"หมิว มึงจะพากูมานั่งสมาธิจริงดิ?"
"อื้อ มึงจะได้เลิกฟุ้งซ่านไง"
"มึงแน่ใจนะ?" ซันถามย้ำ
"เอาอะมาไม่แน่ มึงเลิกเบียดกูแล้วขยับไปนั่งดี ๆ ดิ"
เธอเอ่ยอย่างคนนึกรำคาญซันที่เบียดตัวเกาะเธอราวกับเด็กขี้กลัว แค่เธอพามานั่งสมาธิสงบจิตสงบใจสักหน่อยก็ทำตัวอยู่ไม่สุข สงสัยบาปหนาล่ะสิท่า
"ขยับไปไหนเล่า ขะ ข้างหลังกูเป็นหลุมศพ!"
ซันอยากจะร้องไห้ ให้ตายเถอะ! ยัยบ้านี่พาเขามาเข้าร่วมการฝึกสมาธิที่วัด บอกว่าจะพาเขามาฮีลใจเเละเลิกคิดมาก ใช่ เขาเลิกฟุ้งซ่านก็จริง นั่นเพราะตอนนี้ความกลัวเข้ามาแทนที่ กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว! เพราะยัยเพื่อนบ้านี่พาเขามานั่งสมาธิในป่าช้า! ไม่รู้ว่าไปสรรหากิจกรรมนี้มาจากไหนกัน
"ซันอย่าเสียงดัง รบกวนคนอื่น"
เธอเตือนเขาเพราะเกรงใจคนอื่นที่นั่งอยู่เกือบสิบกว่าคนได้ ถามว่าเธอกลัวไหมก็คงไม่เท่าไร เธอเคยมานั่งทำสมาธิที่นี่พร้อมกับเหล่าแม่ ๆ ที่เธอรู้จัก เป็นการฝึกสมาธิได้ดีเลยทีเดียว เธอเป็นประเภทวัดก็เข้าเหล้าก็กินน่ะ
"หมิวเพื่อน พากูกลับเถอะ กูขอร้อง~~"
ปลายเสียงขอร้องนั่นราวกับคนหมดหวังในชีวิต ซันเบียดตัวเข้าหาหญิงสาวจนแทบจะสิงร่างอยู่แล้ว รบกวนตาที่ปิดอยู่เนื่องจากกำลังทำสมาธินั้น ให้ลืมตาขึ้นมองเขาด้วยสายตาติดจะดุ ๆ
"อะไรของมึงซัน กูบอกให้อยู่นิ่ง ๆ นี่กูหวังดีกับมึงนะเนี่ย อุตส่าห์พามาฮีลใจ มึงช่วยให้ความร่วมมือหน่อยดิ"
"แต่กูกลัวอะ~ มึงไม่บอกแต่เเรกว่าจะพากูมานั่งกลางป่าช้าแบบนี้" ซันเกือบจะน้ำตาคลอ คนกลัวก็กลัวจริง ส่วนเธอที่ไม่กลัวฟ้าดินอะไรเลยก็นั่งนิ่งไม่ไหวติง
"มึงต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้สิซัน กูก็อยู่กับมึงตลอด มึงลองสักชั่วโมง ชั่วโมงเดียว"
คนตัวเล็กที่สวมชุดสีขาวเช่นเดียวกับเขา ผมยาวถูกรวบขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าไร้การเเต่งเเต้มเครื่องสำอางค์ แต่กลับไม่น่าเกลียด กลับดูดีเป็นธรรมชาติเสียอย่างนั้น เธอบอกเขาพร้อมกับทำท่าทีจริงจัง
ซึ่งหากเป็นเช่นนี้นั่นแปลว่าเขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ หากเขาไม่ฟังมีหวังหมิวต้องจัดการดัดสิสัยเขาแน่ ไม่ใช่ว่าเขากลัวหรอกนะ เพียงแค่หมิวกุมอำนาจในฐานะคนดูแลที่มี๊ฝากฝังมา หากขัดคำสั่งมีหวังโดนเปิดกระโหลกแน่
"ชั่วโมงเดียวจะพากลับเลยใช่ไหม?" คนตัวโตเอ่ยถามปากสั่นมองซ้ายขวา
