คำพูดของนุ่นทำให้เพื่อนอีกสี่คนที่เหลือหันมามองหน้า จากนั้นเจ้าตัวก็ชี้ให้ทุกคนดูชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งเบียดกันอยู่บนโซฟาบริเวณชั้นล่างของผับ
“พี่กายจริงๆ” นฤดาไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี่และเห็นเขาอยู่กับคนอื่นแบบนี้
“ใจเย็นก่อนนะหวานผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นแค่เพื่อนก็ได้” มีนารีบบอกเพราะกลัวเพื่อนจะคิดมาก
“เพื่อนที่ไหนจะนั่งชิดกันแบบนั้นถ้านั่งตักได้คงนั่งกันไปแล้ว” นฤดาตอบเพื่อนด้วยความโมโห
“เสียงเพลงอาจจะดังเลยต้องนั่งใกล้ก็ได้นะ” มีนาช่วยแก้ตัวอีกครั้ง
“ดังที่ไหนล่ะ เราคุยกันปกติยังได้ยินเลย”
“ปลาว่าหวานอย่าไปสนใจเลยนะ พวกเราสนุกกันต่อดีกว่า”
“เห็นแฟนอยู่กับคนอื่นแบบนี้หวานหมดสนุกแล้วหวานจะลงไปคุยกับพี่กายให้รู้เรื่อง อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะทำหน้ายังไงถ้าเจอหวานที่นี่”
“ฟ้าลงไปเป็นเพื่อนนะ”
“ไม่เป็นไรหวานไปคนเดียวได้”
“แต่หวานเริ่มเมาแล้วฟ้ากลัวจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ”
“ยิ่งเมาก็ยิ่งดี ยายหวานมันจะได้กล้าหน่อย ปกติมันกลัวพี่กายจะตาย” นุ่นบอกกับเพื่อนเพราะปกติแล้วนฤดาจะกลัวแฟนมาก ไม่ว่าปรเมศวร์จะบอกให้ทำหรือไม่ทำอะไรเพื่อนของเธอจะเชื่อฟังและทำตามทุกอย่าง
“พวกเราอยู่ข้างบนนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยกวักมือเรียก ถามเขาดีๆ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์นะ” ปลาตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะเดินมาส่งบริเวณทางลง
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า หวานไม่ได้เมามากก็แค่มึนนิดหน่อยเอง” นฤดาบอกเพื่อนก่อนจะเดินลงมาจากชั้นสองและไปหาคนรักของตนที่กำลังนั่งเบียดอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง มือของชายหนุ่มโอบรอบเอวของผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเขาก็คลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากใบหน้าของเธอเลย ท่าทางของทั้งสองคนมันทำให้คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย
“สวัสดีค่ะขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ” นฤดาเอ่ยกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังนัวเนียกันโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยถามปรเมศวร์ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาตกใจและรีบปล่อยมือที่โอบเอวผู้หญิงคนนั้นออกอย่างรวดเร็ว
“หวานมาที่นี่ได้ยังไง” เขาถามคนรักด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะเข้ามาในสถานที่แบบนี้ ชายหนุ่มอุตส่าห์เลือกมาที่นี่เพราะคิดว่านฤดาคงไม่มีทางเข้ามาได้ เขายอมเสียค่าสมาชิกแพงๆ เพื่อพาผู้หญิงคนอื่นมาเที่ยวและคิดว่ายังไงนฤดาก็คงไม่มีทางรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน
“หวานต้องถามพี่กายมากกว่านะคะว่าพี่กายมาที่นี่ได้ยังไงไหนบอกว่างานยุ่งเคลียร์งานอยู่”
“พอดีพี่เคลียร์งานเสร็จแล้วก็เลยออกมานั่งดื่มกับเพื่อนน่ะ นี่เพื่อนพี่เองชื่อนิว”
“แค่เพื่อนเหรอคะนั่งชิดขนาดนี้ไปหลอกเด็กดีกว่ามั้งคะพี่กาย” หญิงสาวมองหน้าผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่เพื่อน
“เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”
“เห็นตำตาขนาดนี้พี่ยังจะโกหกอีกเหรอคะ เพื่อนที่ไหนนั่งกอดกันกลมจนแทบจะสิงห์ร่างกันแบบนี้บ้างคะ”
“หวานพี่ว่าเราไปคุยกับพี่ตรงนั้นก่อนได้ไหม”
“ทำไมล่ะคะ หวานคุยตรงนี้ก็ได้สะดวกดีออกมีที่นั่งมีเครื่องดื่มพร้อม” นฤดานั่งลงตรงข้ามจากนั้นก็ยกแก้วเครื่องดื่มที่วางตรงหน้าขึ้นมาดื่ม
“เชื่อพี่เถอะเราออกไปคุยกันก่อน”
“แต่หวานอยากคุยต่อหน้าผู้หญิงคนนี้คุยให้มันรู้เรื่องไปเลยว่าพี่กายจะเอายังไงกันแน่จะเลือกหวานหรือเลือกผู้หญิงคนนี้”
“กายนี่มันอะไรกันคะคุณบอกว่าจะพานิวมานั่งฟังเพลงแล้วนี่มันอะไรกัน เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
“ใจเย็นครับนิว เป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยเดี๋ยวผมขอไปคุยกับน้องสาวก่อน”
“น้องสาวเหรอคะหวานเพิ่งรู้นะคะว่าตัวเองมีพี่ชาย”
“หวานเมาแล้วพี่ว่ากลับบ้านไปก่อนดีไหมแล้วเราค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน”
“ที่บ้านเหรอคะเราอยู่บ้านเดียวกันด้วยเหรอคะ" เธอพูดประชดและมองเขาด้วยแววตาที่ผิดหวัง
ปรเมศวร์ไม่อยากให้นฤดาพูดอะไรไปมากกว่านี้เนื่องจากเขาและผู้หญิงที่พามานั้นเพิ่งเริ่มคบหากันได้ไม่นานและเขาก็ติดใจในลีลารักของเธอจนไม่อยากให้นฤดาทำให้เสียเรื่อง
เขารีบลุกขึ้นแล้วจูงมือนฤดาออกมาและเดินไปบริเวณหน้าห้องน้ำซึ่งซึ่งคนไม่ค่อยพลุกพล่านอีกทั้งเสียงก็ไม่ดังมาก
“พี่กายทำแบบนี้กับหวานได้ยังไงค่ะ หวานอุตส่าห์เชื่อใจพี่กาย”
“พี่ก็แค่มาเที่ยวสนุกๆ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากขนาดนั้นหรอกนะพี่ยังรักหวานเหมือนเดิม” ปรเมศวร์รีบบอกเพราะกลัวว่าเธอจะโกรธจนถึงขั้นบอกเลิก
“เที่ยวสนุกๆ เหรอคะแต่ที่หวานเห็นมันไม่ใช่แค่เที่ยว พี่นอนกับเธอแล้วใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามออกไปตรงๆ การดื่มมาเยอะทำให้เธอกล้าที่จะพูดทุกอย่างที่คิดออกมา
“หวาน” ชายหนุ่มพูดไม่ออกเพราะไม่เคยเห็นนฤดาในมุมนี้มาก่อน ที่ผ่านมาหญิงสาวเรียบร้อยพูดเพราะและไม่เคยโวยวายหรือขึ้นเสียงกับเขาเลยสักครั้ง
“ทำไมคะหวานไม่ดีตรงไหนพี่กายถึงทำแบบนี้กับหวาน”
“หวานดีมากหวานดีทุกอย่างแต่หวานก็รู้ว่าผู้ชายเรามันไม่ได้ต้องการแค่นั้น”
“หมายถึงอะไรคะ”
“เราคบกันมาครึ่งปีแล้วนะ แต่ที่หวานให้พี่ได้ก็แค่จับมือกอดและจูบเท่านั้นหวานก็รู้ว่าพี่ต้องการมากกว่านั้น”
