมอที่เชี่ยวชาญจากการเรียนรู้และฝึกฝน“นายจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันคิดว่าเธอแค่อ้างเพื่อไม่ให้นายแตะต้องตัวเธอ”“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง ทำไมเธอต้องอ้างอย่างนั้นด้วย นายเป็นคนนอก อย่าอวดรู้ไปหน่อยเลย” รัชตะกัดฟันกรอด ไม่ชอบหน้าเพื่อนที่คบกันมาเกือบยี่สิบก็คราวนี้ละ“นายนอนกับเธอบ่อยแค่ไหน”“บ่อย เกือบทุกคืน” ไม่อยากตอบ แต่ก็ต้องตอบ เพราะสำนึกอีกส่วนบอกว่าเพื่อนที่รั้งตำแหน่งหมอประจำตัวของปิ่นลดากำลังทำหน้าที่อยู่“นานแค่ไหน”“น่าจะสองเดือน”“ก่อนนี้เธอมีประจำเดือนไหม หมายถึงนายต้องงดเว้นการหลับนอนกับเธอเพราะสาเหตุนี้บ้างหรือเปล่า”“ไม่นะ ไม่มี” รัชตะตอบอย่างไม่เสียเวลาคิด แล้วก็เบิกตาโต “นาย...นายหมายความว่า…”“ก็ตรงกัน ความเข้าใจฉันไม่ผิด เมื่อวานตรวจร่างกายคุณปิ่นลดา ฉันสงสัยบางอย่าง แต่วันนี้มั่นใจมากขึ้นหลังจากคุยกับเธอและตรวจปัสสาวะ&rdquo
คนตัวใหญ่ปลอบด้วยสีหน้าร้อนรนเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ยากจะรับมือ ก่อนลุกจากเตียง เดินลิ่วไปทางประตู จากนั้นปิ่นลดาก็ได้ยินเขาสั่งคนรับใช้เสียงเข้มอย่างที่เธอต้องหยุดฟังแล้วประเมินค่ำคืนนั้นปิ่นลดาเจอสถานการณ์ที่เดาไว้ก่อนแล้ว การจะขยับตัวไปทางไหน โดยไม่มีสายตาเขาจับมอง เป็นอันว่าเป็นไปได้ยากเหลือเกิน“ในไร่ยังมีผลไม้อีกหลายอย่าง นอกจากลูกพลับ”รัชตะบอก ย้ำเสียงในตอนท้ายเหมือนยังติดใจที่กว่าหล่อนจะยอมกินก็วุ่นกันทั้งบ้าน‘ฉันจะกินที่เก็บใหม่จากต้น แต่ในจานนี้ไม่ใช่ ฉันรู้ว่าไม่ใช่’ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนรู้ได้อย่างไร แม้แต่รัชตะ แต่เมื่อมันเป็นจริงตามหล่อนว่า ผลไม้เหล่านี้ถูกเก็บมาไว้ในครัวตั้งแต่เมื่อวาน สำหรับคนปกติถือว่ายังเป็นผลไม้สดใหม่ แต่ไม่นับรวมถึงคนท้องคนนี้‘ไปบอกนายปั้นให้ไปเก็บมาใหม่’รัชตะสั่งเด็กทันทีอย่างต้องการเอาใจเธอ แต่แล้วกลับต้องอึ้ง‘ฉันไม่ไว้ใจนายปั้น ฉันอยากให้คุณไปเก็บเอง’‘อะไรนะ เธอจะให้ฉันไปเก็บลูกพลับในไร่มาให้เธอกินหรือ’‘ใช่ ถ้าคุ
“แล้วจะทำอะไร นี่ยังเช้ามืดอยู่”“คุณไม่ต้องมายุ่งหรอก ฉันมีอะไรให้ทำเยอะแยะ”“เช่น...” เขาถาม เห็นท่าทางเหลียวมองรอบกายแล้วกลับมาทำท่าอ้ำอึ้งของเธอก็หัวเราะขึ้น ความอ่อนโยนกำลังเกาะหนึบในหัวใจเขารัชตะจูงมือหญิงสาวพาไปยังมุมหนึ่งของห้องที่หล่อนเพิ่งเห็นว่าเป็นมุมพักผ่อนอย่างดี มีทั้งทีวีและตู้หนังสือติดผนังขนาดย่อม“อยู่ในนี้แล้วกัน เบื่อหรือง่วงเมื่อไหร่ก็ตามมา”จัดการให้เธอเสร็จ ชายหนุ่มก็กลับไปยังเตียงนอนนุ่มกว้าง ปล่อยคนร่างบางให้มองตามด้วยความรู้สึกหลากหลาย สุดท้ายทั้งทีวีและหนังสือที่คิดว่าจะสนใจกลับไม่สามารถจูงใจเธอได้เลย เมื่ออยู่ตามลำพัง ความเงียบก็ทำให้ความรู้สึกเธอเปลี่ยนไปปิ่นลดาซุกตัวบนโซฟา เหลือบมองคนที่นอนบนเตียงเหมือนไม่สนใจเธอ ยกมือปาดน้ำตาแล้วนอนขดตัวบนโซฟาบ้างหญิงสาวหลับตา เธอไม่เข้าใจตัวเอง หงุดหงิดกับอาการที่กำลังเป็น บางทีเหมือนเรียกร้องความสนใจจากเขา หล่อนรู้สึกตัวดี แต่ถ้าไม่ทำ เธอก็ถูกความโหยหาโถมเข้าใส่ ปิ่นลดาไม่อยากจมอยู่กับความรู้สึกว่าทุกคนในโลกใบนี้หันหลัง
หล่อนหอบกระเส่า เปล่งเสียงเรียก ทิ้งศีรษะกับที่นอนอย่างหมดทางเมื่อเรียวลิ้นสากระคายกดคลึงยอดเกสรสวย ช่องทางรักอุ่นชื้นถูกรุกรานด้วยนิ้วแกร่งที่ทำงานประสานกัน เร่งจังหวะรัวเร็ว จนหล่อนดีดตัวสูง บิดกายเมื่อความเสียวซ่านกำซาบทั่วทุกรูขุมขน หากเขาไม่ปรานี กลับเร่งอารมณ์โถมใส่ กายอิ่มสั่นระริก ส่งเสียงครางกระเส่าเคล้าเสียงสะอื้นไห้อย่างยอมจำนนดวงหน้านวลแดงก่ำด้วยฤทธิ์อารมณ์สะบัดไปมา ดวงตาหวานเปิดปรือเย้ายวนอย่างไม่รู้ตัว มือนุ่มที่ถูกมัดไว้กำแน่นเข้ามากัน ระลอกคลื่นอารมณ์ใหญ่ยักษ์ซัดสาดเข้ามาต่อเนื่อง กระทั่งสิ่งที่อัดแน่นในกายระเบิดโพลง พล่านพร่าเกินจะควบคุม“คุณใหญ่ขา ลดาไม่ไหวแล้ว”ปิ่นลดาครวญอย่างน่าสงสาร ก่อนกรีดร้องอย่างไม่อาจทนไหว ทิ้งกายเปลือยลงระทวยทอดอย่างหมดทาง ปรับลมหายใจและอารมณ์ข้างในที่ปลดปล่อยออกมาร่างหนาใหญ่ขยับนั่งคุกเข่า เขาถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงกายแกร่งเปลือย โน้มคร่อมเจ้าร่างบาง ปลดเชือกที่พันธนาการข้อมือเธอไว้ แล้วไล้เลื่อนต่ำมาผลักท่อนขาอวบให้เปิดกว้างปิ่นลดาผวาเฮือก แอ่นกายไขว่คว้าสามีหนุ่ม เมื่อเขาดันกายเข้า
บทส่งท้ายปิ่นลดา...ยอดรักยอดปรารถนาหลังจากแต่งงาน ไม่กี่เดือนต่อมาปิ่นลดาก็คลอดลูกชายคนแรกให้กับรัชตะ และว่างเว้นไม่ถึงปีหญิงสาวก็ตั้งท้องลูกสาวคนที่สอง ตอนนี้ทารกน้อยออกมาลืมตาดูโลกได้กว่าแปดเดือนแล้วในแต่ละวันหญิงสาวต้องหัวหมุนกับลูกชายหญิง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในความวุ่นวายนั้นช่างเปี่ยมด้วยความสุขอย่างที่เธอนึกไม่ออกว่าชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีก...นอกเหนือจากสามีหนุ่มและลูกสองคนอันเป็นแก้วตาดวงใจในวันนี้รัชตะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อเข้าร่วมประชุมหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นนักธุรกิจต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศพม่า โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่กลางเมืองเชียงราชของฝั่งไทยเขากลับเข้าบ้านในเวลาสองทุ่ม ทันทีที่ภรรยาสาวซึ่งเพิ่งจัดการกับลูกน้อยสองคนเสร็จเห็นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเดินไปหา“งานเป็นยังไงบ้างคะ เสร็จเรียบร้อยดีไหม”ปิ่นลดากอดท่อนแขนล่ำสันของสามีไว้ แนบแก้มนวลด้วยท่าทางประจบอย่างแสนน่ารัก ทุกท่าทางเป็นไปโดยธรรมชาติ“เรียบร้อยครับ”“คุณใหญ่มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำอุ่นให
“พราวพิชชาค่ะ พี่สาวของลดา”“ชื่อยังกะลิเก”เสียงเปรยเข้าหูในระยะประชิด พราวพิชชาต้องกลั้นอารมณ์อีกรอบ แต่เธอไม่ต้องทนนานเมื่อเสียงคุ้นหูดังเข้ามา อย่างที่ต้องรีบหันมอง“คุณแหวว คุณแหววจริงๆ ด้วย ลดาดีใจจังเลย ในที่สุดคุณแหววก็มา”ร่างงามอิ่มในชุดไทยประยุกต์สีครีมที่เห็นชัดว่ากำลังตั้งครรภ์เดินแกมวิ่งมาหา จนต้องปราดไปรับ กลัวว่าเจ้าสาวจะล้มคว่ำเสียก่อน“ลดาคิดว่าคุณแหววจะไม่มาซะอีกค่ะ”“มาสิ พี่ต้องมา ลดาแต่งงานทั้งที”พราวพิชชายิ้ม ยกสองมือประคองแก้มนวลที่ตกแต่งไว้อย่างดี เธอมองทั่วดวงหน้าน้องสาวแล้วดันออกห่าง สังเกตถ้วนทั่วแล้วยิ้มพอใจ“ลดาสวยมากเลยจ้ะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ดีใจจริงๆ ที่เห็นลดาในภาพนี้”เธอหลุดความคิดออกมา พราวพิชชาพอรู้ว่าน้องสาวบุญธรรมต้องเจอกับอะไรก็ต่อเมื่อเรื่องมันเลยมาจนถึงวันนี้แล้ว ถามพ่อกับแม่กลับได้คำตอบว่าปิ่นลดาสบายดี เจ้าตัวเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วเลือกทำงานที่เมืองไทยต่อ โดยปฏิเสธจะไปอยู่ออสเตรเลียด้วยกันหากค
“ไม่เชื่อค่ะ ลดาไม่เชื่อหรอกว่าตลอดชีวิตของคุณจะไม่มีใครอีก นอกจากเด็กมอมแมมอย่างลดาในตอนนั้น”“มันก็ใช่ ความจริงมีคนเต็มใจเยอะเชียวละ แต่ฉันไม่ตกลง” เขาว่าหน้าตาเฉย แต่คนฟังเบ้หน้า “ฉันอยากได้แม่เก่งๆ ให้ลูก แล้วถูกใจฉันด้วย”“คนเต็มใจของคุณใหญ่มีคุณชัญญาด้วยไหมคะ”“ฉันบอกแล้ว คุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่ฉันให้ความสนิทสนม เธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ฉันไม่เคยคิดเป็นอื่น”“แต่คุณชัญญาคิด” หล่อนว่าเสียงเข้ม ชายหนุ่มต้องอธิบายด้วยท่าที งอนง้อ“ต่อจากนี้ไม่คิดแล้วละ เชื่อฉัน เรื่องที่คุณชัญญาช่วยเธอหนีกลับกรุงเทพฯ วันนี้ ฉันก็รู้ แต่ไม่อยากพูดถึงอีก ขอให้มันจบได้ไหม เรื่องนี้ฉันขอ เพราะเราต้องอยู่ร่วมกันในเชียงราช อาจจะตลอดชีวิตของเรา แล้วฉันเชื่อว่าคุณชัญญาเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรี เธอจะจบเรื่องของเราลงแค่นี้แน่นอน”“โอเคค่ะ ลดาเชื่อและคิดเหมือนคุณ...แต่ขอบอกไว้นะคะถ้าเมื่อกี้คุณใหญ่ไม่บอกว่ารักลดาก่อน ลดาจะไม่ยอมรับฟังอะไรง่ายๆ ลดาจะทำให้คุณเจ็บตัวด้วย ผู้ชายอะไร พิษสงรอบตัวจริ
