: เพียงขวัญ
เช้าวันต่อมา วันนี้ฉันได้รับอนุญาตให้หยุดแต่ไม่ใช่เพื่อพักผ่อน ฉันจะต้องขนของเข้าห้องพักที่อยู่ติดกับคุณธามนั้น ซึ่งฉันต้องทำมันให้เรียบร้อยภายในวันนี้ แต่วันนี้มันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องทำคือการไปปลุกนายแบบคนดังไปทำงาน แอบสงสัยเหมือนกันว่าคนบ้าอะไรต้องให้คนอื่นมาปลุกทุกวัน ตื่นเองมันยากนักหรือไง? ฉันทั้งบ่นทั้งหงุดหงิดที่ต้องมาคอนโดแต่เช้าเพียงเพราะเหตุผลแค่นี้ ยิ่งเมื่อวานพอกลับบ้านไปขออนุญาตพ่อแม่ก็โดนบ่นมายกใหญ่ เพราะคิดว่าฉันโตแล้วอยากจะออกไปอยู่คนเดียวและทิ้งพวกท่านจนฉันต้องรีบโทรหาทางบริษัทให้ช่วยอธิบายและพี่ฟางก็รีบขับรถไปหาฉันถึงบ้าน กว่าทั้งสองคนจะเข้าใจก็เล่นเอาพี่ฟางเหนื่อยเหมือนกัน แต่ยังดีที่พี่ฟางเป็นคนมีเหตุผลมากจึงทำให้พ่อและแม่ไว้ใจ เขาเลยช่วยฉันขนของบางส่วนมานอนที่นี่เพราะตอนเช้าฉันต้องปลุกคุณธาม ตืด หลังกดรหัสฉันก็เดินตรงเข้ามายังตู้โชว์ตุ๊กตาหมีอย่างเช่นเมื่อวาน น่าจะนุ่มกอดอุ่นจังนะ... ไม่ได้ๆ ต้องรีบไปปลุกคุณธามเดี๋ยวจะสายเอาถ้าแบบนั้นฉันคงเป็นผู้ช่วยที่แย่มาก ฉันเดินตรงเข้าไปข้างเตียงแล้วโน้มตัวลงสังเกตใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับตาพริ้มด้วยความตื่นเต้น ให้ตาย! พอได้มองหน้าเขาแบบนี้แล้วเข้าใจเลยว่าทำไมใครๆ ก็ชื่นชมเขา สมองก็คิดวิธีปลุกต่างๆ นานา คิดไปคิดมาอันที่จริงก็ไม่ต้องแคร์ว่าเขาจะโมโหเลยนิ เพราะยังไงเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไล่ฉันออก "คุณ คุณ..." "อืม..." ฉันเอื้อมมือไปสะกิดที่ไหล่เปลือยเปล่านั้นเบาๆ แต่แทนที่เขาจะตื่นกลับพลิกตัวหนีไปอีกข้างเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหลังเรียงสวยเป็นมัดที่โผล่ออกมานอกผ้าห่มหนา แม่เจ้า...ดูแน่นจัง ไม่ๆ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นฉันมาที่นี่เพื่อทำหน้าที่ดึงสติหน่อยเพียงขวัญ! "อืม คุณธาม" พรืบ! "ว๊าย!" ถ้าเป็นหนังหรือละครฉากนี้นางเอกคงถูกพระเอกดึงลงไปนอนกอด แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่! เพราะเมื่อกี้พอฉันเขย่าตัวเขาแรงๆ มือหนาของเขาก็หยิบหมอนข้างกายฟาดใส่หน้าฉันเต็มๆ จนแทบหงายหลังแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่ลืมตาเลยสักนิด "หน่อย~ ในเมื่อปลุกดีๆ แล้วไม่ตื่น หึ" พูดจบฉันก็ก้มลงหยิบหมอนใบโตค่อยๆ วางลงบนใบหน้าคมเพื่อกะตำแหน่ง ก่อนที่ฉันจะยกมันขึ้นเหนือหัวแล้วจัดการฟาดมันลงบนใบหน้าหล่อนั้นอย่างแรง! หลายๆ ครั้ง! "โอ๊ยย โอ๊ย พอ!" คนตัวสูงร้องเด้งตัวนั่งแล้วกระชากหมอนในมือฉันออกไปปาทิ้งเมื่อเขาเห็นว่าฉันไม่มีที่ท่าจะหยุดตีเขาสักที ดวงตาคมตวัดมองฉันอย่างคาดโทษทำให้ฉันต้องรีบยืนตัวตรงก้มหน้ามองพื้นเพราะความกลัวถูกดุ แต่เขาก็ทำฉันก่อนเองนะ... "ช่วยปลุกดีๆ ได้ไหม! ลืมไปหรือไงว่าหน้าฉันมันสำคัญแค่ไหน ถ้าเธอฟาดมันแรงขนาดนี้ฉันฟ้องเธอได้นะยัยบ้า!" "ไหนพยานคุณอาจจะฝันก็ได้ อุ๊บ ขอโทษค่ะ" เอาอีกแล้วนิสัยปากไวของฉันมันทำงานอัตโนมัติอีกแล้ว เล่นเอาคนฟังถึงกับกอดอกมองฉันนิ่งเลย "ยัยเด็กประสาท รำคาญ!" "รำคาญฉันพร้อมกับอาบน้ำไปด้วยได้ไหมคะ พอดีกลัวสาย" ฉันไม่ได้ยียวนนะ แค่คิดว่ามันจะสายจริงๆ ถ้าเขายังลีลาอยู่แบบนี้ คนตัวสูงเมื่อฟังจบก็ได้แต่ส่ายหัวก่อนจะเค้นหัวเราะในลำคอแล้วลุกขึ้น "คุณ!" "อะไร" ฉันรีบหันหลังให้เขาทันที ที่สายตาไปสะดุดกับกางเกงบล็อกเซอร์ตัวบางที่เขาใส่ สภาพล่อแหลมขนาดนี้ยังมีหน้ามาถามว่าอะไรอีก "ไม่เคยเห็นหรือไง? กล้ามเนื้อผู้ชายน่ะ" เขาพูดพร้อมเดินขยับเข้ามาใกล้จนฉันต้องรีบเดินหนีแต่ช้ากว่าเจ้าของร่างสูงเขาจับเข้าที่ข้อมือของฉันก่อนที่จะจับมือฉันไปวางแปะอยู่ที่หน้าท้องสวยนั้น ใบหน้าฉันร้อนราวกับยืนตากแดดมาทั้งวันยิ่งได้มองสายตาคมนั้นที่จ้องเข้ามาอย่างเจ้าเล่ห์มันยิ่งทำให้ฉันรู้ว่าเขากำลังแกล้งฉันอยู่ บีบ บีบ "เอ้ย! ทำบ้าอะไร"คุณธามร้องพร้อมปัดมือฉันทิ้ง "ก็คุณให้จับฉันก็บีบดูไม่เคยจับของจริงไง ไหนลองใหม่หน่อย" "เด็กบ้า!" เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป เขาคงคิดว่าแกล้งฉันไม่สำเร็จแต่ที่ไหนได้ ฉันเขินและใจเต้นแรงจนจะระเบิดออกมาจากอกอยู่แล้ว ให้ตายเถอะเพียงขวัญเขาหล่ออันตรายจริงๆ หลายนาทีผ่านไป "เฮ้ย!" ฉันจะสะดุ้งตัวโยนเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดต้นคอ และเมื่อหันไปมองก็พบเข้ากับเจ้าของห้องกำลังยืนอยู่ในสภาพเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาใหม่ผมสีดำเทานั่นยังคงมีหยดน้ำเกาะกุมไหลผ่านใบหน้าใส แถมชุดคลุมอาบน้ำยังแหวกออกลึกจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก เซ็กซี่~ โปก! นิ้วเรียวของเขาดีดเข้าที่หน้าผากของเธออย่างจังทำเอาเจ็บจนต้องยกมือขึ้นลูบ ...มือหนักชะมัด... "ยัยเด็กโรคจิต ไปเตรียมของสิจะได้ไปทำงาน นั่งเหม่ออยู่ได้" เขาพูดเสียงนิ่งราวกับสั่ง แต่ถ้าเขาพูดแบบนั้นคงยังไม่รู้ว่าฉันได้รับอนุญาตให้หยุดสินะ "วันนี้ฉันแค่มาปลุกค่ะ พี่ฟางรอคุณอยู่ที่สตูดิโอแล้ว" "ทำไม?" เขาที่กำลังจะเดินกลับเข้าห้อง หันกลับมาถาม "เพราะฉันต้องย้ายของมาอยู่ข้างห้องคุณ" "เหอะ...ฉันอยู่ได้เธอกลับไปอยู่ในที่ของเธอเหอะอยู่ไปก็รำคาญ" "ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่หรอกค่ะ แต่มันเป็นคำสั่ง" "นี่เธอ!" ธามกัดฟันกรามแน่นจนต้องรีบถอยห่าง เกลียดความปากไวของตัวเองจริงๆ เลย เป็นแค่พนักงานจะมาต่อปากต่อคำแบบนี้ไม่ได้นะ! "ขอโทษค่ะ ลืมตัว..." "หึ เพิ่งนึกได้เหรอว่าฉันเป็นใคร งั้นก็ออกไปเตรียมของของตัวเองในห้องนั้นสะ แต่...