“แต่หวานก็เคยบอกไปแล้วว่า เรื่องนี้หวานยังไม่พร้อม”
“แล้วหวานจะพร้อมเมื่อไหร่”
“ที่พี่กายคบกับหวานเพราะตัองการแค่เรื่องบนเตียงเหรอคะ พี่เคยรักหวานบ้างไหม”
“รักสิ เพราะรักพี่ถึงรอให้หวานพร้อม”
“รักแล้วทำไมต้องมีคนอื่น ทำไมต้องโกหกหวานว่างานยุ่ง พี่พาผู้หญิงมาเที่ยวแบบนี้บ่อยแค่ไหน หลอกหวานมากี่ครั้งแล้วคะ”
“พี่อยากให้หวานหลับหูหลับตาปล่อยให้พี่เป็นอิสระบ้าง”
“คำว่าอิสระของพี่คือนอนกับใครก็ได้เหรอคะ ถ้าหวานขออิสระแบบพี่บ้างจะไหมล่ะ”
“อย่ามาประชดพี่นะ”
“ในเมื่อพี่มีคนอื่นได้หวานก็มีคนอื่นได้เหมือนกันไม่เห็นต้องแคร์” หญิงสาวพูดด้วยอารมณ์โกรธและผิดหวังอย่างมาก ที่ผ่านมาเธอรักเชื่อฟังและมีเขาคนเดียวมาตลอดแต่ไม่คิดว่าตนเองจะถูกเขานอกใจแบบนี้ นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพาคนอื่นมาเที่ยว ในเมื่อเขาทำได้เธอก็คิดว่าตนเองก็ทำได้เหมือนกัน
ลูคัสมองใบหน้าสวยที่แดงซ่านอย่างหลงใหล ปลายนิ้วร้ายเริ่มขยับปลุกเร้าร่างกายของคนรักอย่างเต็มที่ ขาเรียวสั่นระริกมือเล็กโอบรอบลำคอเขาไว้แน่น ใบหน้าสวยซุกอยู่กับแผงอกแกร่ง เมื่อรู้สึกถึงแรงตอดบนปลายนิ้ว ชายหนุ่มก็ใช้มืออีกข้างจับปลายคางของนฤดาขึ้นเขาอยากเห็นหน้าคนรักในเวลาที่เธอไปถึงสวรรค์“หวานจ๋าอย่าหลับตาสิที่รัก พี่อยากให้หวานมองหน้าพี่ พี่ชอบเวลาที่เห็นหวานเสร็จ มันเซ็กซี่และน่าเอาที่สุด”คำพูดหื่นห่ามกระตุ้นไฟในกายของหญิงสาวให้ลึกโชนทุกครั้งที่อยู่กันตามลำพังเขามักจะคำพูดแบบนี้และเธอก็ชอบที่จะได้ฟัง“ดีไหม ชอบไหม”“พี่คีธขา หวาน อื้อ....ใกล้แล้ว อีกนิดพี่คีธ...อ้ายยย....”นฤดากรีดร้องเสียงยาวเมื่อสัมผัสร้อนของคนรักส่งเธอไปยังปลายทางสีรุ้ง ลูคัสมองใบหน้าสวยยามสุขสมแล้วตนเองก็ปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วดันให้นฤดานอนลงบนที่นอนด้วยความอ่อนโยน จมูกโด่งเริ่มซุกไซร้ฝากรอยรักลงบนซอกคอหอมกรุ่นอย่างหิวกระหาย นฤดาไม่เคยทำให้ความต้องการของเขาลดน้อยลงสักครั้งยิ่งได้อยู่ใกล้ได้กลิ่นกายหอมเขาก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าหาเธออย่างห้ามไม่อยู่ที่ผ่านมาลูคัสไม่เคยรู้สึกต้องการผู้หญิงคนไหนมา
จัสมินกลับไปอยู่สิงคโปร์ได้หลายวันแล้ว ช่วงนี้นฤดาเลยเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว ช่วงกลางวันลูคัสจะออกไปทำงานพอตกเย็นก็กลับมาทานข้าวด้วยกันก่อนจะออกไปตรวจงานที่ผับอีกครั้งและกลับเข้ามาเกือบจะตีสองนฤดารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาทำงานหนักขึ้นและมีเวลาให้เธอน้อยลง ถ้าหากชายหนุ่มยังเป็นแบบนี้อีกต่อไปเรื่องที่เธอจะคบกับเขาต่อก็คงจะคิดหนักเสียงรถที่เข้ามาจอดในเวลาห้าทุ่มทำให้นฤดาที่กำลังจะสสมชุดนอนรีบหยิบเสื้อคลุมมาใส่เพราะคิดว่าลูคัสน่าจะลืมของเหมือนทุกครั้งที่เขาออกไปแล้วกลับมาก่อนเวลาเพราะลืมเอกสารหรือบางครั้งก็ลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องทำงาน พอเธอเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งอยู่บนเตียง“ลืมของเหรอคะ เอาวางไว้ตรงไหนเดี๋ยวหวานช่วยหาให้ค่ะ” เธอกำลังจะเดินออกไปห้องทำงานแต่เขาก็คว้าเอวบางไว้แล้วก็จับให้หญิงสาวมานั่งอยู่บนหน้าตักของตนเอง“จับไว้แบบนี้แล้วหวานจะไปช่วยหาของได้ยังไงล่ะคะ”“วันนี้พี่ไม่ได้ลืมของ” สรรพนามที่มาเฟียหนุ่มเรียกแทนตัวเองเปลี่ยนนับตั้งแต่เธอบอกว่าจะให้โอกาสเขา“แล้วกลับมาทำไมคะ หรือว่างานเสร็จแล้ว”“งานเสร็จแล้วครับ แต่คนยังไม่เสร็จ” ลูคัสมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจัสมินก็ต้องเดินทางกลับสิงคโปร์แล้ววันนี้เด็กน้อยเลยขอมานอนค้างกับคุณยายประภาพรที่บ้าน ซึ่งลูคัสให้ลูกน้องมาต่อเติมห้องนอนและติดเครื่องปรับอากาศให้ถึงสองห้องสำหรับประภาพรห้องหนึ่งและเอาอีกห้องหนึ่งสำหรับนฤดาที่วันนี้พาจัสมินมาค้างที่นี่ด้วย“คุณยายขาคืนนี้จะจัสมินขอนอนกับคุณยายได้ไหมคะ แดดดี๊บอกว่าห้องคุณยายไม่ร้อนแล้ว”“ได้สิ เดี๋ยวยายจะเล่านิทานให้หนูฟังก่อนนอนดีไหมคะ”“แต่จัสมินลืมเอาหนังสือนิทานมาจากบ้านค่ะ” เพราะมัวแต่ตื่นเต้นว่าจะมาทานขนมชั้นเธอเลยลืมหยิบหนังสือนิทานมาด้วย ซึ่งปกติเวลาไปค้างที่ไหนจัสมินจะเลือกหนังสือนิทานเล่มที่อยากฟังใส่กระเป๋าเป้เล็กๆ ของเธอเอง“นิทานของยายเป็นนิทานพื้นบ้านค่ะจัสมิน ไม่ต้องใช้หนังสือ”“นิทานพื้นบ้านคืออะไรคะหม่ามี้”“ก็เป็นนิทานของคนที่เล่าสืบต่อกันมา ตอนเด็กๆ คุณยายจะเล่าให้หม่ามี้ฟังตลอดเลย”“แล้วนิทานพื้นบ้านสนุกไหมคะ”“สนุกสิหม่ามี้ว่าหนูจะต้องชอบมากๆ แน่เลย”“เราไปกันเลยไหมคะคุณยายจัสมินอยากฟังนิทานแล้ว”“จัสมินไปรอในห้องคุณยายก่อนนะคะ เดี๋ยวยายตามไปค่ะ”เมื่อจัสมินเข้าไปในห้องแล้วประภาพรก็ช่วยลูกสาวปิดหน้าต่างและประต
“ฉันอาจจะเก่งในเรื่องการทำงานแต่เรื่องความรู้สึกแบบนี้มันเข้าใจยาก”“งั้นหวานขอถามว่าทำไมเมื่อกี้คุณถึงไปแสดงตัวต่อหน้าพี่กายและเพื่อนหวานแบบนั้น”“เพราะฉันไม่อยากให้ใครมายุ่งกับคนฉัน ฉันกลัวเธอจะใจอ่อนแล้วกลับไปคบกับเขา ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีเธออยู่ข้างๆ ฉันกับจัสมินจะเป็นยังไง” ลูคัสบอกความรู้สึกของตนเองให้หญิงสาวฟังอย่างไม่มีปิดบัง เขากลัวว่าผู้หญิงจิตใจดีแบบนฤดาจะยอมให้อภัยผู้ชายคนนั้น“คุณอาจจะต้องการหวานตอนนี้เพราะจัสมินอยู่เมืองไทยก็ได้นะคะ หวานอยากรู้ว่าถ้าครบหนึ่งเดือนแล้วจัสมิและครอบครัวคุณไม่อยู่ที่นี่ความรู้สึกที่คุณมีให้หวานยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”“ไม่ว่าจัสมินจะอยู่ที่นี่หรือเปล่าแต่ฉันก็ต้องการให้เธออยู่ใกล้ๆ เหมือนเดิม นะหวานนะขอโอกาสฉันหน่อย หรือที่เธอไม่อยากเป็นครอบครัวเพราะฉันอายุมากใช่ไหม” เขาพูดด้วยความน้อยใจ“ไม่ใช่เรื่องอายุหรอกค่ะ หวานแค่อยากมั่นใจกว่านี่อีกสักนิด”“ฉันต้องทำยังไงบ้างเธอถึงจะมั่นใจ ให้พ่อแม่ของฉันไปคุยกับแม่ของเธอดีไหม”“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ หวานจะลองให้โอกาสคุณดูก็ได้”“จริงนะ”“ค่ะ”“ฉันดีใจที่เธอยอมเปิดใจ แต่ฉั
