“อะไรคะ” หรือว่าจะเป็นเรื่องระหว่างพินทุสรกับผู้ชายคนนั้น
“มีคนบอกว่าคุณยังรักผมอยู่ จริงหรือเปล่า”
“ใครบอกคุณคะ” นัสรินถามแบบโง่ๆ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าน่าจะมาจากปากของพินทุสรในตอนที่เธอสารภาพความจริงออกไปจนหมดสิ้น
“แล้วคุณพูดกับใครล่ะ”
“คุณไปหาออยมา?”
“อืม...”
เขาไม่ตอบออกมาเป็นคำแต่แค่พยักหน้าและทำเสียงในลำคอเป็นเชิงยอมรับ นัสรินพยายามสังเกตสีหน้าและแววตาของเขาว่ามีความขึ้งเครียดอยู่หรือไม่ หากแววตานั้นก็ปกติมิหนำซ้ำยังดูพราวระยับ ผิดกับคนที่เพิ่งอกหักหรือถูกทำให้เสียใจ
“ไปตอนไหนคะ แล้วคุณปราณต์เอ่อ...”
นัสรินอึกอักไม่กล้าถามตรงๆ เพราะหากว่าปราณต์ยังไม่รู้เรื่อง จะกลายเป็นว่าตัวเธอเองที่ทำให้ปราณต์รู้
“ผมเจอผู้ชายในห้องของคุณออยหรือเปล่า อย่างนั้นใช่มั้ยที่คุณอยากถาม”
“คุณเห็นแล้ว!”
“ใช่ผมเห็นแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเห็นนะ เห็นตั้งแต่วันที่สตีเวนมาเชียงใหม่ครั้งแรก ก่อนที่จะไปเที่ยวดอยด้วยกันอีก”
“ไปเที่ยวดอยด้วยกัน? หมายความว่าคุณไม่ได้ไปกับออยแค่สองคน แต่มีคุณสตีเวนไปด้วยอย่างนั้นเหรอคะ”
“ใช่...ผมไปแค่คืนเดียว ส่วนคืนต่อมาก็ปล่อยให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน”
นัสรินมุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยความสับสนมึนงง เมื่อปราณต์ไม่ได้มีท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจสักนิด คล้ายๆ กับเขารู้อยู่แล้วว่าพินทุสรกับสตีเวนมีความสัมพันธ์กันแบบไหน หรือว่าเขาจะมีรสนิยมชอบแบบ...
“น่าแปลกนะคะที่คุณไม่โวยวายหรือไม่โกรธอะไรเลย หรือว่าคุณเป็นพวกชอบแบบทำอะไรด้วยกันสามคน” นัสรินไม่กล้าเอ่ยออกมาตรงๆ แต่ก็ต้องพูดเพื่อให้ตัวเองกระจ่างแก่ใจ
“สามคนที่แปลว่าสวิงกิ้งน่ะเหรอ” ปราณต์เลิกคิ้วถามยียวนพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย แววตาเขาเหมือนมีแววขบขันที่พูดให้เธอได้อับอาย ใช่เธออาย...แต่เขาสิหน้าทน ทั้งพูดทั้งทำแบบไม่คิดจะกระดากสักนิด
“แล้วใช่หรือเปล่าล่ะคะ”
“ถ้าใช่...คุณจะผิดหวังในตัวผมมากไหม”
“ไม่ค่ะ นัสไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณแล้ว จะต้องผิดหวังทำไมอีก” นัสรินเบือนหน้าหนีสายตาที่จ้องมองมาเหมือนจะควานหาเอาความจริงจากเบื้องลึกในหัวใจของเธอตลอดเวลา
“ไหนคุณบอกคุณออยว่ารักผมตั้งแต่แรก และตอนนี้ก็ยังรักผมอยู่”
“ที่นัสพูดไปแบบนั้นก็เพราะนัสสงสารคุณ คิดว่าคุณถูกออยนอกใจ แต่ที่ไหนได้คุณเองก็รู้เห็นเป็นใจ”
“ผมก็แค่อำนวยความสะดวกให้คุณออยได้อยู่กับแฟนที่อุตส่าห์บินตามมาจากอังกฤษต่างหาก และผมเองก็จะมาหาคุณได้ง่ายขึ้น แต่ให้ตายสิมันไม่ได้ง่ายขึ้นเลยสักนิด คุณเอาแต่ไล่ผม”
