ร่างเล็กยังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงทั้งที่เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่นานแล้ว มิลินเอื้อมไปกดปิดเสียงนาฬิกาเพื่อตัดความรำคาญ แต่หญิงสาวก็ยังนอนกลิ้งไปมาอยู่อย่างนั้น
ไม่อยากไปมหาลัยเลย! มิลินเบะปากคว่ำ กิจกรรมต้อนรับน้องเฟรชชี่ยังมีวันนี้อีกวันนึง เธอถึงได้เบื่อไม่อยากไปเข้าร่วม หากแต่จะโดดกิจกรรมก็ไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ขู่เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมีผลไปถึงคะแนนกิจกรรม
“เบื่อ!!!” มิลินนั่งแล้วเอาตุ๊กตัวหมีมากอดแน่น หน้าตาของเธององ้ำยังไม่อยากลุกไปอาบน้ำ แต่ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หญิงสาวเลยจำใจลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว
บิดาและมารดาของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ท่านมองหน้าลูกสาวด้วยความงุนงงเพราะสีหน้าของมิลินไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ท่าเดินก็เหมือนคนอ่อนแรง
“เป็นอะไรมิลิน ทำไมหน้าตางอแงอย่างนั้น” มารดาเอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่อยากไปมหาลัยเลยค่ะแม่” มิลินนั่งลงโดยที่ไม่ได้มองพ่อและแม่เลย แม่บ้านเอาข้าวต้มร้อน ๆ มาเสิร์ฟให้ เธอก็เอาแต่เขี่ยข้าวอย่างกับรสชาติแย่มากจนกินไม่ลง
“ตอนแรกมิลินยังนับวันรอไปเรียนอยู่เลยนิ” บิดาอมยิ้มด้วยความเอ็นดู จบม.6 มามิลินก็เตรียมพร้อมที่จะเข้ามหาวิทยาลัยทุกอย่าง รีบซื้อชุดเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น แต่ไปแค่วันเดียวลูกสาวของเขาก็งอแงไม่อยากไปซะแล้ว
“ไปแล้วไม่ได้เข้าเรียนนิคะ” มิลินตักข้าวต้มส่งเข้าปากแล้วช้อนตามองบิดา นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“ไม่ได้เข้าเรียน?” มารดาเอ่ยถาม
“เขาให้ไปนั่งทำกิจกรรมต้อนรับเฟรชชี่ มิลินเบื่อมาก ๆ ค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธออยากไปเข้าเรียนในห้องแอร์เย็น ๆ แต่ดันต้องไปนั่งตากแดดร้อน ๆ ทำกิจกรรม
พ่อและแม่มองหน้ากัน ท่านเห็นใจลูกสาว เพราะตั้งแต่เกิดมามิลินก็ได้ใช้ชีวิตสะดวกสบายมาโดยตลอด แต่ก็เข้าใจว่าเป็นกิจกรรมซึ่งเลี่ยงไม่ได้
“แต่มิลินก็ทำใจแล้วล่ะค่ะ วันนี้อีกวันเดียวที่ต้องทนร้อน” มิลินระบายยิ้มบาง เธอเหลือบตาไปเห็นนาฬิกา ดวงตากลมพลันเบิกโต
“ว้าย จะสายแล้ว มิลินขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวรีบลุกจากโต๊ะแล้ววิ่งออกมาที่รถของตัวเอง
เธอเอาแต่เบื่อและเซ็งกับการที่ต้องมามหาลัย เลยชักช้าจนเกินไปเกือบจะสายอยู่แล้วเชียว หญิงสาวจอดรถไว้แล้วรีบวิ่งมาที่หน้าตึกคณะ เห็นเพื่อนของตัวเองยืนชะเง้อมองหาอยู่
“เขาเรียกรวมยังวะ” มิลินยืนหอบอยู่ตรงหน้าเพื่อน
“เพิ่งเรียกเมื่อกี้เลย”
มิลินพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ทันเวลาได้แบบเฉียดฉิว หากมาช้ากว่านี้ก็คงต้องโดนลงโทษอีกแน่ เธอเห็นเมื่อวานก็มีคนโดนไปแล้ว
“แล้วทำไมถึงมาช้าล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า” มินนี่เอ่ยถาม เธอต่อสายหามิลินไปหลายสายแต่มิลินไม่ได้รับสายเลย
“มัวแต่ทำใจมานี่น่ะสิ กูขับรถอยู่ก็เลยไม่ได้รับสายมึงเลย” มิลินได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังแล้ว แต่ตอนนั้นเธอรีบขับรถก็เลยไม่ได้ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา
“กูก็เป็นห่วง นึกว่ามึงเป็นอะไร”
“ขอโทษที” มิลินยิ้มแห้ง แล้วเดินไปนั่งรวมกับคนอื่นที่ลานหน้าอาคาร
มิลินไม่ค่อยได้ฟังรุ่นพี่พูดสักเท่าไหร่ เธอก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เผื่อว่าจะช่วยลดความเบื่อหน่ายลงได้บ้าง ที่รุ่นพี่พูดก็เห็นมีแต่เรื่องเดิม ๆ
“พูดไปแล้วจะพูดอีกทำไมวะ” มิลินเบะปากและมองบน พูดซ้ำ ๆ อยู่นั่นแหละ! แม้ว่าเธอจะพูดพึมพำ แต่เพื่อนปี 1 บางคนก็ได้ยินแล้วหันมาอมยิ้ม
“มึงบ่นเบา ๆ หน่อย เดี๋ยวก็โดนเล่นงาน” มินนี่เห็นว่าคนอื่นก็ได้ยินเลยเตือนเพื่อน หากรุ่นพี่ได้ยินเข้า มิลินอาจจะโดนลงโทษ
“ได้ยินก็ดีสิ จะได้รู้ว่าเบื่อ! อยากมาเรียน ไม่ได้อยากมานั่งร้อน ๆ แบบนี้นิ” มิลินเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น เธอจงใจที่จะให้มีคนได้ยิน
บทที่ 6 “ยัยมิลิน!” มินนี่หันซ้ายหันขวามองท่าทางของรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เห็นว่าไม่มีใครสนใจก็เลยหันมาถลึงตาใส่เพื่อนรัก “กูหุบปากก็ได้” มิลินยู่หน้าใส่เพื่อนแล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ “น้อง ๆ หันหน้าเข้าหาเพื่อนแถวข้าง ๆ เลยค่ะจะได้ทำความรู้จักกันนะคะ” เสียงรุ่นพี่ดังก้องไปทั่ว แต่มิลินยังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่เหมือนเดิม จนมินนี่ต้องสะกิดเรียก หญิงสาวถอนหายใจแล้วนั่งหันหน้าเข้าหาเพื่อนแถวข้าง ๆ ตามคำสั่งของสาวรุ่นพี่ อีกฝ่ายหน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตร ทว่ามิลินกลับทำหน้านิ่ง ๆ จนคนตรงหน้าต้องหลบตาลง “จะก้มหน้าทำไม เราไม่ได้ดุซะหน่อย” มิลินเอ่ยขึ้นมา เธอรู้ตัวว่าหน้าตัวเองไม่ค่อยเป็นมิตรกับใคร เธอเลยคลี่ยิ้มบางให้ “น้อง ๆ อ่านชื่อเพื่อนจากป้ายที่ห้อยคอค่ะ อ่านทีละคนนะคะ” ‘พิมพ์’ มิลินมองป้ายชื่อของคนตรงหน้า แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของพิมพ์ “ป้ายชื่อของเธอล่ะ” พิมพ์เอ่ยถาม มิลินก้มมองตัวเองถึงได้รู้ว่าไม่ได้เอาป้ายมาคล้องคอไว้ หญิงสาวเปิดกระเป๋าใบเล็กแล้วควานหาป้ายชื่อ ใบหน้าของเธอเจื่อนลง แล้ว
บทที่ 5 ร่างเล็กยังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงทั้งที่เสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่นานแล้ว มิลินเอื้อมไปกดปิดเสียงนาฬิกาเพื่อตัดความรำคาญ แต่หญิงสาวก็ยังนอนกลิ้งไปมาอยู่อย่างนั้น ไม่อยากไปมหาลัยเลย! มิลินเบะปากคว่ำ กิจกรรมต้อนรับน้องเฟรชชี่ยังมีวันนี้อีกวันนึง เธอถึงได้เบื่อไม่อยากไปเข้าร่วม หากแต่จะโดดกิจกรรมก็ไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ขู่เอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมีผลไปถึงคะแนนกิจกรรม “เบื่อ!!!” มิลินนั่งแล้วเอาตุ๊กตัวหมีมากอดแน่น หน้าตาของเธององ้ำยังไม่อยากลุกไปอาบน้ำ แต่ก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว หญิงสาวเลยจำใจลงจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว บิดาและมารดาของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ท่านมองหน้าลูกสาวด้วยความงุนงงเพราะสีหน้าของมิลินไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ท่าเดินก็เหมือนคนอ่อนแรง “เป็นอะไรมิลิน ทำไมหน้าตางอแงอย่างนั้น” มารดาเอ่ยถามขึ้นมา “ไม่อยากไปมหาลัยเลยค่ะแม่” มิลินนั่งลงโดยที่ไม่ได้มองพ่อและแม่เลย แม่บ้านเอาข้าวต้มร้อน ๆ มาเสิร์ฟให้ เธอก็เอาแต่เขี่ยข้าวอย่างกับรสชาติแย่มากจนกินไม่ลง “ตอนแรกมิลินยังนับวันรอไปเรียนอยู่เลยนิ” บิดาอมยิ้มด
บทที่ 4 มหาวิทยาลัย มิลินในชุดนักศึกษาพอดีตัวดึงสายตาจากคนแถวนั้นไว้ รูปร่างของเธอสมส่วน ผิวพรรณขาวผ่อง ทั้งยังขับรถหรู ประกาศฐานะอยู่ในตัว กลายเป็นที่ฮือฮาในชั่วพริบตา มิลินย่นคิ้วเข้าหากัน สายตาของเธอไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้ และบางคนก็ไม่ได้มองด้วยความชื่นชมเธอซะด้วย “เบะปากซะงั้น” มิลินกลอกตาไปมาแล้วเบะปากใส่ ถึงเธอจะเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้พวกรุ่นพี่มามองด้วยความหมั่นไส้อย่างนั้น สาว ๆ ต่างพากันซุบซิบว่าสาวสวยคนนี้ท่าทางจะเป็นตัวแม่ของมหาลัยในไม่ช้า ทั้งสวยเริ่ดเชิดซะขนาดนี้ และยังไม่ยอมใครอีก มิลินเดินมาถึงตึกคณะนิเทศศาสตร์ เธอก็กวาดตามองหาเพื่อนสนิทที่มาเรียนด้วยกัน “มิลินทางนี้” มินนี่ตะโกนเรียก มิลินเดินผ่านพวกรุ่นพี่ที่มองจิกเธออยู่ เธอก็ตวัดสายตาไปมองจนอีกฝ่ายตกใจ หญิงสาวยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “สวัสดีค่ะพี่ มองหนูแบบนี้ มีอะไรปะคะ” น้ำเสียงของเธอยียวน “ไม่มี” “ก็นึกว่ามีซะอีก เห็นสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเลย”
บทที่ 3“ยัยมิลิน หนูรูดซื้ออะไรไปเนี่ย” เสียงแหลมแผดดังจนมิลินต้องเอามือขึ้นปิดหู ดวงตาคู่สวยมองไปที่มารดา ท่านทำท่าคล้ายจะเป็นลมจนคนรับใช้ต้องเอายาดมมาให้ “ฮ่า ๆ คุณไม่ชินเหรอ” ชายวัยกลางคนมองลงมาจากราวบันไดที่เคลือบสีทอง เขาหัวเราะให้กับท่าทางของภรรยา ช็อกถึงขั้นที่ต้องมีคนคอยประคองเอาไว้เลยเหรอ เขาเห็นภรรยาของตัวเองเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ เวลาที่เห็นบิลบัตรเครดิต เธอน่าจะชินได้แล้วแต่ทว่าก็ไม่เห็นจะชินสักที “คุณดูบิลก่อนเถอะค่ะ ยัยมิลินเอาไปรูดซื้อมาทั้งห้างเลยมั้ง” “เวอร์ไปค่ะคุณแม่” มิลินหน้างอใส่มารดา ท่านพูดเกินจริงไปมากเพราะบิลก็ไม่ได้สูงไปจากเดิมสักเท่าไหร่ หญิงสาวรับเสื้อสูทของบิดามาถือไว้อย่างเอาใจ จะได้มีคนช่วยไม่ให้ตัวเองต้องถูกแม่ดุ “ไม่เวอร์หรอก รูดซื้ออะไรไปเป็นล้าน” “กระเป๋าค่ะ” มิลินตอบออกไปตรง ๆ เธอเอาไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมคอลเลกชันใหม่ อุตส่าห์ไปซื้อมาจนได้ หากช้ากว่านี้เธอก็คงอดแน่ ๆ เพราะยังมีอีกหลายคนที่เข้ามาซื้อแต่ก็ต้องพลาดไป “ยัยมิลิน แกซื้อกระเป๋าอะไรขนาดนั้น” “กระเป๋าน่ะส่วนนึง แ
บทที่ 2 “ทำหน้าให้มันสนุก ๆ หน่อยดิวะ นัดมาดื่มก่อนเข้าเรียนต้องปลดปล่อยดิวะ” ปอร์เช่หันไปมองหน้าฟาโรแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก คืนนี้พวกเขานัดกันมาดื่มก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย “เออ” ชายหนุ่มตอบเพื่อนแล้วยกแก้วขึ้นมาชนกัน ความเซ็งพลันหายไปในพริบตา เพราะคิดว่าต้องสนุกให้เต็มที่ เผื่อว่าเข้าเรียนมหาลัยแล้วจะไม่มีเวลาได้ออกมาสนุกแบบนี้อีก ปอร์เช่ไม่หันไปมองสาวสวยคนนั้น แต่หัวใจมันก็เรียกร้องให้ต้องคอยหันไป เขาจึงตรึงสายตาไว้ที่เธอแค่คนเดียว ไม่ให้ผู้ชายที่มาด้วยในเข้ามาอยู่ในสายตาเด็ดขาด! “มึงเมาแล้วเหรอวะ” ฟาโรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วปอร์เช่ไม่ค่อยเมา แต่คืนนี้เขากลับเมาเป็นคนแรก ปอร์เช่นั่งคอตกยกมือขึ้นปฏิเสธ เขากำลังสื่อว่าตัวเองไม่เมาทั้งที่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่แล้ว ชายหนุ่มไม่อยากถูกแซวว่าคืนนี้เมาก่อนใครเพื่อน แต่ท่าทางของเขาก็ปิดเอาไว้ไม่มิด “มึงอะเมาแล้วไม่ต้องโกหก” พัตเตอร์พูดเสียงดังกรอกหู ปอร์เช่ตวัดสายตาขุ่นไปให้แล้วลุกขึ้นจะเข้าไปเตะเพื่อนสักที แต่ทว่าพอเขาลุกก็เซไปชนก
บทที่ 1รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาที่ผับชื่อดัง ดึงสายตาของนักท่องราตรีเอาไว้ แต่ที่ทำให้สาว ๆ ต่างพากันสนใจมากเป็นพิเศษ ไม่ใช่รถหรูคันนั้นเพราะย่านนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของพวกคนมีเงิน รถหรู มีให้เห็นอยู่เต็มลานจอด แต่เป็นเจ้าของรถต่างหากที่เรียกความสนใจไว้ ปอร์เช่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตา พลันรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลา เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็นว่ามีคนมองแล้วเดินผ่านพวกสาว ๆ เข้าไปข้างใน เขานัดแนะกับเพื่อนแก๊งนี้อยู่เป็นประจำเพราะชอบออกมาเที่ยวท่ามกลางแสงสีในค่ำคืน เพื่อนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลูกของเพื่อนพ่อทั้งนั้น ถึงได้สนิทสนมกันจนชวนเที่ยวอยู่ตลอดแบบนี้ “ปอร์เช่” พัตเตอร์ยกมือเรียกเพื่อนรักที่ยังเพลิดเพลินกับการเดินโปรยเสน่ห์ให้สาว ๆ ปอร์เช่ถลึงตาใส่คนที่กำลังโบกมือเรียก ชายหนุ่มมาบ่อยจนมีโต๊ะประจำจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเพื่อน ๆ นั่งอยู่ไหน ที่เรียกเขาไว้ก็แค่จะแกล้งขัดขาให้เลิกอ่อยสาว ๆ “มึงจะรีบเรียกมันทำไม หน้ามันบูดเลย” ฟาโรกระตุกยิ้มเย้ยหยันปอร์เช่ คำพูดของเขาเหมือนกับเห็นใจทั้งที่เขากำลังซ้ำเติมซะมากกว่า