ถ้ามาอยู่ที่นี่หากไม่จำเป็นอย่าเข้าห้องฉันเด็ดขาด!" "ถ้ามันเป็นคำสั่งจากพี่ฟาง?..." "เธอมาได้แค่ปลุกฉันเท่านั้นแหละ" เขายื่นคำขาดก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปทิ้งให้ฉันเดินคอตกหลับห้องตัวเอง งงไปหมดแล้ว คนหนึ่งบอกต้องตามติดคนหนึ่งก็ไล่ให้ไปไกลๆ ตกลงต้องเชื่อใครเนี่ย: ร้านนะโมเพื่อนทั้งสองเรียกตัวเพียงขวัญมาที่ร้านทันทีที่ได้เห็นข่าวการคบหาต่างวัยของนายแบบหนุ่มอันดับหนึ่งและผู้ช่วยสาวที่ดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต แต่เพื่อนสนิทอย่างเขาสองคนกับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนกอดอกนั่งมองตัวการที่กำลังยิ้มแห้งๆ โดยไม่ยอมพูดอะไรจนนะโมต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน"ยังไม่อธิบายมาอีก ในข่าวนั้นมันหมายความว่ายังไง""ก็ตามนั่นแหละ ก็คบกันสักพักแล้ว""แล้วไม่คิดจะบอกเพื่อนอย่างพวกเราเลยหรือไง?"นกยูงโวยขึ้นอีกคน"ก็ไม่รู้ว่าจะคบกันนานไหมเลยไม่บอก กลัวหน้าแตกที่มีแฟนฮอตขนาดนั้นอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะให้ข่าวด้วยตัวเองแบบนั้น"เพียงขวัญพูดแล้วทำท่าทีเขินอายจนเพื่อนสองคนต้องกลอกตามองบน ไอ้ประโยคที่พูดมาเมื่อครู่นั้นไม่ต่างจากการอวดเลยสักนิด ทำให้นกยูงถึงขั้นหมั่นไส้ทำท่าทางล้อเลียนเธอจนเจ้าตัวต้องตีเข้าที่ไหล่ของเพื่อนสาวเป็นการแก้เขิน"แล้วนี่บอกแม่กับพ่อยัง? เขาจะตกใจไหมเนี่ยอยู่ๆ ก็มีแฟนแถมเป็นคนดัง อีกอย่างอายุพวกเธอก็ห่างกันด้วย"นะโมพูดพร้อมกับมองเพื่อนสาวที่มีสีหน้ากังวลขึ้นมาเพียงเท่านั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอยังไม่ได้บอกครอบครัว"ยัยบ้าแล้วอย่างนี้พ
ธามยังคงนั่งมองรูปของน้องสาวอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกคิดถึงจนเพียงขวัญต้องเดินเข้ามาสวมกอดเขาเข้าที่ด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เรื่องทุกอย่างผ่านไปธามก็ขอให้เพียงขวัญเขามาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของเขาที่สภาวะอารมณ์ยังไม่คงที่ อย่างน้อยถ้าพวกท่านได้เห็นหญิงสาวที่สดใสอย่างเพียงขวัญอาจจะรู้สึกดีขึ้น "พี่ดีขึ้นหรือยังคะ?""พี่อ่อนแอได้ที่ไหนล่ะ""พี่อ่อนแอได้ตลอดนะ มีหนูอยู่ข้างๆ ทั้งคนจะร้องไห้ก็ได้หนูไม่ว่าหรอกไม่ล้อด้วย"เพียงขวัญพูดพร้อมกับโยกตัวไปมาเพื่อเอาใจคนตัวสูง ธามเองก็รู้สึกดีขึ้นจนต้องหันมากอดขอบคุณเพียงขวัญที่คอยอยู่ข้างๆ เขามาจนถึงวันนี้ แถมยังคอยดูแลพ่อและแม่ของเขาให้อีกด้วย"ขอบคุณนะ...หนูน่ารักที่สุดเลย""แน่นอนอยู่แล้ว""ถ่อมตัวบ้างก็ได้นะหนูเพียง"ธามพูดพร้อมขยี้ผมเพียงขวัญเบาๆ ด้วยความเอ็นดูจนคนถูกแกล้งโวยวายใหญ่ที่เขาทำทรงผมเธอเสียทรง ช่วงนี้ธามยังอยู่ในช่วงลาพักร้อนทำให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นและฟางก็เข้าใจเพราะตอนที่ทางบริษัทรู้ข่าวทุกคนก็ต่างตกใจจนต้องเคลียร์a dตารางงานให้ธามทั้งหมดทั้งคู่ตกลงจะคบหากันต่อไป และจะบอกทุกคนหลังจากที่สภาพจิตของครอบครัวธามดี
