ธามกึ่งรากกึ่งจูงเพียงขวัญให้ขึ้นรถมากับเขา ซึ่งตลอดการเดินทางธามยังคงนิ่งเงียบและถอนหายใจทิ้งอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับว่าเขาเบื่อหน่ายกับชีวิตเหลือเกิน จนหญิงสาวเลือกที่จะนั่งมาเงียบๆ เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มเป็นคนประเภทไหนกันแน่
พอถึงบริษัทต้นสังกัดเขาก็เดินนำเธอขึ้นไปยังห้องประชุมทันที โดยทิ้งให้หญิงสาวคอยวิ่งตามอยู่ด้านหลัง เนื่องจากเขาตัวสูงและขายาวมากเพียงเขาก้าวออกไปไม่ไกลมันก็เท่ากับสองสามก้าวของหญิงสาวเลยเชียว และทันทีที่มือหนานั้นเปิดประตูบานใหญ่เข้าไปได้พนักงานทุกคนด้านในก็ต่างทำหน้าตกตะลึงกับภาพที่เห็น ทุกคนต่างพากันมองหน้าสบตาราวกับว่ากำลังแปลกใจ "มานี่!" ธามที่ยังคงหงุดหงิดกระชากเข้าที่ข้อมือเล็กให้เดินเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าทุกคนในห้อง ...ตาบ้านี่นิสัยเสียจริงๆ...เพียงขวัญได้แต่บ่นในใจที่ถูกเขาลากจูงราวกับเธอเป็นสิ่งของ "ใครเป็นคนรับยัยนี่!" "พี่เองจ้า" ฟาง...ผู้จัดการหนุ่มของธามเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มยิ่งทำให้ธามรู้สึกหงุดหงิดขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว เขาได้พูดชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ต้องการผู้ช่วยผู้หญิง เพราะนอกจากจะชอบเป็นภาระยังเป็นตัวน่ารำคาญอีก "พี่ฟาง! ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไม่เอาผู้หญิง!" "แต่น้องก็พาธามมาประชุมทันเวลาได้นะ ถือว่ามีฝีมือ" "พี่พูดบ้าอะไรเนี่ย รู้ไหมยัยนี่เกือบจะเผาห้องผมแล้ว" "เพียงจะเผาได้ที่ไหน พอควันเยอะๆ เดี๋ยวก็มีน้ำพุ่งออกมาดับมันเอง คอนโดแพงๆ ก็มีระบบนี้ทั้งนั้น" "นี่!" พอเพียงขวัญพูดอธิบายจบธามก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีกเพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ต่างกับการกวนประสาทเขาเลยแม้แต่น้อย "เอาๆ พอๆ นั่งลง" ฟางที่เห็นทั้งสองคนไม่มีท่าทีจะยอมกันจึงต้องห้ามทับ ทำให้ทั้งสองคนที่ก่อสงครามประสาทยอมนั่งลงแต่โดยดี ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงไม่วายมองจ้องเพียงขวัญราวกับอยากจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ "เอาละเริ่มนะ ต่อจากนี้เพียงขวัญจะเข้ามาช่วยงานที่บริษัทโดยการตามดูแลธามแทนพี่ในช่วงที่พี่อาจจะไม่ว่าง" "แต่!..."