เมื่อถึงเวลาผับปิดลูคัสก็เดินมาบอกกับเพื่อนของนฤดาว่าเขาจะเป็นคนไปส่งเธอที่บ้านเอง หลังจากบอกลาเพื่อนๆ เสร็จแล้วนฤดาก็เดินตามลูคัสมาที่รถทันทีที่ประตูรถปิดลงหญิงสาวก็หันมามองหน้าลูคัสอย่างเอาเรื่อง“คุณไปพูดกับเพื่อนหวานแบบนั้นได้ยังไงคะ หวานบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่อยากให้คนอื่นรู้ ทีนี้เขาก็เข้าใจผิดกันหมดสิว่าเรากำลังคบกัน”“ถ้าฉันไม่พูดไอ้แฟนเก่าของคุณมันจะไปจากคุณไหมล่ะ”“นี่หวานต้องขอบคุณคุณใช่ไหมคะ”“มันก็ควรเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ”“หวานจะขอบคุณก็ได้ที่คุณทำให้พี่กายไปจากหวานจริงๆ แล้วเรื่องที่เราคบกันล่ะ”“ก็ไม่ต้องทำอะไร”“คุณรู้ไหมว่าเพื่อนหวานต่างก็อยากรู้เรื่องของเรามาก”“แล้วเธอบอกเพื่อนยังไงล่ะ”“หวานบอกแค่ว่าเราเพิ่งเริ่มคุยกัน”“ทำไมไม่บอกความจริงเขาไปล่ะ”“ความจริงที่ว่าหวานเป็นเมียคุณเพื่อเงินน่ะเหรอคะ”“ฉันหมายถึงความจริงที่ว่าตอนนี้เรากำลังคบกันอยู่ไง”“เราไม่ได้คบกันนะคะลูคัส คุณจ้างหวานให้อยู่กับคุณต่างหาก”“เธอไม่คิดอะไรกับฉันเลยเหรอ ที่อยู่กับฉันเพราะเงินเหรอหวาน”“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เพราะระหว่างเรามันคือการได้ผลประโยชน์ร่วมกัน”“ฉันไม่เชื่อหรอก”“ไม่เชื่ออะ
“คุณเฉินเขาน่ารักดีนะ” มีนาเอ่ยชมคนรักของเพื่อนที่ยกเค้กมาอวยพรวันเกิดให้กับปลาเมื่อครู่“นั่นสิน่าอิจฉาปลาจัง เมื่อไหร่ฟ้าจะมีแฟนกับเขาบ้างนะ”“ก็ฟ้าเลือกมากเอง มีคนมาจีบเยอะแยะแต่ไม่ยอมใจอ่อนกับใครสักคน” นุ่นแกล้งว่า“ก็ยังไม่มีใครที่ถูกใจ ฟ้าไม่อยากเสียเวลาคบคนที่ไม่ใช่”“หวานเห็นด้วยกับฟ้านะ จะคบใครต้องดูดีๆ จะได้ไม่โดนหลอกเหมือนหวาน”“พูดเรื่องนี้มาก็ดีเลย ปลาอยากจะถามว่าตอนนี้หวานกับพี่กายยังติดต่อกันอยู่ไหม”“ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วล่ะ”“นุ่นดีใจด้วยนะที่หวานตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้ แสดงว่าตอนนี้หวานก็โสดน่ะสิ”“อือ” นฤดาตอบไปแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของตนกับลูคัสเป็นแค่ลูกจ้างกับนายจ้าง“แต่มีนาว่าหวานโสดไม่นานหรอกดูผู้ชายคนนั้นสิจ้องหวานตลอดเลย” มีนาบอกเพื่อนให้มองไปยังโต๊ะด้านในสุด“เอ๊ะ นั่นเจ้านายคุณเฉินนี่ คนที่ไปส่งหวานที่บ้านไงละ” ปลาจำหน้าของเจ้านายคนรักได้ดีกว่าใครก็พูดขึ้นนฤดาหันไปมองตามเพื่อนบอกแล้วก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะก่อนออกมาจากบ้านเธอบอกเขาไปแล้วว่าห้ามเข้ามาทักทายหรือแสดงตัวเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เธอยอมเป็นของเขาเพื่อแลกกับเงิน“ดูเหมือนเขาสนใจหว