หญิงสาวหันมอง อมยิ้มแก้มตุ่ย ไม่บอกเขาหรอกว่าตนกำลังมีความสุขเหลือเกิน ก็ผู้ชายที่รักเต็มหัวใจแถมยังเป็นพ่อของลูกในท้องบอกรักพร้อมกับขอแต่งงาน ต่อให้เหนื่อยอ่อนแค่ไหนก็เรียกพลังคืนได้ในพริบตา“ทานข้าวกันเลยไหมคะ ค่ำแล้ว คุณลดากำลังท้องกำลังไส้ ท้องว่างนานไม่ดี เดี๋ยวคุณหนูจะหิว”พวงทิพย์เดินออกมาบอกเสียงจริงจัง จนปิ่นลดาหน้าเหวอกับท่าทางที่เปลี่ยนไป กระนั้นก็รีบปรับสีหน้ายิ้มรับอย่างจริงใจพร้อมบอกขอบคุณ จนแม่บ้านใหญ่ยิ้มเก้อ รีบกลับเข้าห้องครัวสั่งเด็กตั้งโต๊ะเสียงหัวเราะในลำคอหนาทำให้ปิ่นลดาหันมอง“คุณใหญ่หัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำหรือคะ”“ขำเธอกับคุณทิพย์ไง”“คุณใหญ่นี่ นิสัยไม่ดีอีกแล้ว”ปิ่นลดารู้ทันหรอกน่า หยิกท่อนแขนกำยำก่อนฝ่ายนั้นจะโอบพาเข้าห้องทานอาหาร เพราะไม่อยากให้เธอกินข้าวมื้อค่ำผิดเวลานานสองคนใช้เวลาส่วนตัวในห้องทานอาหาร ช่างน่าแปลกว่าวันนี้แม้จะเป็นอาหารรสเลิศ ไม่ต่างจากวันก่อนที่ปิ่นลดาเห็นแล้วอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง จนรัชตะต้องลงมือทำเมนูสารพัดไข่ให้หล่อนแทน
การกลับมาถึงคฤหาสน์ราชเกียรติกูรในช่วงเย็นความรู้สึกต่างจากการออกไปในตอนเช้าโดยสิ้นเชิงปิ่นลดาก้าวลงจากรถ มองรอบตัว สูดลมหายใจเต็มปอด เหมือนกับว่าได้จากไปนานแล้วเพิ่งหวนคืนมา สำนึกอีกส่วนบอกว่าที่นี่คือ ‘บ้าน’ ที่หล่อนจะอยู่ด้วยหัวใจอบอุ่นและมั่นคงรัชตะแตะเอวพาหญิงสาวเข้าไปในบ้าน ศจีที่วิ่งออกมาทำหน้าดีใจก้ำกึ่งจะร้องไห้ ปิ่นลดาจับมือไว้ ถามพลางยิ้มเต็มสีหน้า“เป็นอะไรศจี คิดถึงฉันมากหรือ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”“ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมา ฉันใจหายหมดเลยคุณรู้ไหม”หญิงร่างผอมบางบอก น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ จนปิ่นลดาต้องหัวเราะเสียงใสหวังจะสร้างบรรยากาศใหม่“ทำไมจะไม่กลับ ฉันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ศจีอย่าตื่นตูมไปหน่อยเลยน่า”เจ้าหล่อนว่าพลางเดินผ่านจะขึ้นไปชั้นบน ก่อนหยุดฝีเท้าตรงบันไดขั้นแรก แล้วหันมาถามอีกหน“ศจีเก็บลูกหม่อนไว้ให้ฉันไหม”“เก็บค่ะ ฉันเก็บมาเต็มตะกร้าเลย แล้วลงมานะคะ”“จ้ะ”แล้วร่างอิ่มในเดรสสวยเหมาะสำ
“ถ้า...เอ่อ คุณจะทำตามเงื่อนไข ฉันก็เข้าใจค่ะ ไม่เป็นไร”“เพื่อนายเล็ก เธอยอมขนาดนี้เลยหรือ ปิ่นลดา”น้ำเสียงคนตัวใหญ่บอกชัดว่าไม่พอใจและไม่ได้แสร้งทำด้วย ปิ่นลดามองอย่างงุนงง เขาแปรเจตนาเธอถึงไหนกัน“คุณโกรธฉันหรือคะ”“ฉันไม่ชอบให้เธอพูดถึงนายเล็กอย่างนี้”“ไม่ให้ฉันสงสารเขาหรือคะ คุณใหญ่บ้าหรือเปล่า ฉันจะทำได้ยังไง ก็เขาน่าสงสารและน่าเห็นใจจริงๆ แทนที่จะได้อยู่สุขสบาย กลับต้องทนลำบากในป่าเขา ตามศักดิ์เขาเป็นหม่อมราชวงศ์ เป็นคุณชายด้วยนะ เอ่อ...ความจริงก็คุณใหญ่ด้วยแหละ” ท้ายประโยคเสียงเบาลง เห็นชัดว่าเจ้าตัวเริ่มงุนงงและสับสนกับตัวเอง“พอเลย ไม่ต้องดรามา” รัชตะเห็นท่าไม่ดี รีบดักคอ “นายเล็กไม่ใช่ยาจก แต่มันชอบทำตัวซอมซ่อ และมันไม่ได้ตกระกำลำบากในป่า แต่มันเข้าป่าเพราะทำเหมืองทองคำที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลของประเทศพม่า เหมืองอยู่ใกล้เขตแดนที่ตอนนี้เปิดเสรีแล้ว มันรวยพอที่อยู่ได้สบายทั้งชาติ”“อ้าว จริงหรือคะ”คนเพิ่งถึงบางอ้อครางอย่างหม
บ้านเดิมของพ่อที่รัชตะบอกไว้ทำให้ปิ่นลดาถึงกับตะลึง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นวังเก่าที่ปัจจุบันตกอยู่ในมือหลานห่างๆ ครอบครองอยู่ โดยรู้มาว่าทายาทสายตรงนั้นย้ายไปอยู่ต่างประเทศอย่างถาวร หลังจากแต่งงานกับภรรยาฝรั่งและถูกถอดจากความเป็นราชนิกูลด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้และเป็นไปโดยการสมัครใจของทุกฝ่ายแต่ดูเหมือนพวกเขายังมีเงื่อนไขที่ยังติดพันอยู่ สิ่งนี้ทำให้เธอถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างเลี่ยงไม่ได้...และมันก็ใช่สิ่งที่ปิ่นลดารู้คร่าวๆ มาก่อนแล้ว“ฉันต้องมั่นใจด้วยว่าเด็กในท้องยายหนูคนนี้เป็นลูกของเธอ เป็นสายเลือดแท้จริงของราชเกียรติกูรถึงจะเซ็นมอบสมบัติส่วนของพ่อเธอให้”“ถ้าจะให้ตรวจ DNA ตอนนี้ ผมไม่อนุญาต ผมไม่ต้องการให้ลูกเมียมาเสี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” รัชตะสวนด้วยท่าทีแข็งกร้าว ทำให้ชายร่างผอมสูงผงะอย่างคิดไม่ถึง จนแม้แต่ปิ่นลดายังต้องสะดุ้ง “ผมไม่ได้มาเพื่อขอให้ท่านลุงเชื่อหรือไม่เชื่อว่าลูกในท้องปิ่นลดาเป็นลูกของผม แต่มาเพื่อบอกกล่าวท่านลุง ผมจะแต่งงานกับปิ่นลดา ผมกำลังจะมีลูก เลยอยากทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ผมเ
“ใช่พี่ แม่บอกว่าเขาย้ายไปอยู่ออสเตรเลียแล้ว พี่ลดาไม่รู้หรือ ตอนแรกนัทยังอิจฉาพี่เลยว่าได้ไปอยู่เมืองนอกกัน”“ไม่ พี่ไม่รู้”“งั้นกลับเถอะพี่ อย่าเข้าไปเลย มันไม่ใช่บ้านของพี่ลดาแล้ว”เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และรถบรรทุกข้างในกำลังแล่นออกมา เด็กหนุ่มจึงคว้าข้อมือหญิงสาวจูงให้พ้นรัศมี ก่อนจะปล่อยเธอ“พี่...เอ่อ พี่พักที่ไหน แล้วจะกลับยังไง”หล่อนส่ายหน้า สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก เด็กหนุ่มมอง แล้วพอปะติดปะต่อหลายอย่างได้ก็รู้สึกสงสารจับใจ นั่นคือการแสดงน้ำใจได้เท่าที่ตนสามารถ“ตรงนี้อากาศร้อน ไปที่ร้านก่อนดีกว่า พี่หน้าซีด เดี๋ยวจะเป็นลม”ปิ่นลดารู้สึกตัว กำมือแน่นอย่างเรียกกำลังใจ ถึงอย่างไรเธอต้องเดินต่อ จะหยุดชีวิตไว้ตรงนี้ได้อย่างไรกันพอจะย่างเท้ากลับไปทางต้นซอย รถหรูคันสีดำติดฟิล์มมืดสนิทก็แล่นมาจอดใกล้ ปิ่นลดาหลบทางให้ ตั้งท่าจะเดินต่อ หากต้องชะงัก เท้าหยุดนิ่งทั้งสองข้าง มองคนที่เปิดประตูก้าวออกมาด้วยความรู้สึกช็อก“พี่ลดา เราไปกันเถอะ”