“เราว่านัสต่างหากเป็นคนที่น่าสงสารมากกว่า เพราะว่านัสเป็นผู้หญิง และอย่างที่นัสเคยบอก ว่าถ้าจะให้ผู้ชายคนไหนยอมรับได้ว่านัสเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วมันค่อนข้างยาก ในขณะที่หมอปราณต์คร้านจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าใส่”
“แต่เขาก็เลือกออยแล้ว เราขอร้องนะออยอย่าให้คุณปราณต์ต้องผิดหวังเลย แค่ที่เราเคยทำกับเขามันก็มากพอแล้ว”
“นัสทำอะไรเขา”
“เรื่องนี้เราไม่เคยเล่าให้ออยฟัง แต่เพื่อคุณปราณต์เราจะเล่าในเรื่องที่เราไม่อยากจะพูดถึงอีก”
“ว่ามาสิ เผื่อเราจะเปลี่ยนใจ”
“ตอนนั้นพ่อกับแม่เราจะให้เราหมั้นกับลูกชายเพื่อนคุณพ่อ เพื่อล้างหนี้สินและทำตามคำสัญญาที่เคยให้ต่อกันไว้ คนที่เราจะหมั้นด้วยคือพี่ปรัชญ์ แต่เรากลับตกหลุมรักผู้ชายอีกคนที่ไม่ควรจะรักในวันหมั้นของเรา เราได้แต่เก็บเขาไว้ในใจเงียบๆ และพยายามตัดใจเมื่อเรารู้ว่าเขาคือพี่ชายของพี่ปรัชญ์คู่หมั้นของเรา เพราะรู้ดีว่าระหว่างเรากับเขาไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้ชายที่เราจะแต่งงานด้วยคือพี่ปรัชญ์เท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งพี่ปรัชญ์ก็มาคุยกับเราตรงๆ สารภาพว่าพี่ปรัชญ์รักผู้หญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว และคนคนนั้นก็คือน้องเล็ก น้องสาวบุญธรรมของคุณปราณต์กับพี่ปรัชญ์นั่นเอง แถมพี่ปรัชญ์ยังรู้ว่าเราแอบชอบคุณปราณต์อยู่ ก็เลยเสนอให้เราสลับตัวเจ้าบ่าว โดยที่มีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่บอกให้คุณปราณต์รู้ตัวก่อน”
“แล้วนัสก็ตอบตกลง” พินทุสรเป็นคนพูดต่ออย่างพอจะรู้เรื่องราวจากปราณต์มาบ้าง แค่ยังไม่เคยรู้ในมุมของนัสรินเท่านั้น
“ใช่...เรายอมตกลงเพราะเราเห็นแก่ตัว”
“ไม่ใช่หรอกนัส ที่นัสยอมตกลงรับปากกับคุณปรัชญ์ก็เพราะนัสแอบรักหมอปราณต์อยู่ก่อนแล้วต่างหาก แล้วทำไมตัดใจจากหมอปราณต์ได้ง่ายๆ ล่ะ หรือว่านัสไม่ได้รักเขาจริงๆ”
“ทำไมจะไม่รัก เรารักเขา รักจริงๆ”
นัสรินหลุดคำนั้นออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบังอะไรอีกแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เธอมุ่งหวังมีเพียงอย่างเดียวคือ ขออย่าให้ปราณต์ต้องพบกับความผิดหวังอีกเลย
“ตอนนี้ก็ยังรักอยู่ใช่มั้ย ไม่อย่างนั้นนัสคงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้กับอีแค่เราคบซ้อน”
“ใช่! เรายังรักเขา เพราะฉะนั้นเราถึงไม่อยากให้ออยทำให้เขาต้องเสียใจ ได้โปรดนะออย ได้โปรดอย่านอกใจคุณปราณต์” น้ำเสียงของนัสรินเต็มไปด้วยความวิงวอน ถ้าพินทุสรอยากให้เธอคุกเข่าเพื่อขอร้อง เธอก็ไม่ลังเลที่จะทำ หากแต่พินทุสรยังคงยืนนิ่ง แถมยังถามกลับมาโดยยังไม่ยอมตอบตกลงรับปากกับเธอง่ายๆ
“ถ้าเป็นห่วงเขาขนาดนี้ ทำไมไม่กลับไปดูแลเขาด้วยตัวเองล่ะ”
“เขาไม่ได้รักเรา เขารักออย”
“แล้วถ้าเขาเกิดรักนัสขึ้นมาล่ะ นัสจะว่ายังไง”
“มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกออย เขาโกรธเกลียดเรามาก ไม่อย่างนั้นจะยอมหย่ากับเราทำไม”
“ตอนนั้นเขาอาจจะเป็นผู้ชายโง่ๆ ที่ไม่รู้ใจตัวเองมั้ง”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว แต่เรื่องที่เราขอร้องออย ออยจะว่ายังไง” นัสรินไม่ได้สนใจความรู้สึกของตัวเองเลย ตอนนี้เธอหวังเพียงให้พินทุสรเลิกทำในสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของปราณต์เท่านั้น
“เราขอคิดดูก่อน”
“โธ่...ออย”
นัสรินทำได้แค่อ้อนวอน และเมื่อพินทุสรไม่มีท่าทีที่จะตอบรับ เธอจึงกลับไปพร้อมน้ำตา มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจเหมือนเมื่อคืน แต่เป็นน้ำตาของความสงสารเห็นใจที่มีต่อปราณต์อย่างมากล้น
ค่ำแล้วคงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนอนหลับพักผ่อน เพื่อเก็บแรงต่อสู้ในวันข้างหน้า นัสรินตระหนักดีว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป ยังมีอีกหนึ่งชีวิตน้อยๆ ที่อุบัติขึ้นในอุทรแล้ว เธอจึงต้องห่วงใยและให้ความสำคัญกับเขาเท่าที่ตัวเองจะทำได้ หากกระนั้นก็ยังอดคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อตอนกลางวันไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้ปราณต์จะไปเจอพินทุสรกับผู้ชายชาวต่างชาติคนนั้นหรือยัง แล้วถ้าหากว่าเจอ เหตุการณ์หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ปราณต์จะเสียใจและผิดหวังแค่ไหน นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากคิด
มือบางเอื้อมไปปิดไฟหัวเตียง ก่อนที่น้ำตาหยดใสๆ จะไหลรินออกมาจากสองแก้มด้วยความสงสารชายผู้เป็นที่รัก ครั้งหนึ่งเธอกับปรัชญ์เคยทำเหมือนตลบหลังปราณต์มาแล้ว แต่ไม่คิดว่าวันนี้เพื่อนของเธอก็จะกระทำเช่นเดียวกันอีก หัวใจของปราณต์คงแตกสลาย
“โธ่...คนใจร้ายของนัส นัสจะช่วยคุณยังไงดี”
นัสรินได้แต่รำพึงกับตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านใดๆ อีก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหลับ ก็มีเสียงกุกกักที่ประตู ก่อนที่มันจะถูกเปิดเข้ามา นัสรินรีบยันกายลุกขึ้น เอื้อมมือเปิดไฟหัวเตียงเพื่อดูให้แน่ใจว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร ทั้งๆ ที่พอจะเดาออก แต่ถึงกระนั้นก็อดแปลกใจและตกใจไม่ได้
“คุณปราณต์...คุณบุกรุกห้องนัสอีกแล้วนะคะ” เธอเอ่ยตำหนิเขาออกไปตรงๆ พยายามจะไม่มองหน้า ทั้งๆ ที่อยากเห็น คิดถึง และอยากปลอบประโลมเหลือเกิน
“ถ้าผมเคาะดีๆ คุณจะยอมเปิดให้ไหม ในเมื่อวันนั้นคุณเพิ่งไล่ผมออกไปจากชีวิต” ปราณต์ตอบพลางสาวเท้ายาวๆ แล้วมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียงของเธอ
“ในเมื่อรู้ว่านัสไม่อยากต้อนรับแล้วมาที่นี่ทำไมคะ”
“มาเพราะอยากมาถามอะไรบางอย่าง” ปราณต์ตอบเรื่อยๆ แต่ตายังจ้องหน้าสวยหวานอย่างไม่ยอมหันไปทางไหน
บทที่ 71“อะไรคะ” หรือว่าจะเป็นเรื่องระหว่างพินทุสรกับผู้ชายคนนั้น“มีคนบอกว่าคุณยังรักผมอยู่ จริงหรือเปล่า”“ใครบอกคุณคะ” นัสรินถามแบบโง่ๆ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าน่าจะมาจากปากของพินทุสรในตอนที่เธอสารภาพความจริงออกไปจนหมดสิ้น“แล้วคุณพูดกับใครล่ะ”“คุณไปหาออยมา?”“อืม...”เขาไม่ตอบออกมาเป็นคำแต่แค่พยักหน้าและทำเสียงในลำคอเป็นเชิงยอมรับ นัสรินพยายามสังเกตสีหน้าและแววตาของเขาว่ามีความขึ้งเครียดอยู่หรือไม่ หากแววตานั้นก็ปกติมิหนำซ้ำยังดูพราวระยับ ผิดกับคนที่เพิ่งอกหักหรือถูกทำให้เสียใจ“ไปตอนไหนคะ แล้วคุณปราณต์เอ่อ...”นัสรินอึกอักไม่กล้าถามตรงๆ เพราะหากว่าปราณต์ยังไม่รู้เรื่อง จะกลายเป็นว่าตัวเธอเองที่ทำให้ปราณต์รู้“ผมเจอผู้ชายในห้องของคุณออยหรือเปล่า อย่างนั้นใช่มั้ยที่คุณอยากถาม”“คุณเห็นแล้ว!”“ใช่ผมเห็นแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเห็นนะ เห็นตั้งแต่วันที่สตีเวนมาเชียงใหม่ครั้งแรก ก่อนที่จะไปเที่ยวดอยด้วยกันอีก”“ไปเที่ยวดอยด้วยกัน? หมายความว่าคุณไม่ได้ไปกับออยแค่สองคน แต่มีคุณสตีเวนไปด้วยอย่างนั้นเหรอคะ”“ใช่...ผมไปแค่คืนเดียว ส่วนคืนต่อมาก็ปล่อยให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน”นัสรินมุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยควา
บทที่ 72เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ทั้งปราณต์และนัสรินต่างไม่มีใครสน สิ่งเดียวที่ปราณต์สนใจก็คือร่างเล็กๆ ที่กำลังซบอกตัวเองร้องไห้อยู่ตอนนี้ แรงสะอื้นของเธอคลายลงไปแล้ว เช่นเดียวกับน้ำตาที่ไม่ไหลออกมาเพิ่มเติม ปราณต์จึงเชยคางมนขึ้น พร้อมกับก้มลงจูบสองแก้มเบาๆ เพื่อซับน้ำตาให้“หายโกรธผมหรือยังคนดี” ปราณต์เอ่ยถามอย่างงอนง้อ เสียงของเขาทุ้มนุ่มและอ่อนโยนมากเหลือเกินในความรู้สึกของนัสริน“คุณทำเรื่องเลวร้ายกับนัสไว้ตั้งมากมาย นัสไม่ได้อยากยกโทษให้คุณสักนิด แต่นัสเองก็เคยทำไม่ดีกับคุณเอาไว้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นนัสจะถือว่าเราเลิกแล้วต่อกันค่ะ”“เลิกแล้วต่อกัน...แค่นั้นเหรอ”“แค่นั้นค่ะ” นัสรินตอบอย่างเล่นแง่ ถึงเวลาที่เธอต้องเอาคืนเขาบ้างแล้วนี่“ไม่รักผมแล้วเหรอ”“ก็บอกแล้วไงคะว่านัสไม่รักคนเจ้าเล่ห์คนร้ายกาจแล้ว”“โธ่...นัสจ๋า ไม่สงสารผัวเลยหรือไง” ปราณต์กระซิบออดอ้อนสายตาก็เต็มไปด้วยการเว้าวอน แต่นัสรินก็ไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นหรอกค่ะ คนอันธพาลมีแรงต่อยตีคนอื่นแบบนั้น นัสไม่สงสารเลยสักนิด” นัสรินพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจตัวเองอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังโกรธเขาอยู่หลายเรื่อง จึง
บทที่ 73รสสัมผัสจากริมฝีปากร้อนซ่านนั้น ทำให้ร่างบางสั่นระริกสะท้านไปทั้งกายครั้งแล้วครั้งเล่า นัสรินปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาเต็มที่ รสเสน่หาอันอ่อนหวานซึ่งเกิดจากความรักของเขาที่มีต่อเธออย่างลึกซึ้งเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เธอได้แต่แอบฝันหา ทว่าบัดนี้มันเป็นจริงแล้ว เพราะฉะนั้นเธอเองจึงไม่จำเป็นต้องเขินอายหรือปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไปแล้ว เมื่อปราณต์พลิกร่างเธอขึ้นอยู่ข้างบน นัสรินก็เป็นฝ่ายครอบครองเขาอย่างร้อนแรง ความรู้สึกตอนนั้นมันเหมือนจะทำให้เธอบ้าคลั่ง แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะหยุดตัวเองได้ เอวเล็กยังโยกไหวพลิกพลิ้วพร้อมกับที่บางส่วนของร่างกายโอบกอดรอบรัดเขาแนบแน่นมากขึ้นๆไม่นานนักร่างบางก็ฟุบตัวลงบนเรือนกายที่ใหญ่โตกว่าอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ปราณต์พลิกร่างบางลงใต้ร่าง โดยไม่ยอมให้เขากับเธอพรากจากกันไปไหน ตัวตนแบบผู้ชายแท้ๆ นั้นยังคงแข็งแกร่งและสอดซุกอยู่ในความอ่อนนุ่มอบอุ่นดังเดิม ทำเอาพวงแก้มนวลแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกที่ยังไม่คุ้นชินนักกับการมีเขาอยู่หลังจากสุขสมแบบนี้ปราณต์สบตาที่หยาดเยิ้มด้วยแรงพิสวาสนั้นอย่างเอ็นดูและเต็มไปด้วยความเสน่หา เขารู้ว่าเธอถึงจุดสูงสุดไปแล้ว แต่
บทที่ 74ฝนหลงฤดูตกพรำๆ มาตั้งแต่เช้ามืด ทำให้อากาศในหน้าหนาวเช่นนี้ยิ่งหนาวเหน็บมากขึ้นไปอีก แต่ทว่าร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตไม่ได้เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด ตอนนี้ทั้งร่างกายและหัวใจของเธอถูกโอบล้อมด้วยไออุ่นจากร่างหนาเปลือยเปล่าที่นอนกอดเธอแนบชิดอยู่ตลอดทั้งคืน นัสรินเฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลานั้นอยู่เงียบๆ ไม่อยากเชื่อว่าในที่สุดแล้วความรักระหว่างเขาและเธอก็ได้สมหวังแล้วจริงๆ“คุณปราณต์คะ คุณปราณต์ตื่นเถอะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ พร้อมกับเขย่าหัวไหล่ของเขา ทำให้ปราณต์ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย“รีบปลุกไปไหนแต่เช้าครับ วันนี้วันหยุดนะผมไม่ต้องไปทำงาน”“คุณจะนอนอยู่แบบนี้เหรอคะ”“อ้อ...ไม่อยากให้ผมนอน แต่อยากให้ผมทำอย่างอื่นใช่มั้ย” คราวนี้น้ำเสียงและท่าทีของปราณต์หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง สายตาของเขาพราวระยับขณะกวาดมองใบหน้าสวยหวานของเธอ ทำเอานัสรินหน้าร้อนซ่านด้วยรู้ความหมายของเขาดี“หมอหื่น! นัสไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”“แต่ผม ‘ตื่น’ แล้ว นัสต้องรับผิดชอบ”ไม่พูดเปล่าแต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นยังจับมือเล็กลงไปสัมผัสหลักฐานที่บ่งบอกว่าเขา ‘ตื่น’ ขึ้นมาเต็มตัวแล้วจริงๆ นัสรินจะชักมือออ
บทที่ 75โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ในเวลาสิบเอ็ดโมง คนโทร.มาก็คือคนที่อยู่กับเธอทั้งวันทั้งคืน และเพิ่งจะยอมกลับไปเมื่อเช้านี่เอง นัสรินคิดว่าหากวันนี้ทั้งเธอและเขาไม่ต้องทำงาน ปราณต์ก็คงขลุกอยู่กับเธอต่ออีกทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่ เจ้าของร่างบางถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะอึดอัดหรืออะไร เพียงแต่กลัวว่าความสุขที่เกิดขึ้นอย่างท่วมท้นอยู่ตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่ลมพัดผ่าน ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เธออดนึกระแวงปราณต์ไม่ได้ กลัวว่าทั้งหมดนี่จะเป็นแผนการของเขา โดยการทำให้เธอแทบจะสำลักความสุขตาย หลังจากนั้นก็บอกความจริงอันโหดร้ายว่าเขาทำไปเพื่อแก้แค้นเท่านั้น“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานตอบไปนุ่มๆ พยายามไม่ให้เขารู้ว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เขาโทร.มา“ทำอะไรอยู่ครับ”“ทำงานค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ไม่มีอะไรทำเหรอ”“ยุ่งมากเลยละ...แต่ขออนุญาตคนไข้มาโทร.หาเมียก่อน อยากได้ยินเสียง จะได้มีกำลังใจทำงาน” ปราณต์พูดมาอ้อนๆ ผ่านทางโทรศัพท์ คราวนี้เป็นนัสรินเองที่กลั้นยิ้มไม่อยู่ จนเรียวปากอิ่มต้องคลี่แย้มบางๆ กับตัวเอง“หมออะไรไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”“ก็บอกแล้วว่าเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวของหมอเป็นเ
บทที่ 76“เธอก็เลยตกลง และเปิดโอกาสให้คุณปราณต์มาหาเรากลางดึกใช่มั้ย”“ฮั่นแน่...คืนนั้นคุณปราณต์มาหาด้วยเหรอ” เพื่อนของนัสรินทำสีหน้าและเสียงล้อเลียน ทำให้หญิงสาวค้อนอีกเพราะรู้ว่าพินทุสรรู้เห็นเป็นใจอยู่แล้ว “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย แม่คนเจ้าแผนการ” “ไปว่าคุณปราณต์ของเธอสิ แผนของเขาทั้งนั้นเลย”พินทุสรได้ทีโบ้ยให้เป็นความผิดของปราณต์คนเดียว ทั้งๆ ที่ตอนคิดแผน เธอเองก็มีส่วนเหมือนกัน “ฝากไว้ก่อนเถอะทั้งสองคน” “ไม่รับฝากย่ะ ถ้าจะเอาคืนก็ไปเอาที่คุณปราณต์คนเดียวเราไม่เกี่ยว ว่าแล้วก็ไปดีกว่า ไม่อยากถูกเธอเล่นงานแล้ว แวะมาหาแค่นี้แหละ กลัวสตีเวนจะรอนาน” ว่าแล้วพินทุสรก็ลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตู แต่ยังไม่ทันเปิดก็หันกลับมาหานัสรินคล้ายนึกอะไรได้ “อ้อ...เราลืมบอกเธอไปอย่าง ว่าความหล่อของหมอปราณต์กับสตีเวนของฉันน่ะสูสี แต่ลีลาไม่รู้ใครเผ็ดกว่ากัน เพราะยังไม่ได้ลอง” “ยัยเพื่อนบ้า”นัสรินได้แต่บ่นตามหลังเมื่อได้ยินพินทุสรพูดอะไรห่ามๆ ออกมาก่อนจะออกจากห้อง สุดท้ายเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มกับตัวเองอย่าง
บทที่ 77“ไม่ได้แค่อยากมาเจอ แต่จะมาช่วยคุณขนของ”“ขนไปไหนคะ” “ผมจะให้นัสย้ายไปอยู่กับผม กลับไปอยู่บ้านของเราด้วยกันนะ” ปราณต์เอ่ยชวนอย่างจริงจังและอบอุ่น แต่นัสรินกลับส่ายหน้าดิกทันที“เรื่องอะไรคะ ลูกสาวเขามีพ่อมีแม่นะคะ จู่ๆ จะมาชวนให้เก็บผ้าเก็บผ่อนไปอยู่บ้านเดียวกับผู้ชายง่ายๆ ได้ไง”“โอเค...งั้นผมจะไปขออนุญาตพ่อแม่คุณอย่างเป็นทางการ”ว่าแล้วปราณต์ก็ขับรถตรงไปยังสนามบิน ท่ามกลางการตั้งตัวไม่ติดของนัสริน ไม่คิดว่าจู่ๆ ปราณต์จะทำอะไรรีบร้อนปุบปับแบบนี้“คุณปราณต์คะ นัสต้องทำงานนะคะ”“ก็ลาครึ่งวัน”“แต่นัสยังไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ ท่านคงตกใจมากที่จู่ๆ ก็เห็นคุณไปที่บ้าน”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ท่านฟังเอง”สำหรับปราณต์แล้วตอนนี้ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาสำหรับเขา ในเมื่อเขารู้ใจตัวเองแล้ว ส่วนนัสรินก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองและเข้าใจกันดีแล้ว เขาจึงอยากทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียทีพลตรีชยุตและคุณนิภาต่างก็แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นลูกสาวกับอดีตลูกเขยเดินเข้าบ้านมาด้วยกันในช่วงเย็น แต่จากแววตาที่ดูเขินอายบวกกับประหม่าของลูกสาวก็ทำให้ทั้งสองพอจะเดาได้ว่า อดีตลูกเขยพาลูกสาว
บทที่ 78คำถามของพ่อทำให้นัสรินต้องหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อีกรอบ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ก็ทำให้เธอแน่ใจในคำตอบ เขามาถึงนี่แล้ว มาพูดกับพ่อแม่ของเธอตรงๆ มาบอกว่ารักเธอ อยากแต่งงานกับเธอ โดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะอยากรับผิดชอบลูก แต่เกิดจากความต้องการของเขาจริงๆ แล้วเธอยังต้องลังเลอะไรอีก“แน่ใจค่ะ” นัสรินยังคงตอบเบาๆ นุ่มๆ เช่นเดิม หากแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น“โอเค งั้นก็ตามนั้น” คนเป็นพ่อบอกเช่นนั้นออกมาท่ามกลางความโล่งอกของสองหนุ่มสาวที่อุปสรรคนี้ผ่านไปได้ด้วยดี“ขอบคุณครับคุณอา อีกสองสามวันผมจะให้แม่มาคุยกับคุณอาอย่างเป็นทางการอีกรอบนะครับ” ปราณต์ยกมือขึ้นไหว้อดีตพ่อตาแม่ยายซึ่งกำลังจะกลับมาเป็นพ่อตาแม่ยายของเขาอีกรอบ“ไม่เป็นไร อาแค่ทำตามความต้องการของลูก หวังว่าคราวนี้ยัยนัสจะไม่เสียใจอีก เพราะผมคงไม่มีโอกาสรอบสามให้คุณ”“ผมสัญญาครับ ผมจะดูแลนัสให้ดีที่สุด”“เอาไว้ผมจะคอยดู เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง เอาละนี่ก็เย็นมากแล้ว คืนนี้ค้างกันที่กรุงเทพฯ ซะก่อนนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับเชียงใหม่”“ผมมีเรื่องที่ต้องขออนุญาตคุณอาอีกเร
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน