และคำตอบที่เขามีให้ตัวเองก็คือ...เขาพอใจแล้ว และเขาควรจะหยุดได้แล้ว
สี่ปีเต็มกับการทำตัวเหลวแหลกทำให้เขารู้สึกเต็มกลืนกับวิถีเพลย์บอย ดังนั้นเขาจึงเลิกทุกอย่างแบบหักดิบ แล้วตั้งหน้าตั้งตาฝึกงานเพื่อหาประสบการณ์ชีวิตอีกสองปีก่อนจะบินกลับเมืองไทยมารับช่วงดูแลบริษัทต่อจากบิดา
“ถ้าไม่ใช่แล้วทำไมมึงไม่เอาเลยวะ” ภาวินยังคงถามต่ออย่างสงสัย
“กูก็บอกไม่ถูกว่ะไอ้วิน พูดไปมึงก็คงไม่เข้าใจหรอก แต่กูเชื่อว่าสักวันเมื่อถึงเวลามึงจะเข้าใจเองนั่นแหละ”
ชินดนัยตบบ่าเพื่อน ขณะที่ภาวินได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะลุกกลับไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้เพื่อนผู้ปลงแล้วนั่งละเลียดสุราชั้นดีเคล้าเสียงดนตรีโดยไร้สาวสวยเนื้อนุ่มมาคลอเคลียข้างกายต่อไป
หลังจากที่จอดรถเข้าซองเสร็จเรียบร้อยจันทร์เจ้าก็ดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงจากรถ ปิดประตูแล้วกดรีโมตล็อกรถแล้วหมุนตัวไปอีกด้านเพื่อเดินเข้าอาคาร เธอก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีร่างสูงสง่าของผู้เป็นเจ้านายยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงรออยู่ใกล้ ๆ จนเธอเกือบเดินชนเขา
หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปากทักเขาตามมารยาท
"สวัสดีค่ะท่านประธาน"
ชินดนัยยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้าไปมาช้า ๆ "อย่าทำตัวห่างเหินนักสิ พี่อยากให้จันทร์เป็นเหมือนเมื่อก่อนมากกว่า"
"ขอโทษนะคะ ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ" พูดจบเธอก็เบี่ยงตัวแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากเขา
"พี่ทบทวนให้ไหม" เขาเดินตามมาติด ๆ แต่จันทร์เจ้าคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาจึงทำเฉยเสีย
"ไม่ตอบแสดงว่าตกลง" เขายังคงเย้าแหย่ไม่เลิกจนหญิงสาวต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์
"ช่วยโฟกัสเฉพาะเรื่องงานดีกว่าค่ะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง" เธอบอกเขาเสียงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วในใจราวกับมีพายุลูกใหญ่หมุนวนอยู่ในนั้น
หากจะพูดว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยก็ดูเป็นการโกหกเกินไป เขาคือรักแรก เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิต และเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่สร้างบาดแผลเอาไว้ในใจอย่างเจ็บปวดที่สุด ต่อให้ผ่านมากี่ปีเธอก็ไม่มีทางลืมเขาได้ เขาทำให้เธอไม่กล้ามีรักครั้งใหม่ไม่ว่าจะมีชายหนุ่มคนไหนเข้ามาสานสัมพันธ์ เพราะกลัวความผิดหวัง กลัวว่าผู้ชายที่เข้าหาตนนั้นจะเป็นเหมือนเขาทุกคน
"พี่คงทำให้จันทร์เกลียดมากเลยสินะ" ท่าทางขี้เล่นหยอกเย้าของเขาหายไป มีเพียงสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังขึ้น
จันทร์เจ้าแค่นยิ้ม "แล้วคุณทำอะไรไว้กับฉันบ้างล่ะคะ แต่ฉันว่าคุณคงจำไม่ได้หรอกเพราะคู่ควงของคุณเยอะขนาดนั้น แต่ละคนชื่ออะไรกันบ้างคุณก็คงจำได้ไม่หมด"
"แต่พี่ก็จำจันทร์ได้" เขาพูดสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าเคยทำอะไรกับเธอไว้ แต่เพราะเขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้ ตอนนี้จึงอยากขอให้เธอลองให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง
ตอนที่เขาเป็นหนุ่มคึกคะนอง เขาไม่เคยคิดว่าในช่วงชีวิตของคนหนึ่งคนจะสามารถอยู่กับผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ตลอดชีวิต เขาจึงคบหาและมีเซ็กซ์กับผู้หญิงไปเรื่อย แล้วแต่ว่าใครจะยินยอมพร้อมใจ ซึ่งโดยส่วนใหญ่สาว ๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้คิดคบหากับเขาจริงจังอยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจ เพราะเขาถือว่าเซ็กซ์ก็แค่กิจกรรมบนเตียงอย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนใช้ปลดปล่อยความต้องการตามธรรมชาติของตัวเอง
ตอนเขาคบกับจันทร์เจ้า แม้ว่าจะไม่ได้คบเธอแค่คนเดียวในช่วงเวลาเดียวกัน แต่จันทร์เจ้าก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขามักปรับทุกข์ด้วยเสมอเวลามีเรื่องไม่สบายใจ ขณะที่คนอื่นนั้นแค่เห็นหน้าก็รีบเข้ามาคลอเคลียสร้างความสุขให้เพราะอยากเอาใจเขา และสุดท้ายก็จบลงบนเตียงทุกครั้ง เหมือนคบไว้เพื่อระบายความใคร่ และเป็นตุ๊กตาหน้ารถไว้อวดเพื่อนเท่านั้นว่าเขามีสาว ๆ ในสังกัดมากมายแค่ไหน
เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนคบกับจันทร์เจ้านั้นมีเรื่องของความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่เพราะความอีโก้จัดของตัวเอง เขาจึงทำเป็นไม่แคร์ที่ถูกเธอบอกเลิก ทั้งที่ในใจนั้นแอบคิดถึงเธออยู่หลายครั้งโดยเฉพาะเวลาที่อยู่คนเดียว
"พี่ขอโทษ" เขาเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวอีกก้าวหนึ่งแล้วพูดต่อ
"พี่ติดค้างคำนี้ไว้กับจันทร์สินะ"
จันทร์เจ้ามองหน้าชินดนัยครู่หนึ่งก่อนจะเบนหน้าออกแล้วเดินไปกดลิฟต์โดยไม่พูดอะไร ทั้งสองคนจึงยืนรอเงียบ ๆ จนกระทั่งลิฟต์เปิดออกหญิงสาวจึงก้าวเข้าไปด้านในโดยมีชายหนุ่มเดินตาม
เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง ความเงียบก็ปกคลุมทั้งคู่อีกครั้งจนจันทร์เจ้าเกรงว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำของตน แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็โบกมือไปมาอยู่ตรงแขนของเธอราวกับกำลังปัดไล่ยุงให้จึงถามเขาด้วยความสงสัย
"ทำอะไรคะ"
ชินดนัยเลิกคิ้วขึ้น สายตาที่มองมาดูหยอกเย้าเช่นเคย เขายิ้มบาง ๆ พลางตอบว่า
"เวลาเขาจุดไฟในเตาถ่าน เขาต้องพัดให้ไฟมันติดใช่ไหม พี่ก็เลยพัดสักหน่อยเผื่อถ่านไฟเก่ามันจะคุ"
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขาหญิงสาวก็ส่งค้อนให้อย่างลืมตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์ถึงที่หมายพอดี ชายหนุ่มกดปุ่มให้ประตูเปิดค้างไว้แล้วผายมือให้เธอออกไปก่อน
"เชิญครับคุณเลขาฯ"
จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ค้อมศีรษะให้เขาอย่างเป็นการเป็นงาน
"ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน" เธอฉีกยิ้มให้เขาอย่างไม่เป็นธรรมชาติก่อนจะเดินผ่านตัวเขาออกไปจากลิฟต์
ชินดนัยเดินตามหลังหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสเข้ารูปคอเต่าสีม่วงเข้ม คลุมทับด้วยเบลเซอร์สีชมพูอ่อน ที่คอสวมสร้อยเงินห้อยจี้รูปพระจันทร์เสี้ยว ผมปล่อยยาวสยายดูอ่อนหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว
เขายอมรับว่าในบรรดาผู้หญิงที่เคยคบด้วย จันทร์เจ้าจัดว่าเป็นคนที่แต่งตัวได้มีรสนิยมที่สุด เธอไม่ใช่คนฉูดฉาด ไม่ชอบแต่งตัวเปิดเผยเนื้อหนัง เสื้อผ้าของเธอเน้นที่ความเรียบง่ายใส่ได้ทุกโอกาส แต่ในสายตาของเขาถือเป็นความเรียบหรูดูดีซึ่งเข้ากับบุคลิกของเธออย่างพอเหมาะพอเจาะ
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร