มีความสำคัญทั้งต่อภาครัฐบาลและภาคเอกชน เพราะแต่ละประเทศไม่ได้อยู่กันอย่างโดดเดี่ยว ความกินดีอยู่ดีของประชาชนในแต่ละประเทศ ความสำเร็จในธุรกิจการค้าอาศัยความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างประเทศ
เศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศการค้าระหว่างประเทศ ฉันอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและชีวิตของทุกคนให้กินดีอยู่ดี ถ้าฉันทำได้น้อง ๆ ก็จะไม่ต้องลำบาก
แต่จะประกอบอาชีพอะไรยังไม่ได้คิดเลย อาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำกัน ก็พวก ปลัดอำเภอ, นายอำเภอ, ผู้ว่าราชการจังหวัด, ปลัดกระทรวง, เจ้าหน้าที่ด้านการปกครองอื่น ๆ , ข้าราชการในกระทรวงต่าง ๆ , ข้าราชการในองค์กรอิสระต่าง ๆ นักการเมืองระดับประเทศ, นักการเมืองระดับท้องถิ่น, นักวิชาการ, อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักการทูตในระดับต่าง ๆ , พนักงานในองค์กรระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป, เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน, เจ้าหน้าที่ประสานงาน, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, เจ้าหน้าที่บริหารงานบุคคล, นักวิเคราะห์โครงการ, นักวิเคราะห์การลงทุน, นักวิเคราะห์ระบบงาน, นักบริหารองค์การระดับสูง, พนักงานธนาคาร, นักเขียน, นักหนังสือพิมพ์, ผู้ประกาศข่าว ฯลฯ
นี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ ยังมีอีกหลากหลายอาชีพที่คนจบรัฐศาสตร์เขาทำกัน ที่สายงานมันเยอะขนาดนี้ก็เพราะว่า รัฐศาสตร์ไม่ใช่สาขาวิชาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะ แต่เป็นสาขาวิชาที่บูรณาการศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกัน ทำให้ทักษะของคนจบรัฐศาสตร์นั้นสามารถทำงานได้มากมาย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน หรืองานอิสระ
แต่ฉันคิด ๆ ไว้ฉันอยากเป็นนักการทูต แต่มันก็ยังเป็นได้แค่ความฝัน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เรียนต่อไหมแต่ยังไงก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อนเพื่ออนาคตของตัวฉันเอง! เพื่อน้องพาร์ทสักวันเราต้องได้อยู่ด้วยกัน!
ตอนเย็น…
“เป็นไงบ้าง” ฉันพูดกับเบบี๋ที่ตอนนี้ดูงอแงเอามาก ๆ
“เบบี๋กลัวสอบตก!” เบบี๋เอาแต่นั่งก้มหน้า
“เบบี๋ของแนนนี่เก่งจะตาย ไม่เอายังไงเราก็ต้องจบพร้อมกัน”
“ไม่งอแงนะเดี๋ยววันนี้แนนนี่เลี้ยงไอศกรีม!” ฉันเดินเข้าไปกอดคอเบบี๋
“ไอศกรีม! ว้าวเบบี๋อยากกิน ขอ 2 อันนะ” พอพูดถึงไอศกรีมเบบี๋ก็ถึงกับตาเป็นประกาย เด็กคนนี้เคยมีอะไรทำให้อารมณ์ไม่ดีบ้างไหมเนี่ยเห็นยิ้มได้ตลอด ถ้าโลกของฉันสวยงามเหมือนกับโลกของเบบี๋ก็คงจะดีไม่น้อย ไม่มีอะไรให้ต้องคิดเหมือนกับทุกวันนี้
“งั้นเราไปกันเถอะ!” แต่เราไม่ได้ไปกันสองคนหรอกมีเพื่อน ๆ ในห้องไปด้วยสองสามคนจะได้ไม่เหงา
“โอเค!”
เบบี๋ชูนิ้วโอเคพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะสดใส ทุกคนรักและเอ็นดูเบบี๋เพราะเธอไม่มีพิษมีภัยกับใคร เห็นอะไรก็พูดไปแบบนั้นไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
เพราะแบบนี้ละมั้งแดดดี้ของยัยน้องเบบี๋ถึงได้ฝากให้ฉันดูเธอคอยปกป้องเธอถ้ามีคนมารังแก
สถานะเราสองคนมันเป็นพี่น้องมากกว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ...
สยามพารากอน…
“อร่อยไหม?” ฉันถามเบบี๋ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากินไอศกรีมอย่างอร่อย
“…...” เบบี๋ไม่ตอบเอาแต่พยักหน้า
“แนน”
“แนนนี่ใช่ไหม?” ฉันหันไปทางต้นเสียงทันที
“...ใช่ค่ะ?” ฉันมองหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด เหมือนฉันเคยเจอเขาที่ไหนแต่จำไม่ได้
“จำพี่ได้ไหม...ที่เมื่อก่อนบ้านเราอยู่ติดกันไง” ฉันจ้องหน้าเขาพยายามนึกคิด
“พะ...พี่...พี่ไรอัน! ใช่ไหมคะ”
ฉันว่าฉันจำไม่ผิดนะเมื่อก่อนบ้านเราอยู่ติดกันก่อนพี่เขาจะย้ายไปเรียนต่างประเทศเพราะคุณพ่อพี่เขาเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำฝรั่งเศส
“ใช่ครับ!”
“พี่ดีใจนะ ที่แนนจำพี่ได้!” รอยยิ้มของพี่ไรอันอบอุ่นอยู่เสมอ
“ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหม?” พี่ไรอันถามเพื่อน ๆ ฉัน
“เชิญค่ะ ใครจะกล้าปฏิเสธคนหล่อแบบนี้” เป็นลูกปลาที่พูดขึ้น
“น้อย ๆ หน่อยนางชะนีน้อย คนนี้ฉันจอง!”
ก่อนโบวี่คนสวยประจำกลุ่มจะพูดขึ้นพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้พี่ไรอัน
“เชิญค่ะ ว่าแต่พี่มีแบบ...แบบว่า...มีแฟนยังอะ พอจะรับโบวี่ไว้พิจารณาได้มุ้ย” ฉันละยอมยัยนี้จริง ๆ
“ยังครับพี่ยังโสด!” พี่ไรอันหันมายิ้มให้ฉัน สายตาของเขาที่มองฉันมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“กรี๊ด!!! โสดด้วย งั้นโบก็มีสิทธิ์”
“รับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไว้พิจารณาด้วยนะคะ” ยัยโบวี่ไม่พูดเปล่ามือไม้ถึงตลอด
“พอแล้วพี่เขากลัวจนหน้าซีดหมดแล้ว”
คือยัยโบมันจับมือพร้อมส่งสายตายั่วยวนพี่ไรอัน จนพี่เขานั่งตัวแข็งทื่อ เป็นฉัน ฉันก็กลัวนะแบบนี้รุกหนักมาก
“ชิ! ยัยชะนีน้อย หุบปาก!”
นี่แหละโบวี่หรือนายเอกชัย ไชยนุวัติ อยู่บ้านพ่อแม่เรียกเป็นเอก อยู่โรงเรียนคือหนูน้อยโบวี่
แต่คนที่ไม่สนใจใครคือหนูน้อยเบบี๋ที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากิน ส่วนกอหญ้าเอาแต่นั่งตัวบิดมันจะเขินพี่ไรอันอะไรหนักหนา ฮึ...แต่ละคน
“ให้พี่ไปส่งไหม” เป็นพี่ไรอันที่พูดขึ้นหลังจากที่เดินซื้อของกันเสร็จ
“ไม่เป็นไรค่ะแนนกลับกับเบบี๋”
เบบี๋ไม่รู้จะอ้อนอะไรวันนี้จะให้กลับด้วย ฉันจะกลับกับโบวี่กับกอหญ้าก็ไม่ยอม
“โอเคงั้นกลับกันดี ๆ นะ ไว้พี่โทรหา” พี่ไรอันยิ้มให้ฉัน
“เบบี๋พี่ไปนะ” ก่อนจะหันไปพูดกับเบบี๋ที่เอาแต่ทำหน้ามุ่ย
“ค่ะ...บ๊ายบาย” ฉันกับเบบี๋ยิ้มและโบกมือให้พี่ไรอัน
“เป็นอะไรคนเก่งทำไมทำหน้าแบบนั้น” เห็นเอาแต่จ้องโทรศัพท์
“ก็แดดดี้ไม่รับโทรศัพท์เบบี๋นิ” ว่าแล้วเชียว
“ไม่เอาไม่งอแงแนนนี่ว่าเราไปรอแดดดี้ที่บ้านกันดีกว่า” ฉันได้แต่พูดปลอบยัยหนูน้อยเบบี๋
“เบบี๋ขอกอดแนนนี่ตอนนั่งรถกลับได้ไหม” แล้วทำไมต้องทำหน้าอ้อนแบบนี้ด้วย
“ไม่...มีปัญหาครับผม!” มันอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มป่อง ๆ มันเขี้ยวจริง ๆ
“แนนนี่ใจดีที่สุดในโลกเลย!”
แล้วฉันกับเบบี๋ก็เดินคล้องแขนกันไปขึ้นรถที่แดดดี้ของเบบี๋ให้มารอรับ
ที่ฉันกล้าไปบ้านเบบี๋เพราะคุณเขากลับจีนไปตั้งแต่วันก่อน ที่รู้เพราะฉันแอบเอาขนมไปให้น้องพาร์ทดีที่พี่ไทเกอร์ช่วยเป็นธุระให้อย่างน้อย ๆ ฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะไม่ได้เจอกับน้องพาร์ทอีก
เพราะเห็นพี่ไทเกอร์บอกอีกนานกว่าคุณเขาจะกลับมาไทย แบบนี้ค่อยหายใจได้โล่งคอหน่อยเจอคุณเขาทีไรมันรู้สึกอึดอัดเพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณเขามันเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เบบี๋รับรู้
เพราะเบบี๋รักและเชื่อใจในตัวป๊ะป๋าของเธอมากถ้าเบบี๋รู้ว่าป๊ะป๋าเธอคือซาตานในร่างเทพบุตรเบบี๋จะเสียใจมากแค่ไหน!
“เป็นไง”“ตกลงว่าท้องไหม?”ปรเมศวร์เอ่ยน้ำเสียงตื่นเต้นเมื่อเห็นร่างบางของภรรยาสาวเดินออกมาจากห้องน้ำ“ฟองเบียร์ล่ะ” แต่เธอกลับไม่สนใจเดินผ่านหน้าสามีหนุ่มสายตาสอดส่องหาลูกสาวตัวน้อย“แนน! หนูตอบป๋าก่อนตกลงท้องไหม!” ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวคอดดึงร่างเล็กเข้ามากอดเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจ“ป๊ะป๋า! ปล่อยอึดอัดหายใจไม่ออก” สองมือเล็กผลักดันหน้าอกอย่างรำคาญ“เหม็นด้วย! ““ไหนบอกว่าเลิกได้แล้วทำไมยังได้กลิ่นบุหรี่!” เธอชักสีหน้าไม่พอใจทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นเหม็นของบุหรี่ติดปลายจมูก“อะไรป๋าไม่ได้สูบ คงจะลูกค้าสูบมันเลยติดเสื้อ ป๋าเลิกนานแล้ว” ปรเมศวร์รีบอธิบายอย่างกระตือรือร้น แต่เห็นอาการแปลก ๆ ของเมียรักเขาก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจ“ดีใจมากไหมคะ” คนตัวเล็กคลี่ยิ้มบางเมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสามี หลังจากที่พยายามจะมีลูกอีกคนมาหลายเดือนและในวันนี้ก็สิ้นสุดการรอคอยแต่จะเป็นลูกสาวอย่างที่เขาหวังไหม อันนี้คงต้องว่ากันอีกที“ที่สุดครับ!”“หนูน่ารักที่สุดเลยรู้ไหม!”พรึบ!ร่างบางถูกช้อนอุ้มเดินตรงไปยังเตียงนอน“คงได้เวลาป๋าต้องทำงานให้น้อยลงเพื่อจะได้ดูแลหนูกับลูกให้มากขึ้นแล้วสินะ!” เขาพูด
“ไทเกอร์!!”“ไอ้ไทเกอร์!!!”ปรเมศวร์ส่งเสียงเรียกลูกน้องหนุ่มที่ซึ่งกำลังหัวหมุนกับเจ้าสองแสบลูกชายเจ้านายเสียงแข็ง“ครับนาย” ชายหนุ่มวิ่งหอบตรงเข้าหาผู้เป็นนาย“ดูฟองเบียร์ด้วยกูมีธุระ!”“แล้วดูลูก ๆ กูดี ๆ ล่ะ อย่าให้ไปวิ่งเล่นแถวสระน้ำ!”“ถ้าลูกกูเป็นอะไรไปมึงตาย!”สิ้นประโยคเด็กน้อยแก้มใสวัยห้าเดือนเศษก็ถูกยัดใส่มือลูกน้องหนุ่มที่ทำหน้ามึนงง“นาย!” แต่ยังไม่ทันที่เจ้านายหนุ่มจะได้เดินไปไหนเขาก็อุ้มเด็กน้อยไปขวางหน้าไว้เสียก่อน“อะไรของมึงอีก?” เจ้านายหนุ่มมองหน้าลูกน้องอย่างไม่สบอารมณ์เพราะจิตใจมันลอยล่องไปอยู่ที่สระน้ำ“แล้ว...” ลูกน้องหนุ่มมองไปที่สองพี่น้องที่กำลังเล่นต่อสู้กันอยู่“มันเป็นหน้าที่มึง! ไว้กูขึ้นเงินเดือนให้!”เขาพูดแค่นั้นก็จะรีบสาวเท้ายาว ๆ ไปหาภรรยาสาวที่กำลังเล่นน้ำอย่างสบายใจ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าภัยร้ายกำลังจะถึงตัวเพราะชุดบิคีนีตัวจิ๋วที่เธอสวมใส่……“ไม่ตายวันนี้จะตายวันไหน! ไอ้ไทเกอร์!” ไทเกอร์ได้แต่บ่นตามหลังเจ้านาย ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ“อ้อแอ้ อ้อแอ้” แต่ต้องสีหน้าเปลี่ยนเมื่อเสียงหวานเล็กดังอ้อแอ้ มือเล็กนุ่มนิ่มลูบจับที่หน้าเขาอย่างอ่อนโยน“เห็นแบบ
“กรี๊ด อุแว้!!”“พอร์ช! ลูกอีกแล้วนะแกล้งน้องทำไม!”เฮ้อ! ฉันละเหนื่อยใจกับลูกชายคนนี้ ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 3 เดือนกว่า ๆ ทุกอย่างเงียบกริบทางตำรวจพยายามสืบหาที่มาของเด็กแต่ไร้ซึ่งวี่แวว ฉันกับคุณป๋าเลยรับเลี้ยงสาวน้อยและรับเป็นลูกบุญธรรมน้องฟองเบียร์ เด็กหญิง พิชามญชุ์ โชติฐิติเมธานนท์พิชามญชุ์ ผู้งดงามด้วยความรู้ ชื่อนี้หลวงตาเป็นคนตั้งให้ และต้องขอบคุณป๊ะป๋าที่ตามใจฉันให้ลูกใช้นามสกุลเดียวกันกับเราได้เพราะไม่รู้วันเกิดเด็กที่แน่ชัดเราเลยเอาวันที่เจอน้องเป็นวันเกิด และดีที่คุณป๋าเขามีเส้นสายจัดการเรื่องเอกสารให้ลูกได้มีสิทธิ์ทุกอย่างเหมือนคนอื่น ๆแต่ต้องปวดหัววันละแปดรอบกับไอ้ตัวแสบลูกชายคนเล็ก เผลอเป็นไม่ได้แอบหยิกแก้มน้องทุกทีอย่างวันนี้ก็เหมือนกันน้องนั่งเล่นหัวเราะ อยู่ ๆ คนพี่วิ่งมาจากไหนไม่รู้หยิกแก้มน้องจนเป็นรอย จนน้องร้องกรี๊ด“แบร่!!!” แล้วยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกันมาแลบลิ้นใส่แล้ววิ่งไปหาพี่ชายทันที ให้มันได้แบบนี้สิ! ลูกคนนี้นิ“นี่ก็อีกคนเขาแกล้งขนาดนี้ยังมองตามตาละห้อย แล้วอะไรคือยิ้มหวานคะ? หนูไม่เจ็บเหรอลูก”ฉันทายาใส่แก้มขาวใสที่เป็นรอยแดงอย่า
ประเทศจีน...“แนน!!”“จะทะเลาะกับป๋าให้ได้ใช่ไหม!”“ได้!”“งั้นขึ้นห้อง ถอดเสื้อผ้าเรามีเรื่องต้องคุยกัน!”สิ้นคำพูดร่างฉันก็ถูกกระชากขึ้นไปบนห้อง และจากนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!คนบ้าอะไรจะถอดเสื้อผ้าคุยกัน เขาหาเรื่องรังแกฉันมากกว่า!“ทีนี้หายโมโหยัง” ก็แบบนี้ทุกทีพอได้แล้วก็มาอ้อน ทีตอนลากขึ้นเตียงเกรี้ยวกราดที่สุด“......” ฉันเงียบ! ดีนะที่วันนี้พี่ไทเกอร์พาสองหนุ่มไปเที่ยว ฉันเลยแวะไปหาคุณป๋าที่บริษัท แต่ต้องไปเห็นอะไรที่มันทำให้อารมณ์เสียเพราะแบบนี้ฉันถึงไม่อยากกลับมาที่นี่ ที่บ้านหลังนี้ เพราะมันมีอะไรหลายอย่างที่มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บ“ป๋าไม่ได้อะไรกับผู้หญิงพวกนั้นแล้วนะ เราก็อยู่ด้วยกันตลอด แค่เอาหนูคนเดียวป๋าก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว”ฉันเข้าใจเพราะเรื่องมันก็นานแล้วแต่มันก็หงุดหงิดใจอยู่ดี ที่เห็นผู้หญิงที่เขาเคยควง!“ป๋าเป็นเด็กดีแล้วนะครับ” ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นรดที่ต้นคออย่างแผ่วเบา“หนูเข้าใจแต่หนูไม่ชอบ ไม่ชอบที่พวกเธอมองป๊ะป๋าด้วยสายตาท่าทางอ่อยแบบนั้น หนูหวง!”ฉันพลิกตัวมุดหน้าซุกแผงอกแกร่ง เพิ่งจะกลับมาอยู่จีนได้ไม่ถึงอาทิตย์กลับต้องมาทะเลาะกันเสียแล้วแ
หลายเดือนผ่านไป...งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต ทั้ง ๆ ที่ฉันขอแค่งานเล็ก ๆ แต่ป๊ะป๋าบอกมันไม่ได้เพราะด้วยฐานะฉันตอนนี้ที่เป็นถึงน้องสาวเจ้าของบริษัทส่งออกใหญ่โตของประเทศและคุณเขาที่เป็นถึงประธานบริษัทค้าเพชรอันดับต้น ๆ จะให้จัดงานเล็ก ๆ มันเป็นไปไม่ได้“แม่สวยจังครับ!” น้องพาร์ทที่วันนี้อยู่ในชุดสูทสีขาวพูดมองแม่แล้วเอาแต่นั่งยิ้มกริ่ม ส่วนน้องพอร์ชตอนนี้กำลังซน ก็ช่วงวัยของเขาแหละกำลังหัดเดินไม่เคยจะอยู่นิ่งดีที่ได้พี่ไทเกอร์คอยดูแลวิ่งตามตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ พี่ไทเกอร์ยังไม่ได้พักเลยแต่ความซนยังไม่เท่าน้องญี่ปุ่นลูกสาวคนสวยของเบบี๋ รายนั้นบอกเลยทั้งซนทั้งแสบส่วนคนที่สบายหน่อยคือพี่พิมพ์ เพราะน้องมาเฟียคือนิ่งสุขุมถอดแบบพี่เทเลอร์มาทุกอย่าง! ฉันละปลื้มใจแทนพี่สาวเพราะไม่ต้องมานั่งปวดหัววิ่งไล่จับลูกเหมือนฉันส่วนคุณเจ้าบ่าวป๊ะป๋าคนหล่อ ก็ดีใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เข้าใจว่าตื่นเต้นแต่ฉันเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังไม่ตื่นเต้นจนออกหน้าออกตาเท่าเขาเลยไม่ใช่ไม่ดีใจที่ได้แต่งานมันก็ดีใจแต่ป๊ะป๋าเขาดีใจเกินไป อยู่ด้วยกันมากี่ปี ลูกสองคนก็โตจนวิ่งไล่เตะก้นพ่อได้แล้ว ทุกวันนี้ฉันเหมือนมีลูกชายส
“ลูกไม่ยอมดูดขวด!” คุณป๋าเขามองฉันอย่างคาดโทษและส่งลูกให้ฉัน“หนูขอโทษ!” ฉันได้แต่ทำหน้าสำนึกผิด เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่ลูกก็จะกินนม“แอ้!!”“รู้แล้วครับไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนเลย ก็อ้อนแบบนี้แม่ถึงใจอ่อนให้หนูกินจากเต้าจนป๊ะป๋าดุ” ฉันเอาลูกนอนลงที่ตักทันทีที่เห็นเต้าตามเคยตัวเล็กดีใจจนตัวสั่นจ๊วบ!!ด๊วบ!!“เบา...ไอ้เสือ นมแม่ช้ำหมดแล้วลูก!” คุณป๋าเขาคลานเข่าขึ้นมาบนเตียงจูบที่เท้าเล็ก“ทำอะไรไม่เอามันจั๊กจี้!” ฉันเอามือดันตัวเขาที่เอาหัวหนุนตักแล้วอ้าปากงับเต้าอีกข้าง“ทีลูกดูดไม่เห็นเป็นอะไรป๋าก็หิวเหมือนกันกินหน่อยนะ!” เขามันบ้า! ดูดดึงหน้าอกแล้วดูดแรงด้วยแรงพอจนน้ำนมมันทะลักออกมานั่นแหละ“ป๊ะป๋า! ไม่เอาพอแล้วลูกกินนมอยู่นะ!” ฉันพูดดุ ๆ“หึ...ป๋าแค่ล้อเล่นเอง”“แล้วพาร์ท ล่ะคะ” ทำไมฉันถึงรู้สึกผิดต่อลูกอยู่ตลอดนะ“มีอะไรหรือเปล่า”คุณเขานั่งช้อนด้านหลังเอาคางเกยไหล่ มือสากเอื้อมมาหยอกล้อเล่นกับตัวเล็กที่พอนมเข้าปากก็เงียบไปเลย“ป๊ะป๋า!” ฉันเอียงคอหันไปจ้องหน้าเขา“ฮือ ว่าไงครับเป็นอะไรทำไมทำหน้าเศร้า ๆ” คุณเขาจุ๊บที่ปากฉันเบา ๆ“ป๊ะป๋ารักน้องพาร์ทไหม” ฉันพูดเสียงสั่น ไม่รู้ฉันคิดอะไรทำ