คำพูดที่เหมือนจะไขข้อกระจ่างให้กับนัสรินไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนคนโง่ที่ถูกหลอกโดยไม่รู้ระแคะระคายเลยแม้แต่นิด
“ที่ผ่านมาก็แสดงว่าคุณกับออยร่วมมือกันหลอกนัสงั้นเหรอ”
“ก็เหมือนที่คุณกับปรัชญ์เคยร่วมมือกันหลอกผมนั่นละ”
“ไม่เหมือนหรอกค่ะ นัสทำไปเพราะนัสจำเป็น”
“จำเป็น? ไหนว่าทำเพราะรักผม”
“ตอนนั้นรัก แต่ตอนนี้ไม่รักแล้ว เกลียดมากด้วย หมอเจ้าเล่ห์”
“เกลียดก็ช่างผมไม่สน เพราะยังไงคุณก็ต้องเป็นเมียผมอยู่ดี เป็นมาตลอดและจะเป็นตลอดชีวิต”
“คนใจร้าย...จะให้นัสเป็นเมียเก็บไปตลอดชีวิตเลยเหรอ”
เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อออกมาอย่างน้อยใจ เขาช่างโหดร้ายเหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่าเธอทำไปเพราะรัก เขาก็ยังไม่คิดจะสงสาร ยังจะเหนี่ยวรั้งเธอไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไปตลอดชีวิต แต่ไม่มีทางเสียหรอก ถ้าเธออยู่กับเขา เขาก็ต้องรู้ว่าเธอมีลูก นัสรินไม่กล้าคิดต่อว่าหลังจากที่เขารู้แล้วว่าเธอท้อง เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ในเมื่อเขาต้องการแค่ร่างกายของเธอ ไม่ได้ต้องการหัวใจ ไม่ได้ต้องการลูก
“ใครบอกว่าจะให้เป็นเมียเก็บ หลังจากนี้ไปผมจะเก็บคุณไว้เป็นเมียจริงๆ ตลอดชีวิตต่างหาก เราดีกันนะนัสริน ละทิ้งทิฐิในหัวใจแล้วทำตามที่หัวใจของเราต้องการเถอะนะ ผมรักและอยากมีคุณอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต คุณจะให้อภัยกับการกระทำเลวร้ายที่ผ่านมาของผมและเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม”
นัสรินนิ่งงันเหมือนถูกสาป ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินนั้นจะเป็นความจริง ปราณต์บอกว่าเขารักและต้องการเธอ ขอให้เธอยกโทษให้แล้วเริ่มต้นใหม่กับเขาอย่างนั้นเหรอ
“คุณว่าอะไรนะคะ!” ปากอิ่มเอ่ยถามทั้งที่ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาคลอตา ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่มันเกิดจากความตื้นตันใจ เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ยินถ้อยคำพวกนี้จากปากของผู้ชายที่ตนรักมาตลอด
“ผมรักคุณและขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ให้อภัยผู้ชายเลวๆ คนนี้ได้ไหมนัสริน” ปราณต์เชยคางมนขึ้นและเอ่ยย้ำอย่างหนักแน่นอีกครั้ง
นัสรินไม่ตอบแต่ร่างบางโผเข้าไปซบกับอกกว้าง น้ำตาที่เอ่อคลอตอนนี้ไหลพรั่งพรูออกมาจนนองสองแก้ม จากนั้นก็กลายเป็นสะอึกสะอื้น แรงสะอื้นฮักนั้นรุนแรงจนร่างบางโยกโยน มันเป็นการร้องไห้เพื่อระบายความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลออกมาจนหมดสิ้น
“คนใจร้าย...”
