ปองรักนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ เธอพิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบอยู่ตั้งหลายครั้ง เธอทิ้งหลังลงไปบนที่นอน ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
ปองรักตัดสินใจนั่งเขียนจดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะเขาให้สัมภาษณ์ว่าชอบประเทศฝรั่งเศส เธอพยายามเขียนอย่างสุดกำลัง และทำให้ดีที่สุด
แต่ก็มีอยู่ประโยคหนึ่ง เธอเขียนว่า
(“ดิฉันชอบประเทศฝรั่งเศสค่ะ ฝรั่งเศสเป็นเมืองในฝันที่อยากจะไปฮันนีมูนกับคนที่ดิฉันรัก”)
ปองรักก็ใส่ชุดนักศึกษา ปล่อยผมยาวสยาย และทาปากสีส้มอ่อน ซึ่งก็เป็นสีโปรดของเธอเช่นเดียวกัน
ฟาเบียนเพิ่งกลับมาจากประเทศจีน มีคนขับรถมารับเขาที่สนามบิน ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาเช็กงาน แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุด มีอีเมลเข้ามาหาเขาในขณะนี้
เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ‘ตีหนึ่งสิบสองนาที’ เขาหัวเราะดังหึ ๆ
พอเห็นเป็นเรื่องแนะนำตัวเองของนักศึกษาเขาก็รีบเปิดเอกสารที่เธอแนบส่งเข้ามาดู ฟาเบียนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอเลือกใช้ภาษาฝรั่งเศสในการเขียนจดหมายแนะนำตัว เขานึกชมในใจว่าเธอใช้ภาษาได้ดี พออ่านมาถึงประโยคหนึ่งเขากลับหัวเราะดังลั่น จนคนขับรถหันหน้ามามอง เพราะเจ้านายของเขาไม่ได้หัวเราะดังแบบถูกอกถูกใจแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
และยิ่งสะดุดตาเข้าไปอีก กับรูปถ่ายในชุดนักศึกษาของเธอ พร้อมน้ำหนักส่วนสูง ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องใส่มาในนั้น เขานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
‘รายการเกิดมาแฉ มันได้ผลจริง ๆ แฮะ รายการเขาดังจริง ๆ’ เขานึกไปขำไป ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องดูรายการเกิดมาแฉแน่ ๆ เลย
“ปองรัก นิคเนม จิล” เขาเอ่ยชื่อเธอออกมา
‘เดี๋ยวเราได้เจอกัน’
วันรุ่งขึ้น ฟาเบียนเรียกเลขาขอดูเอกสารการส่งตัวของปองรัก เขาเซ็นต์อนุมัติไปในทันที
(“ปองรัก บริษัท ฟาเบียน คอนเซ็นเตอร์ ชิปปิ้ง จำกัด เขาตอบตกลงให้เธอเข้าไปฝึกงานได้ ทางนู้นแจ้งมาอีกว่า พร้อมเมื่อไหร่ให้ไปเริ่มงานได้ทันที แต่เขามีคอมเม้นท์มานิดนึง ว่าถ้าเธอต้องเดินทางไปต่างประเทศกับเขา โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสเธอจะไปไหม”) อาจารย์แจ้งข่าวดีเธอทางไลน์ แต่พอเห็นประโยคหลังหัวใจของปองรักก็เต้นโครมคราม
(“ไปไหนก็ไปได้ทั้งนั้นค่ะอาจารย์”) เธอตอบท่านไปด้วยหัวใจพองโต
“ข่าวดีอะไรลูกนั่งยิ้มไม่หุบ” แม่ถาม
“ก็หนังสือที่หนูส่งไปขอฝึกงานเขาตอบกลับมาว่ารับหนูเข้าไปทำงานด้วยค่ะ” เธอพูดด้วยอาการดีใจ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ที่ไหนลูก”
“สัตหีบค่ะ” เธอบอกแม่
หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มปรึกษากันว่าจะเอายังไง เพราะจากบ้านไปทำงาน เธอคงไปกลับไม่ไหว
“แม่จ๋า วันที่จิลไปเริ่มงาน จิลจะขอทำเรื่องอยู่หอพักพนักงานก็ได้ค่ะ” เธอพูดให้แม่สบายใจ เพราะทางอาจารย์ก็แจ้งว่ามีสวัสดิการอะไรให้บ้าง
“ดีลูก ตั้งใจฝึกงาน จบมาจะได้หางานทำดี ๆ”
“จ้ะแม่” เธอรับปากแม่อย่างแข็งขัน ปองรักเอื้อมมือไปแตะมือของพ่อที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนที่นอน
“พ่อจ๋า จิลจะหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เลย จะเอามารักษาพ่อค่ะ พ่อต้องเข้มแข็ง และรีบหายนะคะ” สองแม่ลูกกอดกันกลมอยู่ที่หน้าเตียงของพ่อ
“น้องปองรัก เชิญที่ห้องท่านประธานค่ะ” เลขานุการของฟาเบียนเดินเข้ามาตามเธอถึงห้องเล็ก ๆ ที่จัดเอาไว้ให้สำหรับผู้ที่มาติดต่องาน
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้า ๆ และจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้ดูดี ไม่วายหันไปมองกระจกสีดำที่ข้างผนัง ยกมือขึ้นจัดผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
‘ตื่นเต้นจัง’ เธอพูดกับตัวเอง ยกมือขึ้นมาจับกันเอาไว้แน่น
ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก... เลขานุการเคาะห้องท่านประธานไปสามครั้ง
‘ฟาเบียน ฟรองซัว ประธานและกรรมการผู้จัดการ’ เธออ่านชื่อเขาอีกครั้งที่หน้าห้อง วันนี้ท่องทั้งชื่อของเขา และชื่อของบริษัทเป็นร้อย ๆ รอบ
“เข้ามา” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น เลขานุการผลักประตูเข้าไป และหันมาพยักหน้าให้หญิงสาวเดินตาม
“คุณปองรัก นักศึกษาฝึกงานของ มหาวิทยาลัย................ มาแล้วค่ะ”
คุณมุกดายืนน้อมรายงานนาย ก่อนจะวางแฟ้มของปองรักตัวจริงลงไปบนโต๊ะของเจ้านาย ฟาเบียนหยิบแฟ้มนั้นขึ้นไปถือ แล้วโบกมือไล่มุกดาโดยไม่ออกเสียง เธอรีบเดินกลับออกไปทันที
ปองรักพยายามยืดตัวตรง สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เธอรู้สึกประหม่ามาก ชายหนุ่มดูดีกว่าในคลิปเสียอีก
พอทั้งสองได้สบตากัน ปองรักรีบพนมมือยกมือไหว้เขาอย่างอ่อนช้อย และกล่าวคำว่า “สวัสดีค่ะ” อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“นั่งก่อนสิ” เขาพูดมาเป็นประโยคแรก และผายมือให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างหน้า
“ขอบคุณค่ะ” ปองรักกล่าวขอบคุณเบา ๆ แล้วนั่งลง
หญิงสาวนั่งตัวตรงและเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ฟาเบียนรู้สึกถูกใจเธอตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว ผู้หญิงสวย รูปร่างผอมบาง ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ทั้งผม และสีปากของเธอตรงใจ แล้วเวลาที่เธอเผยอปากพูดก็ดูเซ็กซี่ไม่เบาเขาหัวเราะขึ้นมาหึ ๆ
“เกรดเธอก็ใช้ได้นี่ อยู่ในระดับดีมาก ๆ ด้วย” เขาเอ่ยชม เธอยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน
ฟาเบียนนึกแกล้งจึงสัมภาษณ์เธอต่อเป็นภาษาฝรั่งเศส ปองรักออกอาการเหวอในตอนแรก
“เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้เหรอ”
“มีความสุขไหมจ๊ะคนสวย” เขาลุกขึ้นยืนใช้แขนรั้งตัวเธอให้ลุกขึ้นด้วย ขิงที่หอบเหนื่อยอย่างแรงขาสั่นแทบยืนไม่ไหวต้องโอบรัดตัวพี่หินไว้ยึดเหนี่ยว เขาก้มลงไปหา ความหวานที่ริมฝีปากอวบอุ่นนั้นอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อ เธอจูบตอบเขาแบบเร้าใจสมใจ คนตัวสูงที่เร้าอารมณ์ปรารถนาให้สาวเจ้ากระเจิดกระเจิง“พี่คิดถึงขิงทุกคืนเลย คิดถึงริมฝีปากอุ่น ๆ นี้ด้วย” เขายกมือแตะริมฝีปากของเธอส่งสายตาเว้าวอน อีกมือจับมือของภรรยาสาวให้ลงไปกุมกล่องดวงใจที่ตอนนี้กำลังหาทาง ระบายของออกมันตึงมันแน่นอัดอยู่ข้างในจนบวมเป่งเห็นเส้นเลือดปูดพองเธอสบตาเขารู้ได้ว่าพี่หินต้องการอะไรหญิงสาวทรุดตัวนั่งลงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า มือหนึ่งลูบไล้หยอกล้อกับกล่องดวงใจ อีกมือจับกำรูดเอาไว้แน่น แค่นี้คนที่ไม่ได้นอนกับเมียเกือบเดือนแทบดิ้นตาย เสียงซี้ดซ้าดลอดไรฟันออกมาไม่ขาดปากจนต้องทรุดนั่งลงที่ขอบอ่าง ขิงยกหน้าขึ้นไปยิ้มให้แบบยวนใจส่งปลายลิ้นแตะเบา ๆ ตัวพี่หินแทบกระเด้ง สวนขึ้นทันทีตอนเธออ้างับปลายเนื้อแข็งตัน ๆ นั้น“อือ” ยิ่งครางประท้วงตอนที่เขากระแทกลำใหญ่อัดเข้ามาแทบชนคอหอย สองมือพี่หินลูบปลอบโยนทั้งสองแก้มที่ตอนนี้ตอบเข้าดูดจ๊วบ
“จะไหวหรือคะนายแม่” ขิงถามด้วยความเป็นห่วง“เออน่ะ ถ้าไม่ไหวยังไงแม่จะโทรไปตาม” เธอพูดก่อนจะส่งเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง นายแม่ลองเอาหลานไปนอนด้วยทีไรต้องเอามาส่งแม่ขิงทุกที“งั้นเราสองคนไปก่อนนะครับ เพราะว่าจะพาขิงไปร้านทำผมด้วยกลัวสวยน้อยกว่าแฟนของเพื่อนคนอื่น ๆ” ปากบอกแม่แต่สายตาก็จ้องสบภรรยาสาวตลอดขิงรีบเข้าไปอุ้มเจ้าตัวเล็กก่อนจะหอมแก้มเด็กน้อยไปหลายที“อย่าดื้ออย่าซนกับคุณย่าคุณยายนะครับ” ขิงสั่งลูกชายเด็กน้อยทำตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจหรอก แต่ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากตอนแม่หอมไปที่พุง“ม้วนเอ้ย... ม้วน เอาปาปูนไปเดินเล่นก่อนไป เดี๋ยวเห็นแม่เดินหายไปลับตาจะร้องเอาเปล่า ๆ” นายแม่เรียกม้วนที่ทำงานอยู่ใกล้ ๆ เธอรีบวางมือจากกองผ้าก่อนจะมารับปาปูนไปจากมือของขิง“จะห้าโมงแล้ว” หินมองนาฬิกาที่ข้อมือใช้ฝ่ามือแตะข้อศอกให้ลุกขึ้นตาม พอพ้นออกมาจากตรงนั้น“พี่หินต้องทำเวลา คิดถึงเมียอยากเอากับเมียใจจะขาด” เขากระซิบข้างหูของเธอ ขิงเงยหน้าขึ้นมองเขาทำหน้าแดง“อะไรก็ไม่รู้ พี่หินเนี่ย” เธอค้อนเขาทุบเอาเบา ๆ ที่หัวไหล่ พี่หินรีบจับมือขิงเอาไว้ก่อนจะพาเดินไปขึ้นรถ ตอนนี้เขาทำทางให้รถวิ่งเข้าไปถึงบ้านพักได้และ
สิบเอ็ดเดือนต่อมา“ไหน ไหน ไหย มาหายายสิลูก” ป้าใหญ่มาถึงก็ตรงดิ่งเข้าหาเจ้าตัวเล็กที่กำลังจ้ำม่ำเต็มไม้เต็มมือ เด็กน้อยยิ้มให้คลานอย่างเร็วเข้าไปหา ขิงมองตามลูกชายส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะยกมือไหว้ป้าของเธอ“ใครเรียกไปหมดเลยค่ะป้า หน้าเป็นมาก ๆ เจ้าเด็กคนนี้รู้ว่าจะมีคนอุ้มหรือพาไปเดินเล่นไปกับเขาทันที ดูท่าทางเจ้าชู้แต่เด็กเลยค่ะ” ขิงเล่าพลางหัวเราะ อยู่ที่นี่เธอก็ไม่เหนื่อยเท่าไรเพราะมีคนเยอะกว่าที่กรุงเทพฯ ได้ช่วยกันเลี้ยงกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยปาปูนเข้าคนได้ง่ายเหลือเกิน“สงสัยได้เชื้อพ่อมาหรือเปล่าเนี่ย” ป้าใหญ่แซวคนตัวโตที่ไปรับเธอจากสนามบิน แล้วนั่งรถมาด้วยกันจากกรุงเทพฯขิงกับปาปูนมาอยู่ที่ปราณบุรีกับคุณย่าลิ้นจี่เพราะทนเสียงรบเร้าทุก ๆ วันของคุณย่าไม่ไหว แล้วยิ่งตอนนี้ปาปูนกำลังน่ารักน่าชังสุด ๆ สองแม่ลูกมาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนหนึ่งแล้วหินกะว่าจะหยุดงานสักสิบวัน ป้าใหญ่ประจวบเหมาะอยากมาเยี่ยมทั้งสองคนจึงบินมาจากเชียงใหม่ ให้หินไปรับที่สนามบินแล้ววิ่งรถตรงดิ่งยาวมาปราณบุรีกันเลย“เป็นยังไง เหนื่อยกันไหมเธอ” ลิ้นจี่เดินมาจากหลังบ้านเพราะได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาจึงออกมาดูเอ่ยทักเพื่
“เต็มที่แล้วค่ะ” เธอพูดแค่นั้นก่อนจะก้าวไว ๆ เปิดประตูเรียกคุณหมอที่รออยู่แล้วให้เข้ามาทำคลอด“คุณพ่อคะ เตรียมกล้องได้เลยนะคะ” พยาบาลคนเดิมหันมาบอกให้หินที่ยังนิ่งยืนดูทีมพยาบาลและแพทย์ที่กำลังช่วยขิงทำการเบ่งคลอดเขากระวีกระวาดหยิบกล้องขึ้นมา มือไม้สั่นกดเปิดและเริ่มถ่าย คุณหมอช่วยนับการหายใจและสั่งงานพยาบาลไปด้วย ยิ่งตอนนี้เบ่งคลอดจนหน้าแดง“อ้าว เด็กโผล่แล้วนะครับ” แพทย์ผู้ทำการคลอดบอกออกมา พยาบาลช่วยลุ้นอยู่ใกล้ ๆ ส่งผ้ารองรับเด็กให้คุณหมอ ก่อนจะช่วยกันเบ่งและคุณหมอจับเด็กดึงออกมา“ผู้ชายนะครับ” คุณหมอเปล่งเสียงบอกคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าได้ลูกชาย หินถลาเข้ามาดูหน้าลูกและจับภาพตอนที่คุณหมอยื่นเด็กน้อยให้กับพยาบาลที่รอรับอยู่ พยาบาลอีกคนส่งอุปกรณ์ในการตัดสายสะดือให้“คุณหินจะตัดสายสะดือให้ลูกชายไหมครับ” เสียงคุณหมอผู้ทำคลอดหันไปถามคุณพ่อมือใหม่ที่มีหน้าตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัดหินรับกรรไกรจากมือคุณหมอด้วยอาการสั่นเทา ก่อนจะตัดไปยังสายสะดือของลูก เสียงเขาถอนหายใจออกมาดัง ๆ เหมือนโล่งอก ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา“สิบเอ็ดนาฬิกาสิบเก้านาทีค่ะ” พยาบาลที่จ้องนาฬิกาอยู่ส่งเสียงบอกเวลาคลอด ทุกค
“อะไรกันคะ” เธอถามบุรุษพยาบาล “เป็นลมหน้ามืดเลยต้องเข็นมาส่งครับ” เขาทำหน้ายิ้ม ๆ บอกขิง“ไม่เป็นอะไรมากหรอก พี่จะกลับบ้านหมอบอกว่าถ้าไม่ดีขึ้น ให้กลับมาเติมน้ำเกลือ พรุ่งนี้” หินบอกออกมาสีหน้าเรื่อย ๆ“เดี๋ยวเชิญญาติจ่ายเงินทางด้านนี้ครับ” บุรุษพยาบาลผายมือให้ขิงเดินตามไปที่เคาน์เตอร์ฝ่ายการเงินที่อยู่ใกล้ ๆ“มะม่วง คุณปั๋งไม่ได้กินของผมหมดนะครับ” เขายังมีแรงทวงของกินนึกเปรี้ยวปากมาอีกตงิด ๆ มองปั๋งด้วยตาขวาง“โธ่คุณหิน ผมกินไปคำเดียวคายออกแทบไม่ทันมะม่วงอะไรเปรี้ยวสาด” ปังลาก เสียงต้องตีแขนเขาดังเพี้ยะ“ก็มันจริงนี่น่า กินเข้าไปได้ยังไง” ทั้งยังทำสีหน้าท่าทางแบบเปรี้ยวสุด ๆ“กลับกันได้แล้วค่ะ เผื่อคนเปื่อยต้องการพักผ่อนค่ะ” ขิงหยอกเป็นสามีเน้นคำว่า เปื่อย... แทนคำว่าป่วย“ผมจะแพ้ท้องอีกนานไหมครับ” หินส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความอ่อนใจตอนนี้ยกมือปิดปากทำท่าจะอ้วกออกมาอีก“นอนที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอคะ” ขิงบอกออกมาด้วยความเป็นห่วง“ไม่เอา จะกลับบ้านอยากนอนกอดเมีย นอนที่นี่ก็ไม่ได้นอนกอดขิงอะดิ” ยังไม่วายออดอ้อนเมีย“พี่หินเนี่ย อายเพื่อน ๆ มั่ง” ขิงออกอาการเขิน“ไม่เป็นไร พี่เริ่มจะชิน” ปั๋งแซว
“ครับค่อยยังชั่วได้มะม่วงเข้าไป” เขาหน้ามีสีเลือดขึ้นมาบ้าง เดินก้าวขยับคล้องแขนขิงเข้าไปในโรงพยาบาล โชคดีโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้เปิดบริการทุกแผนกจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง“เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเข้าบริการเอาใจคนทำงานนะ” ต้องเอ่ยชม“เอกชนนี่คะ เงินทั้งนั้น” ขิงตอบทำท่านับธนบัตรพนักงานต้อนรับลงทะเบียนแล้วพาทั้งสามคนไปยังฝ่ายสูตินรีแพทย์นั่งไม่นานก็ถึงคิวตรวจ“แล้วพี่หินต้องตรวจที่นี่ด้วยหรือต้อง” ขิงทำหน้าสงสัยถามเพื่อนเพราะต้องเธอเป็นคนจัดการทุกอย่าง“เออน่ะ เดี๋ยวรู้เอง” ต้องยกยิ้มให้ทั้งสองคนนั่งได้สักพักพยาบาลก็พาขิงไปตรวจตามขั้นตอน เมื่อรออีกสักครู่ก็เรียกให้เข้าพบแพทย์ ต้องดันหลังพี่หินที่นั่งหน้าตรงยังมึนหัวอยู่นิด ๆ เข้าไปกับขิงด้วย“สรุปคุณสุกฤษตาท้องนะครับ” ขิงกับหินมองหน้าคุณหมอก่อนจะหันมามองกัน พี่หินเฮขึ้นมาทันที“ท้องแสดงว่าผมจะมีลูกหรือครับ” เขาถามคุณหมอออกไปน้ำเสียงตื่นเต้นเอามาก ๆ“ครับ ท้องครับ” หมอหัวเราะขันในท่าทางของเขาที่แสดงออกมาเขากระโดดตัวโยน จนขิงต้องลุกขึ้นดึงกระตุกแขนเขาเอาไว้“เก็บความดีใจเอาไว้ก่อนครับ วันนี้คุณพ่อคุณแม่อยากเห็นหน้าลูกหรือยัง” คุณหมอทำเสียงหลอกล่อหินเ