ลินดาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อที่อยู่เกือบชิดหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้หน้าไม่เหมือนคนที่เธอนัดด้วยวันนี้เลย พยายามหรี่ตามองว่าเขาคือใคร แต่สุดท้ายก็มองไม่ออก เพราะตามันลายไปหมด
"เพ่งอะไรขนาดนั้น ถ้านึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึก ครั้งนี้ครั้งที่สองแล้วนะที่ฉันช่วยเธอ ครั้งแรกฉันปล่อยเธอไปแล้ว แต่เธอก็กลับมาอีก แบบนี้มันพรหมลิขิตแล้วชัด ๆ"
พายุเอ่ยอย่างหยอกเย้าคนเมา ก่อนอุ้มร่างบางขึ้น พาเดินไปบนห้องพักชั้นสามห้องเดิมกับเมื่อคืน
เมื่อวางร่างเล็กลงบนที่นอน มองดูการแต่งตัวของเธอวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานลิบลับ ที่แท้ก็รู้จักปกป้องตัวเองเหมือนกันนี่่หว่า มาพบคนไม่รู้จักพยายามไม่แต่งตัวเซ็กซี่ แต่ทว่าเธอคงลืมไป ว่ามีผู้ชายหลายคนชอบแบบนี้ มันดูน่าค้นหาดีกว่าผู้หญิงที่ชอบเปิดเผยเป็นไหน ๆ และเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ชายเหล่านั้นด้วย
วันต่อมา
ลินดาลืมตาตื่นตอนเช้าอีกวัน และสถานที่นี้ที่เธอตื่นก็คือห้องเดิมเหมือนเมื่อวาน อีกทั้งยังรู้สึกสัมผัสหนัก ๆ ที่หน้าท้อง เมื่อหันไปมองก็พบเจ้าของผับนอนกอดเธออยู่
น่าแปลกที่ไม่นึกอยากโวยวาย กลับทำได้เพียงสำรวจหน้าตาหล่อเหลาของเจ้าของท่อนแขนแกร่ง คิ้วเข้มดกดำ ขนตางอนยาวอย่างกับผู้หญิง น่าจะยาวกว่าของเธออีกมั้ง จมูกก็โด่งเป็นสัน ใบหน้าขาวใสราวกับผู้หญิง แต่ทว่ามีความคมคายแบบผู้ชาย ท่อนแขนที่วางพาดบนหน้าท้องเธอก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม
"จะจ้องอีกนานไหม"ลินดาตกใจ เขยิบตัวหนีตามสัญชาติญาณเมื่ออยู่ ๆ ร่างสูงข้าง ๆ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ราวกับว่าเขาตื่นก่อนเธอนานแล้วแต่แกล้งหลับตาไว้
"หึ...ฉันหล่อมากเลยสิ"
"หลงตัวเอง"เสียงหวานพึมพำตอบกลับ พยายามจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ไม่เป็นผลเมื่อคนตัวโตดึงเธอจนล้มเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
"จะไปไหน?"
"จะกลับ...ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ"ร่างเล็กดิ้นขยุกขยิก แต่แรงเธอเท่ามดจะไปสู้แรงผู้ชายที่ออกกำลังกายเป็นประจำได้อย่างไร แถมยิ่งเธอดิ้นก็ยิ่งสัมผัสแนบชิดขึ้นไปอีก แบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ มันอันตรายต่อหัวใจเกินไป
"ฉันบอกตอนไหนว่าให้เธอกลับ"
"มีสิทธิอะไรจะขังฉันไว้ที่นี่ เมื่อวานฉันให้โอกาสคุณแล้ว แต่คุณปฏิเสธมันเองนะ"
เสียงทุ้มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ นึกขำเธอ คำพูดพวกนี้มันหลุดออกมาจากคนที่เป็นรองได้อย่างไร เขาต่างหากที่ต้องเป็นคนต่อรองเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาต่อรองเขา
"ฉันหรือเธอที่เป็นต่ออยู่ตอนนี้"
"ห๊า!!! อ๋อ...ฉันไง"
ร่างสูงปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนจะนอนหงาย เอามือยกขึ้นก่ายหน้าผาก ทำทีราวกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำเธอ
"ฉันช่วยเธอสองครั้งแล้วนะ เด็กดี"
"ทวงบุญคุณทำไม บอกแล้วคุณหมดสิทธิ์ตั้งแต่คุณปฏิเสธฉันเมื่อวานแล้ว อีกอย่างฉันไม่ได้ขอให้คุณช่วยด้วย มานึก ๆ ดูแล้ว หากฉันไปกับคนที่คุณไปช่วย น่าจะปลอดภัยกว่ามาอยู่กับคุณแบบนี้เสียอีก ไม่ได้เป็นอะไรกัน ยังมานอนกอดฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต"
"แล้วต้องเป็นไรกันล่ะ ถึงจะนอนกอดกันได้"
"แก่จนป่านนี้ไม่รู้เหรอ ไม่รู้ก็โง่ต่อไปแล้วกัน ฉันจะกลับไปนอน"
ลินดาคว้ากระเป๋าตรงหัวเตียง เปิดประตูออกไป แต่ทว่ากลับมีลูกน้องของเขายืนขวางทางอยู่ ทำให้เธอไม่สามารถเดินออกไปได้
"บอกให้ลูกน้องคุณหลีกออกไปด้วย"
"บอกเองสิ"
พายุลุกขึ้นเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ตัวเดิมเหมือนเมื่อวาน เอาบุหรี่ออกมาจุดสูบด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่ยืนหน้าตาบูดบึ้งอยู่ตรงประตูห้อง ก่อนจะได้ยินเสียงเธอบอกราชันย์ ลูกน้องคนสนิทของเขา ให้หลีกทางให้ ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นใบหน้าเรียบเฉยกลับมา
"นี่คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่ หรือคุณสนใจฉันเหรอ"
"ใช่...ฉันสนใจเธอ เรามาตกลงกันดีกว่า"
"ตกลง...ตกลงอะไร ฉันไม่มีอะไรจะตกลงกับคุณ อย่ามาทำวางอำนาจจะฉวยโอกาสข่มขู่ฉัน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก"ลินดาเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่กลัว ทำใจดีสู้เสือปากดีไปก่อน ไม่แน่กับผู้หญิงเขาอาจไม่คิดทำอะไรรุนแรงก็ได้
"ฉันอยากได้ของตอบแทน"คำพูดราบเรียบ แถมไม่ได้หันมาสบตาของเขา ทำเอาเธออึ้งไปเหมือนกัน ตกลงเขาเป็นคนประเภทไหนกันแน่
"เมื่อวานฉันให้โอกาสคุณแล้ว วันนี้ฉันไม่มีให้อีก"
"ฉันเองก็ให้โอกาสเธอไปแล้วเหมือนกัน แต่เมื่อคืนเธอก็ยังพาตัวเองมาให้ฉันช่วยอีก แบบนี้เขาเรียกว่าหนีกันไม่พ้นนะ"
"หมายความว่าไง"
พายุพ่นควันบุหรี่อบอวลไปทั่วห้อง ก่อนเอามันบี้กับที่เขี่ยบุหรี่ หันมามองหน้าเธอตรง ๆ ก่อนจะพูดคำที่ทำเอาลินดาอ้าปากค้าง
"วันนี้เธอไม่มีโอกาสได้ออกจากห้องนี้อีก นอกจากฉันจะอนุญาต ไม่ว่าจะยังไง"
ความกลัวเริ่มเกาะกินใจ ร่างกายเริ่มร้อนรุ่ม ไม่รู้ความหมายที่เขาพูดจะใช่แบบที่เธอคิดหรือเปล่า อีกอย่างเธอไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
"คุณจะทะ ทำอะไร"
"สั่นขึ้นมาเชียวนะ ไหนว่าเก่ง เมื่อกี้ยังขู่ฉันฟ่อ ๆ อยู่เลย แต่ฉันไม่ชอบเล่นบทบังคับ ฉันชอบเล่นบทสมยอม"
หมดเวลาที่เขาจะใจดีกับเธอแล้ว บอกแล้วเขากับเธอไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ตอนนี้เธอคือเหยื่อที่มาให้เขาขย้ำถึงที่ถึงสองครั้ง และครั้งนี้เขาคงไม่ใจดียอมปล่อยเธอไปอีก
"คุณโกรธฉันเรื่องอะไร ฉันเคยไปทำอะไรให้คุณ ทำไมถึงจะทำแบบนี้กับฉัน"
"ชู่~เด็กดี เธอกำลังเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้โกรธเธอ ไม่งั้นฉันจะอยากได้เธอไปทำไม ว่าง่าย ๆ ดีกว่า เราจะได้มีความสุขด้วยกัน"
"แค่ร่างกายฉันเหรอที่คุณต้องการ คือสิ่งที่ตอบแทนเรื่องที่คุณช่วยฉันใช่ไหม"
ลินดาไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลย เขาเหมือนคนอารมณ์สองขั้ว จะว่าร้ายก็ไม่เชิง จะว่าดีก็ไม่ใช่ ก่อนหน้าเธอเคยเจอกับเขาสองสามครั้ง นอกจากครั้งที่เขาเป็นคนไปส่งเธอที่คอนโดตอนเรื่องของปิ่นมุก นอกนั้นเธอก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกับเขาอีก ยอมรับว่าครั้งนั้นเธอก็ด่าเขาไปเยอะจริง ๆ แต่เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ทำไมถึงเพิ่งจะมาโกรธแค้นเธอ
"ผู้หญิงอย่างเธอ ที่ผู้ชายไล่ตอมเป็นแมลงวัน คิดว่ามีไรดีนอกจากร่างกายสด ๆ ของเธอ อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป ฉันไม่ได้จะเป็นแฟนเธอเสียหน่อย แต่เราจะมีผลประโยชน์ร่วมกัน"
"ผู้ชายที่ไม่ให้ค่าผู้หญิงแบบคุณ ก็คงไม่มีใครอยากเป็นแฟนเหมือนกัน คุณเองก็อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไป แค่ที่ยังโสดจนถึงป่านนี้ ก็น่าจะคิดได้นะคะ ว่าทำไมถึงยังหาแฟนไม่ได้"
ผู้หญิงแบบนี้แหละที่เขาต้องการ ไม่ได้ต้องการผู้หญิงที่หงอให้เขาอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย มันคือมวยถูกคู่เลยก็ว่าได้
"เธอกำลังถูกแม่บังคับให้มีแฟนนิ ถึงขนาดจะไปจ้างคนอื่นให้มาเป็นแฟน จะไปเสียเงินทำไมให้ยุ่งยาก เอาฉันนี่แหละเป็นแฟนเธอ"
"รู้ได้ยังไง"
พายุหันไปพยักหน้าให้ราชันย์เดินเข้ามาในห้อง"เมื่อคืนมึงไปจัดการไอ้เด็กนั้นเป็นยังไงบ้าง"
"มันบอกว่าเป็นคนที่หลอกผู้หญิงว่ามันทำอาชีพรับจ้างเป็นแฟนครับ ทำมาสักพักแล้วด้วย เมื่อคืนมันนัดคุณลินดามาเพราะเห็นรูปโปรไฟล์เธอแล้วถูกใจ กะว่าจะมอมเหล้าแล้วพากลับคอนโดเหมือนทุกที แต่เฮียไปช่วยไว้ได้ก่อน"
ลินดาอ้าปากเหวอ ไม่คิดว่าเธอจะถูกหลอกจากผู้ชายที่ดูรูปร่าง หน้าตาดีได้ นึกย้อนไปเมื่อคืน ครามเองก็ไม่ได้ขยั้นขยอให้เธอดื่มเหล้าเสียหน่อย แต่เป็นเธอเองที่รู้สึกประหม่า เลยดื่มจนเมามาย
"แต่เขาไม่ได้บังคับให้ฉันดื่มนะ แบบนี้จะเรียกว่าหลอกได้ยังไงกัน นี่พวกคุณรวมหัวกันหลอกฉันใช่ไหม"
"ถึงขนาดนี้ยังคิดว่าตัวเองฉลาดอยู่อีก จะถูกลากไปเอาอยู่แล้ว ถ้าฉันไม่ไปช่วยไว้ แถมไอ้เด็กนั่นมันยังปากดีอีกด้วยนะ แต่ตอนนี้มันน่าจะนอนอยู่โรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง"
ความกลัวเริ่มเกาะกินใจเธออีกครั้ง ทำไมครั้งนี้เธอไม่คิดว่าเขาพูดเล่น อาจเพราะแววตาคมที่ส่งมาไม่ได้มีแววล้อเล่นสักนิด มันดูดุดัน น่ากลัว คนแบบนี้น่าจะเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลา เธอเองก็ไม่รู้จะรอดออกไปได้หรือเปล่า
"กลัว?"พายุที่เห็นท่าทางคนตัวเล็กแปลกไป ใบหน้าขาวใสดูซีดเผือด บริเวณกรอบหน้ายังมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมออกมา
ลินดาคลอดลูกชายคนแรก พายุเป็นคนตั้งชื่อให้ว่าธันเดอร์ ตอนนี้อายุได้หกเดือนกว่าแล้ว พร้อมกับในท้องลินดาที่มีเจ้าตัวเล็กคนที่สองอาศัยอยู่ได้สองเดือนแล้ว เรียกได้ว่าคลอดปุ๊ป แผลหายปั๊บ พ่อแม่มือใหม่ก็จัดการปั้มลูกกันทันที คนนี้ดีหน่อยเพราะคนแพ้ท้องไม่ใช่ลินดา แต่เป็นพายุที่มีอาการแพ้ท้องแทน จนโดนเพื่อนล้อ ว่ารักเมีย กลัวเมียมาก ถึงขนาดแพ้ท้องแทนเมีย "เฮียไปทำงานไหวหรือเปล่า" ลินดาถามขณะที่มือก็คอยลูบหลังคนตัวสูงที่โก่งคออาเจียนอ้วกตั้งแต่เช้า "ไปไหว วันนี้มีประชุมสำคัญด้วย" พายุที่บอกว่าไม่ชอบธุรกิจของครอบครัว ตอนนี้เรียกได้ว่าเข้ามาบริหารบริษัทแทบจะเต็มตัวแล้ว ส่วนคนเป็นพ่อ ก็ได้วางมือพักผ่อนเลี้ยงหลานอยู่บ้านบ้าง ลูกชายคนนี้เรียกได้ว่าอยู่กับลินดาน้อยมาก เพราะคนเป็นปู่กับย่าเอาไปเลี้ยงเองตลอดเวลา มีแค่ช่วงเพิ่งคลอดเท่านั้นที่ลินดาให้นมลูกจากเต้า แต่พอเริ่มปั้มนม นันทวัฒน์กับจันจิราก็พาไปนอนด้วยทันที นี่คือเหตุผลที่น้ำยาของพายุแสดงผลเร็ว เพราะมีเวลาทำการบ้านทุกวัน ยังคงเป็นคนกินดุ เหมือนเดิม และลินดาเองก็ยังคงเป็นคนตอบรับเขาอย่างเต็มใจ "แต่ลินว่าเฮียไม่ไหวนะ ที่ผับวันนี้ก็บอกให้
สองเดือนผ่านไป เสียงเพลงหวานคลอเคล้า พร้อมบรรยากาศแห่งความชื่นมื่นของครอบครัวทั้งฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พายุและลินดาที่ยังคงยืนถ่ายรูปกับแขกเหรื่อในงาน ถึงแม้เจ้าสาวจะยังไม่หายแพ้ท้อง แต่อาการก็ดีขึ้นมาก อีกทั้งเจ้าบ่าวยังคอยถามไถ่อยู่อาการอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม พิธีแต่งงานของพายุกับลินดาดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายก่อนจะเป็นเวลาปาร์ตี้ของบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว ที่งานนี้เจ้าบ่าวขนเคาท์เตอร์บาร์พร้อมบาเทนเดอร์หนุ่มหล่อมาเปิดผับถึงที่โรงแรมจัดงานแต่ง ทำเอาแขกในงานตื่นเต้นมากกว่าปกติ เพราะเป็นผับที่มีชื่อเสียง แล้วยกมาให้ดื่มถึงที่นี่ เลยเป็นที่ชอบอกชอบใจของแขกยิ่งนัก "เอาล่ะครับตอนนี้ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมากล่าวอะไรกับแขกเหรื่อในงานสักหน่อยนะครับ" พายุกุมมือลินดาแน่น เดินขึ้นไปบนเวที ได้รับเป็นเสียงโห่ของเพื่อนเจ้าบ่าวที่มองเห็นภาพความหวานของคนทั้งคู่ "ก่อนอื่นเราอยากรู้ถึงที่มาที่ไปของความรักของคนทั้งคู่ และอยากรู้ว่ารักกันมากขนาดไหน ผมเชื่อว่าแขกเหรื่อก็ต้องอยากรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ใช่ไหมครับ" "อยากรู้ค่ะ"เสียงเพื่อนเจ้าสาวตะโกนตอบ "ว่าความร
หลังจากงานแต่งของเพลิงกับปิ่นมุกผ่านไป เดือนหน้าก็จะเป็นงานแต่งของคิณกับขวัญตา อีกเดือนก็จะถึงคิวของลินดากับพายุ เรียกได้ว่าเรียงติดต่อกันสามเดือนเลยทีเดียว ตอนงานปิ่นมุก ลินดาแพ้ท้องอย่างหนัก เธอแทบจะยืนในงานนาน ๆ ไม่ได้ ต้องให้พายุประคองเธอตลอดเวลา ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวได้ไม่เต็มที่ ปาร์ตี้ตอนค่ำก็ไม่ได้อยู่ เกรงใจคนอื่นที่ต้องฟังเสียงโอ้กอ้ากของเธอ อีกทั้งยังเวียนหัวจนต้องดมยาดมตลอดเวลา ลินดาอิจฉาปิ่นมุกมาก ที่เพื่อนไม่มีอาการแพ้ท้องเลยแม้แต่น้อย ยังคงกินทุกอย่างได้ปกติ ในขณะที่เธอน้ำหนักยิ่งลดลง จนเมื่อสองวันที่แล้วต้องไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอก็ต้องมานอนกับแม่ เพราะทั้งเพลียและกินอะไรไม่ได้ ต้องมีคนดูแล พายุต้องทำงานที่ผับ และมีบางวันต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทของพ่อเขาด้วย ถึงจะไม่ใช่การเข้าไปช่วยแบบเต็มตัว เพราะยังยืนยันกับคนเป็นพ่อว่าไม่ชอบธุรกิจแบบนี้ ชอบทำผับมากกว่า แต่ก็ยังใจอ่อน ทุกครั้งที่คนเป็นพ่อโทรตาม "แกอยากกินอะไรไหมยัยลิน บอกแม่สิ" "ลินไม่หิวเลย แค่ได้กลิ่นก็จะอ้วก" "มันต้องมีอะไรที่อยากกินบ้างสิ คิดมาสักอย่างหนึ่ง แกไม่กินไม่ได้นะ เดี๋ยวหลานฉันไม่แข
พายุพาลินดาเข้ามาหาพ่อกับแม่ที่บ้านในช่วงบ่ายของอีกวัน โดยนัดกับแม่ของลินดาว่าจะมาเจอกันที่นี่ทีเดียว "ลินตื่นเต้นอ่ะ" ลินดาบีบมือเข้าหากันแน่น เมื่อรถคันหรูเลี้ยวเข้ามาบ้านหลังใหญ่ เธอมองอย่างอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าบ้านของเขาจะใหญ่ขนาดนี้ "เวียนหัวหรืออยากอ้วกหรือเปล่า" "นิดหน่อยค่ะ ขอลินหอมแก้มเฮียก่อนนะ" เมื่อรถจอดคนตัวเล็กก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มสากซ้าย ขวา ก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากหนาเบา ๆ "ดีขึ้นเยอะเลย" เมื่อผละจูบออก ก็ยิ้มหวานให้คนตัวสูง ทำเอาใจแกร่งสั่นไหว ไม่เคยเห็นยิ้มหวานหยดย้อยแบบนี้มาก่อน "จะทำให้เฮียหลงไปไหน...หืม แค่นี้ก็หลงจะแย่แล้ว ต่อไปลินคลอดเฮียจะเสียนิสัยอย่างให้ลินทำแบบนี้นะ" "ลินเต็มใจทำแบบนี้กับเฮียตลอดชีวิตค่ะ กลัวแต่เฮียจะเบื่อที่ลินเอาแต่อ้อน" มือหนาจับแก้มเธอทั้งสองข้างให้หันมาสบตากันตรง ๆ"ไม่มีวันนั้นหรอก" "รีบลงดีกว่า เดี๋ยวผู้ใหญ่รอ" พูดจบก็รีบเปิดประตูลงจากรถ กลบเกลื่อนความเขินกับสายตาของเขา ลินดาเห็นรถของแม่เธอจอดอยู่ในโรงจอดรถด้วยเช่นกัน แสดงว่าแม่น่าจะมาถึงก่อนเธอแล้ว แบบนี้ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นเข้าไปอีก "มือลินเหงื่อออกเต็มเลยอ่ะ ทำไงดี" "ไม่ต้องกล
ลินดาตื่นขึ้นมาอ้วกตั้งแต่เช้า นั่งกอดชักโครกอยู่เกือบชั่วโมง ส่วนพายุกำลังยืนลูบหลังให้เธอ พร้อมด้วยสีหน้าแสดงความเป็นห่วง "ไปหาหมอดีกว่า อ้วกหนักขนาดนี้" "เฮียหยิบยาดมใต้หมอนให้ลินหน่อย ลินเวียนหัวมากเลย" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปหยิบยาดมมายื่นให้เธอ พร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ อย่างไม่รังเกียจกลิ่นคาวอ้วกที่เหม็นฟุ้งห้องน้ำ "ออกไปเฮีย มันเหม็น"มือบางผลักเขาให้ออกไป แต่พายุแทบไม่ขยับตัว "ให้เฮียอาบน้ำให้ดีกว่า แล้วไปหาหมอกันนะ" ลินดาพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เธอเองก็ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วเหมือนกัน ได้แต่ยอมให้เขาจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่พาเธอไปอาบน้ำ ออกมาแต่งตัวให้จนเสร็จ แล้วเขาถึงค่อยไปจัดการตัวเอง เราสองคนเดินออกจากลิฟท์ กำลังจะไปขึ้นรถของคนตัวสูงที่จอดอยู่ เป็นเธอที่คลอเคลียเขาไม่ห่าง เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม ไม่อายสายตาคนที่เห็น กลิ่นตัวของเขาทำเธอหายเวียนหัวไปได้บ้าง แต่ทว่าตอนเดินออกจากลิฟท์ ก็เจอเข้ากับกันต์ที่เดินสวนกันมาพอดี "ลินดาไม่สบายเหรอครับ" กันต์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้มาก อาจเพราะพายุยืนส่งสายตาเค่ืองขุ่นให้อยู่ เลยไม่กล้าทำอะไรมากนัก "แล้วมึงเสือกอะไรก
ลินดานัดให้พายุมาหาเธอที่ห้อง คิดว่าเรื่องท้องจะปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่ได้ เธอจะต้องรีบบอกเขาก่อน เธอเองก็แพ้ท้องอย่างหนัก ไม่ว่าทำยังไงอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ขนาดขวัญตาสั่งมะม่วงเปรี้ยวเอาไว้ให้ ตอนกินเข้าไปก็รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ แต่สักพักอาการอยากอ้วกก็มาอีก คนตัวเล็กเลือกไปนอนรอบนเตียง ทำตามแผนที่วางไว้ เมื่อมองดูเวลาใกล้ที่พายุจะมาแล้ว อยากจะทำเหมือนที่ขวัญตาแนะนำเหมือนกัน แต่กลัวว่าพายุจะตกใจ จนช็อกไปเสียก่อน เสียงตะกุกตะกักดังขึ้นด้านนอก พร้อมเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ตรงมาในห้องนอน ลินดาหันมองแวบหนึ่ง ก่อนจะสบตาร่างสูงที่ยืนมองอยู่ "ป่วยหรือเปล่า?" เสียงทุ้มที่แสดงความห่วงใยเต็มที่ พร้อมกับเดินเข้ามาสัมผัสตรงหน้าผากเธอเหมือนกับจะวัดว่าเธอตัวร้อนหรือเปล่า เพราะเห็นเธอห่มผ้าเหมือนกับว่าหนาว "เฮียขา..."เสียงหวานหยดย้อย พร้อมท่าทางที่ยั่วยวน มือเล็กก็สะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออก เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าติดกาย ทำเอาคนตัวสูงที่นั่งอยู่อึ้งไปทันที "ทำอะไรอ่ะลิน? ล้อเล่นหรือเปล่า" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างละเมอ ถึงจะเห็นร่างกายของเธอจนชินแล้วก็เถอะ แต่ทว่าที่เขาแปลกใจคือ ที่นอนข้างกันมีว