:ธามหลังจากที่จัดการเรื่องในงานเสร็จผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อดูอาการพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ด้านใน ผมถอนหายใจทิ้งด้วยหัวใจที่หวาดหวั่นเพราะไม่อยากจะเห็นภาพของพ่อและแม่ที่กำลังทุกข์ใจจนไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป...จนมือเล็กๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จับเข้าที่แขนผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ผมเป็นการปลอบโยนแล้วส่งสัญญาณให้ผมเข้าไปดูพวกท่าน "เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ...""ฉันจะรอคุณตรงนี้ค่ะไม่ต้องกังวล"ผมสวมกอดเพียงขวัญครั้งหนึ่งเป็นการขอกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาคนเป็นพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ตรงหน้าผมก็คือภาพพ่อที่กำลังกอดแม่ไว้ในอ้อมกอดแน่นและท่านทั้งสองคนกำลังร้องไห้... ผมจึงคลานเข้าไปนั่งตรงหน้าทั้งสองคนแล้วกอดท่านไว้เช่นกัน"ผมขอโทษที่ทำให้ต้องรู้เรื่องนี้""มันถูกต้องแล้วลูก ลูกช่วยท้วงความยุติธรรมให้น้องมันถูกต้องแล้ว"พ่อลูบเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่แม่จะค่อยๆ เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ผม"ลูกรู้มานานขนาดนั้น แถมยังต้องปิดบังเพราะกลัวพ่อแม่เป็นทุกข์...ลูกต้องทุกข์ใจคนเดียวขนาดนั้นแม่ขอโทษนะ""แม่อย่าร้อง..."ผมโผล่เข้ากอดคนเป็นแม่แน่น"ถึงธันย่
: เพียงขวัญงานหมั้นเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศที่ดูครึกครื้นแขกในงานเต็มไปด้วยนายแบบและนางแบบชื่อดังแถมยังมีบรรดาไฮโซเต็มงานไปหมด ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและดีใจกับคู่รักในวันนี้จะเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่ต้องยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานที่ตั้งแต่เช้ายังไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของเขาเลย นอกจากเขาจะมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วดวงตายังเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดจนฉันเป็นกังวล"หนู...ใช่ผู้ช่วยเจ้าธามไหม"ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกจากด้านหลัง หญิงสาววัยกลางคนที่มีท่าทางสง่าและสูงศักดิ์กำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสถ้าให้เดาจากโครงหน้าที่เด่นชัดนี่คนคนนี้คงจะเป็นแม่ของคุณธาม"ใช่ค่ะ"ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันทีก่อนจะยิ้มตอบอย่างนอบน้อมก่อนที่จะชายวัยกลางคนจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เขาคงจะเป็นคุณพ่อของคุณธามฉันเลยแนะนำตัวไปคร่าวๆ ว่าฉันเป็นเพียงผู้ช่วยของเขาทำให้ทั้งคู่ชื่นชมฉันยกใหญ่ที่สามารถดูแลคนเรื่องมากอย่างเขาได้"ตอนเด็กน่ะนะ ตาธามนี่กินยากอยู่ยากชอบอยู่คนเดียวไม่ค่อยพูดจากับใคร ไม่คิดว่าโตมาจะได้เป็นนายแบบเบอร์หนึ่งดังขนาดนี้"คนเป็นแม่พูดพร้อมกับมองคนที่ถูกพูดถึงด้วยสายตาภูมิใจ"ตอนนี้เขาดังมากเลยค่ะคุณน้า"ฉั
: งานหมั้นธามยืนจ้องเมียสาวที่กำลังแต่งตัวให้เขาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาไม่สามารถเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ได้เลย เพียงขวัญเองก็ไม่ต่างกันเธอกำลังสวมสูทให้คนรักอย่างอ่อนโยนแม้ในใจมันช่างทรมานสุดแสนจะบรรยายได้ ฟืบร่างสูงของธามสวมกอดเพียงขวัญแน่นจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เพียงขวัญเองก็ได้แต่เอื้อมมือไปลูบหลังคนรักอย่างปลอบโยนด้วยความเข้าใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเลือกหมั้นเพราะอะไรเธอก็พร้อมจะปล่อยเขาไป"เวลามันผ่านไปเร็วมากเลย...""เวลาเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ""เธอทรมานเหมือนฉันไหม?""ฉันเลือกอะไรไม่ได้ค่ะ สุดท้ายคุณก็ไม่ใช่ของฉัน"เพียงขวัญพูดอย่างพยายามอดกลั้นความเสียใจที่มันปนออกมาพร้อมกับน้ำเสียงสั่น แต่เหมือนธามจะรับรู้ได้ว่าเธอเสียใจมากจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างหวงแหน"หลังจากหมั้น ฉันจะถอนหมั้นทันทีถึงตอนนั้นเธอจะยังไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะพยายามจีบเธอใหม่""อย่าเลยค่ะ คุณคิดจะหมั้นแล้วคุณก็ต้องอยู่กับเธอให้นานๆ สิ""มันไม่ใช่ความต้องการของฉันแล้วเพียงขวัญ เธอคือคนที่ฉันต้องการไม่ใช่โรส แต่ฉันไม่บังคับเธอนะเธอรอดูพฤติกรรมฉันก่อนก็ได้""คุณพูดอะไรของคุณ"เพ
: เพียงขวัญหลังจากที่คุณธามออกไปหาพี่ไนท์ที่ร้านอาหาร ฉันก็แอบมาพบกับพี่มอสอีกครั้งโดยที่ไม่ได้บอกใครเขาส่งข้อความมานัดฉันตั้งแต่เช้าโชคดีที่คุณธามไม่รู้ไม่อยากนั้นเขาคงไม่ให้ฉันมาแน่ ที่มาวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันยังเหลือเยื่อใยอะไร แต่ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่พูดหรือตัดความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมาจะยังทำให้เขาคิดว่ายังมีโอกาสกลับไปคบกันได้อีก เพราะหลายวันที่ผ่านมาพี่มอสยังคงส่งข้อความราวกับว่าเรายังเป็นคนรักกันอยู่มันเหมือนกับว่าเขาคิดจะรอฉัน"พี่มอสมานานหรือยังคะ?"ฉันถามขึ้นก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขาและพบว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ฉันชอบหลายเมนู และนั้นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังพยายามเอาใจฉันอยู่ "ไม่นานหรอก ทานเลยสิเดี๋ยววันนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?""อาทิตย์นี้เพียงพักค่ะ พอดีคุณธามเขาต้องเตรียมตัวหมั้นตารางงานเลยว่างค่ะ"ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่อันที่จริงแล้วในใจของฉันมันยังเจ็บไม่น้อยเลยที่ต้องยอมเห็นคนที่ตัวเองรักไปเป็นของคนอื่น แต่จะทำยังไงได้ละนอกจากทำมันให้ดีที่สุดก่อนจะจากกัน"หลังจากนั้น...เพียงจะทำยังไงต่อละ?""หมายถึงอะไรคะ?""หลังจากค