ธามกำลังจะขัด "ฟังก่อน" "เพียงขวัญ หน้าที่ของหนูคือดูแลจัดการของใช้และอาหารการกินของธามทั้งหมดอย่างเคร่งครัดอย่าให้ตกหล่นและถ้าไม่จำเป็นอย่าให้เขาหายไปไกลจากสายตาเด็ดขาด" "ค่ะ รับทราบค่ะ" "ค่าตอบแทนหนูจะได้ตามที่อ่านในใบสมัคร สัญญาจ้างอยู่ตรงนั้นถ้าโอเคก็เซ็นได้เลย" เพียงขวัญก้มลงอ่านรายละเอียดงานอีกครั้งอย่างตั้งใจท่ามกลางสายอำมหิตที่กำลังหวังว่าเธอจะไม่เซ็นมัน สิ่งที่เธอต้องทำหลักๆ คือตามติดนายแบบคนดังเท่านั้นเอง อาจจะฟังดูไม่ยากนักแต่มันรวมถึงการกินอยู่และการทำงานของธามรวมอยู่ด้วย เพราะอย่างนั้นค่าตอบแทนที่ได้ก็เล่นทำเอาดวงตาน้อยๆ ของหญิงสาวเบิกกว้างเป็นไข่ห่าน เพราะตกเดือนเธอจะได้ค่าจ้างถึงห้าหมื่นบาท! ซึ่งมันเยอะมากสำหรับเด็กจบใหม่อย่างเธอ "ว่าไงโอเคไหม?"ฟางถามขึ้นอีกครั้ง "อย่าเซ็นเชียวนะยัยบ้าฉันไม่ยอมให้เธอเข้ามาในชีวิตหรอก!" ธามพูดพลางกัดฟันแน่นด้วยความแค้นจากเรื่องเมื่อเช้า แต่นั่นยิ่งทำให้เพียงขวัญกระตุกยิ้มที่มุมปากจนคนมองขู่แปลกใจ ยิ่งเธอเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่ใครๆ ก็ให้ฉายาว่าเทพแห่งรอยยิ้มกำลังมองเธอราวกับฆาตกร มันยิ่งทำให้เธอนึกสนุกที่จะเห็นคนคนนี้คอยสลับร่างไปมาต่อหน้าคนอื่น "ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะคุณธาม" พูดจบเพียงขวัญก็ลงมือเซ็นชื่อในกระดาษด้วยความสะใจ ก่อนจะตวัดสายตาสวยไปมองเยาะเย้ยคนที่กล้าสั่งให้ รปภ. มาลากเธอออกไปจากห้องสัมภาษณ์วันนั้น ธามกำมือแน่นก่อนจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมาก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาแล้วทำท่าจะฉีกมัน "ธาม..."แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเสียงฟางดังขึ้นขัดเสียก่อน ฟางเพียงแค่พูดเสียงต่ำและจ้องมองใบหน้าชายหนุ่ม เท่านั้นเขาก็แทบจะหยุดนิ่ง เพราะฟางเป็นคนเดียวที่ธามเกรงใจและไม่กล้าขัด ธามจึงต้องจำยอมวางกระดาษนั้นลงก่อนจะบ่นอุบคนเดียวอย่างไม่มีเสียง "งั้นเริ่มการประชุมเรื่องถ่ายแบบอีกสองวันนะ" ฟางพูดเริ่มเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ ตลอดการประชุมเพียงขวัญรับรู้ได้ถึงสายตาคมกริบที่จ้องเธออยู่ตลอดเวลาอย่างหาเรื่อง แถมพอเธอจ้องกลับเขายังทำท่ากวนด้วยการเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มไปมาราวกับว่ากำลังคิดแผนการอะไรไม่ดีอยู่ ตืด ตืด เมื่อโทรศัพท์ตรงหน้าสั่นขึ้นธามมองไปที่มันเล็กน้อยก่อนสีหน้าหลายอารมณ์จะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยจนเพียงขวัญแปลกใจ แววตาเจ้าเล่ห์เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองก่อนที่เขาจะเลือกกดปิดโทรศัพท์แล้วเหม่อลอยมองออกไปด้านนอก และดูเหมือนฟางเองก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธามจึงรีบพูดรายละเอียดและปิดการประชุมทันที หลังปิดการประชุมทุกคนเดินออกไปจนหมดเหลือไว้เพียง ธาม เพียงขวัญ และฟาง ฟางเดินตรงมาหาธามก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาดูอย่างถือวิสาสะ เขาถอนหายใจนิ่งก่อนจะส่งมันคืนเจ้าของไป "ธาม โรสเขาไม่ได้ผิดอะไรอย่าทำแบบนี้อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นคู่หมั้นของนายนะ" !!! เพียงขวัญตกใจเมื่อรู้ว่านายแบบชื่อดังนั้นมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนแล้ว "แต่วันนั้น ผมรู้สึกแปลกจริงๆ นะ ถ้าผมไม่ไปน้องคง...