นี่ก็เป็นเวลาราว ๆ ห้าโมงเย็นได้ อีกชั่วโมงหนึ่งก็ค่ำพอดี หากลีลาไม่ยอมทำตามก็จะยืดระยะเวลาให้นานกว่าเดิม ซันจึงได้แต่จำยอม
"ใช่" เธอพยักหน้า
"ก็ได้ แต่กูขอนั่งตักมึงได้ไหม กูเสียวหลังแปลก ๆ "
"มึงจะบ้าหรือไง กูไม่ไส้แตกเลยเหรอ ตัวเท่าควายยังจะมานั่งตักกูที่ตัวเท่าเเมวเนี่ยนะ"
โชคดีที่แต่ละคนเเยกกันนั่งคนละที่ บทสนทนาของทั้งสองคนจึงไม่เป็นการรบกวนการทำสมาธิของคนอื่นมากนัก
"ก็กูกลัวอะ"
"มึงมานั่งข้างหน้ากูมา" เธอปวดหัวกันคนแบบซันจริง ๆ ตัวเท่าควายแต่ใจเท่ามด
"ไม่เอา เสียวข้างหน้า"
"งั้นมึงจะเอายังไงซัน กูปวดหัวกับมึงแล้วนะ"
"กูขอมือมึงข้างหนึ่งสิ" ซันว่าพลันนั่งขัดสมาธิเเละเบียดตัวเข้าชิดคนตัวเล็กอีกหน ด้วยทีท่าร้อนรน
"มึงจะบ้าเหรอ กูก็พิการสิ"
"กูไม่ได้จะตัดมือมึง แต่จะขอมาจับเฉย ๆ "
ไม่ว่าเปล่าเขาคว้าไปจับมือข้างหนึ่งของเธอมายัดไว้บนตัก โดยไม่ต้องรอคำตอบ ก่อนจะหลับตาปี๋เพราะความกลัวที่มีตีขึ้นหัว
"อ๋อ อื้อ คิก คิก"
เธอที่มองการกระทำของซันก็กลั้นขำจนใบหน้าบิดเบี้ยว นั่นก็เพราะสภาพของซันดูตลกจนหาคำมาบรรยายไม่ได้ เธอรู้ดีว่าซันขี้กลัวจะตาย กลัวผี กลัวความมืด น่าแปลกที่คนกลัวถูกผีหลอกแบบมันเลือกให้คนหลอก จะเรียกว่าฉลาดน้อยหรือโง่ดีล่ะ?
"จะเขี่ยเพื่อ?"
เพราะซันนั้นอยู่นิ่งไม่เป็น เขาเอามือเธอซุกตักไม่พอยังเอานิ้วมาเขี่ย ๆ มือเธอไม่หยุด
"จะบอกว่าอย่าหนีไปไหนนะ มึงอย่าชิ่งทิ้งกูล่ะ"
เขาเอ่ยปากบอกเธอแต่กลับไม่ยอมลืมตา เพราะกำลังนับเลขในใจให้คลายความกลัวลง แม้จะไม่ค่อยช่วยเท่าไรก็เถอะ
"ไม่หนีหรอกน่า ใครจะกล้าทิ้งมึง"
คนตัวเล็กเอ่ยประโยคนั้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก เธอมองมือหนาคู่นั้นที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ ภายในใจก็เกิดความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เธอมักจะรู้สึกดีทุกครั้งที่ซันทำแบบนี้กับเธอ แต่เเล้วต้องรีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัวในทันที แต่ทว่า
"กูก็ไม่ให้มึงไปไหนเหมือนกันแหละ"
มันก็เป็นเพียงประโยคธรรมดา ที่เพื่อนคนหนึ่งจะสามารถพูดได้นี่ แต่ทำไมกันนะ ทำไมเธอถึงอยากให้สิ่งที่เขาพูดมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น และเกิดขึ้นจริง อยากให้เขาต้องการเธออยู่ข้างกายเสมอ ไม่ว่าสถานะอะไรก็ยินดีทั้งนั้น...
"มึงพูดแล้วห้ามคืนคำนะ"
"มันแน่อยู่เเล้วเพื่อน"
เพื่อน...เพื่อนอีกแล้ว คำก็เพื่อนสองคำก็เพื่อน เธอคงมีสิทธิ์เป็นได้แค่นี้สินะ ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็เป็นได้แค่นี้ คิดแล้วหัวใจดวงน้อยก็หล่นตุ๊บ ปวดหนึบจนพูดอะไรต่อไม่ไหว ได้แต่หลับตาและปลอบใจตัวเองต่อไป
บางทีเธออาจจะหวังอะไรที่เกินตัวมากไปหน่อย อย่างเธอจะเอาอะไรไปเทียบกับคนที่ซันชอบ ก็คงไกลกันหลายโขเลยแหละ ทั้งฐานะครอบครัว แม้กระทั่งรูปร่างหน้าตายิ่งไปกันใหญ่ ไม่ใช่ว่าหมิวไม่สวย เธอเพียงแค่ไม่ใช่แบบพิมพ์นิยมก็เท่านั้น
รถยนต์คันหรูขับเข้าจอดหน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่ผู้เป็นพ่อของซันบริหารอยู่ แต่ไม่แน่ว่าอีกไม่นานซันเองก็จะมีโอกาสมาดูแลเเทน นั่นเพราะพี่ชายคนโตอย่างเฮียโซลก็มีธุระกิจของตัวเอง ส่วนเฮียโซ่รายนั้นไม่คิดจะสนใจ ไปทำตามความฝันของตัวเองที่เมืองนอก เหลือเพียงซันเท่านั้น แม้เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ไม่เอาไหนมากที่สุด มาเวลานี้กลับเป็นคนที่เอาการเอางานจนราวกับเป็นคนละคน"ป๊าไม่ได้บอกมี๊แน่นะ?"ซันเอ่ยถามผู้เป็นพ่อที่ลงจากรถมาพร้อมกัน เพราะเขาเตรียมเซอร์ไพร์สคนที่แอบคิดถึง เขาตั้งใจไม่ยอมบอกหมิวว่าจะกลับวันไหน รอให้เขาเดินเข้าไปเจอเธอโน่นแหละถึงจะตื่นเต้นดี คิดเเล้วก็กลับเป็นตัวเขาเองที่ตื่นเต้นมากกว่าเธอด้วยซ้ำ"ยังไม่บอก ๆ ""ป๊าว่าหมิวเจอผมจะดีใจม่ะ?" ในระหว่างเดินเท้าเข้าบ้านซันก็เอ่ยถามกวน ๆ อย่างปกติ ในใจพลันเต้นเเรงอย่างบอกไม่ถูก"คิดว่าไม่" ผู้เป็นพ่อเองก็เอ่ยความจริงในใจอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด"ป๊า!! ป๊าไม่คิดว่าเมียผมจะคิดถึงผมบ้างเลยหรือไง"ชายหนุ่มทำปากคว่ำเมื่อไม่เป็นดั่งใจ เขาก็คาดหวังคำตอบที่จะตรงกับใ
"วู้ว ~~~~~"หลังจากประโยคพูดของเธอจบลง ก็เกิดเสียงโห่ร้องดังทั่วทั้งร้าน โดยเฉพาะเหล่าเพื่อนทั้งสามที่คอยเชียร์อยู่ด้านล่าง ซึ่งดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าใคร ๆ ฉากสวีทหวานของหนุ่มสาวที่จูบโชว์สายตาหลายคู่นั้น เรียกเสียงฮือฮาและเสียงแซวกันยกใหญ่ หนำซ้ำยังมีหลายคนต่างก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก"กรี๊ดดด!" เมื่อไม่เป็นที่สนใจก็ต้องสร้างจุดสนใจ เจนกรีดร้องราวกับคนปรี๊ดแตกเมื่อถูกหักหน้าแบบนั้น เธอคิดเสมอว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น โดยเฉพาะหมิว แต่ตอนนี้เธอกลับแพ้! เธอไม่อยากยอมรับมันเด็ดขาด!"อะไรวะเนี่ย ร้องน่ารำคาญชะมัดเลย" ทัพเอ่ยจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ นั่นเพราะรำคาญเสียงแสบแก้วหูที่ร้องวีด ๆ อยู่ในตอนนี้"แต่งเลย แต่งเลย แต่งเลย"จู่ ๆ เสือก็แหกปากร้องเชียร์เสียงดังลั่นร้าน เป็นตัวเปิดให้อีกหลายคนได้ร้องตามบ้าง ทำเอาหมิวรีบดันตัวซันออกห่างทันที เธอตั้งใจว่าจะหันไปส่งสัญญาณให้เพื่อนหุบปากเสียที เธอเพียงแค่อยากให้ยัยนั่นหน้าแตกก็เท่านั้น ส่วนเรื่องแต่งงานมันไม่ใช่เวลานี้ซะหน่อย เธอกับซันตกลงกันแล้วว่าต้องใช้เวลาอีกสักพัก"อื้อ~ เสือ มึงหุบปาก
"เด็ก ๆ มานี่ซิ"เสียงเรียกดังขึ้นภายในบาร์ซึ่งซันเป็นเจ้าของกิจการอยู่ เขาเอ่ยเรียกน้อง ๆ พนักงานในร้านเข้ามา เพื่อแนะนำใครบางคนให้เหล่าพนักงานทุกคนได้รู้จัก ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนตัวเล็กข้างกายเขา"สวัสดีครับเฮีย"หนุ่มน้อยราว ๆ สิบคนเดินเข้ามาทักทายเจ้าของร้าน เวลานี้ในร้านไม่มีลูกค้าเลยสักคน มีเพียงพนักงานที่นั่งเหงาหงอยกันเท่านั้น"อื้อ นี่ ซ้อหมิว เมียเฮียเอง""หู้~~~ ซ้อสวัสดีครับผม"หนึ่งในโฮสเดินเข้ามาไหว้เธออย่างใกล้ชิด ทั้ง ๆ ที่ซันก็เพิ่งบอกไปหมาด ๆ ว่านี่เมียเขา ไอ้เด็กพวกนี้เห็นสาวหน่อยเป็นไม่ได้ ถึงกับวิ่งเข้าใส่ไม่ดูตีนดูมือผัวเขาเลยสักนิด"เมียกู! ๆ "ซันง้างเท้าหมายจะถีบหนุ่มน้อยคนนั้นเสียเเล้ว แต่โชคดีที่โดนหมิวตีขาไว้ก่อน เพราะซันเป็นแบบนี้เด็กมันถึงไม่นับถือล่ะสิ"ซันหยุดดิ๊""ขอโทษครับเฮีย ผมแค่หยอกซ้อเล่นเฉย ๆ ""ช่างเถอะ ๆ ในนี้ใครเป็นเบอร์ตอง"หมิวมาถึงก็เปิดประเด็นถามทันที นั่นเพราะเธอสังเกตทุกอย่างโดยรอบ การจัดตกแต่งทุกอย่างในร้านซันทำได้ดีมาก ดีจนน่าทึ
"ทำได้แน่นอนครับ หมิวรอนะ"คนตัวโตเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาที่มองเธอก็ล้วนแต่จริงจัง เพราะเขาอยากทำเพื่อเธอจริง ๆ หมิวเองก็รับรู้ถึงความตั้งใจของซัน เธอเองก็ดีใจจนแทบร้องไห้เหมือนกัน แต่ดีที่กลั้นน้ำตาไว้ได้ นี่คือซันที่เธอต้องการไม่ใช่หรือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธออดเป็นห่วงซันไม่ได้เลยสักวัน กลัวว่าถ้าเขาไม่เอาไหนแบบนั้นแล้วใครจะทนอยู่กับเขาได้ ใครจะรักและอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือเขา เธอทั้งรักทั้งห่วงขนาดนี้ หวังว่าต่อจากนี้ไปซันจะเป็นคนที่ดีขึ้น และพึ่งพาได้อย่างที่เขาสัญญา"อื้อ จะรอแล้วกัน แต่ต้องมาขอจริง ๆ นะ หม้ายขันหมากไม่เอานะเว่ย" เธอเอ่ยติดตลกพร้อมกับโถมตัวเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้า"หม้ายได้ไงเล่า มึงได้กูแล้วนะหมิว เราต้องแต่งงานกันอยู่เเล้ว""สลับบทพูดป่ะ คือมึงต้องบอกว่ามึงได้กู""ไม่ เราได้กันต่างหาก" ประโยคนี้ซันเริ่มพูดเสียงดังมากขึ้น จนเธอกลัวว่าคนที่อยู่บนบ้านจะได้ยินเข้า จึงรีบห้ามปราม"อย่าเสียงดังซัน""เอ้า ก็พูดความจริงอะ ว่าแล้วก็...วันนี้เรามารื้อฟื้นความหลังหน่อยไหม?"รอยยิ้มร้ายยกขึ้นมุ
"อย่าโทษตัวเองสิหมิว กูต่างหากที่ผิด กูไม่หนักแน่นพอทำให้มึงคิดมากเอง แต่กูไม่เคยทำแบบนั้นจริง ๆ มึงเชื่อกูแล้วใช่ไหม กูรักมึงมากเลยนะหมิว ต่อให้มึงไม่บังคับกูหรือขอร้องกู กูก็จะซื่อสัตย์กับมึงแค่คนเดียวนะ"ซันผละตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยร่ายยาวด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นเช่นเดียวกับเเววตา ความหมายที่สื่อออกมาไม่มีผิดเพี้ยน นั่นเพราะเขารักคนตรงหน้ามาก และสัญญาว่าจะดีกับเธอเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำเพื่อคนที่รักได้"ต่อไปนี้เราเชื่อมั่นในกันและกันนะ กูสัญญานะหมิว กูจะป็นคนที่ดีกว่านี้เพื่อมึง กูจะไม่ทำให้มึงคิดมากหรือเจ็บแม้เเต่นิดเดียว ให้โอกาสคนแย่ ๆ แบบกูอีกสักครั้งนะ"ครั้งนี้ซันจริงจังมากเสียจนเธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ยิ่งพอเวลาที่เธอได้สบตาเข้ากับดวงตาคมคู่นั้นก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ดวงตาคู่นี้ที่เธอหลงรัก เช่นเดียวกับเขาที่ชอบดวงตากลมคู่นี้ของเธอ รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากเล็ก เธอไม่ตอบเขาเพียงแค่พยักหน้า นั่นก็เป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว"โคตรรักมึงเลย จุ๊บทีดิ๊" ซันดีใจจนแทบเก็บอาการไม่ไหว ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ความเหนื่อยล้า
ซันเอ่ยตามตรงไม่มีโกหก เขาไม่ได้นอนจริง ๆ เพราะมัวแต่นั่งคิดทุกอย่างจนกระทั่งหาทางออกได้แล้ว และรอเพียงเวลาเท่านั้น ระหว่างนี้เขาจึงพยายามพิสูจน์ตนเองกับครอบครัวของหมิว เผื่อท่านจะรู้สึกเอ็นดูเขาขึ้นมาบ้าง? หรือไม่ก็อาจจะทำให้ท่านอยากฆ่าเขาน้อยลงหน่อยก็ยังดี"ใครถ่างตามึงไว้ ทำไมไม่นอน" คุณตาเอ่ยปากเหน็บแนมพร้อมกับเดินลงบันไดบ้านผ่านร่างซันลงมา แต่เช้านี้ท่านกลับไม่มีทีท่าจะเอาอะไรมาทุกเขาอย่างเมื่อวานเเล้ว"ไม่มีครับ ผมแค่นั่งคิดเรื่องสำคัญ" ซันตอบกลับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม พร้อมกับชะโงกหน้าขึ้นไปดูบนบ้านว่าหมิวนั้นตื่นหรือยัง เขาอยากเจอหน้าเธอให้ชื่นใจสักหน่อย แต่กลับต้องผิดหวัง"มึงมองอะไรไอ้เผือก""มองหาเมียครับ""โว๊ะ! ไอ้ห่านี่ มึงอยากตายเหรอ?" คุณตาเริ่มอารมณ์เสียกับคำตอบของซันเสียแล้ว ไม่แน่ซันอาจจะตั้งใจพูดก่อกวน แต่ไม่แน่อีกว่านี่เป็นนิสัยปกติของเขา"ปะ เปล่าครับ ๆ แฮ่ แฮ่" ซันถึงกับยิ้มแห้งให้คุณตา นั่นเพราะเขากลัวว่าหน้าตาตัวเองจะไปสะดุดอาวุธมีคมที่คุณตาแกสะสมไว้จะเป็นเรื่องเอาได้"แล้วคุณตาจะไปไหนเหรอครับ? มีอะไ