LOGINเธอชื่อพรนับพัน ที่แปลว่า มากด้วยพร แต่เธอปรารถนาเพียงแค่พรเดียวคือ ขอให้ได้ความรักจากใครสักคน...แค่คนเดียวก็พอ ...................... การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามี นำความปวดร้าวทั้งกายและใจให้เธอไม่น้อย พรนับพันหวังว่า พรที่เธอขอจะสัมฤทธิ์ผลในสักวันหนึ่ง วันที่สามีไร้รัก จะรักเธอสุดหัวใจ..
View More“เอามานะพี่หมิว เอาตุ๊กตาของน้องพลอยมานะ”
เสียงเด็กหญิงพลอยพรรณวัยหกปี ร้องบอกพี่สาวต่างสายเลือดวัยแปดปีทั้งน้ำตา มองตุ๊กตาบาร์บี้ในมือของพรนับพันด้วยความริษยา เป็นเพราะพลอยพรรณอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ ทว่าคนเป็นปู่กลับให้พรนับพันแทน
“ตุ๊กตาตัวนี้ของพี่นะพลอย คุณปู่ให้พี่ ของพลอยตัวโน้นไง” พรนับพันบอกน้องสาว ชี้ไปยังตุ๊กตาอีกตัวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้
“ไม่ น้องพลอยจะเอาตัวนี้ ตัวนั้นน้องพลอยไม่ชอบ” พลอยพรรณเด็กหญิงที่มีนิสัยเอาแต่ใจสุดฤทธิ์ไม่ยอม อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน “เอามานะ เอามาสิ”
พลอยพรรณเข้าไปยื้อแย้ง พรนับพันไม่ยอมดึงตุ๊กตากลับมา
“มันเป็นของพี่นะพลอย พลอยไปเล่นของพลอยสิ” พรนับพันที่ตัวโตกว่าบอกน้องสาวที่ไม่ยอมเช่นกัน การฉุดกระชากตุ๊กตาจึงเกิดขึ้น จังหวะหนึ่งพรนับพันดึงตุ๊กตาเข้าหาตัวสุดแรง พลอยพรรณจึงเสียหลักล้มลง หัวเข่าไปกระแทกกับก้อนหินบนพื้น เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด
เสียงร้องไห้ดังเข้ามาในบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน พีรภัทรในวันสิบหกปีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงชิงช้าริมสนามหญ้าได้ยินเสียงนั้นพอดี เขาจำได้แม่นว่าเป็นเสียงร้องไห้ของพลอยพรรณ พีรภัทรจึงเดินไปดูตรงอิฐบล็อกช่องลมที่กั้นเป็นรั้ว เมื่อเห็นว่าพลอยพรรณทรุดตัวมองเข่าตัวเองที่เลือดไหล เขาจึงเดินไปเปิดประตูรั้วที่เชื่อมระหว่างสองบ้าน ก้าวเดินเข้าไปบ้านอีกหลังอย่างคุ้นเคย
“เป็นอะไรน้องพลอย” พีรภัทรถามพลอยพรรณ
“พี่หมิวผลักน้องพลอยค่ะ ฮือ...น้องพลอยเจ็บ” เด็กหญิงร้องไห้จ้า “พี่หมิวแย่งตุ๊กตาน้องพลอยค่ะ น้องพลอยกำลังจะแย่งคืนมา พี่หมิวก็ผลักพลอย...ฮือ”
“ไม่จริงค่ะ ตุ๊กตาตัวนี้ของหมิว ของพลอยตัวโน้น” พรนับพันไม่ได้แก้ตัว เธอพูดความจริง
“ไม่ใช่ค่ะ พี่หมิวโกหก ตุ๊กตาตัวนี้ต่างหากที่เป็นของพลอย” พลอยพรรณยืนกรานคำเดิม
“ทำไมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีอย่างนี้นะ มาอาศัยเขาอยู่แท้ๆ ยังจะแย่งของของเจ้าของบ้านอีก นิสัยแย่มาก ทำอย่างนี้เรียกว่าอกตัญญูรู้ไหม...เอามานี่” พีรภัทรเชื่อคำพูดพลอยพรรณ เขากระชากตุ๊กตาในมือพรนับพันที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนส่งตุ๊กตาเจ้าปัญหาให้พลอยพรรณ “นี่ครับน้องพลอย น้องพลอยได้ตุ๊กตาคืนแล้วนะครับ อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวพี่พีพาเข้าบ้านนะ”
พลอยพรรณยิ้มร่ากอดตุ๊กตาไว้แน่น จังหวะที่พีรภัทรประคองเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน พลอยพรรณหันมาแลบลิ้นใส่พรนับพันที่ยืนร้องไห้ เจ็บปวดกับคำพูดของพีรภัทร พรนับพันไม่เคยคิดเทียบตัวเองกับพลอยพรรณ เธออยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด และยอมพลอยพรรณทุกอย่าง มีครั้งนี้ที่หวงของ หวงตุ๊กตาตัวใหม่ที่ศักดิ์ชัยซื้อให้
พรนับพันไม่ได้โดนแค่พีรภัทต่อว่า เมื่อคนในบ้านอย่างสมสมร คฑาเทพและเนตรนภารู้เรื่อง พรนับพันถูกสมสมรตีและดุด่า แล้วยังกำชับว่า ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับศักดิ์ชัย หาบอกเธอจะโดนตีเพิ่มสามเท่า เป็นเช่นเคยที่พรนับพันเก็บเรื่องที่ตนถูกทำร้ายไว้เป็นความลับ ไม่เคยปริปากบอกศักดิ์ชัยเลยสักครั้ง
เก็บความเสียใจและเจ็บปวดไว้เพียงลำพัง...
งานวิวาห์แสนเรียบง่ายที่มีแต่คนในครอบครัวมาร่วมงาน ไม่ได้มีความสุขอย่างที่เจ้าสาวเคยวาดฝันไว้ว่า ก่อนถึงวันอันแสนสุข เจ้าบ่าวจะพาเธอไปลองชุดแต่งงาน ไปดูของชำร่วยด้วยกัน ถ่ายพรีเวดดิ้งเก็บไว้เป็นที่ระลึก คนในครอบครัวทั้งของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างพูดคุยช่วยกันจัดงาน เรื่องสินสอดทองหมั้น และทุกคนที่มาร่วมงานอวยพรให้เธอกับสามีตามแบบที่ควรจะเป็น
ไม่ใช่เลย...ไม่ใกล้ความฝันสักนิดเดียว
มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ชุดเจ้าสาวก็เช่ามาในราคาพันเจ็ดร้อยบาท แต่งหน้าทำผมด้วยฝีมือช่างแต่งหน้าราคาสบายกระเป๋า สินสอดก็น้อยนิดหากเทียบกับฐานะของเจ้าบ่าว มีเพียงเงินสองหมื่นบาท ทองคำแท่งหนักหนึ่งบาท แหวนก็เป็นแหวนทองหนักเพียงสองสลึงเท่านั้น
ใบหน้าเจ้าบ่าวไม่มีรอยยิ้ม หน้าเขาบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เขาแทบไม่มองหน้าเจ้าสาว ทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาเข้าพิธีวิวาห์ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เจ้าบ่าวที่แสดงออกชัดเจน ครอบครัวของเขาก็เช่นกัน ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าสักคน ราวกับว่าถูกบังคับขืนใจให้มาร่วมงาน ต่างกับฝ่ายเจ้าสาวที่ต่างพากันยิ้มแย้มประหนึ่งปรีดากับงานแต่งงานครั้งนี้มาก
ก็ใช่...เพราะตัวเสนียดจัญไรกำลังพ้นไปจากชีวิต จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
สถานที่จัดงานคือบ้านของเจ้าสาว ที่ไม่ได้จัดงานอย่างหรูหรา ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม มีเพียงการเลี้ยงพระเช้าห้าองค์ แล้วเสร็จก็เป็นพิธีรดน้ำสังข์ จากนั้นก็ถึงเวลาจดทะเบียนสมรส แล้วพิธีก็จบลงเพียงแค่นี้
จากนั้นก็มีคนรับใช้ของบ้านเจ้าบ่าว ลากกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของพรนับพัน สตรีที่เป็นเจ้าสาวไปยังบ้านของพีรภัทร บุรุษที่เป็นเจ้าบ่าว โดยมีครอบครัวของพีรภัทรเดินกลับบ้านพร้อมกับลูกสะใภ้ที่ไม่ปรารถนา ไม่มีครอบครัวเจ้าสาวเดินมาส่งหรือส่งตัวเข้าหอ
พรนับพันเดินไปที่พักพิงแห่งใหม่ด้วยใจร้าวราน ความเสียใจกลั้นได้ แต่กลั้นน้ำตาช่างยากเย็นเหลือเกิน ความหมางเมินจากครอบครัวสามีว่าเจ็บปวด ทว่าความรู้สึกนั้นน้อยนิดหากเทียบกับความเมินเฉย ไม่ใส่ใจ ไร้ซึ่งความรักจากครอบครัวของตน...ครอบครัวที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เกิด
เป็นความปวดร้าวหัวใจที่มากมายเหลือเกิน เสมือนมีเข็มแหลมคมทิ่มในดวงใจตลอดเวลา ปักลึกลงและลึกลง ลึกลงไปเรื่อยๆ ราวกับว่าความลึกของหัวใจไม่มีที่สิ้นสุด กว้างใหญ่มหาศาลที่สามารถฝังเข็มได้เป็นล้านเล่ม
ภรรยาไร้ใจ Chapter 5เครื่องบินส่วนตัวสุดหรูที่บินอยู่เหนือฟากฟ้า กำลังนำพาผู้โดยสารไปยังเกาะซิซิลี เกาะที่ถูกขนานนามว่าสวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เจ้าของยานพาหนะนั่งจิบบรั่นดีอย่างสบายอารมณ์ สายตามองไปยังลูกสาวลูกหนี้ที่ตนเพิ่งใช้กลอุบายเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ไม่ว่านาราลักษณ์จะไม่เต็มใจหรือไม่ก็ตาม ก่อนหน้านี้สองชั่วโมงสามสิบนาที มาร์โก้เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมลักขณาและนาราลักษณ์ อันโตรเนียลเล่มองสามคนที่เข้ามานั่งบนโซฟาราวกับตนเองเป็นเจ้าของบ้าน “ตกลงว่าไงครับ” อันโตรเนียลเล่ถามลูกหนี้ “ตกลงตามที่คุณต้องการ” คนตอบคือนาราลักษณ์ เจ้าหนี้หันไปมองเจ้าของเสียงแล้วกระตุกยิ้ม “แต่ฉันต้องแน่ใจก่อนว่าคุณทำตามที่พูดจริง” นาราลักษณ์ต้องรอบคอบไว้ก่อน “ผมจะจ่ายหนี้ของเอริคให้ตอนนี้เลย ส่วนหนี้สินของคุณอา ผมเคลียร์ให้ครึ่งหนึ่งก่อน ส่วนอีกครึ่งจะหมดก็ต่อเมื่อครบสัญญา” คำตอบของเจ้าหนี้ เรียกความสงสัยให้นาราลักษณ์มาก “ครบสัญญา” นาราลักษณ์ทวนคำ “สัญญาอะไร” “แม่ลืมบอกลูกน่ะว่า ลูกต้องไปอยู่กับคุณอันโตรห้าปี แล้วในระยะเว
ภรรยาไร้ใจ Chapter 4 เขาไม่ใช่คนร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐี ไม่ขัดสนเรื่องเงิน จัดอยู่ในระดับพอมีพอกินมีอู่ซ่อมรถของบิดาเลี้ยงคอยเลี้ยงครอบครัว และมีบริษัมรับเหมาก่อสร้างของตัวเองอีกหนึ่งบริษัท ที่ต้องใช้เงินหมุนในการบริหารเงิน เธอเชื่อว่าหากตนออกปากยืมเงินเขา พีระพลต้องให้ หากมีไม่พอก็จะหาให้จนได้ ทว่านาราลักษณ์กลัวว่าจะกระทบกับงานของเขา เธอถึงกับคิดหนัก ทว่าหากไม่คิดทำอะไรเลยก็ไม่ได้ มาร์โก้มีบุญคุณกับตนและมารดามาก หากไม่มีเขา ก็ไม่มีนาราลักษณ์ในวันนี้ ป่านนี้เธอคงอยู่กับพ่อที่รักแต่เหล้ามากกว่าลูกเมีย คงไม่ได้เรียนหนังสือสูงๆ มีที่กินที่อยู่อย่างสุขสบาย ตรงกันข้ามหากตนยอมไปเป็นภรรยาอันโตรเนียลเล่ ชายที่ไม่ได้รัก ความรู้สึกคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น ขณะที่นาราลักษณ์กำลังจมอยู่กับความคิดตัวเอง มาร์โก้ได้เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าค่อนช้างซีด เขามองไปยังสามคนที่รักสุดหัวใจทั้งน้ำตา “นารา เจนนี่” มาร์โก้เรียกชื่อเล่นลูกสาวทั้งสองคน “ไม่ต้อง...โอ๊ย” ยังไม่ทันที่มาร์โก้พูดจบประโยค ความตกใจเกิดขึ้นกับลักขณา นาราลักษณ์และลักษมีเมื่อมาร์โก้เจ็บหน้าอกมาก มือข้างขวาจ
ภรรยาไร้ใจ Chapter 3 “พี่รู้ไหมว่าใครมาบ้านเรา” ลักษมีถามพี่สาว “ไม่รู้ ใครมาล่ะ” “เจ้าหนี้ป๊ะป๋า” “เจ้าหนี้ป๊ะป๋างั้นเหรอ” นาราลักษณ์ตกใจและงุนงง “ป๊ะป๋ามีหนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพี่ไม่รู้เรื่องล่ะ” คนที่นั่งในห้องรับแขกคงเป็นลูกน้องของเจ้าหนี้มาร์โก้ นาราลักษณ์รู้สึกได้ว่า เจ้าหนี้คนนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน และจำนวนหนี้ก็ต้องสูงมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่เดินทางมาทวงถึงที่ “พูดเหมือนแม่เลย แม่ก็พูดแบบนี้” ลักษมีพูดขึ้น “เข้าไปคุยกันตั้งนานแล้วนะพี่นารา ไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า” “แล้วแม่ล่ะ แม่อยู่ไหน เข้าไปคุยด้วยหรือเปล่า” “อยู่ค่ะ เข้าไปพร้อมกัน” “เจนนี่รู้จักเจ้าหนี้ป๊ะป๋าหรือเปล่า” “ไม่รู้จักค่ะ รู้แค่ว่าหล่อลากไส้” ความที่ลักษมีอายุเพียงสิบเก้าปี เธอจึงเพ้อฝันตามประสาสาวแรกรุ่น อีกทั้งยังไม่รู้เรื่องภายนอกมานัก เนื่องจากลักษมีถูกเลี้ยงราวกับไข่ในหิน “แม่ออกมาแล้วพี่นารา” สองพี่น้องรีบเดินไปหาลักขณาที่เวลานี้น้ำตานองหน้า “แม่เป็นอะไรคะ แม่ร้องไห้ทำไม” นาราลักษณ์ถามมารดา
ภรรยาไร้ใจ Chapter 2 “หนูว่าหนูถามตรงๆ เลยดีกว่า มัวแต่มาคิดกันเองถามกันเองไม่ดีแน่ ถ้าป๊ะป๋ามีปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หนูจะได้ช่วยคิด ช่วยหาทางออก”แม้ว่ามาร์โก้ไม่ใช่พ่อบังเกิดเกล้า แต่เขาก็เป็นพ่อที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่อายุแปดขวบ จนตอนนี้นาราลักษณ์อายุยี่สิบเจ็ดปี สิบเก้าปีที่อยู่ด้วยกัน มาร์โก้ให้ความรัก ความอบอุ่นไม่ต่างกับเธอเป็นลูกคนหนึ่ง หากมาร์โก้มีปัญหาหรือเดือดร้อนเรื่องใดก็ตามแต่ หญิงสาวพร้อมช่วยเหลือเต็มที่ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะลำบากยากเย็นมากแค่ไหนก็ตาม“เอาไว้ตอนเย็นก็ได้ลูก รอดูไปอีกสักพัก หนูมีนัดกับพี่พลไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ” พลคือพีระพล คู่รักที่คบหากันมานานสามปีและเป็นคู่หมั้นของนาราลักษณ์ แพลนแต่งงานของทั้งคู่คือกลางปีหน้า“ค่ะ เย็นนี้หนูจะพูดกับป๊ะป๋าค่ะ” นาราลักษณ์ตอบกลับมารดา “หนูไปก่อนนะคะแม่” นาราลักษณ์หอมแก้มมารดา ก่อนเดินออกจากห้องครัว ตรงไปยังรถยนต์ของตน จากนั้นจึงขับรถออกไปจากบ้าน จุดหมายของเธอคือห้างสรรพสินค้ากลางมิลาน สถานที่นัดหมายกับคนรัก สองหนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กัน โดยฝ่ายชายโอบบ่าฝ่ายหญิงแสดงถึงสถานะคนรักอย่างชัดเจน ทั้งสองเดินดูสินค้า