ช่างมันเถอะ" ระหว่างที่ธามกำลังนึกถึงเรื่องในอดีตก็นึกขึ้นได้ว่าเพียงขวัญยังอยู่ในห้องด้วย เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดมันออกมาแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางไม่ดีนัก ทำให้เพียงขวัญอดจะเอ่ยถามฟางที่เป็นผู้จัดการของเขาไม่ได้ "เขาไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?" "ไม่เป็นไรก็คงไม่ใช่ ธามเขากำลังมีปัญหาช่วงหลายเดือนมานี่มักจะฝันร้ายถึงขั้นตะโกนโวยวายเสมอ" "เขาน่ะเหรอคะ?" เพียงขวัญพูดอย่างแปลกใจ เพราะดูจากภายนอกแล้วเขาดูเป็นคนที่ไม่ค่อยแคร์อะไรไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องทุกข์ใจถึงขั้นนั้น "เหตุผลที่พี่อยากให้เราตามติดธามเพราะเรื่องนี้แหละ... อีกอย่าง...พี่อยากให้เราไปพักข้างห้องธาม เผื่อว่าวันไหนธามฝันร้ายเราจะได้เข้าไปดูเข้าได้" "เพราะอย่างนั้นเขาถึงไม่ล็อกประตูห้องนอนเหรอคะ?" "อืม ปกติพี่จะเป็นคนอยู่ห้องนั้นแล้วคอยไปดูธามช่วงดึกๆ แต่พี่เองก็มีเรื่องมากมายให้จัดการพี่เลยหาใครสักคนมาช่วยดีกว่า ถึงธามจะไล่ออกไปตลอดก็เถอะ" "แล้วเขาจะไม่ไล่เพียงหรอกเหรอ" "พี่ค่อนข้างมั่นใจว่าหนูจะดูแลเขาได้และทำให้เขาเลิกคิดมาก" "ทำไมคิดแบบนั้น ทั้งๆ ที่วันนี้เพียงเพิ่งก่อเรื่อง" "เอาน่า..." "แต่หนู อยู่กับพ่อแม่มันคงยาก" ฟางนิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะระบายยิ้มอบอุ่นออกมา "ก็บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการบริษัท ถ้าไม่รับก็จะเสียดายแย่อีกอย่างบ้านหนูก็ไกลจากบริษัทมากเลยนิ ถ้าเริ่มทำงานจริงจังจะต้องมาถึงบริษัทเช้ามากหนูจะไหวเหรอ?" เพียงขวัญนึกตามคำพูดของผู้ใหญ่ตรงหน้า จริงอย่างที่เขาว่า คอนโดของธามอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพียงนั่งวินมาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึง ถ้าเทียบจากการเดินทางของเธอเมื่อเช้าแล้วนั้นมันก็น่าสนใจ "ตกลงค่ะ หนูจะลองไปคุยกับพ่อแม่ก่อน" "ธามน่ะ ช่วยดูแลเขาด้วยนะ" ฟางระบายยิ้มอบอุ่นจนตาหยีก่อนจะเดินออกไปทิ้งเพียงขวัญให้นั่งคิดสงสัยอยู่คนเดียว ทำไมฟางถึงได้ฝากฝังธามกับเธอมากนักทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ดูเกเรหรือมันอาจจะเพราะนิสัยที่เธอรับรู้มามันต่างกับนิสัยจริงๆ ของเขามากฟางถึงได้เป็นห่วงขนาดนั้นกัน: ร้านนะโมเพื่อนทั้งสองเรียกตัวเพียงขวัญมาที่ร้านทันทีที่ได้เห็นข่าวการคบหาต่างวัยของนายแบบหนุ่มอันดับหนึ่งและผู้ช่วยสาวที่ดังไปทั่วอินเทอร์เน็ต แต่เพื่อนสนิทอย่างเขาสองคนกับไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนกอดอกนั่งมองตัวการที่กำลังยิ้มแห้งๆ โดยไม่ยอมพูดอะไรจนนะโมต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน"ยังไม่อธิบายมาอีก ในข่าวนั้นมันหมายความว่ายังไง""ก็ตามนั่นแหละ ก็คบกันสักพักแล้ว""แล้วไม่คิดจะบอกเพื่อนอย่างพวกเราเลยหรือไง?"นกยูงโวยขึ้นอีกคน"ก็ไม่รู้ว่าจะคบกันนานไหมเลยไม่บอก กลัวหน้าแตกที่มีแฟนฮอตขนาดนั้นอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะให้ข่าวด้วยตัวเองแบบนั้น"เพียงขวัญพูดแล้วทำท่าทีเขินอายจนเพื่อนสองคนต้องกลอกตามองบน ไอ้ประโยคที่พูดมาเมื่อครู่นั้นไม่ต่างจากการอวดเลยสักนิด ทำให้นกยูงถึงขั้นหมั่นไส้ทำท่าทางล้อเลียนเธอจนเจ้าตัวต้องตีเข้าที่ไหล่ของเพื่อนสาวเป็นการแก้เขิน"แล้วนี่บอกแม่กับพ่อยัง? เขาจะตกใจไหมเนี่ยอยู่ๆ ก็มีแฟนแถมเป็นคนดัง อีกอย่างอายุพวกเธอก็ห่างกันด้วย"นะโมพูดพร้อมกับมองเพื่อนสาวที่มีสีหน้ากังวลขึ้นมาเพียงเท่านั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอยังไม่ได้บอกครอบครัว"ยัยบ้าแล้วอย่างนี้พ
ธามยังคงนั่งมองรูปของน้องสาวอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกคิดถึงจนเพียงขวัญต้องเดินเข้ามาสวมกอดเขาเข้าที่ด้านหลังเบาๆ หลังจากที่เรื่องทุกอย่างผ่านไปธามก็ขอให้เพียงขวัญเขามาอยู่ที่บ้านเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ของเขาที่สภาวะอารมณ์ยังไม่คงที่ อย่างน้อยถ้าพวกท่านได้เห็นหญิงสาวที่สดใสอย่างเพียงขวัญอาจจะรู้สึกดีขึ้น "พี่ดีขึ้นหรือยังคะ?""พี่อ่อนแอได้ที่ไหนล่ะ""พี่อ่อนแอได้ตลอดนะ มีหนูอยู่ข้างๆ ทั้งคนจะร้องไห้ก็ได้หนูไม่ว่าหรอกไม่ล้อด้วย"เพียงขวัญพูดพร้อมกับโยกตัวไปมาเพื่อเอาใจคนตัวสูง ธามเองก็รู้สึกดีขึ้นจนต้องหันมากอดขอบคุณเพียงขวัญที่คอยอยู่ข้างๆ เขามาจนถึงวันนี้ แถมยังคอยดูแลพ่อและแม่ของเขาให้อีกด้วย"ขอบคุณนะ...หนูน่ารักที่สุดเลย""แน่นอนอยู่แล้ว""ถ่อมตัวบ้างก็ได้นะหนูเพียง"ธามพูดพร้อมขยี้ผมเพียงขวัญเบาๆ ด้วยความเอ็นดูจนคนถูกแกล้งโวยวายใหญ่ที่เขาทำทรงผมเธอเสียทรง ช่วงนี้ธามยังอยู่ในช่วงลาพักร้อนทำให้พวกเขามีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นและฟางก็เข้าใจเพราะตอนที่ทางบริษัทรู้ข่าวทุกคนก็ต่างตกใจจนต้องเคลียร์a dตารางงานให้ธามทั้งหมดทั้งคู่ตกลงจะคบหากันต่อไป และจะบอกทุกคนหลังจากที่สภาพจิตของครอบครัวธามดี
