เมื่อเสือหาญต้องเห็นพ่อถูกโจรฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ความแค้นถูกสลักลึกในหัวใจ… วันที่เขาเติบใหญ่ เขากลับมาเพื่อล้างบัญชีเลือด แต่ในเส้นทางแห่งการแก้แค้นนั้น เขากลับได้พบ “รักแท้” กับลูกสาวตำรวจผู้ซื่อสัตย์… รักที่เปรียบเสมือนแสงสว่างเดียวในชีวิตที่เต็มไปด้วยความมืดมิดของเขา
View Moreในสมัยราชการที่ 8 พ.ศ 2477-2494 ช่วงเวลานั้นประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมสูงมาก ทำให้ชุมโจร หรือผู้ร้ายมือฉมังโดยเฉพาะ ชนบท หุบเขา หรือพื้นที่ทุรกันดาร ในยุคปราบโจรย่อมมีตำรวจน้ำดีค่อยปกป้องประชาชนต่อสู้กับอำนาจมืดที่อยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นการจะปราบโจรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พล. ต.อ เผ่า ศรียานนท์ จึงมีคำสั่งให้ จ่าแฉล้ม หรือพันตำรวจตรีแฉล้มลงพื้นที่ประจำการอยู่ที่ อำเภอสวนผึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดราชบุรีติดกับชายแดนพม่า มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและป่าทึบ ทำให้เป็นพื้นที่ ที่ชุมโจรใช้เป็นที่หลบซ่อนพลางตัว
ปังๆ....เสียงลูกปืนดังปะทะกันดังก้องไปทั่วป่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน "หยุดก่อน" ชายวัยกลางคนลั่นออกคำสั่งให้หยุดกะทันหันในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับโจรชั่ว ผู้นั้นคือพันตำราจจ่าแฉล้มถูกขนานนามว่าเป็นตำรวจน้ำดี ไม่มีใครไม่รู้จักเขาแม้กระทั่งในหมู่กลุ่มโจร "จ่า ทำไมถึงไม่ตามพวกมันเข้าไป" ลูกน้องมือปืนตำรวจถามด้วยความสงสัย จ่าแฉล้มยังไม่ได้เอ่ยอะไรตนนั้นเดินออกจากจุดที่ไม่คุ้นเคยกลับไปตั้งหลักยังที่ปลอดภัย เมื่อตนนั้นมาถึงจุดที่จอดรถจึงเอ่ยปากออกมาทันที "พวกนายไม่รู้สึกแปลก ๆ เลยใช่ไหม " จ่าแฉล้มถามในขณะที่ตนนั้นนั่งลงบนโขดหิน "สารวัตรแปลกยังไงก็ปกติเหมือนทุกครั้งที่ออกล่าโจร" ลูกน้องขมวดคิ้วชนกันพลางนึกย้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้นลูกน้องอีกคนก็ก็พูดแทรกกลางบทสนทนาเหมือนว่ากำลังนึกอะไรบางอย่างออกแล้ว หรือว่า....? "หรือว่าอะไรของนาย" " พวกมันจะล่อเราเข้าไปยังเขตของมัน" "ใช่ เราจะประมาทไม่ได้ ถึงแม้ว่าเราจะมีวิชาติดตัวมาบ้างแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสู้พวกมันได้ตลอด" จ่าแฉล้มกล่าว ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือลากน้ำเสียงยาวจนสุดเสียง เด็กสาวสองคนวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา จ่าแฉล้มจึงพาลูกน้องวิ่งตามเสียงไปทันที "อย่านะอย่าทำอะไรฉันเลย" เด็กสาวสองคนจนมุมไม่มีทางหนีทั้งยกมือไหว้ร้องขอชีวิตให้โจรชั่วปล่อยพวกเธอไปแต่มันพวกมันกลับหัวเราะเยาะโดยไม่สะทกสะท้าน "ฮ่า ๆ ขอร้อง ข้อร้องอีกกูชอบว่ะ " ในขณะนั้นเด็กสาวจึงเอื้อมมือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังค่อย ๆ ยื่นมือหยิบไม้เพื่อหวังจะสู้กับโจรส่วนเด็กสาวอีกคนนั้นได้แอบยื่นมือหยิบหินลูกใหญ่กว่ากำปั้นแล้วรอจังหวะจู่โจมตอนพวกมันเผลอ " เห้ยมึงเฝ้ามันไว้ กูจะไปทำธุระ " "เออ ๆ " โอกาสนี่แหละ ฟลั่ว " เด็กสาวปาไม้และก้อนหินทุบไปยังที่ศีรษะของมันจนเลือดอาบ มันนั้นยืนมึนงงมือค่อย ๆลูบบริเวณที่แผลปริออก " เลือด นังสารเลว " ทันใดนั้นเด็กสาวรีบวิ่งหนีแต่ในขระนั้นไอ้ชั่วได้ชักปืนขึ้นเหนือหัวไหล่พร้อมกดกลไกลตรงไปยังเด็กสาว ปัง ! กริ๊ด ? เด็กสาวทั้งสองหันกลับหลังไปมองพร้อมกันใบหน้าถึงกับซีดเชียวเพราะสิ่งเด็กสาวเจอ คือไอ้ชั่วมันโดนยิงเข้าที่ขมับซ้ายจนทะลุขมับขวา "หนู หนูมาจากไหน" เมื่อเสียงปืนเงียบลงลูกน้องจ่าแฉล้มได้จับตัวชายอีกคนได้ทันเวลา ส่วนเด็กสาวทั้งสองเริ่มลดความกลัวลงเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าคือตำรวจ " หนูแค่มาหาเห็ดไปให้พ่อกับแม่ที่นอนป่วยไม่คิดว่าแถวนี่จะมีโจรจ๊ะ" น้ำเสียงสั่นเครือจนมือไม้สั่น จ่าแฉล้มพยักหน้าอย่างเข้าใจ "ออกจากที่นี่เถอะ ฉันกลัวว่าพวกมันจะไม่ได้มีแค่นี้" เด็กสาวน้ำตาคลอดีใจเหลือเกินที่ตัวเองกับน้องสาวนั้นรอดตายแล้ว รถกะบะคันเก่าวิ่งฝุ่นตะหลบเข้ามายังหมู่บ้านที่เด็กสาวอาศัยอยู่ชาวบ้านตาดำ ๆ ที่กำลังตากแดดทำไร่ทำสวนต่างเงยหน้าลุกขึ้นมามองอย่างสงสัยเกิดความอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนรีบก้าวฝีเท้าขึ้นจากไร่สวนเพื่อตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะนาน ๆ ที่จะมีรถตำรวจมาเยือนที่หมู่บ้าน เสียงล้อรถทั้งสี่เบรคเสียงดังจนคนในหมู่บ้านเริ่มทยอยกันออกมาดูหนึ่งในนั้นมีพ่อแม่ของเด็กสาวอยู่ด้วย ในสภาพหน้าซีดเดินห่อเหี่ยวไร้ชีวาเพ่งมองหญิงสาวที่กำลังเดินมาพร้อมตำรวจ "นั้นมันลูกสาวเราไม่ใช่รึ" แม่กล่าว "ใช่ ๆ ทำไมถึงมาพร้อมกับตำรวจ" พ่อกล่าวเสริม "แม่จ๊ะ พ่อจ๊ะ" น้ำเสียงสั่นเครือกลั้นน้ำตาไหวไม่อยู่ในขณะที่กำลังโอบกอดพ่อแม่ไม่ยอมปล่อย ชาวบ้านทุกคนต่างเดินมามุ้งดูอยู่ใกล้ ๆ "เกิดอะไรขึ้น" ชาวบ้านกล่าวถามอย่างร้อนใจ ทันทีที่ชาวบ้านเอ่ยถามจ่าแฉล้มจึงอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ให้ฟังพร้อมกับตักเตือนชาวบ้านไปพร้อม ๆ กัน เมื่อรู้ความจริงแล้วต่างคนต่างเกิดความหวาดระแวงจึงหันซ้ายหันขวามองหาลูก ๆ ที่กำลังเข้าวัยหนุ่มสาว บางคนก็เรียกลูกสาวมาฟังที่จ่าแฉล้มนั้นเตือนจะได้ไม่กล้าออกไปเที่ยวหาผู้ชายยามดึก