ชายหนุ่มรีบเก็บสายตากลับมาจากร่างระหงตรงหน้าอย่างแนบเนียนเมื่อได้ยินว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ ครั้นพอหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นนิธิ ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศกำลังเดินเข้ามาในออฟฟิศอย่างอารมณ์ดี
"หมดวันลาพักร้อนแล้วหรือ" ชินดนัยเอ่ยปากทักทายอีกฝ่ายทันที
"หมดแล้วสิครับเจ้านาย หรือจะอนุมัติให้ผมลาเพิ่มอีกก็ได้นะ" นิธิยิ้มกว้างตอบผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายและญาติด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แต่สายตากลับมองเลยไปที่หญิงสาวหน้าใหม่อย่างสนใจ
"แล้วนี่..." นิธิเบนสายตากลับมาที่ญาติผู้พี่โดยที่รอยยิ้มไม่เลือนหายไปจากใบหน้า
"คุณจันทร์เจ้า เป็นเลขาฯ คนใหม่ของฉันเอง คุณจันทร์ นี่คุณนิธิ เป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศ" ชินดนัยแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน เมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ญาติผู้น้องมองหญิงสาวจึงถลึงตาใส่เพื่อปรามอย่างอดไม่ได้
"สวัสดีค่ะ" จันทร์เจ้ายกมือไหว้พร้อมกับยิ้มให้บาง ๆ
"สวัสดีครับผม ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ถ้ามีปัญหาอยากปรึกษาอะไรก็มาถามผมได้ทุกเรื่องเลยนะครับ ผมยินดี"
หญิงสาวอมยิ้มและรับคำเบา ๆ ขณะที่นิธิเห็นท่าทีสงบนิ่งและบุคลิกที่ติดจะเย็นชาจากเลขานุการคนใหม่ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจพลางหันไปมองญาติผู้พี่
"แตกต่างจากคนเก่าลิบเลยเนอะ" นิธิพูดไปยิ้มไปอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวอีกครั้งแล้วคลี่ยิ้มกว้าง
"คุณจันทร์ครับ ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย คุณเบล เลขาฯ ของผมก็ยังไม่มา ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปคุณจันทร์ช่วยชงกาแฟเอาเข้าไปให้ผมที่ห้องหน่อยได้ไหม"
"ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเลขาฯ ของฉันมีหน้าที่ชงกาแฟให้นายด้วย ถ้านายหิวก็หิ้วท้องรอเลขาฯ ของนายต่อไป ถ้ารอไม่ไหวก็ไปชงเอง...คุณจันทร์ ผมขอกาแฟร้อนแก้วหนึ่งนะ ยกไปไว้ห้องผมเลย คุณเอาของคุณเข้ามาดื่มด้วยเลยก็ได้เพราะผมจะคุยเรื่องงานกับคุณหน่อย" ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับหญิงสาว จันทร์เจ้าจึงค้อมศีรษะรับคำแล้วเดินผละออกไป
คล้อยหลังจันทร์เจ้าแล้วชินดนัยก็ชี้หน้าญาติผู้น้องเป็นเชิงปราม ก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน
"คุณจันทร์ไม่เหมือนคุณพรีม เพราะฉะนั้นแกห้ามทำรุ่มร่ามกับเขาเด็ดขาด นี่ไม่ใช่แค่คำเตือนแต่เป็นคำสั่งด้วย และถ้าฉันรู้ หรือได้ยินระแคะระคายว่าแกก้อร่อก้อติกเลขาฯ ของฉันเมื่อไร ฉันจะสั่งตัดเงินเดือนแกครึ่งปี เจ้าไนต์!"
ชินดนัยขู่เสียงเข้ม เขาไม่บอกนิธิว่าจันทร์เจ้าเป็นอดีตคนรักที่เคยคบกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจนคนในออฟฟิศรู้ ซึ่งถ้าพนักงานคนอื่นรู้เมื่อไร เธอก็จะถูกเพื่อนร่วมงานเพ่งเล็งเมื่อนั้น
"อะไรว้า...จะหวงไว้กินเองก็บอกเหอะวะไอ้ชิน ทำมาเป็นห้าม แต่เลขาฯ ใหม่ของนายน่ารักดีนะ ดูเรียบร้อยเชียว ไม่รู้นิสัยจะน่ารักน่าคบเหมือนหน้าตารึเปล่า ขอฉันลองจีบหน่อยไม่ได้หรือพี่ชาย ถ้าจีบติดแล้วเข้ากันได้ เผื่อฉันจะได้เลิกลอยชายแล้วลงหลักปักฐานกับเขาบ้างไง"
เมื่ออยู่กันสองคนตามประสาลูกพี่ลูกน้อง ชินดนัยกับนิธิก็คุยแบบเป็นกันเองมากขึ้นเพราะความจริงแล้วทั้งคู่อายุเท่ากัน แต่ชินดนัยเกิดก่อนหกเดือน นิธิจึงมักชอบเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ชายเวลาต้องการหยอกเล่น
"ฉันก็เห็นแกเข้าได้กับผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ" ชินดนัยเน้นที่คำว่า "เข้าได้" อย่างชัดถ้อยชัดคำจนนิธิได้แต่หัวเราะร่าเพราะเข้าใจความหมายดี
"ไสหัวเข้าห้องทำงานของนายไปได้แล้ว ฉันจะคุยงานกับเลขาฯ ของฉัน"
ชินดนัยบุ้ยหน้าไปทางห้องทำงานของนิธิ จากนั้นก็เดินไปทางห้องของตัวเองทันทีเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเดินถือถาดกาแฟออกมาจากแคนทีน
นิธิเขม้นมองตามญาติผู้พี่อย่างสงสัย เพราะปกติแล้วชินดนัยจะไม่ก้าวก่ายเรื่องพวกนี้ แต่กับเลขานุการคนใหม่ เจ้าตัวถึงกับออกคำสั่งห้ามไม่ให้เขายุ่งอย่างเด็ดขาด เขาคิดว่ามันผิดปกติเกินไป
พลันนั้นเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเลขานุการคนใหม่นี้ ชินดนัยเป็นคนคัดเลือกด้วยตัวเองโดยไม่ต้องสัมภาษณ์
นิธิคลี่ยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลของญาติผู้พี่กับผู้หญิงคนนั้น
"งานนี้ต้องสืบ" เขาเดาะลิ้นเบา ๆ อย่างนึกสนุก ก่อนจะรีบทำท่าทางให้เป็นการเป็นงานมากขึ้นแล้วละความขี้เล่นทิ้งไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางที่ตนยืนอยู่
จันทร์เจ้าเดินสวนชินดนัยออกมานอกห้องทำงานของเขาเพราะต้องไปเอาสมุดบันทึกกับปากกามาด้วย ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวพร้อมกับยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองแล้วจัดการย้ายแก้วกาแฟทั้งของเขาและของเธอไปวางไว้บนโต๊ะของชุดรับแขกที่ตั้งไว้มุมห้อง จากนั้นก็ถือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมานั่งรอบนโซฟา
เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องอีกครั้งแล้วเห็นว่าชายหนุ่มจัดการย้ายที่นั่งไปตรงชุดรับแขก เธอจึงเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัวโดยไม่พูดอะไร แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นชินดนัยหยิบแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
"นั่นแก้วฉันค่ะ!" เธอรีบบอกเขาแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะชายหนุ่มดื่มมันลงไปเสียแล้ว
"งั้นหรือ ไม่เป็นไรหรอกพี่ไม่ถือ จะแก้วของพี่หรือแก้วของจันทร์ก็เหมือนกันนั่นแหละ" เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่เธอเห็นมุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก็รู้ทันทีว่าเขาจงใจหยิบผิด
แก้วกาแฟของเขาเป็นแบบสีขาวเรียบไม่มีลวดลาย ขณะที่แก้วของเธอมีลายเถากุหลาบอยู่รอบแก้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมองไม่เห็น เจตนาของเขาชัดเจนมากว่าต้องการยั่วเธอ
คนนิสัยไม่ดี!
"เมื่อก่อนยังกินหลอดเดียวกันได้เลย แค่สลับแก้วกันไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ตรวจโรคทุกปีไม่มีโรคติดต่อร้ายแรงแน่นอน คอนเฟิร์ม" เขายังคงลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่แววตาพราวระยับอย่างพอใจที่ได้แกล้งเธอเล่น
จันทร์เจ้านั่งหน้าตูม หน้ากากเย็นชาที่ฉาบเอาไว้ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้อีก เรื่องราวเก่าก่อนย้อนเข้ามาในหัวฉากแล้วฉากเล่าทั้งที่คิดว่าลืมมันไปแล้ว แต่พอเขากวนตะกอนให้ขุ่นขึ้นมา เธอถึงเพิ่งรู้ตัวว่าแท้ที่จริงแล้วไม่เคยลืมเรื่องต่าง ๆ ที่เคยทำร่วมกับเขาได้เลย
"โรคบางโรคต่อให้ตรวจทุกเดือนก็หาไม่เจอหรอกค่ะเพราะมันฝังอยู่ในเส้นเลือดและกระดูก" เธอหมายถึงความกะล่อนเจ้าชู้และความไม่รู้จักพอของเขา
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร