"ไม่เข้าใจ? ไม่เข้าใจอะไร"
"คุณเหมือนจะเป็นคนดี บางครั้งก็ดูเป็นคนเลว อารมณ์คุณปกติดีหรือเปล่า"
ร่างสูงของพายุลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินตรงมายังเธอ หันหน้าไปบอกให้ราชันย์ออกจากห้องไป ก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นมาลูบหน้าเธอ จนลินดาขนลุกขนพองไปหมด
"ฟังฉันนะ...ฉันไม่ใช่คนดี นอกจากลูกน้อง หมาแมว ฉันก็ไม่เคยช่วยใครฟรี ๆ เธอเอาตัวมาให้ฉันช่วยโดยไม่คิดตอบแทน แบบนี้ฉันไม่ชอบ อีกอย่างบอกตรง ๆ ฉันอยากได้ร่างกายเธอ แค่ร่างกายนะ อยากจะรู้ว่าเด็กสาวที่ภายนอกดูเซ็กซี่ แต่ยังบริสุทธิ์แบบเธอ เนื้อจะหอมหวานขนาดไหน"
คนตัวเล็กยืนเกร็งไปทั้งร่าง แทบไม่กล้าหายใจ เธอไม่ได้แค่กลัวเขาอย่างเดียว แต่ยังรู้สึกเหมือนเขาไม่ปกติ มีอะไรแอบแฝงอยู่ในตัวตนของเขาบางอย่าง
"อย่าคิดนานนะ ฉันไม่ชอบ"
"แล้วที่บอกว่าจะแกล้งเป็นแฟนฉันล่ะ จริงหรือเปล่า คงไม่ได้หลอกกินฉันแล้วจะไม่ทำตามที่พูดใช่ไหม"
"ฉันเป็นนักธุรกิจนะ ทางไหนที่ได้กำไรฉันก็ทำอยู่แล้ว การได้กินเเธอน่าจะเป็นกำไรของฉัน แค่เรื่องหลอกผู้ใหญ่มันจะไปยากอะไร ยังไงเธอก็ต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาอยู่แล้ว จนกว่าฉันจะเบื่อ"
ลินดาทำท่าทางคิดหนัก มองดูผู้ชายตรงหน้าก็เป็นคนที่ท่าทางดูดี ถึงจะดูร้าย ๆ เดาใจไม่ถูก แต่คงไม่ร้ายกว่าคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลย
"ตกลง"เสียงหวานพูดตกลงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หลังจากนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น แต่คนดื้อรั้นไม่ชอบถูกบังคับแบบเธอ คงมีทางนี้ทางเดียวที่จะช่วยเธอได้
"ดี...ว่าง่ายแบบนี้ฉันชอบ นั่งนี่สิ"
ร่างสูงของพายุ นั่งลงที่ปลายเตียง ดึงมือคนตัวเล็กให้นั่งบนตักเขา ก่อนจะใช้มือลูบไล้ใบหน้าขาวใสไปมา"เคยจูบมาก่อนไหม"
"ไม่เคยมีแฟน จะให้ไปจูบกับใครล่ะ"
ริมฝีปากหนาค่อย ๆ จูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ ขบเม้มริมฝีปากล่างให้เธอเปิดปากออกเพื่อส่งลิ้นร้อนเข้าไปทักทายลิ้นเล็ก ดูดกลืนความหวานในโพลงปากนุ่ม
"อืม"เสียงทุ้มครางในลำคออย่างถูกใจ เพราะเธอไม่ใช่ไม่ประสา ยังจูบตอบเขามาอย่างมีชั้นเชิง ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เคยจูบมาก่อน ลิ้นเธอก็พยายามเกี่ยวพันลิ้นเขาไปมา มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามลำตัวนุ่ม บีบเค้นตรงสะโพกเล็กเบา ๆ ตามอารมณ์กระสันที่เริ่มพุ่งสูง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ลินดาพยายามผลักร่างหนาออก เมื่อมีคนมาเคาะประตู แต่ทว่าพายุกลับไม่สนใจ ใช้มือสอดเข้ามาในเสื้อยืดสีดำของเธอ ก่อนจะเจอเข้ากับสองก้อนนุ่ม ที่เขาจงใจบีบมันเบา ๆ จากชุดชั้นใน
"เฮียครับ เฮีย!!!"
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"จิ๊!!! ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญมึงตายแน่"
พายุยกร่างคนตัวเล็กให้นั่งลงบนเตียงอย่างขัดใจ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ต้องมาชะงักเพราะมารผจญ ลินดาได้แต่ภาวนาให้คนหน้าประตูมีเรื่องสำคัญจริง ๆ เธอยังไม่อยากเห็นใครถูกฆ่าตายตอนนี้
พรึ่บ!!!
"มึงมีอะไร ไม่รู้เหรอว่ากูทำธุระอยู่"
"เอ่อ...คุณท่านมาครับ"
ราชันย์เองก็ไม่อยากมาขัดจังหวะเจ้านายนัก รู้ดีพายุเป็นคนอารมณ์ร้อนมากเรื่องนี้ หากไม่ใช่พ่อของเจ้านายมา เขาไม่มีทางขึ้นมาบนนี้ด้วยซ้ำ
"แล้วตอนนี้อยู่ไหน"
"ท่านบอกจะขึ้นมา แต่ผมให้ท่านรอที่ห้องรับแขกด้านล่างครับ เฮียรีบลงไปดีกว่า ดูอารมณ์ท่านไม่ค่อยดีด้วย"
พายุพยักหน้า ก่อนจะหันมามองลินดาที่นั่งทำเป็นไม่สนใจ"เดี๋ยวฉันมา ห้ามออกไปไหนได้ยินไหม ฉันจะให้ลูกน้องเฝ้าหน้าห้องไว้"
"ฉันไม่ไปไหนหรอก คุณรีบไม่ทำธุระของคุณเถอะ"
เมื่อตกลงกันได้ พายุก็เดินลงไปยังห้องรับแขกชั้นล่าง เห็นคนเป็นพ่อมาพร้อมกับลูกน้องสองคน
"มีอะไรครับ?"
"นี่คือคำทักทายแกเหรอ หรือไม่เห็นฉันเป็นพ่อแล้ว"นันทวัฒน์กล่าวทักลูกชายแสนดื้อรั้นของเขา เป็นลูกชายคนเดียวของเขาแท้ ๆ แต่กลับไม่จับธุรกิจอะไรของที่บ้านสักอย่าง อยากจะมาเปิดผับเป็นของตัวเอง ทีแรกเขาก็ไม่ยอมหากไม่ใช่คนเป็นเมียเป็นคนขอไว้ เขาคงไม่ปล่อยให้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาแบบนี้แน่นอน
"ถ้าไม่มีอะไร พ่อคงไม่มา"
"ก็ดี...เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เรื่องหนูอันนา"
ถึงจะเดาออกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องนี้แน่ ที่ทำให้คนที่ไม่เจอหน้ากันเป็นเดือนมาหาถึงนี่ แต่ไม่คิดว่าอันนาจะใช่วิธีนี้จริง ๆ แบบนี้ทำให้เขายิ่งเกลียดชังผู้หญิงคนนั้นเข้าไปอีก
"ทำไมครับ เธอไปฟ้องอะไรพ่อ"
"แกมีอะไรให้ฟ้องล่ะ ฉันบอกแกแล้ว แกจะมั่วผู้หญิงที่ไหนฉันไม่ว่า แต่ถึงเวลาแกต้องแต่งงานกับหนูอันนาเท่านั้น"
"ผมไม่แต่ง!! ตอนนี้ผมยังไม่อยากแต่งงาน และคิดว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ด้วยครับที่จะแต่ง ถ้าพ่อยืนยันจะให้ผมแต่งกับเธอ ก็ให้เธอรอไปครับ"
"แกหมายความว่าไง แกจะไม่ทำตามสัญญาของฉันที่ให้ไว้กับพ่อของหนูอันนาเหรอ หรือไม่อยากเปิดไอ้ผับบ้า ๆ นี่แล้ว"
พายุตวัดสายตามองคนเป็นพ่อตรง ๆ ไม่คิดว่าเรื่องหมั้นอันนาท่านจะจริงจังขนาดนี้ ไหนแม่บอกเขาว่าแค่ควง ๆ กินข้าวสามสี่ครั้ง หากไม่ถูกใจก็ค่อย ๆ ห่างกันไปได้ไง
"ผมไม่ได้เป็นคนยินยอมด้วยตั้งแต่แรก อีกอย่างผมโตแล้ว ไม่ต้องให้พ่อมาบังคับ ส่วนเรื่องผับถ้าพ่อจะใช้อำนาจสั่งปิดหรือทำอะไรกับมัน ผมจะสู้จนสุดความสามารถเพื่อให้มันเป็นเหมือนเดิม"
"เก่งแล้วนี่นะ ฉันไม่น่าเชื่อแม่แกเรื่องให้แกเปิดผับบ้า ๆ นี้ตั้งแต่แรก รู้ใช่ไหมถ้าแกคิดจะสู้กับฉันแกไม่มีวันชนะ บอกแล้วแกจะได้ทุกอย่างตามใจ ไม่อยากยุ่งธุรกิจของฉันก็ไม่ต้องยุ่ง อยากเปิดผับเหมือนเดิมก็เปิด แต่แกต้องแต่งงานกับหนูอันนาเท่านั้น"
มือหนาบีบเข้าหากันแน่น อารมณ์เขาตอนนี้เริ่มไม่ปกติ พ่อกำลังบีบให้เขาจนมุม เอาเรื่องผับที่เขารักและทุ่มเทกับมันมาขู่เขา แต่ทว่าพายุรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่เพราะพ่อเขาสามารถทำแบบนั้นได้จริง
"สามเดือน ฉันจะให้เวลาแกแค่สามเดือน ถึงเวลานั้น แกต้องแต่งงานกับหนูอันนาโดยไม่มีเงื่อนไข"นันทวัฒน์ลุกขึ้นเดินออกไปทันทีที่พูดจบ แต่เมื่อถึงหน้าผับเขากลับสั่งงานลูกน้องให้ทำเรื่องบางอย่าง
"มึงไปสืบมาว่าผู้หญิงที่อยู่กับลูกกูตอนนี้เป็นใครมาจากไหน"
พายุยังนั่งเอามือกุมขมับอยู่ที่เดิม รู้สึกเรื่องมันยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก เขารู้ว่าคนเป็นพ่อเอาจริงเรื่องนี้แน่ ถ้าได้ลองมาหาเขาแค่เพราะอันนาไปฟ้องเรื่องเมื่อวาน แปลว่าท่านไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่ หากเขายังดื้อคงต้องเสียผับนี้ไปจริงๆ
"เฮียครับ คุณลินดาเธอหิวแล้วนะครับ"
"มึงก็ไปหามาให้เธอสิว่ะ!!! มาบอกกูทำไม แล้วไปให้พ้นหน้ากู"
จากอารมณ์ดี ๆ เมื่อกี้ กำลังจะได้กินของดีอยู่แล้ว ต้องมากลายเป็นหมดอารมณ์เพราะคนเป็นพ่อแท้ ๆ ไม่ใช่สิ เพราะผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ที่อยากได้เขาจนตัวสั่น ทำไมเขาจะไม่รู้ นี่ถ้าเขาสนองไปสักทีสองทีเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ แต่เขาไม่ทำยอมรับว่าเอาไม่ลงจริง ๆ
"นี่ครับอาหาร"ราชันย์นำถาดอาหารที่ไปสั่งแม่ครัวด้านล่างให้ทำให้ เข้ามาให้ลินดาที่นั่งรออยู่ เธอหิวมากจริง ๆ ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน
"แล้วเจ้านายพี่ล่ะ เขาไปไหน?"
"เดี๋ยวคงขึ้นมาครับ คุณกินไปก่อนได้เลย"ลินดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ดีเหมือนกันบอกตรง ๆ เธอเองก็ยังไม่พร้อมจะเสียตัวตอนนี้เหมือนกัน อยากยืดเวลาออกไปอีกหน่อย แต่ทว่านั่งกินไม่ทันหมดจาน พายุก็เดินเข้ามาในห้อง นั่งลงตรงข้ามกับโต๊ะที่เธอนั่งอยู่
"กินเสร็จ ฉันจะพาไปเอาเสื้อผ้า เธอต้องมาอยู่กับฉันที่นี่"
ลินดาสังเกตุใบหน้าหล่อของเขา ที่สีหน้าท่าทางต่างจากตอนออกไปจากห้องนี้ลิบลับ ชักอยากรู้ว่าที่ลูกน้องเขาเรียกว่าคุณท่านคือใคร แต่คงไม่เหมาะที่จะถาม เธอกับเขายังไม่ได้สนิทกันถึงขนาดรู้เรื่องส่วนตัวได้
เมื่อกินเสร็จ พายุก็พาเธอไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดทันที ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้เอามาเยอะอะไร เพราะไม่ได้คิดจะอยู่กับเขาไปตลอด เขาเองอีกหน่อยก็คงเบื่อเธอเหมือนกัน ระหว่างเราจะแค่เป็นเรื่องผลประโยชน์ร่วมกันเหมือนเขาว่าแค่นั้น
ระหว่างนั่งในรถ เธอกับเขาก็แทบไม่มีบทสนทนาอะไรกันเลย ไม่รู้มันเงียบเกินไปไหม เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของคนสองคน
"เอ่อ...คือเรื่องของเราขอให้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหม แม้แต่พวกน้อง ๆ ของคุณก็ห้ามรู้"พายุเหลือบตามามองคนข้าง ๆ แวบหนึ่งก่อนหันไปสนใจขับรถต่อ
"เรียกฉันว่าเฮีย ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปี"
ลินดาคลอดลูกชายคนแรก พายุเป็นคนตั้งชื่อให้ว่าธันเดอร์ ตอนนี้อายุได้หกเดือนกว่าแล้ว พร้อมกับในท้องลินดาที่มีเจ้าตัวเล็กคนที่สองอาศัยอยู่ได้สองเดือนแล้ว เรียกได้ว่าคลอดปุ๊ป แผลหายปั๊บ พ่อแม่มือใหม่ก็จัดการปั้มลูกกันทันที คนนี้ดีหน่อยเพราะคนแพ้ท้องไม่ใช่ลินดา แต่เป็นพายุที่มีอาการแพ้ท้องแทน จนโดนเพื่อนล้อ ว่ารักเมีย กลัวเมียมาก ถึงขนาดแพ้ท้องแทนเมีย "เฮียไปทำงานไหวหรือเปล่า" ลินดาถามขณะที่มือก็คอยลูบหลังคนตัวสูงที่โก่งคออาเจียนอ้วกตั้งแต่เช้า "ไปไหว วันนี้มีประชุมสำคัญด้วย" พายุที่บอกว่าไม่ชอบธุรกิจของครอบครัว ตอนนี้เรียกได้ว่าเข้ามาบริหารบริษัทแทบจะเต็มตัวแล้ว ส่วนคนเป็นพ่อ ก็ได้วางมือพักผ่อนเลี้ยงหลานอยู่บ้านบ้าง ลูกชายคนนี้เรียกได้ว่าอยู่กับลินดาน้อยมาก เพราะคนเป็นปู่กับย่าเอาไปเลี้ยงเองตลอดเวลา มีแค่ช่วงเพิ่งคลอดเท่านั้นที่ลินดาให้นมลูกจากเต้า แต่พอเริ่มปั้มนม นันทวัฒน์กับจันจิราก็พาไปนอนด้วยทันที นี่คือเหตุผลที่น้ำยาของพายุแสดงผลเร็ว เพราะมีเวลาทำการบ้านทุกวัน ยังคงเป็นคนกินดุ เหมือนเดิม และลินดาเองก็ยังคงเป็นคนตอบรับเขาอย่างเต็มใจ "แต่ลินว่าเฮียไม่ไหวนะ ที่ผับวันนี้ก็บอกให้
สองเดือนผ่านไป เสียงเพลงหวานคลอเคล้า พร้อมบรรยากาศแห่งความชื่นมื่นของครอบครัวทั้งฝั่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พายุและลินดาที่ยังคงยืนถ่ายรูปกับแขกเหรื่อในงาน ถึงแม้เจ้าสาวจะยังไม่หายแพ้ท้อง แต่อาการก็ดีขึ้นมาก อีกทั้งเจ้าบ่าวยังคอยถามไถ่อยู่อาการอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม พิธีแต่งงานของพายุกับลินดาดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายก่อนจะเป็นเวลาปาร์ตี้ของบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว ที่งานนี้เจ้าบ่าวขนเคาท์เตอร์บาร์พร้อมบาเทนเดอร์หนุ่มหล่อมาเปิดผับถึงที่โรงแรมจัดงานแต่ง ทำเอาแขกในงานตื่นเต้นมากกว่าปกติ เพราะเป็นผับที่มีชื่อเสียง แล้วยกมาให้ดื่มถึงที่นี่ เลยเป็นที่ชอบอกชอบใจของแขกยิ่งนัก "เอาล่ะครับตอนนี้ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมากล่าวอะไรกับแขกเหรื่อในงานสักหน่อยนะครับ" พายุกุมมือลินดาแน่น เดินขึ้นไปบนเวที ได้รับเป็นเสียงโห่ของเพื่อนเจ้าบ่าวที่มองเห็นภาพความหวานของคนทั้งคู่ "ก่อนอื่นเราอยากรู้ถึงที่มาที่ไปของความรักของคนทั้งคู่ และอยากรู้ว่ารักกันมากขนาดไหน ผมเชื่อว่าแขกเหรื่อก็ต้องอยากรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ใช่ไหมครับ" "อยากรู้ค่ะ"เสียงเพื่อนเจ้าสาวตะโกนตอบ "ว่าความร
หลังจากงานแต่งของเพลิงกับปิ่นมุกผ่านไป เดือนหน้าก็จะเป็นงานแต่งของคิณกับขวัญตา อีกเดือนก็จะถึงคิวของลินดากับพายุ เรียกได้ว่าเรียงติดต่อกันสามเดือนเลยทีเดียว ตอนงานปิ่นมุก ลินดาแพ้ท้องอย่างหนัก เธอแทบจะยืนในงานนาน ๆ ไม่ได้ ต้องให้พายุประคองเธอตลอดเวลา ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวได้ไม่เต็มที่ ปาร์ตี้ตอนค่ำก็ไม่ได้อยู่ เกรงใจคนอื่นที่ต้องฟังเสียงโอ้กอ้ากของเธอ อีกทั้งยังเวียนหัวจนต้องดมยาดมตลอดเวลา ลินดาอิจฉาปิ่นมุกมาก ที่เพื่อนไม่มีอาการแพ้ท้องเลยแม้แต่น้อย ยังคงกินทุกอย่างได้ปกติ ในขณะที่เธอน้ำหนักยิ่งลดลง จนเมื่อสองวันที่แล้วต้องไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอก็ต้องมานอนกับแม่ เพราะทั้งเพลียและกินอะไรไม่ได้ ต้องมีคนดูแล พายุต้องทำงานที่ผับ และมีบางวันต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทของพ่อเขาด้วย ถึงจะไม่ใช่การเข้าไปช่วยแบบเต็มตัว เพราะยังยืนยันกับคนเป็นพ่อว่าไม่ชอบธุรกิจแบบนี้ ชอบทำผับมากกว่า แต่ก็ยังใจอ่อน ทุกครั้งที่คนเป็นพ่อโทรตาม "แกอยากกินอะไรไหมยัยลิน บอกแม่สิ" "ลินไม่หิวเลย แค่ได้กลิ่นก็จะอ้วก" "มันต้องมีอะไรที่อยากกินบ้างสิ คิดมาสักอย่างหนึ่ง แกไม่กินไม่ได้นะ เดี๋ยวหลานฉันไม่แข
พายุพาลินดาเข้ามาหาพ่อกับแม่ที่บ้านในช่วงบ่ายของอีกวัน โดยนัดกับแม่ของลินดาว่าจะมาเจอกันที่นี่ทีเดียว "ลินตื่นเต้นอ่ะ" ลินดาบีบมือเข้าหากันแน่น เมื่อรถคันหรูเลี้ยวเข้ามาบ้านหลังใหญ่ เธอมองอย่างอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าบ้านของเขาจะใหญ่ขนาดนี้ "เวียนหัวหรืออยากอ้วกหรือเปล่า" "นิดหน่อยค่ะ ขอลินหอมแก้มเฮียก่อนนะ" เมื่อรถจอดคนตัวเล็กก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มสากซ้าย ขวา ก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากหนาเบา ๆ "ดีขึ้นเยอะเลย" เมื่อผละจูบออก ก็ยิ้มหวานให้คนตัวสูง ทำเอาใจแกร่งสั่นไหว ไม่เคยเห็นยิ้มหวานหยดย้อยแบบนี้มาก่อน "จะทำให้เฮียหลงไปไหน...หืม แค่นี้ก็หลงจะแย่แล้ว ต่อไปลินคลอดเฮียจะเสียนิสัยอย่างให้ลินทำแบบนี้นะ" "ลินเต็มใจทำแบบนี้กับเฮียตลอดชีวิตค่ะ กลัวแต่เฮียจะเบื่อที่ลินเอาแต่อ้อน" มือหนาจับแก้มเธอทั้งสองข้างให้หันมาสบตากันตรง ๆ"ไม่มีวันนั้นหรอก" "รีบลงดีกว่า เดี๋ยวผู้ใหญ่รอ" พูดจบก็รีบเปิดประตูลงจากรถ กลบเกลื่อนความเขินกับสายตาของเขา ลินดาเห็นรถของแม่เธอจอดอยู่ในโรงจอดรถด้วยเช่นกัน แสดงว่าแม่น่าจะมาถึงก่อนเธอแล้ว แบบนี้ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นเข้าไปอีก "มือลินเหงื่อออกเต็มเลยอ่ะ ทำไงดี" "ไม่ต้องกล
ลินดาตื่นขึ้นมาอ้วกตั้งแต่เช้า นั่งกอดชักโครกอยู่เกือบชั่วโมง ส่วนพายุกำลังยืนลูบหลังให้เธอ พร้อมด้วยสีหน้าแสดงความเป็นห่วง "ไปหาหมอดีกว่า อ้วกหนักขนาดนี้" "เฮียหยิบยาดมใต้หมอนให้ลินหน่อย ลินเวียนหัวมากเลย" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปหยิบยาดมมายื่นให้เธอ พร้อมทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ อย่างไม่รังเกียจกลิ่นคาวอ้วกที่เหม็นฟุ้งห้องน้ำ "ออกไปเฮีย มันเหม็น"มือบางผลักเขาให้ออกไป แต่พายุแทบไม่ขยับตัว "ให้เฮียอาบน้ำให้ดีกว่า แล้วไปหาหมอกันนะ" ลินดาพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เธอเองก็ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วเหมือนกัน ได้แต่ยอมให้เขาจัดการทุกอย่าง ตั้งแต่พาเธอไปอาบน้ำ ออกมาแต่งตัวให้จนเสร็จ แล้วเขาถึงค่อยไปจัดการตัวเอง เราสองคนเดินออกจากลิฟท์ กำลังจะไปขึ้นรถของคนตัวสูงที่จอดอยู่ เป็นเธอที่คลอเคลียเขาไม่ห่าง เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม ไม่อายสายตาคนที่เห็น กลิ่นตัวของเขาทำเธอหายเวียนหัวไปได้บ้าง แต่ทว่าตอนเดินออกจากลิฟท์ ก็เจอเข้ากับกันต์ที่เดินสวนกันมาพอดี "ลินดาไม่สบายเหรอครับ" กันต์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้มาก อาจเพราะพายุยืนส่งสายตาเค่ืองขุ่นให้อยู่ เลยไม่กล้าทำอะไรมากนัก "แล้วมึงเสือกอะไรก
ลินดานัดให้พายุมาหาเธอที่ห้อง คิดว่าเรื่องท้องจะปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่ได้ เธอจะต้องรีบบอกเขาก่อน เธอเองก็แพ้ท้องอย่างหนัก ไม่ว่าทำยังไงอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ขนาดขวัญตาสั่งมะม่วงเปรี้ยวเอาไว้ให้ ตอนกินเข้าไปก็รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ แต่สักพักอาการอยากอ้วกก็มาอีก คนตัวเล็กเลือกไปนอนรอบนเตียง ทำตามแผนที่วางไว้ เมื่อมองดูเวลาใกล้ที่พายุจะมาแล้ว อยากจะทำเหมือนที่ขวัญตาแนะนำเหมือนกัน แต่กลัวว่าพายุจะตกใจ จนช็อกไปเสียก่อน เสียงตะกุกตะกักดังขึ้นด้านนอก พร้อมเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ตรงมาในห้องนอน ลินดาหันมองแวบหนึ่ง ก่อนจะสบตาร่างสูงที่ยืนมองอยู่ "ป่วยหรือเปล่า?" เสียงทุ้มที่แสดงความห่วงใยเต็มที่ พร้อมกับเดินเข้ามาสัมผัสตรงหน้าผากเธอเหมือนกับจะวัดว่าเธอตัวร้อนหรือเปล่า เพราะเห็นเธอห่มผ้าเหมือนกับว่าหนาว "เฮียขา..."เสียงหวานหยดย้อย พร้อมท่าทางที่ยั่วยวน มือเล็กก็สะบัดผ้าห่มที่คลุมกายออก เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าติดกาย ทำเอาคนตัวสูงที่นั่งอยู่อึ้งไปทันที "ทำอะไรอ่ะลิน? ล้อเล่นหรือเปล่า" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างละเมอ ถึงจะเห็นร่างกายของเธอจนชินแล้วก็เถอะ แต่ทว่าที่เขาแปลกใจคือ ที่นอนข้างกันมีว