ๆ " ขอบใจท่านตำรวจ หากไม่ได้ท่านลูกสาวฉันคงไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร" ผู้เป็นแม่ทรุดตัวลงอาแขนทั้งสองข้างโอบลูกสาวไว้พร้อมกับน้ำตาที่ไหลเช็ดหัวเข่าจนบวมแดง "ถ้าเช่นนั้น ผมต้องขอตัวกลับก่อนครับ " จ่าแฉล้มกล่าว ในขณะที่จ่าแฉล้มกำลังจะหันหลังขึ้นรถ จู่ ๆ เสียงชายชราได้เอ่ยตะโกนถามว่า "จ่า ท่านชื่อว่าอะไร ตาแก่ ๆ คนนี้ยังไม่รู้จักชื่อพ่อหนุ่มเลย"หลังจากนั้นเสือหาญไม่หยุดทำภารกิจสั่งให้หน่วยแม่นปืนบุกไปจับนายภัทรถึงที่เสียงไซเรนห่างออกไป แต่ในคฤหาสน์ยังมีเงาความวุ่นวายตำรวจส่วนใหญ่ปิดล้อมรอบนอก เหลือเพียงเสือหาญที่เดินลุยเข้ามากลางควันปืน กลิ่นดินปืนกับกลิ่นเลือดคละคลุ้งจนหายใจแทบไม่ออกเขากวาดตาดูรอบห้องโถงใหญ่ รูปถ่ายของ “ท่านเผ่า” กับ “คุณชายภัทร” แขวนเต็มผนัง เหมือนประกาศอำนาจที่เขาสร้างขึ้นบนเลือดคนอื่น“ภัทร!”เสียงตะโกนของเสือหาญดังสะท้อนกลางห้องจากชั้นสอง เสียงหัวเราะเย็นชาแว่วลงมา“ในที่สุดแกก็โผล่มา... เสือหาญ”คุณชายภัทรก้าวลงบันไดช้า ๆ ในมือถือปืน M1911 สีเงินสะท้อนแสงไฟระยิบเสือหาญเล็งกลับทันทีทั้งสองยืนนิ่งอยู่ตรงข้ามกัน ระยะไม่ถึงสิบเมตร“มึงทำลายทุกอย่างที่กูสร้าง” ภัทรพูดเสียงเยือก“สิ่งที่มึงสร้างมันคือซากศพคนบริสุทธิ์” เสือหาญตอบเสียงเข้ม“ซากศพพวกนั้นมันก็แค่ทางผ่านของคนมีอำนาจ!” ภัทรตะโกน กำปืนแน่นจนเส้นเลือดปูดเสียงปืนดังแทบพร้อมกัน ปัง! ปัง! ปัง!กระสุนเจาะผนังแตกกระจาย เสือหาญกลิ้งหลบหลังเสาไม้โอ๊ก ส่วนภัทรวิ่งหลบหลังโต๊ะหินอ่อนทั้งคู่ยิงสู้กันอย่างแม่นยำ ควันขาวลอยหนาในห้องเสือหาญเปลี่ยนแม็ก
ห้องทำงานลับในกองปราบ / ไฟสลัวสันขวานผลักประตูห้องชะงักมือ ถือแฟ้มเข้ามาวางบนโต๊ะ เสือหาญกับกระบานที่ยืนรออยู่ก้มลงดูพร้อมกัน แผ่นเอกสารถูกกางออกทีละแผ่น เสียงกระดาษคลี่ดังในความเงียบ“เจอแล้วพี่...” สันขวานพูดเสียงเบา แต่ตาเป็นประกาย “นี่เป็นบันทึกโอนผู้ต้องขัง มีคำสั่งย้ายพิเศษหลายครั้ง ลงวันที่ปีที่แล้วกับต้นปีนี้ มีการเซ็นอนุมัติโดยหัวหน้ากองทะเบียนเรือนจำชื่อ ‘พันตำรวจเอก สมบัติ’”กระบานชี้ไปที่คอลัมน์หนึ่ง “ดูนี่ ใบเสร็จรับเงินในบัญชีบริษัท สยาม โลจิสติกส์ จำกัด ธนาคารรายการเดียวกัน ถูกโอนเข้าบัญชี ‘กองทุนพิเศษ’ ของเรือนจำสามครั้ง รวมเป็นจำนวนเงินใหญ่”เสือหาญคีบแว่นขึ้นดู ใบหน้าขึง “มีหมายเหตุการเข้าเยี่ยมพิเศษด้วย รายการเยี่ยมหลายครั้งลงชื่อว่า ‘ตรวจสอบสินค้า’ แต่ในบันทึกการเข้าเยี่ยมจริง ๆ มีการบันทึกว่ามีการพาเจ้าหน้าที่ภายนอกเข้าไปคุยกับผู้ต้องขังเป็นการส่วนตัว”เขารวบรวมเอกสารเพิ่ม ทะเบียนรถที่สันขวานถ่ายรูปได้เมื่อคืน ผูกโยงกับบริษัทขนส่งในบัญชีธนาคารเดียวกัน สลิปค่าจ้างคนขับระบุผู้เบิกเป็นชื่อย่อ “ก.ข.” ซึ่งตรงกับรหัสที่พบในเอกสารแผนที่ของแก๊ง“แล้วคนที่ลงนามอนุม
เสียงนาฬิกาเดินติ๊ก...ติ๊ก...ดังแข่งกับเสียงหายใจของชายคนหนึ่งที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้เหล็กกลางห้อง เสื้อเปื้อนฝุ่นจากการจับกุมเมื่อคืน ยังมีเลือดแห้งกรังตรงขมับตรงข้ามเขาคือ เสือหาญ ที่นั่งนิ่ง มือเคาะโต๊ะเบา ๆ จังหวะสม่ำเสมอ ใบหน้าเรียบเย็นแต่ดวงตาคมจนแทบทะลุหัวใจคนตรงหน้าบนโต๊ะมีแฟ้มรูปถ่าย รถบรรทุก ลังไม้ตรางูพันดาบ และทะเบียนบริษัท “สยาม โลจิสติกส์ จำกัด” วางเรียงเป็นลำดับ เสือหาญเปิดรูปทีละใบให้คนขับมอง เหมือนจะบีบให้พูดโดยไม่ต้องขู่ “เมื่อคืนขับของพวกนี้ไปส่งที่ชายแดน ใครเป็นคนสั่ง?”คนขับก้มหน้าเงียบ เสือหาญยื่นรูปอีกใบให้ดู ภาพเขาเองกำลังยืนคุยกับชายชุดสูทหน้าบริษัทเมื่อคืน “คนนี้...ใช่ไหม?”ชายคนนั้นส่ายหน้าแรง แต่เสียงสั่น “ผม...ผมไม่รู้ชื่อจริง มันเรียกตัวเองว่า คุณชายภัทร ครับ!”เสือหาญนิ่งไปชั่วครู่ เส้นเลือดขมับเต้นแรง ชื่อที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินอีก“ต่อสิ แล้วใครอยู่เหนือมัน?” น้ำเสียงเขาเย็นลงจนน่ากลัว“ผม...ผมก็แค่คนขับรถ มันบอกให้ผมรับของจากโกดัง แล้วไปส่งต่อให้พวกคนชายแดน ผมไม่กล้าเถียงหรอกครับ พวกนั้นถืออาวุธเต็มรถ!”เสียงคนขับเริ่มสะอื้น มือสั่นจนจับแก้
หลังจากประชุมเสร็จ เสือหาญแต่งตัวธรรมดา เสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์เก่า ๆ หมวกสวมหน้าเล็กน้อย ทำตัวเหมือนผู้ชายส่งของคนหนึ่ง เดินวนเวียนรอบอาคารสำนักงานของ สยาม โลจิสติกส์ จำกัด อย่างไม่ให้ใครสงสัยอาคารสองชั้นมีป้ายโลโก้ตัวหนาชัดเจน ประตูรั้วเหล็กปิด แต่บริเวณลานขนของยังมีไฟสว่างอยู่ เสียงรถบรรทุกที่เข้ามาส่งของเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสือหาญเดินช้า ๆ เลียบรั้ว หยอดสายตาสังเกตจังหวะการเข้าออกของคน เฝ้าดูมุมที่มีกล้องวงจรปิด วางตำแหน่งของยาม และจดเวลาจากมุมมืด เขาเห็นคนคุมประตูสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่พกไฟฉาย อีกคนผอมจัดแต่ตาไม่วาง ผู้ชายชุดสูทมาหยุดคุยกับหัวหน้าคนส่ง แล้วหัวเราะกันเบา ๆ คนส่งมองไปที่ป้ายพาเลทก่อนจะขนลังขึ้นรถ เขาสังเกตว่ามีสัญลักษณ์โลหะเล็ก ๆ ติดที่มุมลังหนึ่ง รูปงูพันดาบสะท้อนแสงจันทร์เสือหาญขยับเข้าใกล้กองขยะด้านหลัง หยิบมือถือออกมาแตะถ่ายรูปอย่างไม่รีบร้อน ภาพโลโก้บริษัท ภาพตรางูพันดาบชัดเจน ภาพทะเบียนรถบรรทุก และภาพผู้ชายชุดสูทที่เพิ่งคุยกับหัวหน้าส่งของ เสียงรองเท้าผู้หญิงดังมาจากทางข้าง ๆ เลยต้องนิ่งเป็นหินจนผู้หญิงเดินผ่านไปเขาเปลี่ยนมุมสังเกตเห็นประตูข้างโกดัง
หลังจากต่อสู้และพาเด็กทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างรีบออกมาต้อนรับ บางคนร้องไห้ด้วยความดีใจเมื่อเห็นลูกหลานตนเองในกลุ่มเด็กที่ถูกช่วยกลับมา“ค่อย ๆ นะ พาเข้าเรือนก่อน อย่าให้โดนลมมาก” เสียงเสือบุญสั่งชาวบ้านขณะเปิดทางให้เสือหาญกับลูกน้องพาเด็ก ๆ เข้าไปพักในเรือนใหญ่เด็กแต่ละคนสภาพอิดโรย เสื้อผ้ามอมแมม มีบางคนยังสะอื้นเบา ๆ เพราะยังตกใจไม่หายเสือหาญย่อตัวลง มองหน้าพวกเขาทีละคน “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเอ็งปลอดภัยแล้ว ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายอีก” น้ำเสียงเขานุ่มลงจนน่าแปลกใจสำหรับคนที่เคยเห็นความดิบของชายคนนี้ไอ้กระบานยกน้ำต้มร้อนใส่ขันมาแจก “เอ้า ดื่มสักหน่อย อุ่นท้องไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าจะได้กลับบ้าน”สันขวานช่วยจัดที่นอน วางเสื่อผืนเก่าเรียงติดกันบนพื้นไม้ เขาหันไปบ่นขำ ๆ “พี่หาญ นี่ถ้ามีหมอนอีกหน่อยนะ ข้าจะคิดว่านี่บ้านเด็กกำพร้าแน่ ๆ”“ถ้ามันปลอดภัยกว่าที่เดิม ก็ให้มันเป็นบ้านเถอะ” เสือหาญตอบ พร้อมผ่อนลมหายใจยาว ความเหนื่อยสะสมจากทั้งวันเริ่มไต่ขึ้นมาในอกเสือเดินออกมาพร้อมหม้อข้าวต้ม “คืนนี้กินรองท้องก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ข้าบอกพวกแม่ ๆ ในหมู่บ้านแล้ว พรุ่งนี
แสงตะเกียงน้ำมันสลัว ๆ กระพริบในลานกว้าง เสือหาญลงจากหลังม้า มือยังอุ่นจากการจับบังเหียน เขาเดินตรงไปยังแถวคนเก่า ๆ ที่เคยออกล่าด้วยกันสมัยก่อน พวกนักสู้รุ่นเก๋าที่ตอนนี้บางคนหันไปทำมาหากิน บางคนสวมหมวกกว้างนั่งผิงไฟ แต่ดวงตาทุกคนยังคมเฉียบเหมือนเคย“ขอเวลาสักครู่!” เสียงของเสือหาญดังขึ้น ทุกคนหยุดคุยหันมามองเขาไม่พูดพร่ำ แต่เอาแฟ้มรูปพิมพ์ใบหน้าของเด็ก ๆ ที่หายไปออกมาวางกลางวง“พวกมันลักเด็กตามหมู่บ้านติด ๆ กันแล้วสิบกว่าคน พวกมันใช้เกวียนกับตรา ‘งูพันดาบ’ เป็นสัญลักษณ์” เขาพูดเสียงนิ่ง แต่ทุกคำหนักแน่นคนหนึ่งลุกขึ้น เดิมชื่อ ไอ้ขุน เคยเป็นนักสู้แขนงหนึ่ง ยืนพิงค้อนหัวไม้ “ถ้าเป็นงูพันดาบ พวกนี้ไม่ธรรมดา เป็นพวกค้ามนุษย์ที่มีคอนเน็กชันชายแดนจริง ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดพวกเราไม่ได้”คนแก่คนหนึ่งถอนหายใจ “พวกเอ็งยังคิดจะออกล่าอีกเหรอ ห้าปีก่อนเอ็งก็กลับมาแล้วคราวนึง”เสือหาญสบตาทุกคน “หมู่บ้านสนธยากับเด็กของมันคือบ้านของพวกเรา ถ้าไม่ช่วยกัน ใครจะช่วย?”คำพูดนั้นเหมือนสะกิดใจทุกคน เงียบไปครู่ใหญ่ แล้วเสียงหนึ่งดังขึ้น “ข้าไปด้วย” เป็นเสียงของ เสือบุญ นักรบรุ่นเก๋าผู้เคยยืนเคียงบ่าเ
Comments