"จะด่าพี่ว่าสันดานเสียก็ด่ามาตรง ๆ เถอะ พี่ไม่โกรธหรอก" เขาพูดกลั้วหัวเราะ รู้สึกสนุกไม่น้อยที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอ
"ฉันยังไม่ได้พูดคำนั้นสักคำเลยนะคะ คุณพูดมาเองทั้งนั้น แล้วตกลงจะคุยเรื่องงานไหมคะ ถ้าไม่คุยฉันจะได้ออกไปทำงานที่ค้างไว้จากเมื่อวาน" เธอตวัดสายตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เห็นแววตายิ้มได้กับสีหน้ารื่นเริงของชายหนุ่มก็รู้สึกหมั่นไส้เสียจนอยากเอากาแฟรดหัวเขา ถ้าไม่ติดว่าคนตรงหน้านี้คือเจ้านาย
"ฮ่า ๆ โอเค คุยแล้วครับคุยแล้ว แหมดุจัง กลัวจนใจสั่นไปหมดแล้วเนี่ย" เขายังคงเย้าแหย่ไม่เลิก แล้วรีบเข้าสู่โหมดการทำงานก่อนที่หญิงสาวจะโกรธจนเดินหนีออกจากห้องไปเสียก่อน
"เรามาอัปเดตตารางงานกันหน่อย สองเดือนข้างหน้าจะมีงานจิวเวลรี่แอนด์วอตช์ที่ไบเทคบางนา จันทร์ช่วยแจ้งทีมการตลาดและฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มาประชุมในวันจันทร์หน้าด้วยนะ ตอนสิบโมงครึ่ง พี่อยากรู้ความคืบหน้าว่าฝ่ายการตลาดวางแผนอะไรไว้แล้วบ้าง นี่คือเรื่องที่หนึ่ง" เขาหยุดพูดแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเพื่อให้เวลาจันทร์เจ้าจดบันทึกได้ทัน
"เรื่องที่สอง ตามเรื่องห้างสรรพสินค้าในเครือเอ็มซีกรุ๊ปที่กำลังก่อสร้างและจะเปิดในกลางปีหน้าด้วย เรื่องนี้ต้องตามกับฝ่ายการตลาด ให้เขาทำรายงานส่งพี่หน่อยว่าตกลงค่าเช่าพื้นที่มันเท่าไรกันแน่ และเราได้พื้นที่เท่าไร ได้ทำเลตามที่เราต้องการรึเปล่า"
ชินดนัยเปิดตารางนัดหมายในคอมพิวเตอร์แล้วไล่ไปทีละข้อเพื่อให้หญิงสาวได้จดบันทึกเอาไว้ เพราะพริมา เลขานุการคนเก่าที่เขาไล่ออกไปดันลบตารางนัดหมายในเครื่องที่จันทร์เจ้าใช้งานอยู่ออกไปจนหมด เพื่อต้องการกลั่นแกล้งเลขาฯ คนใหม่ที่จะมารับช่วงต่อ และเขาเองก็เพิ่งมารู้เรื่องนี้จากเอมิกาตอนที่ให้อีกฝ่ายมาช่วยเขาดูแลงานต่าง ๆ ระหว่างที่รอรับสมัครเลขานุการคนใหม่
"เรื่องที่สาม วันที่เก้าเดือนหน้าจะมีการประมูลของมีค่าของบรรดาเหล่าไฮโซและคนที่มีชื่อเสียง แต่บริษัทต่าง ๆ ก็สามารถส่งของเข้าร่วมประมูลได้ ซึ่งงานนี้สถานฑูตไทยเป็นเจ้าภาพ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคเพื่อช่วยเหลือประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติ บริษัทเราจะส่งนาฬิกาไปร่วมประมูลสองเรือน แบรนด์ละหนึ่งเรือน พี่อยากให้จันทร์ตามกับฝ่ายผลิตหน่อยว่าเขาจะส่งมาให้เราเมื่อไร"
ชายหนุ่มคลิกดูปฏิทินของอีกสามเดือนถัดไปแล้วเห็นว่ายังไม่มีอะไรสำคัญจึงไม่ได้เอ่ยถึง
"หลัก ๆ ที่สำคัญก็มีสามงานนี่แหละ มีอะไรสงสัยหรืออยากถามไหม" เขาหันไปมองหน้าเธอแล้วรอฟัง
จันทร์เจ้าครุ่นคิดไม่นานก็ถามสิ่งที่อยากรู้ คราแรกเธอคิดจะเก็บไว้ถามเอมิกา หรือเลขาฯ รุ่นพี่คนอื่น ๆ แต่คิดไปคิดมา ไหน ๆ เจ้าของบริษัทก็เปิดโอกาสให้ซักถามแล้วจึงวางความขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้านี้ทิ้งไปเพื่อตักตวงความรู้จากเขา
"ทำไมนาฬิกาบางรุ่นถึงไม่ผลิตออกมามากหน่อยล่ะคะ ในเมื่อรุ่นนั้นเป็นที่นิยมของคนที่เล่นนาฬิกา ทำไมถึงต้องสั่งล่วงหน้าแล้วรอกันเกือบปีถึงจะได้ของ"
"ถ้าผลิตออกมาจำนวนมากในครั้งเดียวมันก็เกร่อน่ะสิ คุณค่าของมันก็จะลดลงทันที จุดเด่นของยี่ห้อนี้ก็คือชิ้นส่วนกลไกต่าง ๆ ที่มาประกอบกันนั่นน่ะ เขาจะผลิตขึ้นใหม่ทั้งหมดต่อการประกอบนาฬิกาขึ้นมาหนึ่งเรือน จะไม่มีการทำตุนเอาไว้หลายชิ้นแล้วประกอบกันเป็นนาฬิกาทีละหลายเรือนเหมือนยี่ห้ออื่น"
ชายหนุ่มหยุดพูดพลางเปิดคลิปการผลิตนาฬิกาจากคอมพิวเตอร์ให้หญิงสาวดูก่อนพูดต่อ
"ที่สำคัญคือการผลิตชิ้นส่วนทุกชิ้น รวมไปถึงการประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกัน เขาใช้แรงงานคนในการทำทุกขั้นตอน เพราะฉะนั้นกว่าจะได้นาฬิกาแต่ละเรือนจึงใช้เวลานานมาก บางรุ่นช่างทำนาฬิกาใช้เวลาเป็นปีกว่าจะได้ออกมาสักเรือนเพราะชิ้นส่วนยิบย่อยที่ประกอบกันเป็นกลไกมีมากถึงพันกว่าชิ้น ยี่ห้อนี้ถึงได้แพงกว่ายี่ห้ออื่นไงล่ะ แต่ก็มีคนยอมจ่ายเพราะเขาถือเป็นการลงทุน เขาซื้อความคุ้มค่า บางคนก็ถือว่าจ่ายเงินซื้องานศิลป์ที่มีความประณีตไปเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวที่สามารถเป็นมรดกตกทอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานได้"
ชินดนัยมองภาพเคลื่อนไหวจากหน้าจอไปพร้อมกับเธอ จันทร์เจ้าพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจตามที่เขาบอก
"ของบางอย่างถ้ามีมากเกินไปมันก็จะไม่น่าค้นหาและไม่น่าครอบครองเพราะเราสามารถหาซื้อเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าของชิ้นนั้นผลิตมาแค่ไม่กี่ชิ้น แถมกว่าจะได้ยังต้องรอกันเป็นปี ๆ คนก็ยิ่งรู้สึกว่าของสิ่งนั้นมันมีค่ามีราคา และภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ" พูดจบเขาก็ถอดนาฬิกาที่ตนใส่อยู่แล้วยื่นให้หญิงสาวดู
"ลองดูกลไกของมันสิ ดูชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของมัน"
จันทร์เจ้ามองหน้าเขาก่อนจะตัดสินใจยื่นมือออกไปรับนาฬิกามาถือไว้แล้วพลิกดูด้านหลังซึ่งเป็นกระจกใสจนมองเห็นกลไกด้านในได้อย่างชัดเจน
เมื่อก่อนเธอก็เคยเห็นของบิดา รุ่นที่ชินดนัยใส่อยู่นี้ท่านก็มีหนึ่งเรือนเช่นกัน แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจมันเท่าไรนัก รู้แค่ว่าเป็นนาฬิกาที่สวย หรูหรา และมีราคาแพง ท่านเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดี และจะหยิบมาใส่ในโอกาสพิเศษเท่านั้น ทว่าตอนนี้มันถูกนำขายทอดตลาดไปแล้วเรียบร้อย
"อย่างที่เห็นในคลิปนั่นแหละ ชิ้นส่วนพวกนั้นทำด้วยมือทั้งหมด วัสดุที่ใช้ก็เป็นวัสดุอย่างดี และแต่ละชิ้นส่วนก็ต้องประกอบเข้าด้วยกันได้อย่างพอดีไม่มีขาดหรือเกินอย่างเด็ดขาด นาฬิกาแต่ละรุ่นก็ใช้ชิ้นส่วนภายในไม่เท่ากัน แต่จำนวนของชิ้นส่วนในแต่ละรุ่นนั้นก็ต้องตรงตามนั้นเป๊ะ ๆ ด้วย ห้ามขาดแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่อย่างนั้นจะถือว่านาฬิกาเรือนนั้นไม่สมบูรณ์"
ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ชินดนัยจึงตะโกนอนุญาตคนที่มาเคาะ จากนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างของเอมิกาเดินเข้ามา
"ท่านประธานคะ คุณรมิดาขอเข้าพบค่ะ"
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดอะไร เสียงของหญิงสาวเจ้าของชื่อก็ดังขึ้นหน้าประตูพร้อมกับร่างเพรียวระหงในชุดเดรสแขนกุดสีแดงเลือดหมูเดินนวยนาดเข้ามาโดยไม่ต้องรอให้เลขานุการออกไปเชิญ
"ไฮ...ชินขา ดาด้าเองค่ะ" คนพูดยิ้มเจิดจ้าจนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชินดนัยแล้วทรุดตัวนั่งลงติดกับเขา จากนั้นเจ้าตัวก็ยกแขนขึ้นคล้องคอชายหนุ่มแล้วยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาทั้งสองข้างอย่างสนิทสนมท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของจันทร์เจ้าและเอมิกา
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร