หลังจากคุยแผนกันเสร็จ นายเพ็งก็มองดูพวกเสือหาญที่ยังมีฝุ่นเกาะเต็มเสื้อผ้าจากการเดินทางไกล จึงตัดสินใจพาพวกเขาออกจากโรงพักทันที"ไปกันเถอะ ข้าจะพาเอ็งไปพักที่บ้านข้า จะได้พักผ่อนเต็มที่ก่อนเริ่มงานพรุ่งนี้" นายเพ็งเอ่ยเสียงหนักแน่นก่อนคว้าหมวกตำรวจขึ้นมาสวมพวกเสือหาญเดินตามนายเพ็งออกไปทางถนนสายหลักของพระนคร ผ่านตรอกเล็กที่มีร้านค้าเรียงรายและเสียงผู้คนจอแจ จนกระทั่งเข้าสู่ถนนหินกว้างที่เงียบกว่าเดิม ต้นไม้ใหญ่สองข้างทางเรียงร่มรื่นแก้วตาเดินตามหลังด้วยสายตาประหลาดใจ "นี่หรือพระนคร แค่ย่านบ้านของน้าเพ็งก็ดูไม่เหมือนที่ฉันคิดเลย"นายเพ็งยิ้มบาง ๆ "แถวนี้เป็นเขตชั้นใน ไม่พลุกพล่านเหมือนย่านตลาด พวกเอ็งจะได้พักอย่างสบายใจ"ไม่นานนัก เกวียนที่พวกเขานั่งก็มาหยุดหน้าประตูไม้สูงใหญ่ที่มีลวดลายแกะสลักเรียบร้อย เฝ้าประตูด้วยคนรับใช้ พอเห็นนายเพ็งก็ยกมือทำความเคารพทันทีเมื่อผ่านประตูเข้าไป ทุกคนต้องตะลึง บ้านของนายเพ็งตั้งอยู่ในบริเวณกว้างขวาง มีเรือนทรงไทยไม้อยู่ถึงห้าหลัง เรียงตัวรอบลานกว้างกลางสวน ภายในร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และมีสระบัวเล็กอยู่ตรงกลาง ลมเย็นพัดเข้ามาจากแม่น้ำด้านหลังทำให
เมื่อพูดจบน้าเพ็งเอนตัวพิงเสาไม้ กอดอกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้น"ฟังนะ พวกเอ็งสองคน" น้าเพ็งพยักหน้าไปทางไอ้กระบานกับไอ้สันขวาน "ในพระนครผู้คนไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า โดยเฉพาะพวกที่ถืออาวุธติดตัว พวกเอ็งถ้าเดินเพ่นพ่านจะถูกจับตามองแน่ ข้าว่าเราควรมีแผนพรางตัว"ไอ้สันขวานขมวดคิ้ว "แผนอะไรหรือ น้า"นายเพ็งยิ้มบาง ๆ แต่สายตายังจริงจัง "ข้าจะบอกทุกคนว่าพวกเอ็งเป็น ลูกบุญธรรมของข้า ที่พามาจากต่างจังหวัดให้มาช่วยงานอยู่โรงพัก แค่นี้พวกเจ้าหน้าที่กับคนที่พระนครก็จะไม่ระแวง เพราะคิดว่าเอ็งทั้งสองเป็นเด็กที่ข้าอุปการะ"ไอ้กระบานอ้าปากค้าง หันไปสบตาเพื่อนแล้วหัวเราะแห้ง "ลูกบุญธรรมเลยรึน้า…พวกข้าออกจะตัวใหญ่ขนาดนี้"นายเพ็งหัวเราะเบา ๆ "ตัวโตแค่ไหนก็ยังอ้างได้ว่าข้าเอ็นดูพามาช่วยงาน จะดีกว่าถูกมองว่าเป็นคนแปลกหน้ามีอาวุธ"เสือหาญพยักหน้าเห็นด้วย "น้าเพ็งคิดถูก แบบนี้จะทำให้พวกเราไม่ถูกเพ่งเล็งเร็วเกินไป"แก้วตาที่นั่งเงียบอยู่อมยิ้มเล็กน้อย เพราะนึกภาพสองลูกน้องกำยำถูกเรียกว่าลูกบุญธรรมไม่ค่อยออก แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นไอ้สันขวานยกมือเกาหัวพลางพึมพำ "แล้วต้องทำตัวยังไงให้เหมือนลูกน