:ธามหลังจากที่จัดการเรื่องในงานเสร็จผมก็เดินกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวเพื่อดูอาการพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ด้านใน ผมถอนหายใจทิ้งด้วยหัวใจที่หวาดหวั่นเพราะไม่อยากจะเห็นภาพของพ่อและแม่ที่กำลังทุกข์ใจจนไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป...จนมือเล็กๆ ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ จับเข้าที่แขนผมเบาๆ เป็นการให้กำลังใจก่อนที่เธอจะส่งยิ้มให้ผมเป็นการปลอบโยนแล้วส่งสัญญาณให้ผมเข้าไปดูพวกท่าน "เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนนะ...""ฉันจะรอคุณตรงนี้ค่ะไม่ต้องกังวล"ผมสวมกอดเพียงขวัญครั้งหนึ่งเป็นการขอกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปหาคนเป็นพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้ตรงหน้าผมก็คือภาพพ่อที่กำลังกอดแม่ไว้ในอ้อมกอดแน่นและท่านทั้งสองคนกำลังร้องไห้... ผมจึงคลานเข้าไปนั่งตรงหน้าทั้งสองคนแล้วกอดท่านไว้เช่นกัน"ผมขอโทษที่ทำให้ต้องรู้เรื่องนี้""มันถูกต้องแล้วลูก ลูกช่วยท้วงความยุติธรรมให้น้องมันถูกต้องแล้ว"พ่อลูบเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่แม่จะค่อยๆ เอื้อมมือมาปาดน้ำตาที่ไหลออกมาให้ผม"ลูกรู้มานานขนาดนั้น แถมยังต้องปิดบังเพราะกลัวพ่อแม่เป็นทุกข์...ลูกต้องทุกข์ใจคนเดียวขนาดนั้นแม่ขอโทษนะ""แม่อย่าร้อง..."ผมโผล่เข้ากอดคนเป็นแม่แน่น"ถึงธันย่
: เพียงขวัญงานหมั้นเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศที่ดูครึกครื้นแขกในงานเต็มไปด้วยนายแบบและนางแบบชื่อดังแถมยังมีบรรดาไฮโซเต็มงานไปหมด ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและดีใจกับคู่รักในวันนี้จะเว้นก็แต่ชายหนุ่มที่ต้องยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างานที่ตั้งแต่เช้ายังไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของเขาเลย นอกจากเขาจะมีสีหน้าเรียบเฉยแล้วดวงตายังเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัดจนฉันเป็นกังวล"หนู...ใช่ผู้ช่วยเจ้าธามไหม"ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกจากด้านหลัง หญิงสาววัยกลางคนที่มีท่าทางสง่าและสูงศักดิ์กำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่ด้วยรอยยิ้มที่สดใสถ้าให้เดาจากโครงหน้าที่เด่นชัดนี่คนคนนี้คงจะเป็นแม่ของคุณธาม"ใช่ค่ะ"ฉันรีบยกมือไหว้ท่านทันทีก่อนจะยิ้มตอบอย่างนอบน้อมก่อนที่จะชายวัยกลางคนจะเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เขาคงจะเป็นคุณพ่อของคุณธามฉันเลยแนะนำตัวไปคร่าวๆ ว่าฉันเป็นเพียงผู้ช่วยของเขาทำให้ทั้งคู่ชื่นชมฉันยกใหญ่ที่สามารถดูแลคนเรื่องมากอย่างเขาได้"ตอนเด็กน่ะนะ ตาธามนี่กินยากอยู่ยากชอบอยู่คนเดียวไม่ค่อยพูดจากับใคร ไม่คิดว่าโตมาจะได้เป็นนายแบบเบอร์หนึ่งดังขนาดนี้"คนเป็นแม่พูดพร้อมกับมองคนที่ถูกพูดถึงด้วยสายตาภูมิใจ"ตอนนี้เขาดังมากเลยค่ะคุณน้า"ฉั
: งานหมั้นธามยืนจ้องเมียสาวที่กำลังแต่งตัวให้เขาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง เขาไม่สามารถเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ได้เลย เพียงขวัญเองก็ไม่ต่างกันเธอกำลังสวมสูทให้คนรักอย่างอ่อนโยนแม้ในใจมันช่างทรมานสุดแสนจะบรรยายได้ ฟืบร่างสูงของธามสวมกอดเพียงขวัญแน่นจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เพียงขวัญเองก็ได้แต่เอื้อมมือไปลูบหลังคนรักอย่างปลอบโยนด้วยความเข้าใจ สุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเลือกหมั้นเพราะอะไรเธอก็พร้อมจะปล่อยเขาไป"เวลามันผ่านไปเร็วมากเลย...""เวลาเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะ""เธอทรมานเหมือนฉันไหม?""ฉันเลือกอะไรไม่ได้ค่ะ สุดท้ายคุณก็ไม่ใช่ของฉัน"เพียงขวัญพูดอย่างพยายามอดกลั้นความเสียใจที่มันปนออกมาพร้อมกับน้ำเสียงสั่น แต่เหมือนธามจะรับรู้ได้ว่าเธอเสียใจมากจึงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างหวงแหน"หลังจากหมั้น ฉันจะถอนหมั้นทันทีถึงตอนนั้นเธอจะยังไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะพยายามจีบเธอใหม่""อย่าเลยค่ะ คุณคิดจะหมั้นแล้วคุณก็ต้องอยู่กับเธอให้นานๆ สิ""มันไม่ใช่ความต้องการของฉันแล้วเพียงขวัญ เธอคือคนที่ฉันต้องการไม่ใช่โรส แต่ฉันไม่บังคับเธอนะเธอรอดูพฤติกรรมฉันก่อนก็ได้""คุณพูดอะไรของคุณ"เพ
: เพียงขวัญหลังจากที่คุณธามออกไปหาพี่ไนท์ที่ร้านอาหาร ฉันก็แอบมาพบกับพี่มอสอีกครั้งโดยที่ไม่ได้บอกใครเขาส่งข้อความมานัดฉันตั้งแต่เช้าโชคดีที่คุณธามไม่รู้ไม่อยากนั้นเขาคงไม่ให้ฉันมาแน่ ที่มาวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันยังเหลือเยื่อใยอะไร แต่ฉันคิดว่าการที่ฉันไม่พูดหรือตัดความสัมพันธ์อย่างตรงไปตรงมาจะยังทำให้เขาคิดว่ายังมีโอกาสกลับไปคบกันได้อีก เพราะหลายวันที่ผ่านมาพี่มอสยังคงส่งข้อความราวกับว่าเรายังเป็นคนรักกันอยู่มันเหมือนกับว่าเขาคิดจะรอฉัน"พี่มอสมานานหรือยังคะ?"ฉันถามขึ้นก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามเขาและพบว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่ฉันชอบหลายเมนู และนั้นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังพยายามเอาใจฉันอยู่ "ไม่นานหรอก ทานเลยสิเดี๋ยววันนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ?""อาทิตย์นี้เพียงพักค่ะ พอดีคุณธามเขาต้องเตรียมตัวหมั้นตารางงานเลยว่างค่ะ"ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับไม่รู้สึกอะไร แต่อันที่จริงแล้วในใจของฉันมันยังเจ็บไม่น้อยเลยที่ต้องยอมเห็นคนที่ตัวเองรักไปเป็นของคนอื่น แต่จะทำยังไงได้ละนอกจากทำมันให้ดีที่สุดก่อนจะจากกัน"หลังจากนั้น...เพียงจะทำยังไงต่อละ?""หมายถึงอะไรคะ?""หลังจากค