เธอได้แต่พึมพำอู้อี้อยู่กับอกกว้างที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา ขณะที่ปราณต์กระชับร่างบางที่กำลังสะท้านอยู่ในอ้อมแขนกอดเอาไว้แนบแน่น...รับรู้ความรู้สึกทั้งหมดของเธอที่ถ่ายทอดออกมาทางภาษากาย...
บทที่ 72เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ทั้งปราณต์และนัสรินต่างไม่มีใครสน สิ่งเดียวที่ปราณต์สนใจก็คือร่างเล็กๆ ที่กำลังซบอกตัวเองร้องไห้อยู่ตอนนี้ แรงสะอื้นของเธอคลายลงไปแล้ว เช่นเดียวกับน้ำตาที่ไม่ไหลออกมาเพิ่มเติม ปราณต์จึงเชยคางมนขึ้น พร้อมกับก้มลงจูบสองแก้มเบาๆ เพื่อซับน้ำตาให้“หายโกรธผมหรือยังคนดี” ปราณต์เอ่ยถามอย่างงอนง้อ เสียงของเขาทุ้มนุ่มและอ่อนโยนมากเหลือเกินในความรู้สึกของนัสริน“คุณทำเรื่องเลวร้ายกับนัสไว้ตั้งมากมาย นัสไม่ได้อยากยกโทษให้คุณสักนิด แต่นัสเองก็เคยทำไม่ดีกับคุณเอาไว้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนัสจะถือว่าเราเลิกแล้วต่อกันค่ะ”“เลิกแล้วต่อกัน...แค่นั้นเหรอ”“แค่นั้นค่ะ” นัสรินตอบอย่างเล่นแง่ ถึงเวลาที่เธอต้องเอาคืนเขาบ้างแล้วนี่“ไม่รักผมแล้วเหรอ”“ก็บอกแล้วไงคะว่านัสไม่รักคนเจ้าเล่ห์คนร้ายกาจแล้ว”“โธ่...นัสจ๋า ไม่สงสารผัวเลยหรือไง” ปราณต์กระซิบออดอ้อนสายตาก็เต็มไปด้วยการเว้าวอน แต่นัสรินก็ไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นหรอกค่ะ คนอันธพาลมีแรงต่อยตีคนอื่นแบบนั้น นัสไม่สงสารเลยสักนิด” นัสรินพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังโกรธเขาอยู่หลายเรื่อง จึง
บทที่ 73รสสัมผัสจากริมฝีปากร้อนซ่านนั้น ทำให้ร่างบางสั่นระริกสะท้านไปทั้งกายครั้งแล้วครั้งเล่า นัสรินปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาเต็มที่ รสเสน่หาอันอ่อนหวานซึ่งเกิดจากความรักของเขาที่มีต่อเธออย่างลึกซึ้งเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เธอได้แต่แอบฝันหา ทว่าบัดนี้มันเป็นจริงแล้ว เพราะฉะนั้นเธอเองจึงไม่จำเป็นต้องเขินอายหรือปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เมื่อปราณต์พลิกร่างเธอขึ้นอยู่ข้างบน นัสรินก็เป็นฝ่ายครอบครองเขาอย่างร้อนแรง ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนจะทำให้เธอบ้าคลั่ง แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองได้ เอวเล็กยังโยกไหวพลิกพลิ้วพร้อมกับที่บางส่วนของร่างกายโอบกอดรอบรัดเขาแนบแน่นมากขึ้นๆไม่นานนักร่างบางก็ฟุบตัวลงบนเรือนกายที่ใหญ่โตกว่าอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ปราณต์พลิกร่างบางลงใต้ร่าง โดยไม่ยอมให้เขากับเธอพรากจากกันไปไหน ตัวตนแบบผู้ชายแท้ๆ นั้นยังคงแข็งแกร่งและสอดซุกอยู่ในความอ่อนนุ่มอบอุ่นดังเดิม ทำเอาพวงแก้มนวลแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกที่ยังไม่คุ้นชินนักกับการมีเขาอยู่หลังจากสุขสมแบบนี้ปราณต์สบตาที่หยาดเยิ้มด้วยแรงพิสวาสนั้นอย่างเอ็นดูและเต็มไปด้วยความเสน่หา เขารู้ว่าเธอถึงจุดสูงสุดไปแล้ว แต่
