งานใหม่ของเธอคือเป็นเลขาฯ ให้ประธานบริษัทใหญ่ งานดีเงินดี แต่ที่ไม่ดีคือประธานคนนั้นคือแฟนเก่าที่เคยทิ้งเธอไปเมื่อหลายปีก่อน เธอจะทำอะไรได้นอกจากเตรียมถังน้ำไว้คอยดับถ่านไฟเก่า ไม่ให้มันคุขึ้นมา
view moreภาพของชายหนุ่มกับหญิงสาวที่กำลังพลอดรักกันอยู่ในรถยนต์คันหรูตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอขึ้นทีละนิดเพราะน้ำที่เอ่อรื้นขึ้นกบตา จันทร์เจ้ายืนตัวแข็งอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายทั้งปวดแปลบและอึดอัดราวกับหายใจไม่ออก จุกจนเจ็บไปทั้งใจ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า แต่กลับไร้เสียงสะอื้น
ดูเหมือนคนในรถจะเริ่มรู้สึกตัวว่ามีคนยืนมองอยู่ เพราะฝ่ายหญิงทำหน้าตกใจแล้วรีบติดกระดุมเสื้อนิสิตของตนตามเดิม ขณะที่ฝ่ายชายนั้นเพียงหันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
ชายหนุ่มหันไปพูดบางอย่างกับคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ จันทร์เจ้าจำหล่อนได้ ผู้หญิงคนนี้ชื่อสลิลา เรียนปีเดียวกันกับเธอแต่คนละคณะ เธอเรียนบริหารการจัดการ แต่เจ้าหล่อนเรียนเศรษฐศาสตร์ และเป็นดาวคณะที่หนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ต่างพากันเข้าคิวจีบเพราะอยากสานสัมพันธ์ด้วย
แต่ทั้งที่มีชายหนุ่มมากมายหมายปอง ผู้ชายที่สลิลาเลือกคบหากลับเป็นชินดนัย คนรักของเธอ
ชินดนัยเปิดประตูแล้วก้าวลงมาจากรถ ร่างสูงโปร่งในชุดนิสิตเดินเข้าไปหาจันทร์เจ้าด้วยท่าทีปกติราวกับว่าก่อนหน้านี้คนที่นัวเนียกับผู้หญิงในรถไม่ใช่ตนอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวเงยหน้ามองเขาทั้งน้ำตา ทั้งที่มีคำพูดอัดแน่นอยู่ในอกเป็นร้อยคำ แต่ที่พูดออกมาได้กลับมีแค่คำถามเดียว
"ทำไมพี่ชินทำแบบนี้คะ"
เธอไม่เข้าใจ เมื่อวานเขากับเธอยังมีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันอยู่เลย คำบอกรักของเขายังก้องอยู่ในหู ท่าทางรักใคร่เอาอกเอาใจนั้นยังทำให้เธอรู้สึกเต็มตื้นมาจนกระทั่งตอนนี้ ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงด้วยภาพการพลอดรักอย่างดูดดื่มของคนทั้งคู่
ชินดนัยยกไหล่อย่างไม่ยี่หระกับการกระทำของตน สีหน้าเขาไม่มีความรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
"ก็อย่างที่จันทร์เห็นนั่นแหละ แค่นี้มองไม่ออกหรือไง" เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าคาดไม่ถึงของเธอ
"ไม่เอาน่าหนูจันทร์ จะร้องไห้ทำไมเนี่ยไร้สาระมากเลย พี่คิดว่าจันทร์รู้แล้วเสียอีกว่าพี่ไม่ได้คบจันทร์คนเดียวสักหน่อย พี่มีสิทธิ์เลือก จันทร์เองก็มีสิทธิ์เหมือนกัน ชีวิตยังอีกยาวไกลนะน้อง จะให้มาคบผู้หญิงแค่คนเดียวมันเป็นไปไม่ได้หรอก"
ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจให้ยิ่งเจ็บมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจจากปากเขา เพราะอ่อนต่อโลกเกินไปใช่หรือไม่ เพราะเชื่อคำหวานที่เป็นดั่งยาพิษของเขาเกินไปใช่หรือเปล่า ถึงได้ถูกเขาเอาหัวใจไปขยี้เล่นด้วยปลายเท้าอย่างนี้จนได้
"แต่สำหรับจันทร์ ถ้าจันทร์รักใคร หรือกำลังคบกับใคร จันทร์ก็จะคบกับเขาแค่คนเดียว จันทร์ไม่มีวันคบซ้อนเด็ดขาด"
ชินดนัยกางแขนออกกว้างแล้วยักไหล่ "นั่นมันก็เรื่องของจันทร์ จันทร์ถนัดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่พี่ถนัดแบบนี้"
จันทร์เจ้ามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา พยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออกมาแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง ไม่อยากมองหน้าผู้หญิงที่ยังคงนั่งรออยู่ในรถเพราะรู้ว่าจะได้รับสายตาและรอยยิ้มเช่นไรจากเจ้าหล่อน
"พี่ชินจะคบกับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมคะ"
"ใช่ ความจริงต้องพูดว่าพี่กับลิลาคบกันมาได้สักพักแล้วละ ก็อยู่ที่จันทร์นั่นแหละว่าจะรับได้หรือเปล่า แต่ลิลาเขารับได้นะ เขาก็รู้อยู่ว่าพี่คบจันทร์อีกคน"
"จันทร์รับไม่ได้ค่ะ" หญิงสาวพูดออกไปชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีคนสติดีที่ไหนหรอกที่จะทนเห็นคนรักของตนคบหาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
"ถ้ารับไม่ได้ก็เลิก ก็แค่นั้น แต่ถ้าจะให้พี่เลิกกับลิลาคงเป็นไปไม่ได้เพราะเขาไม่ได้ผิดอะไร ถ้าจันทร์รักพี่และอยากคบกับพี่ต่อ จันทร์ก็ต้องใจกว้างเหมือนเขาหน่อย จันทร์จะว่ายังไงล่ะ" เขาเปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนกอดอก อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงนิ่ง ๆ และเรียบร้อยอย่างจันทร์เจ้าจะกล้าเลิกกับเขาหรือไม่
จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งหลัก ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพูดวาจาน่ารังเกียจแบบนี้ออกมาได้ ที่ผ่านมาเธอรักคนผิดจริง ๆ หนำซ้ำยังตาบอดอีกด้วย
"จันทร์ขออะไรพี่ชินสักอย่างได้ไหมคะ" เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น แต่ก็บังคับไม่ได้อีกตามเคย
"เอาสิ อยากขออะไรก็ว่ามาเลย หรือจะตกลงแบ่งวันกันกับลิลาก็ได้ พี่ไม่มีปัญหา หรือว่าถ้าอยากได้เงินค่าเสียเวลาสักก้อนพี่ก็ให้ได้นะ จะเอาเท่าไรก็เรียกมา" เขาพูดพลางดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ จากนั้นก็หันไปยักคิ้วให้สลิลาที่นั่งอยู่ในรถ
"จันทร์คงเลิกค่ะเพราะจันทร์รับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ จันทร์ขอแค่..."
เพียะ!
"จันทร์ขอแค่นี้ค่ะ"
พูดจบก็หันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับไปมองคนทั้งคู่อีก เธอได้ยินเสียงปิดประตูรถและเสียงหวาน ๆ ของสลิลาที่ถามเขาอย่างร้อนรนว่าเจ็บหรือไม่ เธอรู้แค่ว่าตอนนี้ตนต้องแข็งใจเดินกลับไปที่รถของตัวเองให้เร็วที่สุด
จบลงแล้วรักครั้งแรก และพอกันทีกับ...ผู้ชายคนแรก
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร
Mga Comments