“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน
“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”
“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น
“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”
“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์
“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”
“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท
“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน
“ตะวันกับอิสร์เพื่อนของปรัชญ์น่ะนัส” ปราณต์แนะนำให้ภรรยารู้จักกับสองหนุ่มอย่างเป็นทางการ เมื่อนัสรินมองมาทางเขาเหมือนกับรอให้เขาบอก นัสรินยังไม่รู้จักเพื่อนของปรัชญ์เป็นการส่วนตัว แม้จะเคยเป็นคู่หมั้นของปรัชญ์ แต่เธอกับเขาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะนับครั้งได้ และปรัชญ์ก็ไม่เคยพาเธอไปทำความรู้จักกับเพื่อนของเขาเลย
“ตอนที่พี่สะใภ้หมั้นกับไอ้ปรัชญ์ เรายังไม่รู้จักกัน มารู้จักกันอีกทีก็ตอนเป็นภรรยาพี่ปราณต์ไปแล้ว”
“ไปได้แล้วตะวัน” กวินภพเป็นคนขัดขึ้นเมื่อรังสิมันต์ทำท่าว่าจะแซวนัสรินหนักขึ้นกว่าเดิม
“ไหนแกว่าแกหิว”
“ไม่หิวแล้ว ไปหาปรัชญ์เลยดีกว่า”
“โอเคๆ ไปก็ไป งั้นผมกับอิสร์ไปก่อนนะครับพี่ปราณต์พี่สะใภ้ อย่าลืมเอาการ์ดไปให้ผมล่ะ” รังสิมันต์หันไปบอกปราณต์พร้อมกับผงกศีรษะให้กับนัสรินนิดๆ อย่างให้เกียรติ ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้แซวจนเธอหน้าเหวอ ถ้าคนที่รู้จักเขาจริงๆ จะรู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ บทจะเล่นก็เล่น บทจะจริงจังก็ดุดันเด็ดขาดจนแทบจะไม่มีใครกล้าตอแย
คล้อยหลังรังสิมันต์กับกวินภพ นัสรินก็นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมของตัวเอง ในระหว่างรอให้ปราณต์เรียกพนักงานร้านมาคิดเงิน
“ท่าทางคุณตะวันกับพี่ปรัชญ์จะนิสัยคล้ายๆ กันนะคะ ส่วนคุณอิสร์ดูเงียบขรึมกว่าสองคนนั้น” นัสรินรำพึงถึงชายหนุ่มทั้งสองที่ตนเพิ่งจะรู้จักให้ปราณต์ฟัง
“ตะวันกับปรัชญ์หัวหกก้นขวิดด้วยกันมาแต่เด็ก แต่ก่อนตอนเรียนมัธยมขึ้นห้องปกครองกันเป็นประจำเลยละ ส่วนอิสร์เป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ มาแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ในบรรดาสามคนอิสร์นี่ละดูสุขุมที่สุด”
“น่าจะจริงค่ะ”
“แล้วในสายตาของคุณ สามคนนั้นใครหล่อที่สุด”
“ไม่รู้สิคะบอกยาก ต่างคนต่างก็ดูดีและมีเสน่ห์ไปคนละแบบ” นัสรินตอบไปตามที่ตัวเองเห็น
“แล้วถ้าเทียบกับผมล่ะ”
“คุณปราณต์หล่อน้อยกว่าทุกคนค่ะ” คราวนี้นัสรินตอบแบบไม่คิด พร้อมยิ้มล้อเลียนสามีตัวเองทั้งๆ ที่ในสายตาของเธอไม่มีใครหล่อเกินเขา
“ปากช่างยั่วแบบนี้ ต้องโดนจูบหนักๆ ถึงจะเข็ด”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของปราณต์ทำให้ห้าสาวโต๊ะข้างๆ ต้องหันมามอง คราวนี้นัสรินอายจนต้องรีบคว้ากระเป๋าและเดินออกจากร้านไปก่อน ปราณต์หัวเราะเบาๆ พร้อมกับหยิบเงินแบงก์พันในกระเป๋าสตางค์ออกมาสองใบ วางไว้ที่โต๊ะก่อนจะก้าวดุ่มๆ ตามออกไป
มือแข็งแรงโอบเอวของภรรยาสาวอย่างเป็นเจ้าของเมื่อเดินตามมาทัน และกำลังจะพากันกลับ แต่วันนี้เหมือนเป็นวันรวมพลคนรู้จัก เพราะจู่ๆ ทั้งคู่ก็เห็นว่าหมออรรณพกำลังเดินสวนมาพร้อมกับภรรยา
ปราณต์กับนัสรินยังคงมีสีหน้าเป็นปกติ ขณะที่หมออรรณพทำหน้าผิดหวังและเสียดายไม่น้อย เมื่อเห็นสาวที่ตนหมายปองถูกหมอหนุ่มที่หล่อและรวยกว่าตนโอบกอดอย่างแสดงสิทธิ์
“สวัสดีครับ หมออรรณพพาภรรยามาทานข้าวเหรอครับ” ปราณต์เอ่ยทักทายขึ้นก่อนพร้อมกับหันหน้าไปทางภรรยาของหมออรรณพและผงกศีรษะให้เป็นเชิงทักทาย
“ครับ...แล้วหมอล่ะมากับคุณนัสรินได้ยังไง หมอเมย์ไปไหนเสียล่ะ” หมออรรณพจงใจพูดให้นัสรินแสลงใจเล่นและเป็นการยุแยงอยู่ในที
“ผมกับเมย์เป็นพี่เป็นน้องกันครับ ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ คงไม่ดี เกรงใจภรรยาน่ะครับ”
“ภรรยา?”
ได้ยินเช่นนั้นหมออรรณพก็ถึงกับผงะพร้อมกับมุ่นคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าเวลาเพียงแค่สองสามเดือนจะทำให้ผู้หญิงที่ดูสวยหวานเรียบร้อยอย่างนัสรินตกลงปลงใจกับปราณต์จนถึงขั้นยอมเป็นภรรยาได้ หรือว่าปราณต์ก็เป็นเหมือนเขา ที่ชอบมีเมียเก็บซุกเอาไว้หลายๆ คน
“อ้อ...ครับ ผมลืมแนะนำไปว่านัสรินเป็นภรรยาของผม จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ งานแต่งจะมีเร็วๆ นี้ เสียดายที่การ์ดพิมพ์ยังไม่เสร็จ ไม่งั้นวันนี้คงได้ให้หมอเลย”
“จริงเหรอครับคุณนัสริน” หมออรรณพที่ยังไม่อยากเชื่อนักหันมาถามหญิงสาวที่ดูเหมือนจะโกหกไม่เป็นอย่างนัสรินแทน
“ค่ะคุณหมอ เรียนเชิญคุณหมอด้วยนะคะ” นัสรินตอบเสียงนุ่มและรักษามารยาทตามนิสัยตัวเอง
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีต้องพาเมียกลับไปส่งบ้านและไปตรวจคนไข้ที่คลินิกต่อ” ปราณต์ตัดบทแค่นั้นก็พานัสรินกลับไปยังรถของตัวเอง โดยบ่อยครั้งที่เขาหันมามองหน้าหวานๆ ของเธอ เหมือนมีเรื่องอยากจะพูดด้วย นัสรินจึงถามขึ้น
“มองทำไมคะ มีอะไรอยากพูดกับนัส”
“อยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงที่เห็นกิ๊กเก่ามากับเมียเขา” คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามพลางจ้องหน้าภรรยาเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ
“คนปากร้าย นัสไม่เคยเป็นกิ๊กกับใครค่ะ”
“แน่ใจนะว่าไม่แสลงใจ”
“แน่ใจมากค่ะ เพราะนัสไม่เคยคิดอะไรกับหมออรรณพหรือผู้ชายคนไหน นอกจากผู้ชายที่ชื่อปราณต์คนเดียว พอใจหรือยังคะ”
“พอใจสุดๆ เลยล่ะ แบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย”
ปราณต์ยิ้มออกเมื่อได้ยินคำตอบที่ถูกใจ จากนั้นก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มของนัสรินหนักๆ ก่อนจะออกรถ และขับกลับบ้านพร้อมกันท่ามกลางบรรยากาศที่ห้อมล้อมด้วยความสุขซึ่งเกิดจากความรักความเข้าใจที่มีต่อกันและกัน
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 1เรากำลังจะหมั้น!คนที่รอคอยและลุ้นอะไรมากๆ มักจะตื่นเต้นเสมอ และยิ่งเป็นเรื่องที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาล มันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีกเป็นหลายเท่า ความรู้สึกของผู้หญิงทุกคนเมื่อวันสำคัญของตัวเองมาถึงคงไม่ต่างกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่รอคอยให้พิธีการมาถึงร่างบางสวยสง่างามระหงในชุดเดรสสีขาวแบบเปิดไหล่เล็กน้อย แขนยาว ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยผ้าลูกไม้สีขาวทั้งชุด ผมดำขลับถูกม้วนเป็นก้นหอยคล้ายกลีบดอกกุหลาบและรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย เปิดใบหน้างดงามที่ไร้ไฝฝ้าตำหนิใดๆ มีเพียงแค่เครื่องสำอางชั้นดีซึ่งแต่งเติมโดยโทนสีชมพูอมส้ม เพื่อให้ใบหน้านั้นดูมีสีสันและโดดเด่นยิ่งขึ้น บนลำคอมีสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ เข้าชุดกับต่างหูที่ใส่ประดับแค่พองามหากเป็นยามปกติ เธอคงไม่คิดจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหราและราคาแพงขนาดนี้ แม้กระทั่งในยามที่ต้องออกงานสังคมกับบิดามารดาเป็นบางครั้งบางคราว เธอก็เลือกเสื้อผ้าที่ราคาไม่ได้แพงอะไร ด้วยรู้ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นใส่ออกงานซ้ำได้เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่สำหรับงานวันนี้และชุดนี้มันคือข้อยกเว้น เพราะมันเป็นชุดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาแพงเฉียดหมื่นทั้งห
บทที่ 2 หัวใจดวงน้อยของคนที่นั่งอยู่วูบหวิว ทันทีที่นกยักษ์ลำนั้นเร่งสปีดเต็มอัตราเร็วบนรันเวย์ ก่อนจะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่อาการวูบโหวง ใจสั่นหวิว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง คล้ายดั่งว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอาการกลัวความสูง แต่นัสรินรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหล่านี้ ห่างไกลจากคำว่า ‘กลัวความสูง’ ลิบลับ แม้จะเดินทางไม่ค่อยบ่อย แต่เธอก็ขึ้นเครื่องบินมากว่ายี่สิบครั้งแล้ว ซึ่งแรกๆ จะกลัวและตื่นเต้น แต่พอมาครั้งหลังๆ ก็ชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการขึ้นลงของเครื่องบินเสียแล้ว ทว่าสาเหตุของอาการวูบโหวงสลับกับหนักอึ้งในใจอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางที่เธอกำลังจะไปนั้นต่างหาก เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ จังหวัดที่เธอไม่เคยเหยียบย่างไปเลยนับตั้งแต่หย่าขาดจากสามี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่าเธอก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ชีวิตในช่วงสั้นๆ ของการแต่งงานได้เลย ทั้งๆ ที่พยายามมาตลอดที่จะไม่นึกถึงมัน เธอถูกตีตราด้วยคำว่า ‘แม่หม้าย’ ทันที หลังจากแต่งงานเพียงแค่สามเดือนและต้องหย่าก
บทที่ 3“นัสทราบดีค่ะว่าคุณปราณต์เกลียดนัสแค่ไหน”“เข้าใจซะใหม่นะนัสรินว่าผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ผมรังเกียจพฤติกรรมของคุณต่างหาก” ปราณต์ย้ำคำพูดตัวเองด้วยสีหน้าเฉยชา หากแต่ความหมายของมันจะต่างอะไรกันล่ะในความรู้สึกของนัสริน ในเมื่อไม่ว่าเขาจะรังเกียจหรือเกลียดมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกในด้านดีเลยสักนิด“เพราะอย่างนี้ไงคะ นัสเลยจะคืนอิสระให้คุณปราณต์ คุณปราณต์จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”“เหมือนที่คุณเองก็จะได้หาผัวใหม่เหมือนกันใช่ไหม”เป็นอีกครั้งที่นัสรินอึ้งกับวาจาของปราณต์ เธอแค่คิดจะหย่ากับเขาเพื่อให้เขาเป็นอิสระ แต่ไม่เคยคิดจะหาใครมาแทนที่เขาอย่างที่เขากล่าวหาสักนิด ทว่าพูดไปมันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ในเมื่อปราณต์ปักใจรังเกียจเธอตั้งแต่แต่งงานกันแล้ว“ตกลงคุณปราณต์จะหย่าหรือเปล่าคะ” นัสรินถามตรงๆ และไม่คิดจะต่อปากต่อคำใดๆ เพื่อให้ตัวเองต้องเจ็บปวดไปมากกว่านั้นอีก“ก็ตามใจ อยากหย่าก็จะหย่าให้”พูดแค่นั้น ปราณต์ก็ลุกพรวดพราดจากโต๊ะอาหารแล้วก้าวดุ่มๆ ออกไปยังโรงรถ นัสรินได้แต่เพียงยืนมองตามหลังร่างสูงนั้นไปด้วยสายตาเศร้าสร้อยและเจ็บปวด เธอไม่เคยทำอะไรถูกใจเขาเลย แม้แต่ตอนพูดเรื่องหย่า ที่เธอ
บทที่ 4“นัสคงไม่เคยดีเลยสินะคะในสายตาคุณปราณต์”“ก็เคย แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นยังไง!”นัสรินทั้งอึ้งทั้งเจ็บที่เขาตอบออกมาไวราวกับไม่ต้องคิด ถ้าย้อนเวลาได้เธอคงปฏิเสธข้อเสนอของปรัชญ์ที่ให้เธอแต่งงานกับปราณต์แทน เพราะอย่างน้อยการได้แอบรัก มันยังดีกว่าการได้แต่งงานกับคนที่รัก แต่ต้องอยู่กันด้วยความเกลียดชัง“ถ้าอย่างงั้นคุณปราณต์ก็ดีใจได้เต็มที่เลยค่ะ หรือจะเตรียมทำบุญใหญ่ล้างซวยด้วยก็ได้ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงสิ่งไม่ดีอย่างนัสจะออกจากชีวิตคุณปราณต์แล้ว”นั่นคือวาจาประชดประชันอันรุนแรงที่สุดเท่าที่นัสรินจำได้ว่าตัวเองเคยใช้กับเขา เธอไม่เคยคิดจะใช้คำพูดแบบนี้กับใครด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ มันผลักดันให้เธอหลุดมันออกมา ตอนนั้นเธออยู่ในอาการของคนหัวใจสลาย ขอบตาร้อนผ่าว รู้ดีว่านั่นคืออาการของคนที่กำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธอจึงรีบเชิดหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเพื่อหนีหน้าคนใจร้ายให้เร็วที่สุด ไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากให้น้ำตาหล่นต่อหน้าเขา เดี๋ยวเขาจะหาว่าสำออยและแกล้งฟูมฟายเอาอีกร่างเล็กก้าวได้ไม่ถึงก้าว มือแข็งแรงของปราณต์ก็ยื่นไปตะปบที่ต้นแขน กระชากร่างให้เธอห
บทที่ 5“คุณปราณต์ปล่อยนะคะ” นัสรินร้องบอกออกไป พร้อมกับหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ เพราะต้องออกแรงสู้กับเขาสองยกติดๆ กัน แทนที่จะปล่อย แต่ปราณต์กลับกวาดสายตามองเธอช้าๆ ตั้งแต่ริมฝีปากที่กำลังสั่นน้อยๆ กระทั่งไปหยุดมองอยู่ตรงหน้าอกอวบอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงๆ จากแรงหายใจของเธอ เขาจ้องอยู่ตรงนั้นนานจนเธออับอายไปหมด“ไม่ปล่อย นี่มันแค่เริ่มต้น”“นัสขอร้องค่ะ นัสไม่ต้องการ” “ไม่ต้องการเหรอ” ปราณต์เงยหน้าขึ้นจากการมองหน้าอกอวบคู่นั้น แล้วแนบใบหน้าลงมาจนปากเกือบชิดกัน จึงกลายเป็นว่าเขากระซิบอยู่ใกล้เรียวปากนุ่มแค่เส้นด้ายกั้น กลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งมากับลมหายใจของเขา ทว่านัสรินกลับไม่นึกรังเกียจเลยแม้แต่นิด ตรงกันข้ามกลิ่นนั้นกลับแล่นเข้าไปกระตุ้นเร้าให้หัวใจของเธอเต้นแรง ราวกับกำลังจะทะลุออกมานอกอก“ไม่ต้องการค่ะ” เธอปฏิเสธและเบือนหน้าหนีสายตาของเขา แค่ถูกกอดถูกจูบเธอยังสั่นไปหมด แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกปราณต์นอนทับ สัดส่วนแทบจะทุกสัดส่วนแนบชิดกัน มีเพียงอาภรณ์ขวางกั้น แถมตอนนี้สายตาของเขาที่มองเธออย่างโกรธกรุ่นในตอนแรก ก็เปลี่ยนเป็นมองอย่างลุ่มลึกทว่าเจือไว้ด้วยไฟปรารถนาบางอย่าง คงเป็นเพราะฤทธิ
บทที่ 6ร่างสูงเกือบหกฟุตแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตแบรนด์หรู ยัดชายเข้าไปข้างในกางเกงสแล็กเนื้อดี สวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาว ก้าวออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับหมอและพยาบาลอีกหลายคนหลังจากการผ่าตัดคนไข้เสร็จสิ้นลงในเวลาใกล้เที่ยง เพราะการผ่าตัดเคสนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงต้องใช้ทีมแพทย์และพยาบาลจำนวนหลายคน ซึ่งแม้การผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็เกินเวลาที่วางแผนกันเอาไว้กว่าหนึ่งชั่วโมงแพทย์พยาบาลแต่ละคนต่างเดินมุ่งหน้ากลับไปยังที่ทำงานประจำของตัวเอง เช่นเดียวกับปราณต์ที่กำลังมุ่งหน้าเดินกลับห้องพักของตนพร้อมด้วยหมอชัชวาลซึ่งเป็นหมออาวุโสวัยห้าสิบเศษ มีประสบการณ์สูงและเป็นหมอที่เก่งมากคนหนึ่ง ปราณต์ให้ความเคารพและสนิทกับหมอชัชวาลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องผ่าตัดและมีเคสร่วมกันบ่อยครั้ง ซึ่งหมอชัชวาลเองก็เอ่ยปากชมอยู่บ่อยๆ ว่าหมอวัยสามสิบเศษอย่างปราณต์นั้นทั้งเก่งและเป็นหมอหนุ่มที่ฝีมือดีมากคนหนึ่งของโรงพยาบาลหมอต่างวัยสองคนเดินคุยกันมากระทั่งเกือบจะถึงหน้าห้องพักของหมอชัชวาล พยาบาลหน้าห้องก็เดินตรงเข้ามาหาคล้ายกับมีธุระที่ต้องแจ้งให้ทราบ“อาจารย์คะ ตัวแทนจากบริษัทยาที่อาจารย์นัดไว้มารอในห้องอาจ
บทที่ 89เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นอย่างถี่รัว ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่กำลังนอนกอดตระกองภรรยาสาวอยู่ในอ้อมแขนอย่างมีความสุขต้องยันกายลุกขึ้น พลางมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครมากดกริ่งแบบนี้” นัสรินถามสามีอย่างพลอยตกใจไปด้วย เพราะตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้มาไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวผมไปดูก่อน นัสรออยู่นี่นะ” ปราณต์เดินออกไปชะเง้อดูที่ระเบียง แสงที่สาดสะท้อนมาจากไฟหน้าบ้าน ทำให้เขาเห็นได้ชัดว่าคนกดเป็นใคร หนำซ้ำคนกดยังส่งเสียงร้องเรียกเขาราวกับกำลังมีเรื่องร้อนใจสุดๆ อีกต่างหาก“พี่ปราณต์! พี่ปราณต์!”ร่างสูงกลับเข้าห้อง แล้วบอกภรรยาที่นั่งรออยู่บนเตียง เพื่อให้เธอคลายความกังวลว่าคนที่กำลังกดกริ่งหน้าบ้านและส่งเสียงเรียกเขาอยู่นั้นเป็นใคร“ตะวันน่ะ”บอกเสร็จปราณต์ก็ออกจากห้อง โดยมีนัสรินก้าวตามลงไป ทั้งสองเดินออกไปยังหน้าบ้านด้วยกัน และปราณต์ก็กดกุญแจรีโมตเปิดประตูรั้วให้รังสิมันต์“มีอะไรตะวัน”“พี่ปราณต์ต้องช่วยผมนะ เด็กคนนั้นโดนแก้วบาดมือ เลือดไหลเยอะมาก ตอนนี้เด็กนั่นอยู่ในรถผม” รังสิมันต์ไม่ได้เอ่ยชื่อของจันทริกาออ
บทที่ 88แสงไฟสีเหลืองอมส้มที่ส่องสว่างทั่วอาณาบริเวณของบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ ยิ่งทำให้บ้านซึ่งถูกออกแบบและปลูกสร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดูโดดเด่นสวยสะดุดตามากยิ่งขึ้นในยามค่ำคืนเช่นนี้ หากแต่ภายใต้ความสว่างไสวและสวยงามที่ห้อมล้อมบ้านหลังใหญ่ในยามนี้ คนเป็นเจ้าของกลับกำลังอยู่ในห้วงของอารมณ์ซึ่งสวนทางกับบรรยากาศอันแสนสวยงามของบ้านโดยสิ้นเชิง เพราะถูกครอบงำด้วยความโมโหต่อ ‘เด็กในปกครอง’ ที่หายตัวไปตั้งแต่ตอนบ่าย และป่านนี้แล้วก็ยังไม่กลับมาร่างสูงลุกขึ้นเดินไปมาสลับกับมาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ซึ่งความหนานุ่มสมราคาของมันกลับไม่ได้ทำให้ความเดือดพล่านในอารมณ์ของรังสิมันต์ลดลงเลยแม้แต่นิด มือใหญ่สมสัดส่วนกับรูปร่างเอื้อมไปหยิบขวดวิสกี้ราคาแพงระยับมาเทลงบนแก้ว ก่อนจะกระดกน้ำสีอำพันนั้นลงไปในลำคอพรวดเดียวหมด จากนั้นก็กระแทกแก้วลงกับโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์ โดยมี ‘เมสซี่’ แมวพันธุ์แร็กดอลล์ตัวโปรดนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ บ่อยครั้งที่ตาสีฟ้าของมันเหลือบมองเจ้านายตัวเอง และลุกขึ้นมาคลอเคลีย ตามประสาแมวขี้เล่น แต่พอรู้ว่าเจ้านายกำลังอารมณ์ไม่ดี มันก็กลับไปนั่งที่ของมันแล้วหมอบลงเงียบๆ อย่างไม่กล้าก
บทที่ 87“นั่งด้วยกันมั้ย” ปราณต์เอ่ยชวน“ไม่ดีกว่าครับ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคนที่กำลังอยู่ข้าวใหม่ปลามัน” รังสิมันต์ปฏิเสธก่อนจะหันไปทางกวินภพเพื่อหาพวก “จริงมั้ยวะอิสร์”“แกมันก็ชอบหาเรื่องกวนตีนชาวบ้านไปทั่ว” กวินภพไม่ได้เออออแต่พูดขัดคอขึ้นมาซะงั้น“เฮ้ย...แกเป็นนักธุรกิจพันล้านนะเว้ยอิสร์ พูดคำหยาบกวนตงกวนตีนแบบนี้ได้ไง เสียภาพพจน์นักธุรกิจหนุ่มหล่อมาดเนี๊ยบหมด”“แกมันบ้าว่ะตะวัน” หนุ่มกรุงเทพฯ ส่ายหน้ายิ้มๆ กับความเจ้าคารมและช่างกวนอารมณ์ชาวบ้านของรังสิมันต์“พี่ก็ว่างั้นละอิสร์”“เฮ้อ...ตอนแรกว่าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เปลี่ยนใจดีกว่านั่งกับพี่ปราณต์เลยแล้วกัน” รังสิมันต์แกล้งกวนอารมณ์พี่ชายต่อ ด้วยการจะขยับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แต่ยังไม่ทันได้นั่งนัสรินซึ่งไปเข้าห้องน้ำก็กลับมาเสียก่อน ทำให้ทั้งสองหนุ่มต้องหันไปทักทายกับหญิงสาวตามมารยาท“สวัสดีครับพี่สะใภ้” รังสิมันต์ทักทายขึ้นก่อนอย่างขี้เล่น ทำให้คนถูกทักเหวอแกมอายนิดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นกับคำเรียกแบบนั้นสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ เพราะประเมินว่าทั้งสองน่าจะอายุมากกว่าตน“ตะวั
บทที่ 86“แน่นอนสิที่รัก ถ้าไม่รู้ใจคุณแล้วผมจะเป็นผัวคุณได้ยังไง ว่าไงจะบอกหรือเปล่าว่าหมายถึงใคร”“นัสหมายถึงหมอเมย์ค่ะ” ในที่สุดนัสรินก็ยอมรับว่าเธอต้องการจะถามเขาว่าเคยพาเมธาวีมาที่นี่หรือไม่“ถ้าบอกว่าเคยล่ะ”“ก็ไม่แปลกใจค่ะ” ปากว่าไม่แปลกใจ หน้าก็ยังดูยิ้ม แต่แววตาและน้ำเสียงนั้นแปร่งไปจนฟังได้ชัด“คราวนี้จะยอมรับได้หรือยังหือว่าคุณหึงผมกับเมย์” คุณหมอผู้ลองใจเมียเริ่มต้อนให้เธอยอมรับความจริงกับเขาเสียที“ยอมรับก็ได้”“ทำไมถึงจำเพาะเจาะจงว่าเป็นเมย์”“ไม่รู้สิคะ อาจเป็นเพราะว่านัสเคยเห็นกับตาว่าคุณกับหมอเมย์สนิทสนมกันแค่ไหนมั้ง”“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเมย์เกินกว่าน้องสาว สาบานได้เลย แต่ผมก็ดีใจนะที่รู้ว่าทำให้คุณหึง”“วันที่นัสไปตรวจที่คลินิกว่าท้องหรือเปล่า นัสเจอหมอเมย์ด้วยค่ะ เธอบอกว่าเธอเลิกกับคุณปราณต์แล้ว”“หือ...เลิกกัน?” ปราณต์เลิกคิ้วเข้มขึ้น “ฟังอะไรผิดหรือเปล่านัส”“เธอบอกแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่มาบอกทีหลังว่าเลิกหวังในตัวคุณแล้ว เพราะคุณรักคนอื่นอยู่” นัสรินเล่าให้ฟังตามความจริง พลางคิดถึงเหตุการณ์และสีหน้าของเมธาวีในวันนั้นอย่างจำได้แม่น“ขนาดเมย์ยังรู้ว่าผมรักใคร แล้วทำไม
บทที่ 85ปราณต์เป็นฝ่ายขยับมาถือกระเป๋าสะพายของภรรยาที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับโอบเอวเล็กที่ตอนนี้ขยายขึ้นเล็กน้อย ทำให้นัสรินซึ่งยังงงอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนทั้งสองจะรู้จักกันต้องขยับตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะร่ำลาหมอพัทธระตามมารยาทอันดี “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ เดี๋ยววันหลังนัสจะเตรียมสัญญามาให้เซ็น วันนี้นัสขอตัวก่อน” “ครับคุณนัสริน แล้วพบกันครับ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ จากนั้นก็ก้าวตามสามีออกไปขึ้นรถ ปราณต์เดินเงียบๆ แต่ยิ้มในหน้า ซึ่งจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่ง ทำให้นัสรินพอจะรู้ว่าเวลาที่ปราณต์เป็นแบบนี้นั่นคือเขากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์ดีแบบสุดๆ “ยิ้มอะไรนักหนาคะ พอใจมากหรือไง” นัสรินถามคนที่ซ่อนยิ้มในหน้าอย่างอดไม่ได้ จากสายตาและวาจาที่ฟังดูนุ่มละมุนผิดปกติของหมอพัทธระเมื่อครู่นี้ เธอก็พอจะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสามีของตน “ก็พอใจสิ” “แล้วเป็นไงคะ หมอพัทธระหล่ออย่างที่นัสบอกหรือเปล่า” “หล่อ...แต่ที่ฟังดูน้ำเสียงของนัสเหมือนกำลังหึงผมอยู่นะ อย่าหึงเลยน่า ผมชอบผู้หญิง” คราวน
บทที่ 84วันนี้เป็นวันครบรอบสามเดือนที่บริษัทส่งตัวนัสรินมาทำงานที่เชียงใหม่พอดี ซึ่งตามกำหนดเดิมเธอจะต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ และมีตัวแทนจากบริษัทคนใหม่มาทำงานแทนเธอ แต่จนป่านนี้ทางบริษัทก็ยังไม่ส่งใครมา แถมเธอยังต้องทำงานที่นี่ต่อ ซึ่งคราวนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทำชั่วคราวแล้ว หากแต่ต้องประจำอยู่ที่นี่อย่างถาวรนัสรินยังจำวันที่ตัวเองโทร.ไปแจ้งข่าวกับกิตติ ว่าเธอประสงค์จะลาออกจากงาน ตอนนั้นหัวหน้าของเธอดูเป็นเดือดเป็นร้อนมาก เพราะยังหาคนที่ทำงานเก่งอย่างเธอมาแทนยังไม่ได้ แต่เมื่อรู้ว่านัสรินจะลาออกไปแต่งงาน และอยู่ที่เชียงใหม่กับสามี กิตติก็ขอร้องให้เธอทำงานให้ต่อ โดยเสนอจะเพิ่มเงินเดือนให้ สุดท้ายนัสรินก็จำต้องรับปาก โดยไม่ต้องเพิ่มเงินเดือนให้เธอ ความจริงเธอไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด แต่ที่ต้องบอกหัวหน้าไปเช่นนั้น ก็เพราะปราณต์ขอร้องแกมบังคับ และเมื่อเขาได้รู้ว่าเธอตัดสินใจจะทำงานต่อ หมอหน้าหล่อก็งอนไปหลายวันเหมือนกันนัสรินออกมาจากออฟฟิศก่อนเวลาเลิกเงิน เพราะมีนัดกับลูกค้าซึ่งเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับหมอหนุ่มที่ตัวเองกำลังคุยงานด้วยอย
บทที่ 83พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มเคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อยๆ บ่งบอกว่าอีกไม่นานตะวันจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว และความมืดมนของรัตติกาลก็จะมาเยือนในไม่ช้า หากแต่บรรยากาศทั่วคุ้มลักษิกาในยามนี้กลับเต็มไปด้วยความสว่างไสว อันเกิดจากความสุขและปีติยินดี เมื่อข่าวที่ว่าปราณต์กับนัสรินกำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และตอนนี้ทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันแล้ว แพร่กระจายไปทั่วคุ้มลักษิกาอย่างรวดเร็วปราณต์ตัดสินใจปิดคลินิกอีกวันเพื่ออยู่ทานข้าวเย็นกับครอบครัวตามคำสั่งของมารดา ธรินดาเข้าครัวทำอาหารที่พี่สะใภ้ชอบให้อย่างเต็มใจ ขณะที่ปรัชญ์กับปราณต์นั่งคุยกันตามประสาพี่น้องในห้องนั่งเล่น ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาก็เล่นกับหลาน นัสรินจึงถือโอกาสเดินไปที่เนินเขาหลังคุ้มลักษิกา เพื่อดูแปลงกุหลาบและพระอาทิตย์ตกดินตาคู่สวยมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังทอดตัวลงหาเส้นขอบฟ้า พร้อมกับปล่อยความคิดของตัวเองให้ล่องลอยไป ลมหนาวเริ่มพัดพรายมากระทบกาย แต่ยามนี้หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น และมันก็อุ่นยิ่งขึ้นเมื่อมีอ้อมกอดของคนที่รักโอบล้อมเข้ามา“มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” นัสรินเอียงหน้ามาถามคนที่ยืนโอบกอดตัวเองอยู่ทางด้านหลังเบาๆ“คิดอะไรอยู
บทที่ 82“มันน่าโกรธมั้ยล่ะ ผมเป็นหมอแทนที่จะได้รู้เป็นคนแรกว่าเมียตัวเองท้อง แต่กลับเป็นหมอคนอื่นที่รู้ก่อน คุณก็รู้นี่นัสว่าผมอยากมีลูกกับคุณแค่ไหน” ปราณต์เอ่ยออกมาเสียงขรึมๆ“ก็ตอนนั้นคุณกับนัสยังไม่เข้าใจกันนี่คะ อีกอย่างคุณก็ทำให้นัสเข้าใจว่าคุณกับออยมีอะไรลึกซึ้งกันไปแล้ว นัสเลยไม่อยากให้ลูกกลายมาเป็นปัญหาของใคร”“ตอนนั้นผมเข้าใจ แต่เราเข้าใจและคืนดีกันมากี่วันแล้วนัส นัสคิดจะปิดผมไปอีกนานแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรที่คุณไม่ยอมบอกผม”“โธ่...ก็นัสยังไม่กล้าบอกนี่คะ อย่าทำหน้าทำเสียงแบบนั้นใส่นัสสิคะ นัสใจไม่ดี”“ถูกต้องแล้วที่คุณจะใจคอไม่ดี เพราะตอนนี้ผมโกรธคุณอยู่ และโกรธมากด้วย” ปราณต์ทำเสียงเข้มใส่ ทำให้คนถูกโกรธยิ่งใจฝ่อ“แล้วทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธคะ”“ก็ต้องง้อสิ ไม่ง้อจะให้หายโกรธได้ยังไง”นัสรินขยับตัวเข้าหาพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบกอดที่ต้นคอของเขา ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นแล้วประกบปากตัวเองลงบนปากของเขา จากนั้นเธอก็เริ่มจูบและปราณต์ก็จูบตอบอย่างร้อนแรง กึ่งลงโทษกึ่งปรารถนาปนเปอยู่ในรสจุมพิตนั้น“หายโกรธนัสหรือยังคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างงอนง้ออีกครั้งหลังจากที่ปากของทั้งคู่ผละห่างจากกัน
บทที่ 81“ทำไมถึงซื้อไว้ล่ะคะ ที่จริงมีบ้านสวยๆ กว่าบ้านหลังนี้อีกเยอะแยะ หรือถ้าคุณจะสร้างใหม่ก็สร้างได้สบายๆ อยู่แล้ว”“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะว่ามีสิ่งเดียวที่ผู้ชายใจร้ายอย่างผมทำได้เพื่อระลึกถึงคุณมั้ง” ปราณต์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แววตายามเมื่อนึกถึงความหลังครั้งนั้น ฉายแววเคว้งคว้างสับสนออกมาจนนัสรินรู้สึกได้“นัสก็ผิดค่ะที่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณจะเกลียดนัสก็ไม่แปลกหรอก”“แต่ถ้าผมใจกว้าง เปิดใจยอมรับว่าที่นัสทำลงไปก็เพราะรักผม ป่านนี้เราอาจจะมีลูกด้วยกันแล้วก็ได้” ปราณต์พูดถึงลูกอีกครั้ง นัสรินจึงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพราะเธอยังปิดบังเรื่องที่ตัวเองท้องอยู่ แต่ปราณต์ไม่ยอมให้นัสรินหนีไปไหน เขาย่อตัวช้อนอุ้มร่างบางพาเดินไปนอนที่เตียงด้วยกัน“คุณปราณต์อุ้มนัสมาขึ้นเตียงทำไมคะ” นัสรินถามพลางหน้าแดงซ่าน เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ แต่เผลอแป๊บเดียวเธอก็ขึ้นมานอนอยู่บนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ของเขานอนอยู่แนบชิดเสียแล้ว“ก็พามาพิสูจน์ว่าเตียงเล็กไปหรือเปล่าสำหรับเราสองคน”“วันนั้นก็พิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ”“วันนั้นผมเมา จำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องทำตอนมีสติ” คน