บทที่ 74ฝนหลงฤดูตกพรำๆ มาตั้งแต่เช้ามืด ทำให้อากาศในหน้าหนาวเช่นนี้ยิ่งหนาวเหน็บมากขึ้นไปอีก แต่ทว่าร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด ตอนนี้ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอถูกโอบล้อมด้วยไออุ่นจากร่างหนาเปลือยเปล่าที่นอนกอดเธอแนบชิดอยู่ตลอดทั้งคืน นัสรินเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่เงียบๆ ไม่อยากเชื่อว่าในที่สุดแล้วความรักระหว่างเขาและเธอก็ได้สมหวังแล้วจริงๆ“คุณปราณต์คะ คุณปราณต์ตื่นเถอะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ พร้อมกับเขย่าหัวไหล่ของเขา ทำให้ปราณต์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย“รีบปลุกไปไหนแต่เช้าครับ วันนี้วันหยุดนะผมไม่ต้องไปทำงาน”“คุณจะนอนอยู่แบบนี้เหรอคะ”“อ้อ...ไม่อยากให้ผมนอน แต่อยากให้ผมทำอย่างอื่นใช่มั้ย” คราวนี้น้ำเสียงและท่าทีของปราณต์หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง สายตาของเขาพราวระยับขณะกวาดมองใบหน้าสวยหวานของเธอ ทำเอานัสรินหน้าร้อนซ่านด้วยรู้ความหมายของเขาดี“หมอหื่น! นัสไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”“แต่ผม ‘ตื่น’ แล้ว นัสต้องรับผิดชอบ”ไม่พูดเปล่าแต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นยังจับมือเล็กลงไปสัมผัสหลักฐานที่บ่งบอกว่าเขา ‘ตื่น’ ขึ้นมาเต็มตัวแล้วจริงๆ นัสรินจะชักมือออ
บทที่ 75โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ในเวลาสิบเอ็ดโมง คนโทร.มาก็คือคนที่อยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืน และเพิ่งจะยอมกลับไปเมื่อเช้านี่เอง นัสรินคิดว่าหากวันนี้ทั้งเธอและเขาไม่ต้องทำงาน ปราณต์ก็คงขลุกอยู่กับเธอต่ออีกทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่ เจ้าของร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะอึดอัดหรืออะไร เพียงแต่กลัวว่าความสุขที่เกิดขึ้นอย่างท่วมท้นอยู่ตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่ลมพัดผ่าน ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เธออดนึกระแวงปราณต์ไม่ได้ กลัวว่าทั้งหมดนี่จะเป็นแผนการของเขา โดยการทำให้เธอแทบจะสำลักความสุขตาย หลังจากนั้นก็บอกความจริงอันโหดร้ายว่าเขาทำไปเพื่อแก้แค้นเท่านั้น“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานตอบไปนุ่มๆ พยายามไม่ให้เขารู้ว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขาโทร.มา“ทำอะไรอยู่ครับ”“ทำงานค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ไม่มีอะไรทำเหรอ”“ยุ่งมากเลยละ...แต่ขออนุญาตคนไข้มาโทร.หาเมียก่อน อยากได้ยินเสียง จะได้มีกำลังใจทำงาน” ปราณต์พูดมาอ้อนๆ ผ่านทางโทรศัพท์ คราวนี้เป็นนัสรินเองที่กลั้นยิ้มไม่อยู่ จนเรียวปากอิ่มต้องคลี่แย้มบางๆ กับตัวเอง“หมออะไรไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”“ก็บอกแล้วว่าเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวของหมอเป็นเ
บทที่ 76“เธอก็เลยตกลง และเปิดโอกาสให้คุณปราณต์มาหาเรากลางดึกใช่มั้ย”“ฮั่นแน่...คืนนั้นคุณปราณต์มาหาด้วยเหรอ” เพื่อนของนัสรินทำสีหน้าและเสียงล้อเลียน ทำให้หญิงสาวค้อนอีกเพราะรู้ว่าพินทุสรรู้เห็นเป็นใจอยู่แล้ว “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย แม่คนเจ้าแผนการ” “ไปว่าคุณปราณต์ของเธอสิ แผนของเขาทั้งนั้นเลย”พินทุสรได้ทีโบ้ยให้เป็นความผิดของปราณต์คนเดียว ทั้งๆ ที่ตอนคิดแผน เธอเองก็มีส่วนเหมือนกัน “ฝากไว้ก่อนเถอะทั้งสองคน” “ไม่รับฝากย่ะ ถ้าจะเอาคืนก็ไปเอาที่คุณปราณต์คนเดียวเราไม่เกี่ยว ว่าแล้วก็ไปดีกว่า ไม่อยากถูกเธอเล่นงานแล้ว แวะมาหาแค่นี้แหละ กลัวสตีเวนจะรอนาน” ว่าแล้วพินทุสรก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตู แต่ยังไม่ทันเปิดก็หันกลับมาหานัสรินคล้ายนึกอะไรได้ “อ้อ...เราลืมบอกเธอไปอย่าง ว่าความหล่อของหมอปราณต์กับสตีเวนของฉันน่ะสูสี แต่ลีลาไม่รู้ใครเผ็ดกว่ากัน เพราะยังไม่ได้ลอง” “ยัยเพื่อนบ้า”นัสรินได้แต่บ่นตามหลังเมื่อได้ยินพินทุสรพูดอะไรห่ามๆ ออกมาก่อนจะออกจากห้อง สุดท้ายเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มกับตัวเองอย่าง
บทที่ 77“ไม่ได้แค่อยากมาเจอ แต่จะมาช่วยคุณขนของ”“ขนไปไหนคะ” “ผมจะให้นัสย้ายไปอยู่กับผม กลับไปอยู่บ้านของเราด้วยกันนะ” ปราณต์เอ่ยชวนอย่างจริงจังและอบอุ่น แต่นัสรินกลับส่ายหน้าดิกทันที“เรื่องอะไรคะ ลูกสาวเขามีพ่อมีแม่นะคะ จู่ๆ จะมาชวนให้เก็บผ้าเก็บผ่อนไปอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายง่ายๆ ได้ไง”“โอเค...งั้นผมจะไปขออนุญาตพ่อแม่คุณอย่างเป็นทางการ”ว่าแล้วปราณต์ก็ขับรถตรงไปยังสนามบิน ท่ามกลางการตั้งตัวไม่ติดของนัสริน ไม่คิดว่าจู่ๆ ปราณต์จะทำอะไรรีบร้อนปุบปับแบบนี้“คุณปราณต์คะ นัสต้องทำงานนะคะ”“ก็ลาครึ่งวัน”“แต่นัสยังไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ท่านคงตกใจมากที่จู่ๆ ก็เห็นคุณไปที่บ้าน”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ท่านฟังเอง”สำหรับปราณต์แล้วตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับเขา ในเมื่อเขารู้ใจตัวเองแล้ว ส่วนนัสรินก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองและเข้าใจกันดีแล้ว เขาจึงอยากทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีพลตรีชยุตและคุณนิภาต่างก็แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นลูกสาวกับอดีตลูกเขยเดินเข้าบ้านมาด้วยกันในช่วงเย็น แต่จากแววตาที่ดูเขินอายบวกกับประหม่าของลูกสาวก็ทำให้ทั้งสองพอจะเดาได้ว่า อดีตลูกเขยพาลูกสาว