เสือหาญเดินนำหน้า ใบหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองรอบ ๆ อย่างระวัง ไอ้กระบาน กับ ไอ้สันขวาน เดินตามขนาบทั้งสองข้าง ส่วน แก้วตา เดินตามหลังเงียบ ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ใบหน้าเธอซ่อนความประหม่าเมื่อได้มาอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่แต่งกายแตกต่างจากคนบ้านนอกเมื่อพวกเขาเดินพ้นประตูเมืองมาได้ไม่นาน เสือหาญหยุดยืนตรงมุมตลาดเล็ก ๆ ที่มีศาลาเก่าและร่มเงาต้นโพธิ์ใหญ่ จุดนัดหมายที่ เสือใบ เคยกำชับไว้"ที่นี่แหละ" เสือหาญเอ่ยเสียงนิ่ง พลางพยักหน้าไปทางศาลา "เสือใบบอกว่าจะให้สหายของมันที่เป็นตำรวจมารอรับตรงนี้ พวกเรารอเงียบ ๆ อย่าทำตัวมีพิรุธ"ไอ้กระบานยกถุงเสบียงลงวางแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ "โฮ้ย…ในที่สุดก็มาถึงพระนครซักที ขาลากหมดแล้วพี่เสือหาญ"ไอ้สันขวานหัวเราะหึ ๆ แต่ยังคงระวังตัว "ถึงจะเมื่อยแต่ดีกว่าโดนเป็นเป้าหมายพวกโจรชั่ว"แก้วตาเหลือบมองรอบ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย เธอเอ่ยเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง "พระนครนี่ใหญ่จริง ๆ คนก็เยอะไปหมด"เสือหาญเหลือบตามองเธอเพียงแวบเดียว ก่อนตอบเสียงเรียบ "ระวังตัวไว้ อย่าเผลอพูดอะไรกับคนแปลกหน้า"บรรยากาศตรงศาลาเงียบลง ทุกคนต่างนั่งพักใต้ร่มไม้ ฟังเสียงจอแจข
ทางเดินที่ทอดยาวผ่านทางหลวงโดยไม่มีม้า ลาดเข้าสู่ทางหลวงสายหลักที่มุ่งหน้าไปพระนคร แสงแดดสายเริ่มแรงขึ้น ลมเช้ากลายเป็นลมอุ่น ฝุ่นดินติดตามรองเท้าของทั้งสี่คนจนกลายเป็นคราบแดงคล้ำไอ้กระบาน สะพายห่อเสบียงและหันมาบ่นเบาๆ"พระนครนี่อีกไกลแค่ไหนพี่เสือหาญ เดินจนตีนแทบพองแล้ว"เสือหาญ: เสียงนิ่ง "อดทนหน่อย อีกไม่นานก็จะถึงท่าเรือใหญ่ พอถึงนั่นค่อยขึ้นเรือต่อเข้าเมือง จะได้พักตีนสักหน่อย"แก้วตาเดินตามหลังเงียบๆ สายตาสำรวจทางข้างหน้าอย่างระแวดระวัง เธอรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบๆ ป่าเริ่มเปลี่ยนจากโล่งสว่างเป็นเงามืดครึ้มของต้นไม้ใหญ่เมื่อเดินลึกเข้าไปในเส้นทางสายป่ารก เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นจากด้านหน้า ทำให้เสือหาญยกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนหยุดเดินทันทีฝุ่นคละคลุ้งก่อนที่ม้าสามตัวจะหยุดตรงกลางทาง ชายฉกรรจ์สามคนแต่งกายหยาบๆ มีดสั้นและดาบพกอยู่ข้างเอว ใบหน้ามีรอยแผลเก่า ดูแล้วไม่ใช่คนดีนักหนึ่งในนั้น ซึ่งดูเหมือนหัวหน้า ยักคิ้วยิ้มแสยะ"ไปพระนครกันรึ…ทางนี้ต้องเสียค่าผ่านทางหน่อยว่ะ ไม่งั้นไปต่อไม่ได้”ไอ้สันขวาน: กระซิบกับไอ้กระบาน "ค่าผ่านทาง? นี่มันพวกดักปล้นชัดๆ"เสือหาญ: ก้าวออกมายืนข้างหน
ตีห้า ฟ้ายังสลัวอยู่แต่ลมเช้าพัดเย็นเยียบ เสือหาญสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างมีสติ แสงไฟตะเกียงที่เหลือจากเมื่อคืนยังริบหรี่ เขารีบลุกขึ้นจากเสื่อ หยิบมีดพกและตรวจดาบที่พาดไว้ข้างตัวทันที ความคิดเรื่องการเดินทางเข้าพระนครยังคงกดดันอยู่เต็มหัวเสียงฝีเท้าแผ่วๆ จากหน้าบ้านทำให้เสือหาญหันไปมอง ด้วยความสงสัย เขาเห็นเงาร่างเล็กในแสงเช้าสลัว แก้วตา กำลังเดินหอบห่อผ้าพะรุงพะรังเข้ามาหน้าบ้าน รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าเธอเหมือนตั้งใจมารอแต่เช้า"แก้วตา…เอ็งมาทำไมแต่เช้า" เสือหาญถามเสียงเรียบ น้ำเสียงแฝงความงุนงงแก้วตาวางห่อผ้าลงหน้าประตู หอบหายใจเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้ม ฉันจะไปกับพี่เสือหาญด้วย ให้น้องไปด้วยเผื่อพี่ต้องการคนช่วยนะ"เสือหาญนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าคมเข้มปราศจากรอยยิ้ม เขาไม่เคยบอกแก้วตาเลยว่าจะให้ตามไป การที่เธอมาปรากฏตัวพร้อมข้าวของส่วนตัวเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจปนไม่สบายใจนักเสียงกุกกักจากด้านหลังดังขึ้นเมื่อไอ้กระบานกับไอ้สันขวานออกมาจากเรือน เห็นแก้วตาหอบห่อผ้าก็หันมามองหน้ากันแล้วกระซิบเบาๆ อย่างงงๆแก้วตา: ยกคางขึ้นเล็กน้อย "ฉันจะไปกับพี่หาญด้วย ฉันไม่อยากอยู่หมู่บ้านคนเดียว
เสือบุญยืนกอดอก มองน้องชายด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำหนักแน่น"หาญ…ตอนกูเดินเข้ามาหน้าหมู่บ้าน กูเห็นไอ้คนหนึ่ง…แต่งตัวสะอาด ดูเหมือนพวกมีฐานะ ไม่ใช่ชาวบ้านเราแน่ มันยืนแอบมองเอ็งกับจอมขวัญอยู่…"เขาหยุดเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจ้องลึกเข้าไปในตาของเสือหาญเหมือนจะบีบให้สารภาพ"มันเป็นใคร…มาจากไหนวะ?"เสือหาญชะงักไปครู่หนึ่ง หัวใจเต้นแรงทันทีเมื่อรู้ว่าเสือบุญพูดถึง "นายภัทร" ชายแปลกหน้าที่มาตามหาจอมขวัญเสือหาญหลบตาเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงทุ้มขรึม "มันชื่อภัทร…บอกว่ามาตามหาคนคนที่มันหาก็คือจอมขวัญ ฉันเห็นแก่จอมขวัญเลยให้มันมาพักชั่วคราว"เสือบุญหัวเราะในลำคอเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ "ตามหารึ เขาสองคนมีฐานะอะไรเกี่ยวดองกัน…ดูจากกิริยาท่าทางของมันแล้วไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป กูเห็นแววตามันแล้ว มันแม่งคนละชั้นกับพวกชาวบ้านทั่วไปแน่นอน"บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดขึ้นทันที เสือบุญก้าวเข้ามาใกล้ เอียงหน้าไปกระซิบเสียงต่ำ“กูถามตรงๆ เลยเวือหาญ…มึงแน่ใจนะ ว่ามันไม่ได้เข้ามาเพราะแย่งชิงคนรักของมึงคำพูดนั้นแทงเข้าไปกลางอกเสือหาญทันที เขากำมือแน่น ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นโดยไม่รู้ตัว…เสือบุญเงียบไป