บทที่ 78คำถามของพ่อทำให้นัสรินต้องหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกรอบ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก็ทำให้เธอแน่ใจในคำตอบ เขามาถึงนี่แล้ว มาพูดกับพ่อแม่ของเธอตรงๆ มาบอกว่ารักเธอ อยากแต่งงานกับเธอ โดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะอยากรับผิดชอบลูก แต่เกิดจากความต้องการของเขาจริงๆ แล้วเธอยังต้องลังเลอะไรอีก“แน่ใจค่ะ” นัสรินยังคงตอบเบาๆ นุ่มๆ เช่นเดิม หากแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น“โอเค งั้นก็ตามนั้น” คนเป็นพ่อบอกเช่นนั้นออกมาท่ามกลางความโล่งอกของสองหนุ่มสาวที่อุปสรรคนี้ผ่านไปได้ด้วยดี“ขอบคุณครับคุณอา อีกสองสามวันผมจะให้แม่มาคุยกับคุณอาอย่างเป็นทางการอีกรอบนะครับ” ปราณต์ยกมือขึ้นไหว้อดีตพ่อตาแม่ยายซึ่งกำลังจะกลับมาเป็นพ่อตาแม่ยายของเขาอีกรอบ“ไม่เป็นไร อาแค่ทำตามความต้องการของลูก หวังว่าคราวนี้ยัยนัสจะไม่เสียใจอีก เพราะผมคงไม่มีโอกาสรอบสามให้คุณ”“ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลนัสให้ดีที่สุด”“เอาไว้ผมจะคอยดู เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง เอาละนี่ก็เย็นมากแล้ว คืนนี้ค้างกันที่กรุงเทพฯ ซะก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับเชียงใหม่”“ผมมีเรื่องที่ต้องขออนุญาตคุณอาอีกเร
บทที่ 79“คุณปราณต์...” เสียงหวานหลุดชื่อนั้นออกมาอย่างไม่เบาเท่าใดนัก“ใช่...ผมเอง”“มาทำไมคะ”“ผมนอนไม่หลับ คงจะแปลกที่ ก็เลยจะมาขอนอนด้วย” ปราณต์พูดด้วยเสียงออดอ้อนแกมเจ้าเล่ห์ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ทั้งๆ ที่ใจก็อ่อนยวบเมื่อเห็นสายตาและได้ยินน้ำเสียงเว้าวอนของเขาแล้ว“ไม่ได้ค่ะ คุณพ่อห้ามแล้วนะคะ ว่าไม่ให้เราสองคนนอนห้องเดียวกัน”“แล้วนัสไม่เห็นใจผมเหรอ ผมนอนไม่หลับนะ...นะครับนัสจ๋า ขอผมนอนด้วยคนนะ รับรองว่าจะกลับห้องตัวเองแต่เช้ามืด ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดว่าผมมานอนกับคุณ”“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้ คุณตายแน่ๆ”“ท่านรู้แน่ถ้าคุณยังยืนคุยกับผมอยู่แบบนี้ และถ้าท่านเอาผมตาย คราวนี้คุณเป็นหม้ายรอบสองไม่รู้ด้วยนะ”“เป็นก็เป็นสิคะ” นัสรินยืนกรานปฏิเสธ“ผู้หญิงใจร้าย ไม่สงสารผัวสักนิดเลยเหรอ ผัวนอนไม่หลับก็ไม่ยอมเห็นใจ”“ทีคุณปราณต์ยังใจร้ายกับนัสตั้งหลายอย่าง”“แต่คุณก็ยกโทษให้ผมแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ไม่มีคุณปราณต์ใจร้ายอีกแล้ว มีแต่คุณปราณต์ที่รักนัสและอยากอยู่ใกล้ๆ นัสตลอดเวลา”คำพูดที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนแกมออดอ้อนของเขาทำให้นัสรินต้องถอนหายใจเบาๆ ออกมาอย่างคนใจอ่อนอ่อนใ
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน